เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 62: สถาบันวิจัย 3
เฉิงอี้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและส่งข้อความถึง Dr.FS
[Dr.FS คุณอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ผมอยู่ที่ประตูสถาบัน ผมไม่เห็นคุณ]
ทันทีที่ข้อความของเฉิงอี้ถูกส่งออกไป เขาก็ได้รับข้อความตอบกลับทันที
[อยู่ตรงหน้า]
หือ
เฉิงอี้ตะลึงงัน
ตรงหน้าเขานะเหรอ
ตรงหน้าเขาก็มีเพียงผู้หญิงที่กำลังฉุนเฉียวกับเด็กหญิงนักเรียนมัธยมต้น
ไม่มีใครอื่นอีก
หรือว่าเขาตาบอด
เจี่ยนอีหลิงก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว ยื่นโทรศัพท์มือถือของเธอออกไปแล้วแสดงหน้าจอให้เฉิงอี้เห็น
เฉิงอี้เห็นหน้าจอโทรศัพท์ของเจี่ยนอีหลิง เนื้อหาภายในนั้นเป็นการสนทนาระหว่างเขากับ Dr.FS
นี่เป็นไปได้อย่างไร… ทำไมมันจึงไปปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ
นี่เป็นสถานการณ์อะไรกัน
เฉิงอี้มองไปที่หน้าจอโทรศัพท์อย่างเหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็มองไปยังเจ้าของโทรศัพท์เจี่ยนอีหลิงอีกชั่วขณะ
“เธอ…” เฉิงอี้คิดไปอีกชั่วขณะเพื่อคิดถึงความเป็นไปได้ “Dr.FS ขอให้เธอมาที่นี่แทนเขาเหรอ”
“ฉันคือ FS” เจี่ยนอีหลิงตอบ
เอ๋
“อย่าล้อเล่นน่า เท่าที่ฉันรู้ Dr.FS เป็นนักศึกษาปริญญาโทที่จบทางด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง”
“นายกำลังพูดถึงข้อมูลลงทะเบียนชื่อของบัญชีที่ฉันใช้ ไม่ใช่ข้อมูลของฉัน”
การออกใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับวงการวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องมีบัญชีการสื่อสารเพื่อใช้ในการเผยแพร่บทความ
บัญชีการสื่อสารทั้งหมดต้องเป็นชื่อจริง และก็มีเพียงคนที่มีคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่สามารถลงทะเบียนได้
ตัวของเจี่ยนอีหลิงเองไม่สามารถที่จะลงทะเบียนบัญชีการสื่อสารเช่นนั้นได้
ข้อมูลการรับรองความถูกต้องที่เธอกรอกเป็นข้อมูลของพี่ชายคนที่สองของเธอ เจี่ยนหยุ่นโม่ และคุณสมบัติของเจี่ยนหยุ่นโม่นั้นตรงตามกับข้อกำหนดในการลงทะเบียนบัญชีนั้น
ข้อมูลที่เฉิงอี้เห็นนั้นก็มาจาก เจี่ยนหยุ่นโม่ พี่ชายคนที่สองของเธอเช่นเดียวกัน
เฉิงอี้ตะลึงงัน ข้อมูลเกี่ยวข้องที่พวกเขาพบนั้นเป็นข้อมูลของชื่อผู้นิพนธ์หลัก*จริงๆ
ผู้แปล * ชื่อผู้นิพนธ์หลัก (Corresponding Author) หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่ประสานงานกับผู้อื่นที่มีชื่อในผลงาน ในการเตรียมต้นฉบับบทความ หรือส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ และประสานงานในการตอบสนองข้อคำถามและข้อวิจารณ์
บทความที่เผยแพร่โดยชื่อผู้นิพนธ์หลักไม่จำเป็นต้องเป็นบทความของผู้นิพนธ์หลักเอง ตัวอย่างเช่นอาจารย์มหาวิทยาลัยจะใช้บัญชีของเขาเพื่อช่วยให้นักเรียนเผยแพร่บทความที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่า Dr.FS ไม่ใช่คนที่ลงทะเบียน
แต่ถึงแม้ว่า Dr.FS ไม่ใช่คนที่ลงทะเบียนบัญชีการสื่อสาร แต่ก็ไม่ควรจะเป็นเด็กหญิงตรงหน้าของเขา
“ไม่ เดี๋ยว เธอให้ฉันได้คิดสักหน่อย ฉันรู้สึกสับสนอยู่บ้าง”
เฉิงอี้รู้สึกสับสนอยู่บ้าง
ความสามารถของ Dr.FS นั้นไม่เป็นที่กังขา บทความที่ “เขา” เผยแพร่และพรสวรรค์ที่ “เขา” แสดงออกมาระหว่างการสนทนากับพวกเขานั้นถือได้ว่าเป็นสุดยอดในวงการ
เฉิงอี้ยังจินตนาการภาพลักษณ์ของ Dr.FS ไว้ในใจของเขา อาจจะเป็นลุงวัยกลางคนท่าทางสุภาพ ศาสตราจารย์แก่หัวล้าน หรือเป็นอัจฉริยะที่สวมแว่นตาขอบหนาในวัยยี่สิบต้นๆ
สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดก็คือภาพของเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา
ความแตกต่างนั้นมากมายเกินไป
เฉิงอี้มองดูเจี่ยนอีหลิงอย่างระมัดระวังอีกครั้ง และภาพของเด็กสาวแสนสวยตรงหน้าของเขานั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถที่จะรวมเข้ากับภาพของ Dr.FS ที่เขารอคอยมานานในใจของเขาได้
หลังจากผ่านไปชั่วขณะ เฉิงอี้ก็ถามเจี่ยนอีหลิงด้วยเสียงเบาๆว่า
“เธอ…อยู่ชั้นมัธยมต้นใช่ไหม”
“มัธยมปลาย”
มัธยมปลาย… ที่ดูเหมือนเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้น
รปภ.ที่อยู่ถัดไปฟังการสนทนาระหว่างเฉิงอี้กับเจี่ยนอีหลิงแล้วก็ตกตะลึง
“เอ่อ ด๊อกเตอร์เฉิง เด็กหญิงคนนี้นัดหมายกับคุณจริงๆเหรอ”
“แม้ว่าผมจะยังคงยอมรับไม่ได้อยู่เล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนที่ผมรอจริงๆ…”
รปภ.ทั้งประหลาดใจและละอายใจเมื่อเขาได้ยินคำพูดยืนยันจากเฉิงอี้
เมื่อคิดถึงตอนที่เขายืนยันว่าเด็กหญิงคนนี้กับผู้หญิงคนนั้นเป็นแม่ลูกกัน เขาก็หน้าแดงขึ้น
คอมเม้นต์