แม่สาวเข็มเงิน – ตอนที่ 71 แต่งงานกับใคร
ตอนที่ 71 แต่งงานกับใคร
เจียงเอ้อยาวิ่งกลับมาที่บ้านอย่างบ้าคลั่งและตรงเข้าไปในห้องของตัวเอง นางวิ่งจนเหนื่อยหอบ ทำให้หายใจไม่ค่อยทัน
ช่วงนี้ร่างกายของเจียงต้ายาดูดีดูมีราศีขึ้นมาบ้างแล้ว และนางสามารถลุกนั่งได้แล้วด้วย
นางนั่งอยู่บนเตียงอิฐ สายตาก็มองเจียงเอ้อยาผู้เป็นน้องสาวที่เหนื่อยหอบราวกับจะขาดอากาศหายใจอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นนางก็ถามด้วยใบหน้ากลัดกลุ้ม “เอ้อยา เจ้าเป็นอะไร ?”
เจียงเอ้อยาลูบหน้าอกตัวเองเล็กน้อย นางใช้เวลาสักพักกว่าจะผ่อนแรงลงได้ จากนั้นนางก็มองซ้ายมองขวาก่อนจะถามว่า “ท่านป้าเล็กล่ะพี่ ?”
เจียงต้ายาเผยสีหน้าเหน็บแนมออกมาให้เห็น “ทำงานเย็บปักถักร้อยอยู่ที่ห้องย่าน่ะ เจ้าหานางรึ ?”
ของมงคลเล็ก ๆ ที่เจียงเหมยฮัวปักให้นางก่อนหน้านี้ เดิมทีมันถูกเก็บไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับหยิบออกมาปักต่อ… เพียงแต่เจ้าสาวคนใหม่กลับไม่ใช่คนเดิมแล้ว
“ไม่ ๆ ๆ ข้าไม่ได้หานาง” เจียงเอ้อยารีบส่ายหน้าทันที หลังจากที่นางทำจิตใจให้นิ่งลงแล้ว นางก็แสร้งทำให้ดูเหมือนน้องสาวที่ห่วงใยพี่สาว นางไปนั่งข้างเจียงต้ายาและเผยสีหน้าดีอกดีใจออกมาให้เห็น “พี่ ข้าคิดว่าร่างกายของพี่ดีขึ้นมากแล้ว อีกไม่นานพี่ก็สามารถลงจากเตียงได้แล้วใช่ไหม ?”
สีหน้าของเจียงต้ายายังคงมีความกลัดกลุ้มอยู่เล็กน้อย
ใช่! นางใกล้จะลงจากเตียงได้แล้ว
ถึงตอนนั้นนางจะต้องไปถามหม่าเฉิงหยวนด้วยตนเองว่าเหตุใด… เขาถึงทำกับนางเช่นนี้
เจียงเอ้อยาพูดด้วยสีหน้าเสียดาย “ถ้าท่านป้าเล็กแต่งออกไปเร็วกว่านี้ก็ดีสิ… ท่านย่าต้องการสินสอดเป็นเงินสิบตำลึง ตระกูลเมิ่งให้มาแล้วเจ็ดตำลึง ถ้ามีเงินเจ็ดตำลึงนี้ ถึงตอนนั้นพี่ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเงินห้าตำลึงนั้นแล้ว และพี่ยังสามารถแต่งเข้าไปในตระกูลหม่าได้โดยที่เด็กก็ไม่ถึงกับต้อง…”
พูดยังไม่ทันจบคำ เจียงเอ้อยาก็รีบปิดปากตนเองราวกับพลั้งปากพูดออกไปทำนองนั้น “โธ่! ปากข้ามันไม่มีหูรูด พี่อย่าใส่ใจเลยนะ ข้าก็แค่เสียใจแทนพี่และลูกของพี่เท่านั้นเอง”
เจียงต้ายาไม่พูดอะไร แต่นางกลับขยำผ้าห่มบนเตียงไว้แน่นด้วยสีหน้าเจ็บปวดหัวใจ
เจียงเอ้อยาเพลิดเพลินกับสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยอมแพ้ของเจียงต้ายา จากนั้นนางก็ค่อย ๆ รู้สึกมีความสุขในใจ และความรู้สึกนั้นก็สามารถกดทับความกลัดกลุ้มที่ได้รับมาจากเจียงป่าวชิงเมื่อสักครู่นี้ได้
หลังจากที่นางเพลิดเพลินกับสีหน้าเจ็บปวดของเจียงต้ายาจนพอใจแล้ว นางก็ลุกขึ้นด้วยใบหน้านิ่งสงบ “พี่ต้ายา พี่พักผ่อนเถอะ ข้าจะไปหาท่านแม่ พอดีมีธุระนิดหน่อยน่ะ”
เจียงต้ายาไม่ได้พูดอะไร
เจียงเอ้อยาจึงออกจากห้องด้วยสีหน้าเสียใจ แต่เมื่อก้าวออกมาพ้นประตูห้องแล้ว ความเสียใจบนใบหน้าก็แทบจะหายไปในทันที มันเปลี่ยนกลายเป็นสีหน้ามีความสุขแทน
เจียงเอ้อยาเดินไปที่ห้องแม่ของนางอย่างมีความสุข
เนื่องจากตระกูลเมิ่งอยากให้เจียงเหมยฮัวแต่งเข้าไปเร็ว ๆ ประกอบกับสินสอดที่ได้ทำการปรึกษาหารือกันไว้ก็ทำให้ตระกูลเจียงค่อนข้างพึงพอใจอยู่พอสมควร วันแต่งงานของทั้งสองฝ่าย ตระกูลเจียงจึงรีบกำหนดอย่างรวดเร็วนั่นก็คือสามวันหลังจากที่ตกลงกันนี้
ถึงแม้ว่าเจียงเหมยฮัวจะไม่ได้ถูกให้ความสำคัญในบ้านสักเท่าไหร่ แต่เรื่องการแต่งงานของเจียงเหมยฮัวนั้น แสดงถึงหน้าตาของตระกูลเจียง คนที่รักในศักดิ์ศรีอย่างหลีโผจื่อจะไม่ยอมเสียหน้าสำหรับเรื่องนี้
ผ้าคลุมหัวที่ใช้ในงานแต่งและปลอกหมอนคู่เกือบทั้งหมด หลีโผจื่อเป็นคนดึงเจียงเหมยฮัวและสั่งให้นางรีบทำสิ่งของเหล่านี้ให้เสร็จภายในไม่กี่วัน ส่วนของกระจุกกระจิกที่เหลือก็ให้โจซื่อเป็นคนทำ
โจซื่อที่อยู่ในห้องกำลังคำนวณว่าพวกเขาจะได้รับเงินเท่าไรสำหรับการแต่งงานของเจียงเหมยฮัว ทันใดนั้นเอง นางก็เห็นเจียงเอ้อยาผู้เป็นลูกสาวเลิกม่านประตูเข้ามาเสียก่อน
“บอกเจ้าปัญญาอ่อนนั่นหรือยัง ?” โจซื่อถามเสียงดัง
เจียงเอ้อยาพยักหน้าและเผยรอยยิ้มเอาใจออกมาให้เห็น “ท่านแม่ ข้าบอกไอ้ปัญญาอ่อนนั่นแล้ว เดิมทีนางไม่เต็มใจจะให้เงินสมทบ ข้านี้ต้องเสียเวลาสักพักถึงจะทำให้นางยอมได้”
“ดีมาก เอ้อยา เจ้าน่ะเก่งตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” โจซื่อพยักหน้าอย่างพึงพอใจและพูดชมเจียงเอ้อยา
เจียงเอ้อยาเห็นโจซื่ออารมณ์ดี นางจึงรีบขยับเข้าไปใกล้โจซื่อ จากนั้นก็ยิ้มอย่างเอาใจ “ท่านแม่เจ้าคะ ข้าเองก็ใกล้จะได้แต่งงานเร็ว ๆ นี้ใช่ไหมเจ้าคะ ?”
เพราะดูเหมือนว่าครั้งนี้นางจะสามารถถือโอกาสใช้การแต่งงานของเจียงเหมยฮัวนำเงินจำนวนไม่น้อยเข้ามาเป็นเงินเก็บของตัวเองได้ โจซื่อจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เมื่อเห็นลูกสาวพูดถึงเรื่องแต่งงาน นางจึงไม่โกรธและยังลูบหัวเจียงเอ้อยาอย่างเอ็นดูอีกด้วย “ใกล้แล้ว”
เจียงเอ้อยาตกตะลึงไปเล็กน้อย ท่านแม่ของนางคนนี้ เนื่องจากนางไม่ใช่ลูกชาย ท่านแม่ของนางจึงเย็นชากับนางมาตลอด นางเคยคิดว่าจะมีวันที่อบอุ่นกับนางเช่นนี้ที่ไหนกันล่ะ ?
หรือว่า…
หัวใจของเจียงเอ้อยาเต้นเร็วและแรง นางกลืนน้ำลายลงคอ จากนั้นก็อดที่จะถามออกมาอย่างเสียไม่ได้ “ท่านแม่ แต่ง… ข้าจะได้แต่งกับใครหรือเจ้าคะ ?”
นางเคยได้ยินมาว่าเดิมทีที่บ้านตั้งใจจะให้พี่สาวของนางแต่งเข้าไปในบ้านของท่านป้าใหญ่ แต่พี่สาวของนางไม่รักดี กลับไปมีอะไรกับผู้ชายแซ่หม่าแล้วยังแท้งอีก เป็นเช่นนี้พี่สาวของนางก็คงจะไม่สามารถแต่งเข้าไปที่บ้านของท่านป้าใหญ่ได้แล้ว ดังนั้น เมื่อเรื่องลงเอยแบบนี้ ก็ต้องเป็นนางแล้ว
ตอนเด็ก ๆ เจียงเอ้อยาไม่ค่อยชอบเฉียนจินหวู่สักเท่าไหร่ นางรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยหล่อ แต่ต่อมา ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น เสื้อผ้าสวย ๆ ของเฉียนเซียงเซียง ปิ่นปักผมที่สวยงาม และเครื่องสำอางที่มีกลิ่นหอมล้วนเป็นสิ่งที่นางไม่มี ตั้งแต่นั้นมา นางจึงค่อย ๆ รู้สึกว่าเฉียนจินหวู่ก็ดูดีอยู่เช่นกัน
โดยเฉพาะตอนที่เฉียนเซียงเซียงมาที่นี่เมื่อครั้งที่แล้ว การแต่งตัวของนางทำให้ความคิดของเจียงเอ้อยาคล่องตัวแทบจะในทันที
ถ้าหากนางแต่งเข้าไปในบ้านตระกูลเฉียน เช่นนั้นก็แสดงว่านางจะสามารถมีสิ่งเหล่านี้ได้เช่นเดียวกับเฉียนเซียงเซียง
พี่สาวของนางแต่งเข้าไปไม่ได้แล้ว ฉะนั้นคนที่สามารถแต่งเข้าไปได้ก็เป็นตัวนางเองมิใช่หรือ ?
หัวใจของเจียงเอ้อยาแทบจะกระโดดโลดขึ้นมาถึงคอหอยอยู่แล้ว
โจซื่อไม่คิดว่าเจียงเอ้อยาจะคิดมาก เมื่อนางได้ยินเจียงเอ้อยาถามว่านางจะได้แต่งกับใครก็อดที่จะขมวดคิ้วอย่างเสียไม่ได้ “เจ้าถามทำไมรึ ? เรื่องแต่งงานเป็นคำสั่งของพ่อแม่และเป็นคำพูดของแม่สื่อ ข้ากับพ่อเจ้าและปู่ย่าเจ้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง ที่เจ้าถามว่าแต่งกับใคร หรือว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หืมเอ้อยา ?!”
พูดมาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของโจซื่อก็ค่อนข้างดุดันขึ้นเล็กน้อย นางนึกถึงลูกสาวคนโตที่ไม่รักดีของตัวเองคนนั้นขึ้นมาทันที
เจียงเอ้อยารีบก้มหน้าลง รีบทำท่าทางเชื่อฟังและโอนอ่อนผ่อนตาม “ไม่เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าไม่ได้มีความคิดอะไรทั้งนั้น ก็แค่… ก็แค่ถามดูเท่านั้นเอง ข้าฟังท่านแม่ทุกอย่าง สายตาของท่านแม่ดีที่สุดแล้ว ท่านแม่พูดอะไรก็ตามนั้นเลยเจ้าค่ะ”
คำอธิบายนี้ทำให้โจซื่อยิ้มออก นางกล่าวว่า “ดี” แล้วลุกขึ้นมองนอกหน้าต่างเล็กน้อย คล้ายกับเห็นว่าไม่มีใครอยู่ นางถึงจะเดินกลับมาอีกครั้งและพูดกับเจียงเอ้อยาเสียงเบา “เอ้อยา เจ้าเป็นเด็กที่เชื่อฟังและทำงานเป็น ข้าบอกให้เจ้ารู้ก่อนคงไม่เป็นไร วันนั้นท่านย่าของเจ้าบอกกับข้าแล้วว่านางอยากหาคนที่อยู่ในอำเภอให้เจ้าแต่งงานด้วย”
เจียงเอ้อยาชะงักค้างทันที
คนในอำเภอ ?
นางยังไม่ตอบสนองกลับ เพียงแต่รู้ว่าไม่ใช่เฉียนจินหวู่ นางจึงค่อนข้างร้อนใจอยู่เล็กน้อย “ท่านแม่… คือว่าคนที่ข้าจะได้แต่งเข้าบ้าน ไม่ใช่ว่า… ไม่ใช่พี่จินหวู่ที่บ้านท่านป้าใหญ่หรือเจ้าคะ ?”
เมื่อเจียงเอ้อยาพูดถึงเจียงเหลียนฮัวหรือป้าใหญ่ของนาง โจซื่อก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงอย่างไม่พอใจ
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ? ไม่ชอบลูกสาวบ้านนาง แต่ยังเสแสร้งทำเป็นมาให้หลีโผจื่อเลือกลูกสะใภ้ให้อีก ถุย! ทำเหมือนโจซื่อไม่เข้าใจว่านางกำลังปฏิเสธความคิดที่โจซื่ออยากให้ลูกสาวแต่งเข้าไปในตระกูลเฉียนอย่างนั้นแหละ ?!
“เอ้อยา ต่อไปเจ้าไม่ต้องพูดถึงพี่จินหวู่อะไรนั่นแล้วนะ!” โจซื่อพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ป้าใหญ่ของเจ้ายอดเยี่ยมมาก ลูก ๆ ของนางแต่ละคนก็ล้ำค่ามาก เราเอื้อมไม่ถึงหรอก! เอ้อยา ข้าจะบอกให้เจ้าฟังว่าคนในอำเภอน่ะ แม้ว่าจะยากจนแต่ก็ดีกว่าบ้านป้าใหญ่ของเจ้ามาก ถึงตอนที่เจ้าแต่งเข้าไปในอำเภอแล้ว เจ้าต้องนำเกียรติยศมาให้แม่เจ้านะ ตอนกลับมาก็ใส่ทองและเงินมาแข่งกับป้าใหญ่ของเจ้าเลย”
เมื่อเจียงเอ้อยาได้ยินแม่บอกว่าไม่ให้พูดถึงเฉียนจินหวู่ นางยังคงรู้สึกเป็นทุกข์อยู่ในใจเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินประโยคหลังโดยเฉพาะประโยคที่ว่า ‘ใส่ทองและเงิน’ ความคิดของนางก็คล่องตัวแทบจะทันที
ใช่แล้ว! สภาพการเงินของคนในเมืองดีกว่าหมู่บ้านในชนบทของพวกเขามาก…
คิดได้ดังนั้น การที่แต่งงานกับเฉียนจินหวู่ไม่ได้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่นางจะรับไม่ได้เสียหน่อย
เจียงเอ้อยากลืนน้ำลายเล็กน้อย “ท่านแม่ ข้าสามารถแต่งเข้าไปในอำเภอได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ”
โจซื่อตบไหล่เจียงเอ้อยา “ข้าบอกได้ก็ได้สิ! ไม่ใช่แค่ข้านะ ย่าของเจ้าก็คิดว่าเจ้าสามารถแต่งเข้าไปได้เหมือนกัน …เจ้าดูอย่างหลานสาวของตระกูลตู่คนนั้นสิ นางสวยงามเท่าเจ้าที่ไหนล่ะ ? ไม่ใช่ว่าตอนนี้ได้แต่งเข้าไปเสวยสุขในตระกูลใหญ่แล้วหรือ ?”
ได้ฟังมาถึงตรงนี้ เจียงเอ้อยาก็รู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย “แต่ข้าได้ยินมาว่าตระกูลนั้นมีคนตายเป็นว่าเล่น…”
โจซื่อไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น “ไม่ใช่ ข้าแค่ยกตัวอย่างตระกูลตู่ ไม่ได้จะให้เจ้าแต่งเข้าไปในบ้านนั้นเสียหน่อย ถึงตอนนั้นข้าจะหาครอบครัวดี ๆ ให้เจ้า แม้ว่าจะเข้าไปเป็นสาวใช้ แต่นั่นก็ดีกว่าพวกชาวนายากจนที่อยู่ในหมู่บ้านมาก” โจซื่อตบไหล่เจียงเอ้อยาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง “เอ้อยา ถึงตอนนั้นข้าอยากให้เจ้าพยายามเพื่อแม่ของเจ้า”
น้ำเสียงและท่าทางนั้นเหมือนเจียงเอ้อยาจะต้องแต่งเข้าไปในตระกูลใหญ่ที่อยู่ในอำเภอในวันพรุ่งนี้ทำนองนั้น
เจียงเอ้อยาก็เกิดความเข้าใจผิดไปทั้งแบบนั้น นางรู้สึกห้าวหาญในใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นนางก็อดที่จะพยักหน้าอย่างหนักแน่นเสียไม่ได้
และนั่นเป็นช่วงเวลาที่แม่กับลูกสาวมีความสุขด้วยกัน
คอมเม้นต์