แม่สาวเข็มเงิน – ตอนที่ 80 เงินของขวัญ
ตอนที่ 80 เงินของขวัญ
จนกระทั่งกลับมาถึงที่บ้านของตัวเองแล้ว สภาพจิตใจของเจียงป่าวชิงก็ยังคงไม่ฟื้นคืนกลับมา
ความรู้สึกที่ค่อนข้างบอกไม่ถูกเช่นนี้ ทำให้เจียงป่าวชิงรู้สึกอึดอัดตอนที่วัดชีพจรให้กงจี้ แต่ถึงแม้ว่าอารมณ์จะไม่ค่อยดี ความเป็นมืออาชีพของเจียงป่าวชิงกลับไม่ได้ลดลงแม้แต่นิดเดียว นางยังคงบอกชื่อยาอย่างคล่องแคล่วและสั่งให้ไป๋จีไปหยิบเครื่องปรุงยาที่อยู่สูงจากตู้ยามาเหมือนเดิม
และก็มาถึงเวลาแช่เท้ากับนวดจุดฝังเข็มอีกครั้ง
ตอนที่นางมองกงจี้ที่กำลังอดกลั้นความเจ็บแต่เขากลับเม้มริมฝีปากไว้แน่นเพื่อพยายามไม่ปล่อยให้ตนเองส่งเสียงแสดงความเจ็บปวดออกมานั้น จู่ ๆ เจียงป่าวชิงก็ปล่อยวางได้ นางรู้ว่าสำหรับทุก ๆ คนย่อมมีเส้นทางที่แตกต่างกันในแบบของตนเอง
นางนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดที่สามารถเลือกเส้นทางชีวิตให้กับคนอื่นได้
คิดได้ดังนั้น อารมณ์ของเจียงป่าวชิงก็ผ่อนคลายลง
……
และแล้วก็มาถึงวันแต่งงานของเจียงเหมยฮัว เจียงป่าวชิงตื่นแต่เช้า นางออกกำลังกาย อาบน้ำ และให้อาหารเจ้าหมาทั้งสอง เมื่อทำขั้นตอนเหล่านี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เจียงป่าวชิงก็พบว่ายังเช้าอยู่จึงหว่านเมล็ดผักลงไปในสวนผักที่นางได้ทำการเตรียมแปลงดินก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ เจียงป่าวชิงยังจงใจปลูกพริกบางชนิดอีกด้วย นางคิดว่าตอนที่พริกพร้อมเด็ดได้แล้ว ร่างกายของนางก็คงจะปรับสภาพเรียบร้อยแล้ว และคงจะกินพริกได้แล้วเช่นกัน
เจียงป่าวชิงกำลังใช้เท้าเตะฝุ่นเพื่อกลบเมล็ดผักที่หว่านเสร็จแล้ว ด้านนอก หวังอาซิ่งกำลังยืนเรียกนางอยู่ตรงนอกรั้ว “ป่าวชิง ป่าวชิง!”
แต่เจ้าตัวที่ขานรับนางคือเสี่ยวหวงที่กำลังเห่านางอยู่ตลอด
ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังอาซิ่งทันที “ไอ้ยา! ป่าวชิง บ้านเจ้าเลี้ยงหมาด้วยรึ ? ข้ากลัวหมามากเลย”
“ลูกหมาก็กลัวรึ ?” เจียงป่าวชิงถามหวังอาซิ่งโดยมีรั้วกั้นตรงกลางระหว่างเจียงป่าวชิงกับนาง
หวังอาซิ่งพยักหน้า “กลัว ข้ากลัว เจ้ารีบขังหมาบ้านเจ้าเร็วเข้า”
เจียงป่าวชิงจนปัญญา นางทำได้เพียงจับเสี่ยวหวงเข้ากรงพร้อมกับปิดประตูไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ด้านนอกกรงหมา
เสี่ยวหวงเห่าเสียงดังอยู่ในกรง ส่วนเสี่ยวป๋ายนอนอยู่ในกรงและเห่าเป็นบางครั้ง แต่มันกลับมีชีวิตชีวามากกว่าตอนที่เพิ่งมามาก
เมื่อเสร็จแล้ว เจียงป่าวชิงก็ไปเปิดประตูบ้าน และเชิญหวังอาซิ่งให้เข้ามาในบ้านพร้อมกับพูดยิ้ม ๆ “น้องอาซิ่ง เหตุใดวันนี้ถึงมาเช้าขนาดนี้เล่า ?”
หวังอาซิ่งเบิกตากว้างทันที “ป่าวชิงเจ้าไม่รู้รึ ? วันนี้เป็นวันแต่งงานของท่านป้าเล็กของเจ้านะ อีกประเดี๋ยวเราไปดูพิธีรับเจ้าสาวกันดีกว่า”
เจียงป่าวชิงพูดยิ้ม ๆ “รู้สิ ก่อนหน้านี้เจียงเอ้อยาตั้งใจมาบอกข้าโดยเฉพาะเลย” นางตบเข้าที่เอวเบา ๆ และได้ยินเสียงทองแดงกระทบกันอย่างรางเลือน “ข้าเตรียมเงินสมทบไว้แล้วล่ะ”
หวังอาซิ่งทำปากแบน “ครอบครัวนางทำกับเจ้าขนาดนั้น เจ้ายังเตรียมเงินสมทบให้ครอบครัวนางอีก”
เจียงป่าวชิง “ก็แค่ไม่กี่ทองแดงเท่านั้น จะได้ไม่ตกเป็นขี้ปากคนอื่นเข้า ถ้าเป็นเช่นนั้น ต่อไปก็คงจะทำอะไรได้ยากแล้ว”
ก่อนออกจากบ้าน เจียงป่าวชิงทำการถามมาแล้ว เนื่องจากผู้คนที่นี่ยากจนมาก จึงมีหลายคนที่ไม่ลงเงินสมทบเป็นทองแดง แต่เลือกที่จะให้ผ้าทอมือแทนโดยนี่ถือว่าเป็นการให้เงินสมทบเช่นกัน เจียงป่าวชิงพิจารณาอยู่สักครู่ จากนั้นนางก็ตัดสินใจให้ทองแดงที่เป็นเงินสบทบมากกว่าคนอื่น ๆ ไม่กี่สลึง เช่นนี้นางก็จะไม่ตกเป็นขี้ปากคนอื่น ๆ แล้ว
ก่อนที่เจียงป่าวชิงจะออกไป นางก็เปิดประตูกรงหมาและกำชับเจ้าหมาทั้งสองตัว “เสี่ยวหวง เสี่ยวป๋าย เฝ้าบ้านให้ดี ๆ ล่ะ”
เจ้าหมาทั้งสองตัวส่งเสียงเห่าขานรับนาง
ตอนที่เจียงป่าวชิงกับหวังอาซิ่งมาถึง ขบวนรับเจ้าสาวของหมู่บ้านลั่วโถวยังไม่มา มีเพียงอักษรมงคลสองตัวติดอยู่บนประตูบ้านของตระกูลเจียง และมีโคมไฟสีแดงสองดวงแขวนไว้ซึ่งดูมีสง่าราศีอย่างมาก
หวังอาซิ่งกระซิบบอกเจียงป่าวชิงเสียงเบา “แม่ข้าบอกว่าโคมไฟสีแดงสองดวงที่แขวนอยู่ตรงประตูบ้านตระกูลเจียงนั้นยืมมาจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า นางก็คิด ๆ อยู่เชียวว่าคนอย่างท่านย่าหลีโผจื่อน่ะหรือ จะยอมเสียเงินเพื่อซื้อโคมไฟ
ประตูไม้บ้านตระกูลเจียงเปิดกว้าง และมีหลายคนที่มาร่วมแสดงความยินดีอยู่ข้างใน บรรยากาศครึกครื้นเป็นพิเศษ
ในลานบ้านมีโต๊ะอยู่สองสามตัว ซึ่งจัดไว้เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานได้กินข้าวหลังจากที่เจ้าสาวถูกรับตัวไปแล้ว เพียงแต่บางคนก็ถือเงินมา บางคนก็ถือผ้าทอมือมา
โจซื่อรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ นางนั่งรับเงินสมทบอยู่ตรงนั้น เห็นใครก็ส่งยิ้มให้ เพียงแต่หากใครคนไหนถือผ้าทอมือมา รอยยิ้มที่ได้ก็จะไม่ค่อยจริงใจสักเท่าไหร่นัก
หวังอาซิ่งไม่ยอมเข้าไปในบ้านตระกูลเจียง นางเอาแต่บอกว่าถ้านางเข้าไปและถูกแม่ของนางเห็นเข้า นางจะต้องโดนตีจนขาหักทำนองนั้น เจียงป่าวชิงจึงไม่ได้บังคับอะไรนาง ทำเพียงเดินเข้าไปในบ้านตระกูลเจียงด้วยตัวเอง
เมื่อเจียงป่าวชิงเข้ามาก็เรียกสายตาของผู้คนให้มองมาที่นางได้เป็นอย่างดี ใคร ๆ ก็รู้ว่าการที่เจียงป่าวชิงโวยวายและเอาที่ดินห้าไร่คืนกลับไปนั้นถือว่าเป็นการฉีกหน้าคนในครอบครัวของท่านปู่เจียงอย่างถึงที่สุด
ผู้คนที่กำลังดูเรื่องสนุก ๆ อยู่ต่างคาดหวังให้เจียงป่าวชิงกับคนในครอบครัวของท่านปู่เจียงทะเลาะกันทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนคิดว่าการที่เด็กคนนี้กับพี่ชายแยกออกไปอยู่โดยลำพังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว วันนี้ยังรู้จักมาให้เงินสมทบอีกต่างหาก ช่างเป็นเด็กที่รู้จักคิดจริง ๆ
ท่านปู่เจียงได้ยินว่าเจียงป่าวชิงจะมาให้เงินสมทบ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขารู้ดีว่าถ้าหากคนรุ่นที่แก่เฒ่าแล้วอย่างเขาทะเลาะกับคนรุ่นหลานต่อหน้าผู้คนก็คงจะดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ในใจของเขากลับรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ ที่เห็นที่ดินห้าไร่ถูกแบ่งออกไป
ท่านปู่เจียงส่งสายตาให้หลีโผจื่อ แต่หลีโผจื่อกลับไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของเขา เพราะตอนนี้นางกำลังจ้องชุดกระโปรงของเจียงป่าวชิงเขม็ง นางอยากจะเข้าไปฉีกเสื้อผ้าของเจียงป่าวชิงเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ในความคิดของหลีโผจื่อ ของทุกอย่างของเจียงป่าวชิงควรที่จะเป็นของครอบครัวพวกนางทั้งหมด!
“ว่าอย่างไร ไม่เจอเพียงไม่กี่วัน ป่าวชิง เจ้าแต่งตัวอย่างมีสง่าราศีขึ้นไม่น้อยเลยนี่! แต่เจ้าใจดำอำมหิตเกินไป คนในบ้านเลี้ยงเจ้ามาตั้งหลายปี เจ้าไม่คิดที่จะตอบแทนบุญคุณเลย แล้วยังเอาที่ดินห้าไร่คืนกลับไปอีกต่างหาก แล้วดู! ดูชุดกระโปรงนี้สิ จุ๊ ๆ เจ้าคงจ่ายเงินไปมากเลยสิท่า ข้าบอกแล้วว่าเจ้ามันเป็นเด็กที่รักษาทรัพย์สมบัติไม่ได้!” หลีโผจื่อพูดราวกับปืนใหญ่ที่ยิงรัวดังติดต่อกันอย่างไรอย่างนั้น
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ท่านย่าสองอย่าอิจฉาตาร้อนสิเจ้าคะ ชุดกระโปรงนี้ข้าทำเองโดยเพียงแค่จ่ายเงินค่าเศษผ้าเท่านั้น ต่อหน้าผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ ท่านย่าสองยังมาทำกิริยาที่แปลกประหลาดเช่นนี้อีก หากท่านกับข้าทะเลาะกันจนทำลายงานมงคลเสียหาย ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ดีนะเจ้าคะ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นงานแต่งงานของท่านป้าเล็กนะ”
การรับมือของเจียงป่าวชิง เมื่อเทียบกับท่าทางที่ดูคุมตนเองไม่ได้ของหลีโผจื่อแล้ว ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้เป็นห่วงเรื่องสำคัญมากกว่าเรื่องส่วนตัว ตรงกันข้าม หลีโผจื่อกลับทำตัวไม่ค่อยเหมาะสมกับสถานการณ์นี้อยู่เล็กน้อย
ถึงอย่างไรก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน และทุกคนก็เคยได้ยินเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย ในใจของพวกเขาจึงมีตาชั่งอยู่ในนั้น และเป็นเรื่องน่าเกลียดมากที่หลีโผจื่อจะจับผิดหลานสาวในวันแต่งงานของลูกสาวตัวเองเช่นนี้
หลีโผจื่อรับรู้ถึงสายตาของทุกคน นางจึงทำได้เพียงกัดฟันด้วยความเคียดแค้นอยู่อย่างนั้น จากนั้นนางพูดออกมาด้วยใบหน้าฝืนยิ้ม “เจ้าก็รู้หนิว่าป้าเล็กของเจ้าจะแต่งงาน แต่เหตุใดถึงได้มามือเปล่าเช่นนี้เล่า ?”
เจียงป่าวชิงหยิบซองแดงออกมาจากในอ้อมแขน ขณะที่หลีโผจื่อส่งเสียงออกมาทางจมูกเล็กน้อย จากนั้นนางก็ชี้ไปที่ห้องดินเหนียวที่เจียงป่าวชิงเคยพักอาศัยก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนนี้ที่ตรงนั้นได้เปลี่ยนเป็นสถานที่รับเงินสมทบชั่วคราว
เจียงป่าวชิงเข้าไปในห้องดินเหนียว เบื้องหน้าของนางเป็นคุณป้าวัยสี่สิบกว่าปีกำลังถือผ้าทอมือเข้าไปวางตรงหน้าโจซื่อพอดี “เมียของอีหนิว เจ้าอย่าลืมจดล่ะ”
โจซื่อส่งเสียงอุทานและยิ้มแย้ม “สะใภ้ตระกูลหวัง เหตุใดเจ้าถึงได้เกรงใจเช่นนี้ ครั้งที่แล้วตอนที่ลูกชายของเจ้าแต่งเมีย บ้านข้าให้เงินสมทบตั้งสิบสลึง แต่ดูตอนนี้สิ เจ้าให้เงินสมทบเป็นผ้าทอมือ เห็นทีว่าผ้าผืนนี้จะต้องมีค่ามากเลยกระมัง ?” จากนั้นโจซื่อก็หันไปพูดกับเจียงเอ้อยา “เอ้อยา เจ้ายังไม่รีบรับผ้าล้ำค่าที่ป้าหวังให้มาอีก ถึงตอนนั้นข้าจะให้เจ้าเก็บของสิ่งนี้ลงกล่อง”
เจียงเอ้อยาขานรับด้วยน้ำเสียงไพเราะ จากนั้นนางก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “คุณป้าไม่ต้องห่วง ถึงตอนนั้นผ้าล้ำค่าผืนนี้จะต้องถูกเก็บเข้ากล่องอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
สิ่งที่คุณป้าแซ่หวังผู้นี้ให้มาเป็นเพียงผ้าเนื้อหยาบธรรมดา ๆ ที่หาได้ทั่วไป จ่ายเงินไม่กี่สลึงก็ได้กลับมาผืนใหญ่แล้ว
สองแม่ลูกคู่นี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยก็คือจงใจทำให้คุณป้าแซ่หวังอับอาย คนอื่น ๆ ให้ของขวัญบุตรชายของนางเป็นเงินสิบสลึง โจซื่อคิดว่าตนเองก็ควรได้รับเงินกลับมาสิบสลึงจึงจะดี ทว่านี่กลับเอาผ้าหยาบ ๆ มาให้
สองแม่ลูกคู่นี้พูดเสียดสีจนคุณป้าแซ่หวังหน้าแดงและซีดในคราวเดียวกัน สุดท้ายคุณป้าคนนั้นก็หนีเตลิดและรู้สึกอายที่จะบอกว่ามากินมาร่วมงานเลี้ยง
คอมเม้นต์