Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1903 vs 1904-1 vs 1904-2
ตอนที่ 1903เจ้าชายน้อยที่ผิดหวังแต่กลับไม่มีการตอบรับ หรือว่าทำภารกิจที่คุณอาป๋อสั่งอย่างตั้งใจมาก ฉินมั่วนึกถึงยัยเสือน้อยที่น่าจะสวมหูฟังเอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดูระเบียงที่เชื่อมกันของทั้งสองบ้าน เขาที่สวมเสื้อขนเป็ดกำลังทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน คือการปีนกำแพงเลียนแบบยัยเสือน้อย แต่คงเพราะไม่คล่องตัว ทำให้ฉินมั่วปีนได้อย่างทุลักทุเลมากเมื่อคุณพ่อบ้านผมทองกลับมาก็เห็นเข้าพอดี ตอนแรกเขาเห็นร่างเล็กนั่น ยังนึกว่าคุณหนูจิ่วซนอีกแล้ว รีบตะโกนเป็นภาษาอังกฤษว่า “โอ้โน คุณหนูจิ่ว คุณชายใกล้จะกลับมาแล้ว คุณทำแบบนี้จะโดนคุณชาย คุณช้าย?!”คุณพ่อบ้านผมทองเห็นใบหน้าเย็นชานั่น ถึงกับขนหัวลุกด้วยความตกใจ เป็นไปได้ยังไง? ใครจะรู้ว่าคุณชายผู้เคารพในกฎกติกามารยาทเสมือนเป็นต้นแบบเด็กดี จะมาปีนกำแพงบ้านคนอื่นเขา?“เอะอะอะไรกัน” ฉินมั่วหลุบตามองอีกฝ่าย เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบคุณพ่อบ้านสวมสูทยืนที่เดิม “เปล่า เปล่าครับ” อยากให้คุณหนูจิ่วได้เห็นคุณชายของพวกเขาปีนกำแพงจังเลย อยากหัวเราะ ทำยังไงดี?ฉินมั่วไม่สนใจ เมื่อยืนบนระเบียงก็เข้าไปใกล้หน้าต่างบานยาวระพื้น มองเห็นข้างในผ่านกระจกอย่างชัดเจน ในนั้นไม่มีใครสักคน ไม่เพียงแต่จะไม่เห็นคุณอาป๋อและคุณอาผู้หญิง กระทั่งยังเสือน้อยยังไม่อยู่เลยภายในตัวบ้านก็ไม่ยุ่งเหยิง เก็บข้าวของได้เรียบร้อย เหมือนผู้เป็นเจ้าของจะไม่เคยกลับมา แน่ละ ฉินมั่วในเวลานั้นยังไม่โตมากพอที่จะมีความสามารถในการประเมินที่เหนือคนอื่น ก็ยังเป็นเด็กอยู่นี่นา แต่ความรู้สึกผิดปกติของเขาถูกต้องเลยทีเดียวฉินมั่วมองดูมุมหนึ่งผ่านกระจกหน้าต่าง มุมนั้นควรจะมีร่างยัยเสือน้อยที่กำลังพิมพ์คีย์บอร์ด และจะต้องไม่ได้พับแขนเสื้อแน่ ทั้งยังจะเกาหน้าตัวเองบ้างเป็นบางครั้ง ทำท่าแบบ ‘ฉันกำลังจริงจังนะจะบอกให้’ หรือก็อาจจะคลานไปคลานมาหาขนมกิน หากไม่เพราะเขาสั่งให้เธอนั่งบนเก้าอี้ เธอย่อมซนสุดๆ อยู่อย่างนั้นฉินมั่วคิดไม่ถึงว่า เมื่อห้องนี้ไร้วี่แววยัยเสือน้อยที่ปีนไปปีนมาจะดูว่างเปล่าขนาดนี้…ด้านล่าง คุณพ่อบ้านผมทองมองดูร่างที่ยืนบนระเบียงบ้านคนอื่น ไม่เข้าใจว่าทำไม หากมองคุณชายจากมุมเขา เหมือนจะผิดหวัง?แต่ไม่ทันได้เห็นให้ชัดเจน ฉินมั่วก็รูดตัวลงมาจากกำแพงช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับบ้านตระกูลป๋อ? ไม่รู้ว่าเป็นเพราะครุ่นคิดกับปัญหาดังกล่าวมากเกินไป หรืออาจเป็นเพราะไม่มีประสบการณ์การปีนกำแพง มือของฉินมั่วจึงขูดกับกำแพงอย่างไม่ระวังคุณพ่อบ้านผมทองร้องเสียงหลง ปรี่เข้าไปหา “คุณชาย ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”“แค่มือขูดกำแพงเอง จะไปมีอะไรมากมาย กลับก่อนเถอะ” ฉินมั่วหันไปดูหลังมือตัวเอง สีหน้ายังคงราบเรียบเหมือนเดิม เสื้อขนเป็ดยังคงติดตัวอยู่ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ายัยเสือน้อยจะไม่อยู่ในเวลานี้ ไม่ใช่เป็นอย่างที่คุณตาพูดหรอกว่าเขาคิดถึงเธอ ถึงได้เป็นแบบนี้ แต่ทำไมเขาถึงได้เซ่อซ่าอย่างนี้ฉินมั่วที่ปฏิเสธในสิ่งที่คุณตาเคยพูดไว้ กลับหันไปมองด้านหลัง เขาซื้อของให้เธอตั้งเยอะ เดิมอยากจะให้เธอได้เห็นเขาเร็วๆ จึงปรี่มาที่บ้านตระกูลป๋อทันที ไม่กลับเข้าบ้านตัวเองก่อน เห็นทีเขาคงต้องรอตอนค่ำแล้ว…………………………………………..ตอนที่ 1904-1เด็กสองคนเจอกันแล้วคุณพ่อบ้านรู้สึกว่าคุณชายของตัวเองผิดหวังมาก หรือว่านี่เป็นความแตกต่างกันด้านวัฒนธรรมตะวันตกกับตะวันออก เขาถึงได้หาคำบรรยายที่ดีกว่านี้ไม่ได้? หรือว่าวันนี้ไม่มีคุณหนูจิ่วอยู่ข้างตัว ทำให้รู้สึกว่าร่างเล็กๆ นั่นต่างไปจากเวลาปกติคิดดูแล้วก็น่าจะใช่ แล้วปกติในเวลาอย่างนี้ คุณชายจะทำอะไร?หากไม่ช่วยคุณหนูจิ่วพับแขนเสื้อก็ต้องพันผ้าพันคอให้เธอ ก็งับหมวกคุณหนูจิ่วลงเพื่อให้เธอไม่เห็นทาง จะได้ไม่ซนมาก แล้วยอมให้คุณชายจูงมือเธอเดิน ทว่าวันนี้คุณชายกลับไม่ได้ทำเมื่อเดินตรงไปข้างหน้า คุณชายดูเหมือน เอ…ภาษาจีนเรียกกันว่าอะไรนะ ลืมแล้ว เอาเป็นว่าดูเหงาหงอยมากและในเวลานี้นี่เอง ดวงไฟหน้ารถก็ส่องเข้ามา ทำให้ฉินมั่วรู้สึกตัวว่าท้องฟ้ามืดแล้ว เขาหันไปมอง และพบว่ารถคันนั้นจอดลงหน้าบ้านตระกูลป๋อ แต่รถคันนี้ไม่ได้เป็นของบ้านเธอนี่นาในระหว่างที่ฉินมั่วขมวดคิ้ว ประตูรถพลันเปิดออก ยัยเสือน้อยกระโดดลงมาจากตัวรถ ปากก็เอาแต่ร้อง “มั่วมั่ว มั่วมั่ว” แล้วกระโจนไปหาเขาด้วยความดีใจมาก ดังนั้นเธอจึงลืมคุมแรงของตัวเอง ทำให้ฉินมั่วล้มไปกองบนพื้น “มั่วมั่ว ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้” ดวงตากลมโตของเธอดำขลับ ปิดบังความยินดีไว้ไม่มิดฉินมั่วไม่ได้เตือนเรื่องเรี่ยวแรงของเธอ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้พูดว่า ‘ป๋อเสียวจิ่วอย่าเอาแต่กระโจนใส่คนอื่นได้ไหม’ แต่หันไปกอดเอวเธอ อาจเป็นเพราะนานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน อยากอยู่ใกล้ชิดกันหน่อย แต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นเห็นอารมณ์ของตัวเอง จึงซบหน้าที่บ่าของเธอ เอ่ยเสียงเรียบว่า “ก็แค่กลับมาแล้ว”นี่เป็นครั้งแรกที่ยัยเสือน้อยเห็นเจ้าหญิงน้อยของเธอเป็นฝ่ายกอดเธอ แถมยังเขินอีกด้วย จึงรีบควักเอาฮู้กันภัยที่ขอมาจากท่านไต้ซือ แล้วคล้องด้ายแดงที่ผูกกับฮู้นั่นไว้บนคอเขาโดยไม่ตริตรองอะไร “มั่วมั่ว ฉันให้ของขวัญเธอนะ”ฉินมั่วส่งเสียงรับรู้สั้นๆ น้ำเสียงไม่แสดงอะไร แต่คุณพ่อบ้านหนุ่มเห็นแล้วพอจะมองออกว่ายิ้มบนหน้าของคุณชายชัดมาก ต้องดีใจขนาดนั้นเชียวเหรอ? อย่าคิดว่าคุณชายส่งเสียงรับรู้แล้วจะไม่มีอะไร มีแต่ของที่คุณหนูจิ่วให้เท่านั้นแหละที่เขายอมรับ ของที่คนอื่นให้น่ะเหรอ เขาปฏิเสธอย่างมีมารยาทหมด แต่ทุกสิ่งที่คุณหนูจิ่วให้ ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน เห็ดป่า รวมถึงกระปุกออมสินใบโตที่ไม่ได้เป็นของสวยงามมีค่าแต่อย่างใด กลับถูกวางโดดเด่นอยู่ในห้องคุณชายเสมอ โดยไม่ยอมให้คนอื่นได้แตะต้อง แถมคุณชายยังชอบให้คนอื่นถามประมาณนี้กับเขาเป็นที่สุด อันได้แก่ ‘ไปซื้อกระปุกออมสินเสือน้อยนี่มาจากไหนเหรอ ใหญ่จัง ไม่เคยเห็นมีขายที่ไหนมาก่อนเลย’คุณชายจะตอบเป็นปกติว่า ‘มีเสือน้อยบางตัวเอามาให้ผมครับ” แต่มุมปากแยกยิ้มชัดเชียว คุณพ่อบ้านจึงเข้าใจทันทีว่า ทำไมของพวกนี้ถึงได้วางอยู่ในที่เด่นชัดมาก ก็เพราะต้องการอวดนี่เอง ตอนนี้เห็นทีคุณชายได้ของอวดเพิ่มอีกแล้วเด็กน้อยทั้งสองกอดกันนานมาก ยัยเสือน้อยยังสั่งอีกว่า “มั่วมั่ว ห้ามถอดฮู้ออกจาตัวนะ ไม่งั้นจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ มั่วมั่วเธอต้องเชื่อฉันนะ อื้อ เชื่อฉัน…” พูดมาถึงตอนท้าย เธอก็ยื่นมือไปลูบศีรษะของฉินมั่ว ………………………………………….ตอนที่ 1904-2เด็กสองคนเจอกันแล้วคุณตาพ่อบ้านไม่อยู่ ในรถนอกจากโชเฟอร์และบอร์ดี้การ์ดแล้ว ยังมีวิลเลี่ยมจูเนียร์อีกด้วย เขารู้สึกว่าจิ่วช่างมีความสามารถพิเศษ เช่น พอเห็นเจ้าปีศาจจากเอเชียแล้ว เธอจะหลงลืมคนรอบข้างจนสิ้นวิลเลี่ยมจูเนียร์ตามลงมา เรียกชื่อป๋อจิ่ว ก่อนจะเอ่ยต่อ “จิ่ว พรุ่งนี้เราค่อยไปที่อื่นกันนะ แล้วถ้าวันนี้คุณอาป๋อไม่กลับมา เธอก็ต้องมานอนที่บ้านฉัน คุณตาพ่อบ้านบอกว่า ห้ามอยู่บ้านคนเดียว”ยัยเสือน้อยได้ยินแล้วไม่รู้สึกอะไร สองวันนี้วิลเลี่ยมจูเนียร์พูดประโยคนี้บ่อยที่สุด แต่ยัยเสือน้อยเคยฟังเสียที่ไหน ทว่าฉินมั่วเห็นฝ่ายนั้นอึดใจเดียว แววตาก็ถมึงทึง ยัยเสือน้อยลงจากรถของมัน แถมยัง นอน…นอน?เป็นครั้งแรกที่ฉินมั่วเข้าถึงความรู้สึกหินกดทับหัวใจ โกรธ? ผิดหวัง? เดือดดาล? อาจรวมกันหมด ทำให้ฉินมั่วทนไม่ไหว ก็กระชากตัวป๋อจิ่วโดยไม่รอให้วิลเลี่ยมจูเนียร์พูดอะไรอีกอย่างไม่มีเหตุผล เขากระชากข้อมือเธอเข้าบ้านตระกูลอานชนิดที่ไม่ควบคุมแรงแต่ฉินมั่วก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนลากเธอแท้ๆ แต่ทำไมกลับเจ็บนิ้วมือเสียเอง บริเวณที่โดนขูดเมื่อครู่นี้แสบร้อนเหมือนโดนไฟเผา ทั้งนี้เหมือนมีบางอย่างกำลังถูกลุกโหมในหัวใจของด้วย เขาเคยคิดว่าเธอจะเชื่อฟังคำพูดของเขา ด้วยการไม่ไปเที่ยวเล่นไหนกับคนอื่น เขายอมรับว่า ความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของของเขามันรุนแรงอย่างผิดปกติ ในฐานะที่เป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง จะไม่ไปเล่นกับคนอื่นได้อย่างไรทว่าฉินมั่วควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้ เช่นเขาคิดว่าเธอคือยัยเสือน้อยที่เขาเลี้ยงดู ยัยเสือน้อยควรจะมองแต่เขา เล่นกับเขาเท่านั้น ต้องไม่ไปเล่นกับคนอื่น เขายังเลี้ยงยัยเสือน้อยแค่คนเดียว ไม่เคยสนใจคนอื่นเลย ในเมื่อเขาทำได้ ยัยเสือน้อยก็ต้องทำได้สิ แต่นอกจากเธอจะไม่ยอมเชื่อฟังเขา ยังสนิทกับเจ้าวิลเลี่ยมจูเนียร์นั่นถึงขั้นนี้อีก ฉินมั่วหลุบตาลงข่มอารมณ์ให้นิ่งสนิท ทว่าไม่สำเร็จ “ป๋อเสียวจิ่ว ฉันเคยบอกเธอหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่า เธอเป็นผู้หญิง แค่ทำตัวให้เป็นกุลสตรีนี่ทำไม่ได้เหรอ?”ยัยเสือน้อยตอบอย่างตั้งใจ “ฉันก็เป็นกุลสตรีอยู่นี่ไง”“เธอเห็นใครก็กระโจนเข้าใส่ อย่างนี้เรียกว่ากุลสตรีหรือไง?” ฉินมั่วรู้ว่าตัวเองพาล แต่ควบคุมไม่อยู่นี่นายัยเสือน้อยตากลมโตเชียว เธอเริ่มเศร้า “มั่วมั่ว เธอไม่ชอบให้ฉันทำแบบนั้น งั้นต่อไปฉันจะไม่กระโจนใส่เธออีกแล้ว”“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอพูดแบบนี้ เธอยังเคยบอกว่าจะเชื่อฟังฉันเลย” ฉินมั่วพูดแล้วมือผล็อยตก เสียงพลอยเย็นชา “ช่างเถอะ ทำไมฉันต้องพูดเรื่องนี้กับเธอด้วย ป๋อเสียวจิ่ว ฉันเคยบอกว่า ถ้าเธอไปเล่นกับคนอื่นอีกก็ไม่ต้องมากับฉันอีก” พูดจบฉินมั่วก็หมุนตัวขึ้นบันไดไป ยัยเสือน้อยรีบกอดเขาทันที“อย่ามาใช้วิธีนี้กับฉัน” ฉินมั่วเอียงศีรษะ ใบหน้างามสง่าเย็นยะเยือก “เธออยากไปเล่นกับคนอื่นก็ไปเลย ฉันจะไม่อยากจะสนเธออีก”ยัยเสือน้อยได้ยินแล้วเจ็บปวด “ฉันไม่เคยบอกให้เธอมาสนฉันเสียหน่อย เธอดุกับฉันมากเกินไปแล้วนะ ฉันแค่ซน ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายสักหน่อย” …………………………………….
คอมเม้นต์