Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1863-1 vs 1863-2 vs 1864-1
ตอนที่ 1863-1ฉินมั่วบอกตัวเองว่า อย่าเอาเรื่องกับคนที่เด็กกว่าตัวเอง เจ้าตัวสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะอาหาร แต่ใครจะรู้ล่ะว่ายัยเด็กตาโตจะกระโจนใส่ฉินมั่วถูกกระโดดทับจนล้มลงบนพื้นโดยไม่ทันระวัง จากนั้นจึงเห็นมือเสือน้อยคลำศีรษะตัวเองอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะ มั่วมั่ว ไม่คิดว่าเธอจะอ่อนแออย่างนี้ ต่อไปฉันจะระวังตัวเอง ไม่รุนแรงแบบนี้อีกแล้ว”ใครอยากคุยกับเธอเรื่องไม่รุนแรงอะไรกัน อีกอย่าง อ่อนแอ? เขาน่ะเหรอ?ฉินมั่วไม่อยากจะหายใจอีกแล้ว แต่ยัยนี่เหมือนเป็นเตาผิงขนาดย่อม แม้เขาอยากกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วโยนออกไป แต่ต้องระวังว่าเธอยังเด็กมาก แถมยังตาโตจนทำให้อารมณ์เสีย“ลุกขึ้นมา” เสียงเขาเย็นนิดๆป๋อจิ่วเอียงศีรษะ หางเสือพลอยส่ายตาม “ได้”แม่หนูน้อยท่าทางว่านอนสอนง่ายมาก ทำให้คุณท่านอานหัวเราะอย่างอารมณ์ดียิ่งขึ้น แต่ จะขำมากเกินไปไม่ได้ เพราะหลานท่านไม่รับไม่ได้ คุณท่านอานคิดได้ถึงตรงนี้ ก็พาตัวเสือน้อยไปอีกทาง “มา จิ่ว ไปนั่งกินอะไรกันหน่อยดีกว่า”เมื่ออยู่ต่อหน้าคนสวย ป๋อจิ่วลืมไปเลยว่าเธอกับพ่อมาขอข้าวที่นี่กิน พอคุณท่านอานพูดเช่นนั้น ก็นึกถึงวัตุประสงค์ที่แท้จริงในการมาที่นี่ได้ จึงเดินส่ายหางเสือไปนั่งกับคุณตาพ่อบอกว่าคนจีนจะเริ่มสนิทกันบนโต๊ะอาหาร รอจนกินเสร็จ มั่วมั่วก็จะไม่อายเหมือนเมื่อกี้อีกต่อไปฉินมั่วมองดูดวงตากลมโตที่ส่ายสายตามายังทางนี้ เริ่มจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองแล้วนั่งที่หน้าโต๊ะตามมารยาท เขาคิดว่ารอจนกินเสร็จก็จะไม่ต้องเห็นเจ้าเสือน้อยที่สร้างผลกระทบต่ออารมณ์เขาแล้วใครจะรู้ล่ะว่า แค่นั่งลงปุ๊บ ยัยเสือน้อยก็ย้ายเก้าอี้มาอยู่ข้างเขา เจ้าหล่อนนั่งลงพลางว่า “พวกเรานั่งใกล้ๆ กันนะ จะได้คุยกันเบาๆ”เสี้ยวหน้าฉินมั่วเย็นชามาก ออกจะหยิ่งยโสเหมือนเจ้าชายน้อย เขาไม่อยากพูดป๋อจิ่วเอียงศีรษะ “มั่วมั่ว ไม่เคยมีใครพูดเลยเหรอว่า เธอสวยมากๆ”“เธอเป็นคนแรก” แถมพูดแต่ประโยค แทบจะทำให้ฉันโยนเธอออกไปได้เลยแววตาของป๋อจิ่วยิ่งสุกสกาวขึ้น “ฉันเป็นคนตาถึง”ฉินมั่วหัวเราะ เขาเปลี่ยนใจแล้ว ยัยเสือน้อยนี่กวนมาก หาเรื่องโดนสั่งสอน “ใช่ ตาถึงมากๆ”แค่ผู้หญิงกับผู้ชายก็แยกไม่ออกเขาหยิบมีดมาเฉือนเนื้อสเต๊ก สามารถลงแรงหนักได้อย่างไร้ร่องรอย ดูดีมีมารยาทมากทีเดียวป๋อจิ่วไม่สังเกตว่าตัวเองพลาดที่ตรงไหน ดื่มน้ำอย่างเริงร่า ส่วนคุณป๋อที่เก็บทุกอย่างไว้ในสายตากลับไม่คิดจะเปิดโปงออกมา หยิบแก้วไวน์ขึ้นเขย่าเล็กน้อยด้วยกิริยาสง่างามแบบที่ไม่ตั้งใจ ทำให้เขาดูเหมือนตัวละครในหนังภาพยนตร์ แต่เพิ่งจะกินสเต๊กได้คำเดียว มือถือที่วางไว้ด้านข้างก็ส่งเสียงขึ้น เป็นเสียงเพลงกล่อมเด็ก ทุกครั้งที่เสียงเพลงดังกล่าวดัง คุณป๋อต้องมีเรื่องให้ยุ่ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน …………………………………………………….ตอนที่ 1863-2เพียงแต่เขาไม่รีบร้อน แค่มองแวบเดียวก็ยิ้มให้คุณท่านอาน “คุณอานครับ ผมมีเรื่องด่วน คงต้องรบกวนให้พวกคุณช่วยดูแลท่านจิ่วแล้วล่ะครับ”ส่วนคุณท่านอานยิ้มนิดๆ “รบกวนอะไรกันล่ะ คุณไปทำงานเถอะ จิ่วจะรู้จักมักคุ้นกับมั่วเอ๋อร์เสียหน่อย”“งั้นก็ขอบคุณล่ะครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นมา สวมเสื้อกันลม ก่อนจะละมือข้างหนึ่งมาลูกศีรษะลูกสาวตัวเอง แผ่นหลังที่เดินออกไป ไม่เหมือนเมื่อตอนขามาสักนิด เขาในเวลานี้ดูเหมือนจะกลืนเข้ากับบรรยากาศแห่งความมืดได้เป็นอย่างดี กระทั่งแววตาที่ดูเรื่อยเฉื่อยยังแปรเปลี่ยนเป็นคมกริบเหมือนสายลม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความร้ายกาจที่กระจายออกมา ในระหว่างที่หลุบตาลงป๋อจิ่วมองพ่อที่เดินออกมา ก่อนจะหันสายตากลับมา ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะงงงันอย่างนึกไม่ถึง ซึ่งไม่เกินการคาดการณ์ไว้ของฉินมั่ว เขาไม่ชอบให้ยัยเสือน้อยคอตกห่อเหี่ยวแบบนี้เลยคุณท่านอานจับได้ จึงพูดพลางยิ้ม “จิ่ว ไม่ต้องอายนะลูก เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ มั่วเอ๋อร์จะพาหนูไปเล่นชั้นบน”“ได้เหรอคะ” ยัยเสือน้อยกระปรี้กระเปร่าทันที แววตาสดใสหันไปจ้องฉินมั่ว เล่นเอาฝ่ายหลังชะงัก เอ่ยเรียบๆ แค่ว่า “อื้ม”เขารำคาญว่าหากไม่รับปากละก็ ยัยเสือน้อยจะต้องร้องไห้โฮๆ แน่ ช่างเถอะ ถ้าจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นสู้รับปากจะดีกว่า“มั่วมั่ว เธอเป็นคนดีมาก” ป๋อจิ่วยื่นมือออกไปหมายจะกอดฉินมั่วย่นหัวคิ้ว สีหน้าเย็นชา “เธอเก็บมือเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าทำให้ฉันเปลี่ยนใจ”ป๋อจิ่วมองดูมือตัวเอง แล้วหันไปดูเจ้าหญิงน้อยที่นั่งข้างตัว จึงเข้าใจทันที “มั่วมั่ว ฉันรู้ว่าคนจีนถือว่าไม่ให้ผู้หญิงกับผู้ชายใกล้ชิดกัน จะสนิทกันมากไม่ได้ แต่วางใจเถอะ ฉันก็เป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกัน”หึๆ เธอน่ะเป็นเด็กผู้หญิง แต่ฉันไม่ใช่ อย่าเหมาฉันรวมไปด้วย ฉินมั่วขี้เกียจจะคุยกับเธออีก เขาอยากจะกินสเต๊กให้หมดแล้วขึ้นไปอ่านหนังสือข้างบนยัยเสือน้อยที่นั่งข้างๆ รู้ดี จึงไม่ทำตัววุ่นวาย นั่งข้างตัวอีกฝ่ายอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่รอให้ใครหั่นเนื้อสเต๊กให้ แต่เสื้อที่สวมอยู่ทำให้หั่นเนื้อสเต๊กยาก ทว่าเธอก็ไม่ปริปากฉินมั่วเห็นแล้วก็ยิ่งรำคาญใจ ดึงเอาจานเธอมาแล้วใช้มีดและส้อมหั่นให้ แม้อายุจะน้อยนิด แต่ดูรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารแล้วป๋อจิ่วชะงัก ก่อนหันไปมองเจ้าหญิงน้อยที่ช่วยหั่นเนื้อให้เธออยู่ข้างๆ มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ เจ้าหญิงน้อยหั่นสเต๊กด้วยกิริยาที่งดงามจริงๆ ไม่โหดเถื่อนเหมือนเธอสักนิดฉินมั่วขยับมือ เอ่ยเสียงเย็น “อย่ามองฉัน”ป๋อจิ่วรับคำ เริ่มจะไม่มอง แต่ตอนหลังทนไม่ไหว หันหน้าไปหา “มั่วมั่ว ถ้าฉันเก็บเงินได้เพิ่มขึ้น เธอจะขายตัวเองให้ฉันไหม”ฉินมั่ววางมีดและส้อม เลิกตามองเธอ “ถ้าจะให้ดี เธอย่าถามฉันด้วยคำถามอย่างนี้อีกนะ”“หรือเพราะเงินฉันน้อยไป?” ป๋อจิ่วเขย่ากระปุกออมสินฉินมั่วรู้สึกว่าการจะมาเอาชนะเด็กโง่ๆ ถือเป็นการทะเลาะแบบเด็กน้อย จึงผลักถาดอาหารให้ ส่งเสียงตอบรับไปงั้นๆ ด้วยเสียงเย็น ช่างไม่รู้เลยว่าการเอออออย่างไม่คิดจริงจังจะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งในสายตาอีกฝ่าย“งั้นฉันจะสะสมเงินเพิ่มอีกนิด” เวลาป๋อจิ่วจริงจังขึ้นมา ไม่ลืมที่จะเกาหน้าตัวเองฉินมั่วมองหน้าเธอ โรคบ้าความสะอาดทำให้เขาทนไม่ไหว ยื่นมือเสยผมให้เธอ จะได้ไม่เกะกะสายตาเขา เขาบอกตัวเองว่าแค่วันนี้เท่านั้น พอวันนี้ผ่านไป เจ้าหล่อนก็อย่าหวังจะปรากฏตัวที่โต๊ะอาหารของเขาอีกเลย………………………………………….ตอนที่ 1864-1ป๋อจิ่วยังไม่รู้ว่าเจ้าหญิงน้อยที่เธอชอบคิดอะไรอยู่ แต่เขาอุตส่าห์หั่นสเต๊กให้เธอ แสดงว่าเจ้าหญิงน้อยน่าจะยอมรับเธอแล้ว ถือเป็นเรื่องดีสำหรับป๋อจิ่ว ต้องรู้ไว้ว่าเมื่อก่อนมีคนตกใจกับความโหดเถื่อนของเธอมากมายเหลือเกิน เจ้าหญิงน้อยช่างดีจัง ไม่แคร์สักนิดอันที่จริงสิ่งที่ฉินมั่วแคร์ กลับเป็นสิ่งที่ป๋อจิ่วไม่น่าจะนึกออกสเต๊กน่ากินมาก แจ๋วกว่าบะหมี่หลายเท่า ป๋อจิ่วรัดผ้ากันเปื้อนอย่างสง่างามนุ่มนวล ชนิดที่ไม่มีเด็กคนไหนทำได้มาก่อน ต่อให้ตอนหั่นเนื้อจะแรงไปหน่อย แต่ถ้าพูดถึงถึงมารยาทบนโต๊ะอาหาร เธอยังคงมีครบถ้วน โดยเฉพาะการรอผู้ใหญ่ที่เธอทำได้ดีพอๆ กับฉินมั่ว ทั้งสองรอให้คุณท่านอานกินก่อนจึงจะขยับ ส่วนการวางมีดและส้อม ก็ให้ผู้ใหญ่วางก่อน ด้วยเรื่องแค่นี้ ก็ทำให้คุณท่านอานชอบใจยัยเสือน้อยตรงหน้ามากยิ่งไม่ต้องพูดถึงกิริยาการกินของเธอ สองแก้มพองกลม เวลาให้อะไรกินก็จะให้ความรู้สึกได้ดั่งใจ เป็นเด็กคนละประเภทกับหลานท่านจริงๆฉินมั่วมองดูคนข้างตัวที่กินจนพุงกลม พลางขยับดื่มน้ำโดยไม่แสดงท่าทีอื่นใด ก็มาขอข้าวกินนี่นะ สมกับเจตนาจริงๆป๋อจิ่วไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าหญิงน้อยได้ยินสิ่งที่เธอกับพ่อพูดกัน เมื่อเห็นอีกฝ่ายกินอิ่มวางมีดส้อม ก็กอดกระปุกออมสินเดินตามขึ้นไป หางเสือส่ายไปมาคุณท่านอานเห็นแล้วรู้สึกยินดีมาก ตอนนี้ลูกสาวท่านกำลังรุ่งในวงการ ส่วนลูกเขยก็อยู่ที่กองทัพ หลานชายต้องตามท่านมาอย่างนี้ แม้จะมีข้อดี แต่ท่านก็เกรงว่าหลานจะขาดบางสิ่งในวัยเด็กเช่นกัน ตอนนี้เห็นที แม้จะอยู่ต่างประเทศ แต่มียัยเสือน้อยอยู่เป็นเพื่อน อย่างน้อยก็คงทำให้หลานท่านอ่อนโยนขึ้น แม้ว่าหลานชายท่านจะมีท่าทีต่อต้าน แต่การต่อต้านก็ยังดีกว่าไม่พูดอะไรออกมา ยัยเสือน้อยก็ช่างน่าเอ็นดู ทำไมถึงคิดว่าหลานท่านเป็นผู้หญิงได้?คุณท่านอานคิดมาถึงตรงนี้ก็หัวเราะขึ้น คงเพราะดีใจมาก ขนาดต้องไปประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ก็ยังให้คุณตาพ่อบ้านเปิดไวน์ให้ขวดหนึ่งส่วนฝั่งทางนี้ ป๋อจิ่วตัวน้อยที่กำลังเดินตามฉินมั่วขึ้นตึก ฉวยโอกาสสำรวจรอบด้าน รู้สึกหวานอยู่ในใจ “มั่วมั่ว หน้าต่างห้องเราอยู่ตรงข้ามกันแหละ ฝั่งตรงข้ามของห้องเธอก็คือห้องฉัน”ฉินมั่วมองดูเธอแวบหนึ่ง เอ่ยแค่ “อย่าซี้ซั้วจับข้าวของในห้องนี้ ขนมที่อยู่บนโต๊ะน่ะกินได้ แล้วอย่ามารบกวนตอนฉันอ่านหนังสือ”ปกติแล้ว หากว่ากันตามนิสัยของอีกฝ่าย เขาคิดว่าจะต้องทำไม่ได้แน่นอน รอจนเมื่อเขาเปิดหนังสืออ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงก็คิดจะรินน้ำดื่ม ยัยคนนั้นก็หอบกระปุกออมสินไปนั่งเงียบๆมองตาโต โดยไม่กินขนมบนโต๊ะเลยฉินมั่วดื่มน้ำหมด กำลังจะอ่านหนังสือต่อ ก็ถูกเตาผิงน้อยกระเถิบเข้ามาใกล้ นิ้วที่พลิกหน้าหนังสือของเขาถึงกับชะงัก ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วหันหน้าไปมอง ก็เห็นสีหน้าง่วงงุนของยัยเสือน้อย คงเพราะรู้ตัวว่าตัวเองโงนเงนไปโดนตัวเขา เจ้าหล่อนจึงตื่นขึ้นมาในทันใด สะบัดศีรษะตัวเอง “มั่วมั่ว ฉันง่วงจัง กลับบ้านก่อนนะแล้วพรุ่งนี้จะมาเล่นด้วย” พูดจบก็กระโดดลงจากเก้าอี้ เดินงัวเงียจะออกไป …………………………………………………….
คอมเม้นต์