Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1949-1 vs 1949-2
ตอนที่ 1949-1 “นัดดูตัวเหรอ? เอาจริงดิ?” หลินเฟิงไม่อยากจะเชื่อ กระทั่งอวิ๋นหู่ที่ยืนข้างตัวยังย่นหัวคิ้วเจ้ลั่วคนสวยหัวเราะเบาๆ “แปลกมากเหรอ ฉันถือว่าเป็นผู้เล่นลีกส์อาชีพที่อายุมากเลยละมั้ง ยิ่งพวกนายน่าจะรู้ว่าฉันมาจากไหน คนที่ตำบลเล็กๆ พออายุเท่าฉันก็เริ่มมีว่าที่สามีกันแล้ว”“เปล่า คือว่า เซียวหน้านิ่งรู้หรือเปล่าว่าเธอมานัดดูตัว?” หลินเฟิงทึ้งผมตัวเอง รู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงเล็กน้อยเจ้ลั่งวางเครื่องดื่มในมือลง ดูเหมือนไม่แยแส “หัวหน้าไม่มีหน้าที่เรื่องความรักของลูกทีมนะ ยิ่งฉันใกล้จะลาออกอยู่แล้วด้วย ชีวิตส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับทีม”เมื่อคำว่าลาออกจากวงการปรากฏขึ้นมา หลินเฟิงพลันเหมือนถูกอุดปาก เขานั่งตรงนั้นไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่คู่แข่งตลอดกาลของพวกเขาคือทีมเซียงหนาน และลั่วลั่วยังเป็นนักกีฬาลีกส์อาชีพหญิงที่มีจำนวนน้อยมากในวงการ ถือเป็นนักเวทที่ติดบอร์ดระดับประเทศ ผลงานที่สร้างไว้ก็มีน้อยคนที่เอาชนะได้แน่ละ เว้นแต่คนประหลาดอย่างเจ้าแบล็กสักคน แต่คนเก่งแบบนี้จะลาออกจากวงการแล้วเหรอ?“นี่ หลินฝ่ายรับ นายทำหน้าอะไรอย่างนั้นล่ะ” เจ้ลั่วหันมามอง เผยฟันขาวสะอาดให้เห็นเล็กน้อย ออร่าดูสดชื่น “คนในวงการเราจะลาออกจากวงการก็ถือเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?”แค่หาเหตุผลที่จะอยู่ใกล้คนคนหนึ่งต่อไม่ได้แล้ว เมื่อรู้ว่าจะต้องมาถึงจุดนี้ก็อย่าพูดให้เปิดเผยนักเลย“ฉันรู้ว่าปกติ” หลินเฟิงลุกขึ้น อยากสูบบุหรี่ขึ้นมากะทันหันทว่าอวิ๋นหู่กดร่างเขาไว้ “หัวหน้าจะมาถึงแล้ว พวกเราไปเอาตั๋วกันก่อนเถอะ”“ฉินมั่วก็มาเหรอ?” เจ้ลั่วเลิกคิ้ว “งั้นเทพ Z ของฉันต้องมาด้วยสิ พวกนายนัดเดทเป็นคู่เลยหรือไง?”หลินเฟิงยื่นมือเคาะศีรษะอีกฝ่าย “อย่าพูดมั่วๆ”“เอาเหอะ เดี๋ยวหนังจะเริ่มฉายแล้ว” เจ้ลั่วไม่โกรธ “พวกนายไปเอาตั๋วไป๊ อย่ามาอวดหวานตรงหน้าฉัน”หลินเฟิงกำลังปรับอารมณ์ เขารู้สึกดีขึ้นมากว่าเมื่อครู่ ในเมื่ออีกฝ่ายปลงตกได้ ที่เหลือก็คงไม่มีอะไรแล้วลั่วลั่วพูดถูก การลาออกจากวงการถือเป็นเรื่องปกติสำหรับวงการพวกเขา เพียงแค่งานเลี้ยงนี้ ไม่มีใครอยากให้มันสิ้นสุดหลินเฟิงรู้สึกว่าเขาควรต้องทำอะไรบ้าง เมื่อเดินตามอวิ่นหู่ไปรับตั๋ว หลินเฟิงก็สไลด์มือถือส่งข้อความวีแชท “เซียวหน้านิ่ง อย่าโทษที่ฉันไม่ได้เตือนนาย รีบมาที่ถนนซางอู้เร็ว ลั่วลั่วกำลังนัดดูตัว ถ้าสำเร็จขึ้นมารับรองว่านายจบเห่แน่” ส่งเสร็จก็ยัดมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง ทว่าพอเงยหน้าก็เห็นสายตาของอวิ๋นหู่ทันที“พวกเราเข้าไปกันก่อนเถอะ” อวิ๋นหู่เอ่ยเสียงเรียบ “พวกหัวหน้าอยู่ตรงที่จอดรถชั้นใต้ดินแล้ว”หลินเฟิงตอบ “ได้” แต่สายตายังคงวนเวียนอยู่แถวนั้น ทำให้อวิ๋นหู่โพล่งออกมา “ฉันเพิ่งรู้ว่านายสนิทกับพวกทีมเซียงหนานนะเนี่ย”สนิท? หลินเฟิงทำหน้าสงสัยอวิ๋นหู่หันมามอง “คนไม่รู้ คงคิดว่านายชอบเขา”“จะเป็นไปได้ยังไง” ปฏิกิริยาของหลินเฟิงเป็นไปตามสัญชาตญาณอวิ๋นหู่ได้ยินแล้ว นิ้วมือที่เกร็งถึงคลายลง ทว่าสีหน้ายังเฉยชาอยู่ “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ลั่วลั่วถือเป็นนางฟ้าของวงการเชียวนะ”“บ้าเหรอ นายโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ ดูไม่ออกหรือว่าลั่วลั่วชอบเซียวหน้านิ่ง?” สีหน้าของหลินเฟิงเป็นอิโมจิได้เลยอวิ๋นหู่ถือตั๋วหนังไว้ในมือ ถามกลับอย่างเรียบเรื่อย “แล้วนายโง่จริงหรือแกล้งโง่ ที่ไม่รู้ว่าฉันยังชอบนายอยู่?”เมื่อประโยคนี้ดังขึ้นทันใดนั้น สีหน้าหลิงเฟิงเหมือนโดนคำสาปก็ว่าได้ เขาตะลึงงันอยู่กับที่ เสียงที่อยู่รอบๆ ถูกกลบไปไม่ว่าจะเป็นเสียงโฆษณาหนังหรือเสียงผู้คนเดินไปมา ก็เหมือนอันตธารหายไปในเวลานี้ เหลือเพียงเสียงของเพื่อนที่ดังก้องในหัวและเสียงหัวใจเต้นของตัวเองตึก!ตึก!ตึกตัก! ……………………………………ตอนที่ 1949-2หลินเฟิงอ้าปากค้าง อยากจะเอ่ยขึ้น แต่อวิ๋นหู่กลับขัดจังหวะเสียก่อน “ไม่ได้ล้อเล่นนะ ให้เลือกอีกครั้ง ระหว่างเป็นแฟนหรือเลิกคบกัน ไม่มีทางเลือกที่สาม ไม่อยากจะเป็นเพื่อนซี้หรือพี่น้องด้วย เลือกซะ”หลินเฟิงโดนเสียงหัวใจเต้นแรงของตัวเองรบกวนจนหงุดหงิดสุดๆ เมื่อได้ยินคำขาดของอีกฝ่ายก็เดือดดาลทันที “เลือกบ้าอะไร! แม่งเอ๊ย อวิ๋นหู่ นายลืมแล้วหรือว่าตัวเองมีแฟนแล้ว! นายกำลังทำอะไร เจ้าชู้หลายใจเหรอ? ฉันรู้ว่าพวกนายมั่วกันเยอะประเภทนอนกันเสร็จก็ถือว่าไม่มีอะไร แค่ถูกใจก็มีเซ็กส์กันในห้องน้ำได้เลย แต่นายจะทำแบบนี้ไม่ได้ นาย…”ยังไม่ทันได้พูดจบ เสื้อตัวนอกพลันคลุมลงบนศีรษะ มีกลิ่นบุหรี่และป๊อปคอร์นเจืออยู่ จากนั้นเขาก็ถูกกระชากไปยังที่แห่งหนึ่งหลินเฟิงมองไม่เห็น รู้เพียงอย่างเดียวว่าตัวเองถูกอีกฝ่ายดันติดกำแพง ท้ายทอยสัมผัสเข้ากับผนัง ขณะที่คิดจะขยับ ลมหายใจที่ไม่คุ้นเคยก็ปะทะลงบนเรียวปากเขาทั้งสองคนเพิ่งดื่มชากันมา จึงยังมีกลิ่นชาหลงจิ่งอ่อนๆ ติดมาด้วย แต่กลิ่นอ่อนๆ นี่ทำให้หลินเฟิงโมโหเดือดเพราะรู้ชัดแจ้งว่าอีกฝ่ายกำลังจูบตัวเองในสถานที่แบบนี้ โรงหนังที่มีคนเดินพลุกพล่านแม้จะมีเสื้อคลุมครอบศีรษะเขาอยู่ แต่การที่คนสองคนอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ย่อมต้องมีคนเห็นแน่ แม้จะมองไม่เห็น แต่หัวใจของหลินเฟิงก็เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา จังหวะหัวใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อย ยิ่งเร็วยิ่งเร่าร้อนดูเหมือนอวิ๋นหู่ตัดสินใจแต่แรกแล้วว่าจะไม่มีวันปล่อยตัวเขาไปแน่ ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆความรู้สึกขาดอากาศหายใจทำให้หลินเฟิงผลักอีกฝ่ายให้ถอยห่าง เอวอ่อนยวบอยู่บ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคราบน้ำที่ไหลจากมุมปากเลย แม่งบ้าจริงๆ!หลินเฟิงกำลังจะเช็ดปากเพื่อขจัดความรู้สึกเร่าร้อนนั่น แต่สุดท้ายทำแค่สลัดเสื้อตัวนอกนั่นออก ลมหายใจยังไม่นิ่ง เขาถามเสียงต่ำว่า “นายบ้าแล้วหรือเปล่า ที่แบบนี้…”อวิ๋นหู่เห็นเส้นผมของเพื่อนที่ยุ่งเหยิงเพราะฝีมือตัวเอง จึงเข้าไปใกล้อีก “นายหมายความว่า ขอแค่ไม่ใช่สถานที่แบบนี้ก็ได้หมด”ทั้งสองมีความสูงไม่ต่างกันมากนัก แต่หากเทียบจริงๆ จะรู้ว่าอวิ๋นหู่สูงกว่าสามเซนติเมตร เมื่อคนที่สูงมากสองคนยืนด้วยกัน บรรยากาศจึงประหลาดต้องมีคนหยุดมองแน่“นาย…” หลินเฟิงพูดด้วยเสียงที่เบาลงทุกที เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอวิ๋นหู่อันตรายและบีบคั้นกันหนักถึงอย่างไรอวิ๋นหู่ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แม้จะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่เคยอาการแบบนี้เลยสักครั้ง………………………………………
คอมเม้นต์