เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 2 เธอควรมีเหตุผล
เจี่ยนอีหลินกำลังคิดในขณะที่มีการโต้เถียงกันระหว่างพ่อแม่และพี่ชายของเจี่ยนอีหลินจากชั้นล่าง
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงมันอีก น้องสาวของลูกยังเด็กอยู่”
เวินน่วนในวัยสี่สิบปีหน้าบึ้ง น้ำเสียงของเธอยุ่งเหยิงและทำอะไรไม่ถูก
“ยังเด็กอยู่เรอะ นี่ไม่ใช่ปัญหาของเด็กอีกต่อไปแล้ว เธออายุสิบห้าปีแล้ว เธอควรจะมีเหตุผล แล้วก็การผลักพี่ชายคนที่สามลงจากบันไดนั้นจะสามารถแก้ไขได้ด้วยประโยคเดียวว่าอายุยังน้อยนะเหรอ เขาใช้สองมือเล่นเปียนโน และตอนนี้เขาอาจจะไม่สามารถเล่นเปียนโนได้อีกตลอดชีวิตนะ”
ชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผู้หญิงนั้นเป็นผู้ใหญ่ สูงกว่าผู้หญิงหนึ่งช่วงศีรษะ
ชายคนดังกล่าวสวมเสื้อเชิร์ตสีดำเปิดกระดุมสองเม็ดบน
รูปร่างหน้าตาของชายคนนี้โดดเด่นมาก ในตอนนี้สายตาเขาลึกล้ำ สีหน้าของเขาเคร่งเครียดและปกคลุมไปด้วยความขุ่นมัว
เขาคือเจี่ยนหยุ่นเฉิง ลูกชายคนโตของหญิงคนนั้น
ปกติแล้วเขาจะไม่พูดถ้อยคำรุนแรงกับแม่ของเขา แต่เรื่องที่พูดคุยกันวันนี้เป็นเรื่องที่ตึงเครียดมาก
น้องสาวคนสุดท้องของพวกเขาทำสิ่งที่น่ากลัวด้วยการผลักพี่ชายคนที่สามตกบันได
ชายวัยกลางคนที่อยู่ถัดมา เจี่ยนชูฉิง พ่อของบรรดาลูกๆ ก็ดูหนักใจเช่นกัน
เจี่ยนชูฉิงนั่งอยู่บนโซฟาหนัง เขาดูแลตัวเองเป็นอย่างดีในวัยห้าสิบต้นๆ และรูปร่างของเขาก็ดูสมส่วน แม้ว่าจะมีร่องรอยของกาลเวลาบนใบหน้า แต่เขาก็ยังมีเสน่ห์ของชายที่เป็นผู้ใหญ่
เขาไม่ได้กล่าวอะไรในระหว่างการปรึกษาหารือในตอนนี้เมื่อต้องเผชิญกับการตำหนิของลูกชายคนโต
เจี่ยนหยุ่นเฉิงกล่าวต่อว่า “ไม่ว่าจะมีการทะเลาะวิวาทแบบไหนก็ตามระหว่างพี่น้อง การผลักพี่ชายของตนเองตกบันไดนั้นถือเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้”
ด้วยสีหน้าเจ็บปวด เวินน่วนส่ายหน้าและกล่าวว่า “หยุ่นเฉิง นั่นก็เป็นน้องสาวของลูกเช่นกัน ลูกรักเธอมากตอนที่เธอยังเป็นเด็ก ลูกกอดเธอไว้ในอ้อมแขน กล่อม และเล่นกับเธอ ยังไม่ได้พูดถึงตอนที่ดูลูกมีความสุขแค่ไหนเมื่อตอนที่เธอเรียนรู้ที่จะเรียกลูกว่าพี่ชายคนโต”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าได้รูปของเจี่ยนหยุ่นเฉิงเครียดเขม็ง “ผมจำได้ ผมจำได้ชัดเจน เธอเป็นน้องสาวของผม แน่นอนว่าผมรักเธอ แต่เป็นเพราะว่าทั้งตระกูลเอาใจเธอมากเกินไปจนเธอกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล เจ้าอารมณ์ เธอเป็นเด็กของตระกูลเจี่ยน ไม่มีปัญหาหากเธอจะขี้แยและขี้หงุดหงิด แต่สิ่งที่เธอทำครั้งนี้นั้นยอมรับไม่ได้จริงๆ พ่อ แม่ เธอเป็นลูกของพ่อแม่ แต่ว่าน้องสามไม่ได้เป็นหรือไง ตอนนี้มือของน้องสามไม่อาจจะรักษาได้อีกตลอดชั่วชีวิต”
ดวงตาของเวินน่วนเต็มไปด้วยน้ำตา “ทั้งหมดล้วนเป็นลูกของแม่ ไม่ว่าฝ่ามือหรือหลังมือก็ล้วนเป็นเลือดเนื้อ ทำไมแม่จึงจะไม่เจ็บปวด แม่ยอมรับว่าแม่รักเซียวหลิงมากกว่าพวกพี่ชายอยู่บ้าง แต่นั่นก็เพราะว่าเธอเป็นเด็กหญิง… แม่ก็รู้ว่าเธอทำเกินไปในครั้งนี้เหมือนกัน แต่แม่ไม่สามารถที่จะส่งเธอไปยังสำนักงานเด็กและเยาวชนได้จริงๆ ไม่ใช่หรือไง”
เจี่ยนชูฉิงที่อยู่ถัดจากเธอเห็นภรรยาของตนเองร้องไห้เศร้าโศก เขาโอบไหล่ของภรรยาอย่างอ่อนโยน ปลอบโยนเธออย่างเงียบๆ
เจี่ยนหยุ่นเฉิงมองดูแม่ของตนเองที่กำลังร้องไห้เสียใจ จิตใจเขาหนักอึ้ง “ผมไม่ได้พูดแบบนั้น ผมเพียงแค่ต้องการให้แม่ดูแลน้องสามหลังจากนี้ และสั่งสอนน้องสาวอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นถึงแม้ว่าเธอจะเป็นน้องสาวแท้ๆ ผมก็จะพาเธอไปที่สำนักงานเด็กและเยาวชน”
“แม่เข้าใจ…” เวินน่วนไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกชายคนโตของเธอพูด
“หยุ่นเฉิง ลูกบินกลับมาจากต่างประเทศอย่างกระทันหัน ได้กินอะไรบ้างหรือยัง ให้ป้าอันทำอะไรให้กินไหม” เจี่ยนชูฉิงมองดูลูกชายและถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ ผมจะไปที่โรงพยาบาล น้องสามยังคงปรับอารมณ์ไม่ได้ ผมต้องการที่จะดูแลเขา”
เจี่ยนชูฉิงพยักหน้า “แม่ของลูกกับพ่อจะตามไปหลังจากนั้นอีกสักพัก”
หลังจากที่พูดคุยกันอีกสองสามคำ เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็จากไป
คอมเม้นต์