Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1844 vs 1845 vs 1846

อ่านนิยายจีนเรื่อง Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1844 vs 1845 vs 1846 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 1844
 “มีเรื่องที่ต้องบอกเขาจริงๆ ล่ะครับ” ฉินมั่วช้อนสายตาขึ้นอย่างสบายๆ มุมปากยังแฝงรอยยิ้ม แต่กลับไม่ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น
มาแล้ว! มาแล้ว! พิธีกรสาวตื่นเต้นจริงๆ!
เธอสังหรณ์ใจว่าคำถามแบบนี้แหละที่พวกแฟนคลับต้องสนใจมากแน่นอน เพราะใครๆ ก็ได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นในการแข่ง
“เรื่องอะไรหรือคะ? เทพฉินพูดให้ละเอียดขึ้นได้ไหมคะ?” พิธีกรสาวส่งไมโครโฟนเข้าไปใกล้ แววตาเต็มไปด้วยแววอยากเมาท์
ฉินมั่วหยักยิ้มมุมปาก เอ่ยช้าๆ ว่า “โฮชิโนะ ยูกิชินรอนายมานานแล้วนะ เมื่อไรจะได้คุยกันสักที”
“เอ๋?” พิธีกรงง เพราะเธอเดามามากมาย แค่ไม่คิดว่าจะได้คำตอบดังกล่าว “เทพฉิน คุณหมายความว่าคุณยูกิชินกับเทพโฮชิโนะ พวกเขา…”
เดี๋ยวสิ! เธอต้องใจเย็นๆ! ต้องระวังคำพูดที่จะใช้! จะได้ดึงข้อมูลมาเยอะๆ
แต่ยังไม่ทันตั้งตัว ฉินมั่วก็เอ่ยขึ้นมาก่อน พร้อมทั้งลุกขึ้น ร่างสูงที่ยืนขึ้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงส่งต้องห้าม “ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ครบเวลาห้านาทีแล้ว ผมกับแฟนต้องไปพบผู้ใหญ่ เชิญทุกคนตามสบายนะครับ”
พิธีกรสาวยังอยากถามต่อ แต่ไม่มีความกล้า เลขาท่านประธานที่อยู่ด้านข้าง ได้ยินคำพูดของท่านประธานแล้ว ได้แต่ยิ้มบางๆ พาตัวกลุ่มผู้มาสัมภาษณ์ออกไป
คลับตระกูลฉินปฏิบัติต่อทุกคนที่มาร่วมงานกันอย่างมีมารยาท แต่ใครล่ะจะเข้าใจความรู้สึกของผู้สื่อข่าวที่ได้รู้อะไรครึ่งๆ กลางๆ แล้วเกิดความรู้สึกคลั่งบ้าง
พิธีกรสาวและช่างกล้องก็รู้สึกเช่นนี้นี่เอง
ป๋อจิ่วที่นั่งกอดแมวอยู่ก็ลุกขึ้นมา หลังจากที่พวกนั้นออกไป “พี่มั่ว พี่จงใจนี่”
ฉินมั่วมองดูใบหน้าของคนบางคนแล้ว กลับยิ้มให้ “จงใจอะไร?”
“จงใจล่อให้ทุกคนเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ของโฮชิโนะกับยูกิชิน” ป๋อจิ่วพูดจบก็แอบบ่นเบาๆ “น่าเกลียดมากเลย”
ฉินมั่วได้ยินแล้ว หรี่ตาลง แล้วลากตัวเธอมาหา “ฉันเนี่ยนะน่าเกลียด?
ป๋อจิ่วอ้าปาก แต่ไม่พูด
“ยังไงฉันก็น่าเกลียดขนาดนี่แล้ว” ฉินมั่วรั้งเอวเธอไว้ “งั้นก็น่าเกลียดเพิ่มอีกสักหน่อย”
“เฮ้” ป๋อจิ่วรับรู้ได้ถึงมือเขาที่สอดเข้ามากอดรัด จนเอวอ่อนไปหมด “ที่นี่มันที่ทำงานนะ”
ฉินมั่วก้มลงจูบลำคอเธอ เสียงพลอยหนักหน่วงตามไปด้วย “วางใจเถอะ ไม่มีใครเข้ามาหรอก”
ปัญหาไม่ใช่ว่าใครจะเข้ามาหรือไม่ ป๋อจิ่วโดนจูบจนมือยังไร้เรี่ยวแรงไปด้วย ส่วนเจ้าหญิงฉวยจังหวะวิ่งหนีไปแล้ว เกราะป้องกันอย่างสุดท้ายของเธอก็ไม่เหลืออีกต่อไป ด้านหลังคือโต๊ะที่เขานั่งเซ็นสัญญามาหลายต่อหลายครั้ง ส่วนแผ่นหลังของเธอแนบลงบนนั้น สัมผัสได้ถึงความเย็นในแบบธุรกิจ เหมือนบนโต๊ะจะมีกระดาษบางอย่างอยู่ ซึ่งก็ร่วงลงพื้นหมดแล้วในเวลานี้
อุณหภูมิทวีสูงขึ้น ทั้งสองอยู่ด้วยกันทีไรเหมือนเสพติดกันจนแยกออกไม่ได้ คงเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดอีกฝ่ายมาก หรืออาจเป็นเพราะต่างมีแรงดึงดูดกันมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ต้องระมัดระวัง ทว่าเวลานี้ดูเหมือนไม่ต้องพะวงต่อเรื่องอื่นใดอีกแล้ว
ความวาบหวามลามมาจากบั้นท้าย ลมหายใจอันเป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่มคละเคล้ากับกลิ่นมินต์ เข้าห้อมล้อมตัวเธอไว้ เหมือนถูกอะไรตีจนแตกกระจาย “เธอเป็นของฉัน เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”
ป๋อจิ่วได้ยินคำกล่าวแสดงความเป็นเจ้าของแล้ว รู้สึกว่าแผ่นหลังร้อนเหลือเกิน เพราะท่านเทพไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เหมือนลูกหมาป่า[1]เลย
[1] ลูกครึ่งหมาป่า ในที่นี้หมายความว่าเป็นชายหนุ่มอายุน้อยที่หน้าตาดีและแข็งแรง
…………………………………………..
ตอนที่ 1845
 ความหวามไหวยังไม่คลายลงแม้เขาจะปล่อยมือ ป๋อจิ่วรู้สึกว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้คงไม่ไหวแน่
ทุกครั้งที่ท่านเทพใช้กลหนุ่มงามกับเธอ เธอจะปล่อยให้ตัวเองเผลอไผลไม่ได้ อันที่จริงครั้งนี้ เขาก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะคำนึงถึงสภาพร่างกายเธอ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ เมื่อได้ยินเสียงหอบหายใจของเขาข้างหูเธอ แผ่นหลังเธอก็ยิ่งวาบหวามยิ่งขึ้น
ผ่านไปสิบห้านาทีโดยประมาณ อุณหภูมิก็ลดต่ำลง เขาดึงตัวขึ้นแล้วจูงมือไปล้างมือ
และป๋อจิ่วก็กลายเป็นผู้ถูกปรนนิบัติทุกครั้ง เธอมองดูเขาเบี่ยงหน้านิดๆ แล้ว อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “พี่มั่ว เมื่อกี้ทำไมพี่ถึงพูดกับพิธีกรเรื่องสารภาพรักอย่างนั้นล่ะ ฉันเป็นคนสารภาพรักก่อนนี่นา ฉันเห็นพี่ครั้งแรกก็อยากซื้อพี่แล้ว แต่พี่กลับปฏิเสธ”
“เรื่องแบบนี้ ถ้าบอกว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายพูดก่อน ชื่อเสียงจะไม่ดี” ฉินมั่วไม่ได้ตั้งสมาธิกับเรื่องนี้ เขายังคงมีท่าทีสบายอารมณ์
ป๋อจิ่วได้ยินแล้วกลับอึ้ง เพราะห่วงว่าชื่อเสียงเธอจะไม่ดี ถึงพูดแบบนั้นใช่ไหม?
ทำไงดี รู้สึกรักผู้ชายตรงหน้ายิ่งกว่าเมื่อวานอีก เขาเป็นอย่างนี้เสมอ มักจะคิดเผื่อเราในตอนที่เราไม่รู้เรื่อง แต่เวลาอยู่กันสองต่อสอง มักจะเย่อหยิ่งล่อให้เราไล่จีบ ทว่าเวลาอยู่ต่อหน้าคนนอก กลับทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
“ทำอะไร ป๋อเสียวจิ่ว…” ฉินมั่วมองดูคนตรงหน้าที่กอดเอวเขาอย่างจนใจ ทั้งๆ ที่มือของเขายังเต็มไปด้วยฟอง เห็นเพียงเธอเลิกคิ้ว “ถ้าทำอะไรร้ายๆ ล่ะก็ ฉันจะโยนเธอทิ้งนะ”
ป๋อจิ่วหัวเราะเจ้าเล่ห์ ทำท่าเหมือนข่มขู่ ฝ่ายฉินมั่วเห็นอีกฝ่ายทำท่าเจ้าชู้ ก้นบึ้งนัยน์ตาก็เผยแววยิ้ม
น้อยครั้งที่ทั้งสองจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ ได้นั่งในห้องเดียวกัน เขาอ่านสัญญาของเขาไป เธอเล่นกับแมวของเขาไป ผ่านไปสิบกว่านาที เขาก็เดินเข้ามาหยิกแก้มเธอบ้าง จุ๊บเธอบ้าง
ป๋อจิ่วรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กรับใช้มืออาชีพ แม้จะไม่ต้องชงชาให้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ชายหนุ่มผ่านเวลาที่น่าเบื่อไปได้
คำพูดแบบนี้ถ้าคนที่อยู่ข้างนอกมาได้ยิน จะต้องตายราบพนาสูร ประธานฉินของพวกเขาจะไปมีเวลาเบื่อได้อย่างไร แต่วันนี้ดีจริงๆ คงเพราะท่านไม่หัวเราะเย็นชา ไม่…แม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งคนจากแผนกคิดโปรเจกต์ยังหวิวๆ เดิมคิดว่าหลังจากที่การแข่งระดับเอเชียจบสิ้น วันสิ้นโลกของพวกเขาก็จะมาถึง เพราะหมายความว่าท่านประธานจะทุ่มเทความสนใจมาที่บริษัท ช่วงเวลาสิ้นปีถือเป็นการกวาดล้างทุกแผนกเลยทีเดียว ไม่คิดว่าวันนี้บอสจะสบายๆ ขอแค่ไม่เข้าไปในห้องท่านมากเกินไป มีตาต้องมีแววบ้าง ก็ย่อมไม่โดนประหาร!
คุณชายจิ่ว อ้อ ไม่สิ คุณหนูจิ่วถือเป็นแม่พระผู้มาโปรดพวกเขาจริงๆ
“หิวไหม?” ฉินมั่วหันมาถามป๋อจิ่ว
ป๋อจิ่วงับคุกกี้ไว้ในปาก “ยังพอไหว”
“ท่าทางดูฉันทำงานแล้วคงเบื่อสินะ” ฉินมั่ววางปากกาในมือลง เลิกคิ้วพลางเสนอ “หาอะไรทำไหม?”
ป๋อจิ่วตาสว่าง ค่อยยังชั่ว เมื่อกี้เธอมองดูท่านเทพที่กำลังตั้งใจเซ็นสัญญาอยู่ ก็อยากเข้าไปจุ๊บสักครั้ง ความสูงส่งต้องห้ามจากความเป็นนักธุรกิจ ทำให้รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจเหลือเกิน ถ้าว่ากันตามบทท่านประธาน การหาอะไรทำก็ต้องเป็นเรื่องสวีทสิ แต่แฟนของเธอกลับไม่ทำตามครรลองปกติ “หนังสือวิชาฟิสิกส์ของเธออยู่กับฉัน มานี่ มาอ่านทบทวนเร็ว”
ป๋อจิ่ว “…”
เลิกกันตอนนี้ยังทันไหม?
……………………………………………………….
ตอนที่ 1846
หมดแรง…คือคำอธิบายอารมณ์ของป๋อจิ่วในเวลานี้
ท่านเทพยังคงเท่สง่าเหมือนเดิม มือข้างหนึ่งกุมปากกา เคาะหัวเธอ “อย่าบอกนะว่าข้อนี้เธอก็ทำไม่ได้”
“พี่มั่ว เอาเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้มาทบทวนวิชาฟิสิกส์เนี่ยนะ พี่ไม่คิดว่ามันสิ้นเปลืองหรอกเหรอ” ป๋อจิ่วพยายามดึงบรรยากาศกลับมา
ฉินมั่วมองเธอแวบหนึ่ง “ไม่รู้สึก”
คุยต่อไปไม่ไหวแล้ว ป๋อจิ่วมองดูความรู้ฟิสิกส์ตรงหน้า กุมขมับทันที
คิดดูสิ นายน้อยแห่งโลกแฮกเกอร์อย่างเธอ กลับทำอะไรต่อแบบฝึกหัดวิชาหนึ่งไม่ได้ ต้องยอมแพ้ให้กับมัน ช่าง…
คงเพราะเห็นความเซ็งของใครบางคน ฉินมั่วชอบสภาพแบบนี้ของเธอมากทีเดียว “ใกล้จะสอบปลายภาคแล้ว ถ้าไม่พยายาม เกิดสอบได้คะแนนไม่ดีขึ้นมา จะมองหน้าแม่สามีตัวเองยังไง”
ก็แค่การสอบธรรมดาๆ แต่ท่านเทพพูดเสียอย่างนี้ เธอย่อมรู้สึกกดดันในใจ เดี๋ยวก่อน คนอย่างราชินีจอเงินไม่น่าจะแคร์เรื่องคะแนนเลยนะ
ป๋อจิ่วหันไปมอง “คนสวยแคร์เรื่องคะแนนมากเหรอ?”
“เมื่อก่อนฉันได้ที่หนึ่งตลอดเลย แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ?” ฉินมั่วมีท่าทีสบายอารมณ์ ทำให้ป๋อจิ่วตั้งใจขึ้นมา โดยไม่รู้เลยว่า ถูกล่ะ เหตุการณ์ที่ฉินมั่วพูดเป็นจริง แต่มีจุดหนึ่งที่เขาไม่ได้บอก
ตอนที่ชายหนุ่มเรียนม.ปลาย คนสวยอยากลากลูกชายไปชอปปิ้งด้วย แต่ทุกครั้งคนเป็นลูกมักอ้างว่า ‘แม่ฮะ ผมต้องอ่านหนังสืออีกนะฮะ’
ตอนนั้นคนสวยพูดแค่ว่า ‘สอบคะแนนแย่หน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกลูก’ เห็นไหม หากวิเคราะห์จากข้อนี้ จะเห็นว่าหนูน้อยป๋อเสียวจิ่วถูกหลอกอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ฉินมั่วเป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน เขาชอบเห็นท่าเซ็งของเธอก็จริง แต่ไม่อยากให้เจ้าหล่อนถึงขั้นอดกินอดนอน
เมื่อเห็นคนบางคนไม่ยอมดื่มน้ำที่เขาป้อนให้ ฉินมั่วก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะดึงหนังสือฟิสิกส์ออกมาจากมืออีกฝ่าย
ป๋อจิ่วช้อนสายตามอง “ยังอ่านไม่จบเลย”
“ไม่ต้องอ่านแล้ว” ฉินมั่วพูดเสียงเรียบ “เมื่อกี้ฉันหลอกเธอ แม่ฉันไม่แคร์เรื่องคะแนนสักนิด เธอเป็นไอดอลสุดโปรดของแม่ฉันนะ เธอทำอะไรแม่ฉันก็ชอบหมดแหละ”
ป๋อจิ่วอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะบิดคอด้วยมือข้างหนึ่ง “ฮู้ พี่มั่ว จริงใจหน่อยได้ปะ ว่าแต่ทำไมอยู่ๆ พี่ก็อยากให้ฉันอ่านหนังสือขึ้นมาเสียอย่างนั้น” คงไม่ได้มาจากความชอบที่ประหลาดจากคนปกติหรอกนะ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนท่านเทพมักอ้างเรื่องนี้มาเย้าเธอ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเขาจะมีเจตนาอื่น
“เปล่าหรอก” ฉินมั่วพูดเป็นเรื่องปกติ
ป๋อจิ่วกลับคิดอะไรบางอย่างออก มองดูมือถือที่ดังขึ้นเมื่อครู่นี้ของเขา “ก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนโทรมาหาเหรอ”
“อื้ม” ฉินมั่วไม่ปกปิด
ป๋อจิ่วสงสัย “พูดว่าไงบ้าง?”
“กรอกคณะในฝัน” ฉินมั่วยื่นแก้วน้ำไปจ่อปากเธอ
ป๋อจิ่วถึงบางอ้อทันที “พี่มั่ว พี่อยากให้ฉันเข้ามหาวิทยาลัย A ของพี่ใช่ไหม?”
มิน่าล่ะ ถึงได้ติววิชานี้ให้เธอ เพราะคะแนนของมหาวิทยาลัย A ไม่ได้สูงธรรมดา
ฉินมั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธ ป๋อจิ่วเห็นแล้วดึงหนังสือกลับมาอ่านต่อ แต่ใครจะคิดล่ะว่าฉินมั่วยื่นมือไปกันไว้ “ไม่ต้องอ่านแล้ว คะแนนเธอตอนนี้ใช่ได้แล้ว”
“แล้วถ้าสอบไม่ได้ล่ะ” ป๋อจิ่วงับปากกา “อ่านหน่อยดีกว่า ป้องกันไว้ก่อน”
ฉินมั่วจึงอุ้มตัวเธอมานั่งบนตักตัวเอง “สอบไม่ได้ก็ช่าง ถึงตอนนั้นเธอสอบเข้าได้ที่ไหน ฉันก็จะย้ายตาม เพราะฉันเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน”
ส่งผลให้ป๋อจิ่วได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง ก่อนจะดื่มน้ำที่เขาป้อนให้ แม้แต่ปลายลิ้นยังแอบหวาน เวลาที่แฟนเธอไม่ยั่วโมโหใครนี่ ช่างหล่อจนทำให้คนหลงรักไปหมด
…………………………………………..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด