Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1665-4 vs 1666-1 vs 1666-2
ตอนที่ 1665-4เขาแค่อยากลองใจว่า เมื่อคนพวกนี้ได้ยินคำว่า ‘แฮกเกอร์คนเก่ง’ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร เพราะไม่ว่าจะเป็นสายลับแบบไหน ล้วนแต่ต้องกลัวว่าจะถูกค้นหาสถานะที่แท้จริงเจอเจ้าชายน้อยมีปฏิกิริยาจริงๆ เขาตื่นเต้นมา ทั้งยังผิวปากออกมา “โว้ แฮกเกอร์คนเก่ง เจ๋งขนาดนั้นเชียว? แบบ 007 เลยหรือเปล่า? เมื่อไรจะแสดงฝีมือให้ฉันดูล่ะ?”แมงป่องพิษจะปล่อยให้อีกฝ่ายรู้ความร้ายกาจของฝานเจียได้อย่างไร แค่เอ่ยขึ้นมาลองใจเท่านั้น แต่ดันมาถูกเจ้าคุณชายนี่ถามเข้าให้ จึงตอบอะไรไม่ถูก ได้แต่เลี่ยงไปพูดอีกเรื่อง “ที่นี่เสียงดัง ไม่เหมาะจะคุยกัน พวกเราเปลี่ยนที่กันเถอะ”“ก็ได้” เจ้าชายน้อยว่าพลางหันไปตะโกนใส่ประตู “ที่ปรึกษา เพลาๆ หน่อยนะเว้ย!” หนุ่มน้อยพูดไปให้สมกับบุคลิก แต่หัวใจของเขาหล่นลงเหวนานแล้วอะ อะไรกันวะ?บอสเอาจริงเลยเหรอ?เสียงนั่นดูไม่ปลอมเลยนะ…ไม่ปลอมจริงๆ แหละ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า เสียงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบจะเป็นเสียงของหญิงสาวเพียงคนเดียวส่วนฉินมั่วกระโดดลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วและเด็ดเดี่ยว ขาทั้งสองแตะพื้นอย่างแทบจะไม่เกิดเสียง เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีกล้องวงจรผิด เขาจึงไม่ต้องระวังอะไรมาก สาวเท้าเดินไปยังรถ MPVที่นั่นมีเจ้าอ้วนที่กำลังกระวนกระวายใจอยู่ กำลังตัดสินใจว่าจะรายงานเบื้องบนเพื่อมาช่วยคนด่วน! ไม่ว่าจะอย่างไร ขอแค่รักษาชีวิตคนได้ถือว่าสำคัญสุด! แต่ก็พลันได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออกเจ้าอ้วนตาเบิกกว้าง มองดูหน้าตาหล่อเหล่าไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถามขึ้นอัตโนมัติว่า “บอสมาอยู่ที่นี่ได้ไง?”“ฉันมาที่นี่มันแปลกมากหรือไง?” น้ำเสียงของฉินมั่วก็ไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนกันเจ้าอ้วนอ้าปาก อยากบอกว่า จะไม่แปลกได้ไง บอสควรอยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ! แต่เห็นออร่าของบอสแล้ว ก็ไม่กล้าเอ่ยขึ้นฉินมั่วนั่งลงมองดูนอกหน้าต่าง “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปหยุดแฮกอินเทอร์เน็ต ป้องกันไม่ได้ฝ่ายนั้นรู้ตัว นายเข้าไปบอกให้พวกนั้นออกมาได้แล้ว ถึงเวลาที่ฝ่ายโน้นต้องลิ้มรสชาตของการรอบ้าง”“ครับ” เจ้าอ้วนรับคำแล้วเดินลงรถฉินมั่วโทรออกไป ไม่ได้โทรหาป๋อจิ่วหรอก แต่โทรหาท่านบิ๊กต่างหาก การโทรไปหาท่าน นอกจากจะรายงานความเป็นไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขารับมือไม่ไหวจริงๆ อีกอย่างเขาคิดถึงยัยนั่นด้วย รู้ดีว่าหากโทรหาป๋อจิ่ว เธอจะต้องค้นหาว่าเขาอยู่ที่ไหนแน่ ๆการปรากฏตัวของฝานเจีย ทำให้ฉินมั่วได้แต่หลับตา คิดถึงเมื่อครั้งที่แล้วที่ป๋อจิ่วสวมผ้าปิดปากลอยอยู่เหนือน้ำในภาวะลมหายแผ่วอ่อนฉินมั่วนิ้วเกร็งทื่อ ยากจะปรับอารมณ์ เขาแค่อยากรู้ความเป็นไปของเธอ ชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกว่ามาก่อนเลยว่า การรอสายในครั้งนี้จะนานมาก จนเมื่อปลายสายส่งเสียงมา “ฮัลโหล”ชายหนุ่มจึงลืมตาขึ้น เอ่ยเสียงเบา “ฝานเจียมาครับ ลำพังฝีมือของเจ้าอ้วนคงกลบเกลื่อนไม่พอแน่ ให้คนโพสรูปบนข่าวของเจ้าชายน้อยด้วย จะได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นลูกเศรษฐีของจริง”“ฉันจะสั่งให้คนทำเดี๋ยวนี้” สีหน้าของท่านเข้มงวด นี่เป็นเวลาพิเศษ เขานั่งตรงนี้ด้วยความกลัวว่าจะพลาดสายที่ฉินมั่วต่อมาการออกไปทำภารกิจนอกประเทศ คนของพวกเขาทางนี้จะไม่ติดต่อไปหาฉินมั่วเคยว่าไว้ว่า หากเกิดอะไรขึ้น เขาจะเป็นฝ่ายติดมาเอง“พวกนายเป็นไงบ้าง? โอเคอยู่ใช่ไหม?” ท่านบิ๊กกังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกเขาเป็นที่สุด โดยเฉพาะหากฝ่ายนั้นมีแฮกเกอร์อยู่ด้วย การสื่อสารของพวกเขาจะต้องมีปัญหาแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับคิงเลยฉินมั่วตอบ “ปลอมแปลงตัวเองได้สมบทบาทมากครับ”เมื่อได้ยิน ท่านบิ๊กก็พลันโล่งอก แต่เสียงฉินมั่วดังขึ้นอีก “เขาถามไหมครับว่าผมไปที่ไหน?”……………………………………………….ตอนที่ 1666-1เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว ท่านบิ๊กถึงกับชะงัก มือที่กุมโทรศัพท์ถึงกับเกร็ง เขารายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบนแล้วว่า เจ้าหนุ่มฉินอยู่นอกประเทศ ใครจะไปรู้ หากเกิดอะไรผิดปกติขึ้นมา คำสั่งที่แฝงทางจิตของเขาอาจกำเริบได้เรื่องที่เด็กคนนั้นหนีไป อย่าเพิ่งให้เขารู้เลย ในเมื่อเจ้าคนแซ่ถังเดินทางไปด้วยตัวเอง ย่อมไม่มีปัญหาแน่ท่านบิ๊กคิดมาถึงตรงนี้ก็ปรับเสียงให้นิ่ง “ถามสิ ว่าแต่นายไปหาคนมาจากไหน ฉลาดมาก หลอกยากชิบเป๋ง”“แล้วท่านตอบว่ายังไงครับ” ฉินมั่วยังคงมองนอกหน้าต่าง วิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าท่านบิ๊กถอนใจยาว “ก็บอกเหมือนอย่างที่นายพูดนั่นแหละ” แต่ไม่ได้บอกหมดหรอกนะ เด็กนั่นก็ขับรถหนีไปแล้ว เรื่องมาถึงเวลานี้ ท่านบิ๊กยังวาดเพ้ยใส่ททหารรักษาเวรยามในเรื่องนี้อยู่เลย จริงๆ สินะ เขารู้สึกผิดต่อสิ่งที่เจ้าหนุ่มฉินมันฝากฝังไว้ แต่จะทำยังไงได้ นอกจากต่อสายหาตระกูลถังรัวๆ ก็ทำอะไรไม่ได้อีกเวลาพิเศษอย่างนี้ เรื่องใดก็ตามที่กระทบต่อฉินมั่ว ย่อมอันตรายถึงชีวิต ยังดีที่ว่าภารกิจนี้จะเสร็จภายในสองวันนี้ท่านบิ๊กมองดูเวลา เอ่ยต่อ “ยังอยากได้อะไรอีกไหม? ถ้าไม่ ฉันขอเรียนเบื้องบนก่อนนะ”“ไม่ล่ะฮะ เชิญท่านตามสบาย” ฉินมั่ววางหู ยังคงรู้สึกไม่สบายใจหน่อยๆ เขาจุดบุหรี่ ดูเหมือนจะมีแต่วิธีนี้ที่ทำให้ควบคุมอารมณ์ได้คนอื่นอาจไม่รู้ว่า นับตั้งแต่ชายหนุ่มมาถึงที่แห่งนี้ ภาพกระจัดกระจายกับเสียงก็โผล่เข้ามาในสมอง เมื่อหันหน้าไป ก็พอจะเห็นด้ายแดงที่ล้อมรอบคอเขา โดยมีฮู้ป้องกันอันตรายห้อยอยู่ฉินมั่วดึงฮู้ออกมาวางบนฝ่ามือ เสี้ยวหน้าภายใต้แสงตะวันยังไม่อาจลบเลือนความสง่าของเขาลงได้เขาลงมืออย่างราบรื่น ถอยได้ทันเวลา ไม่มีใครจับจุดอ่อนได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายน้อยหรือนักมายากล ล้วนแต่เห็นฉินมั่วที่นั่งในรถแล้วถึงกับอึ้งตะลึง เพราะพวกเขาเพิ่งได้ยินเสียงหนังสด ต่อให้อยู่นอกประตู แต่เสียงนั่นก็ชัดมาก ซึ่งบอสน่าจะอยู่ข้างใน แล้วทำไมถึงโผล่หน้ามาอยู่ที่นี่?ทั้งสองสบตากัน ถามขึ้นทันที “เสียงในห้องเมื่อกี้นี้…”“ก็แค่จ่ายเงินซื้อเสียง มันยากมากนักเหรอ?” ฉินมั่วเห็นว่ามีคนเข้ามาแล้วก็วางฮู้ลง เอนตัวพิงพนักหลัง เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบทว่าทั้งสองต่างชื่นชมอีกฝ่ายเหมือนเป็นพวกโง่เง่าเลยทีเดียว เจ้าชายน้อยอดโล่งใจไม่ได้ อุตส่าห์ทำแบบนี้ได้อีก ดำน้อยเอ๊ย พี่นายสมกับเป็นจอมมารของแท้เลยว่ะ สุดยอดเลยนะเว้ยชายหนุ่มคงเดาว่าต้องมีคนไปหาแน่ จึงซื้อเสียงของหญิงสาว เทพจริงๆนักมายากลเอ่ยขึ้นอยู่ด้านข้าง “ฝานเจียมาแล้ว ถ้าบอสโผล่หน้าออกไป เขาต้องจำได้แน่”เมื่อได้ยิน บรรยากาศในรถเงียบสนิท เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเกือบจะจับเจ้าหล่อนได้แล้วเชียว แต่เพราะตัวประกันคนหนึ่งทำให้ต้องปล่อยตัวร้ายลอยนวล………………………………………..ตอนที่ 1666-2เจ้าชายน้อยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ แต่เห็นสีหน้าท่าทางของทุกคนก็พอจะเดาออก สถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นคุณกับพวกเขาเลยฉินมั่วยกข้อมือดูเวลาแล้วหัวเราะขึ้นมา แต่แววตากลับไม่รื่นเริงด้วย ทั้งยังฉาบด้วยน้ำแข็ง “รอจนเขาจำฉันได้ ก็น่าจะได้เวลาเก็บศพตัวเองแล้ว”นักมายากลเข้าใจดีว่าบอสไม่ได้พูดเล่น เพราะตอนนั้นบอสวางแผนแบบนี้จริง ๆฝานเจียอันตรายเกินไป เธอกับคิงเป็นคนประเภทเดียวกัน ชอบแอบแฝงชักจูงคนอื่น ถือว่าความผิดทั้งปวงเป็นเรื่องที่ถูก เคืองแค้นแนวหลักการที่เป็นเหตุเป็นผล คนแบบนี้ล้วนแต่ใช้ความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งต่อการพิจารณาเรื่องต่างๆ จากนั้น ศีลธรรมก็จะหายไป ทัศนคติของคนเราต่างกันได้ ทว่าหากไร้ซึ่งศีลธรรม กล้าทำร้ายผู้อื่น กลับขาวให้เป็นดำ จึงไม่ใช่ปัญหาด้านทัศนคติ แต่เป็นปัญหาที่เกิดจากตัวบุคคลมากกว่า และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ คนที่อ้างว่าตัวเองอ่อนแอ แต่เวลาที่คิดชั่วขึ้นมา ยังน่ากลัวว่าภูตผีปีศาจเสียอีกฝานเจียและคิงถนัดที่บ่มเพาะคนแบบนั้นเวลานี้ ทุกคนต่างเข้าใจในสิ่งเดียวกัน พวกเขาไม่อาจทำเหมือนเก่า ประเภทอยากทำอะไรก็ทำ เพราะการต่อสู้กันอย่างแท้จริงมาถึงแล้ว มันเป็นการสู้กันทางจิตวิทยาเสียมากกว่า ไม่ใช่รีบร้อนก็เอาชนะได้แม้ว่าเวลาจำกัดมากแค่ไหน แต่กลับทำอะไรไม่ได้ กลุ่มปฏิบัติการณ์จำต้องหยุดชั่วคราวสองวันนี้เจ้าชายน้อยผลาญเงินสนุกสนามเหมือนภมรหนุ่มที่ดอมดมดอกนั้นดอกนี้ โปรยเงินมหาศาล ซื้อของไปทั่ว จู่ๆ จะไม่ได้ซื้ออีก จึงคันไม้คันมือชอบกลระหว่างที่คิดเช่นนี้อยู่ มือถือของบอสที่วางบนโต๊ะก็ดังขึ้น คนโทรมาคือแมงป่องพิษ ฉินมั่วนั่งที่เดิม มองดูหน้าจอที่สว่างครู่หนึ่งก่อนจะดับไปด้วยแววตาเฉยชานี่เป็นครั้งที่สองแล้วเจ้าชายน้อยไม่เข้าใจว่าบอสคิดอะไรอยู่ เพราะสิ่งที่พวกเขาอุตส่าห์ทุ่มเทในช่วงสองวันนี้ก็เพื่อล่อให้แมงป่องพิษร่วมธุรกิจกันพอแมงป่องพิษเป็นฝ่ายติดต่อมาเอง บอสกลับไม่รีบอีก ถ้ากลัวว่าอีกฝ่ายจะจำตัวเองได้ก็ส่งเขาไปแทนสิ หรือว่าบอสจะมีแผนอื่น เจ้าชายน้อยคิดอย่างนี้นี่แหละผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ฉินมั่วจึงหยิบมือถือจากโต๊ะโทรกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยอย่างที่เคยเป็น “ขอโทษด้วยท่านประธาน เมื่อกี้กำลังต่อรองราคากันอยู่ เลยปรับมือถือให้อยู่ในโหมดไม่ส่งเสียง มีธุระอะไรหรือเปล่า?”ได้ยินแล้ว เจ้าชายน้อยได้แต่มองดูแก้วไวน์กับปืนไรเฟิลประกอบไว้เรียบร้อยซึ่งนอนอยู่บนโต๊ะ รู้สึกนับถือบอสทันทีว่า นี่ขนาดโกหก ยังออร่ามาเต็ม โหดหน้ายิ้มของแท้ฝ่ายแมงป่องกลับเชื่อคำพูดฉินมั่วสนิทใจ เพราะสายของเขาบอกว่า คนกลุ่มนี้มาถึงประเทศ M และ T ก็ไม่ได้คิดจะหาพวกเขามาเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แมงป่องพิษร้อนใจเอามากๆ จึงหัวเราะขึ้น “ผมแจ้งเจ้านายเรื่องที่คุณที่ปรึกษาพูดแล้ว เจ้านายยังไม่ตอบเลยฮะ แต่ถึงเวลานั้นจริงๆ คุณห้ามไม่รับสายนะฮะ”แมงป่องเองก็มีความคิดลึกซึ้ง พิจารณาเรื่องอย่างถี่ถ้วน ฝั่งโน้นเล่นเย็นขาแบบนี้ แมงป่องพิษเริ่มกังวลว่าจะมีคนชิงการค้าในครั้งนี้ไป ความระแวงสงสัยต่อตัวฉินมั่วจึงคลายลง ฝ่ายฉินมั่วเองก็ไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นออกไปมากนักเมื่อแมงป่องพิษวางสาย หรี่ตาลง จากนั้นก็โทรออกไป………………………………………..
คอมเม้นต์