Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1852-2 vs 1852-3
ตอนที่ 1852-2“โง่จัง” ฉินมั่วมองเธอครู่หนึ่ง หัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะลากตัวเธอไป แถมยังรวบของขวัญทั้งหมดไว้ด้วย “ของจำพวกอมยิ้มนี่ ถ้าเธออยากกิน ฉันซื้อให้หมด ขนมหวานที่คนอื่นให้หวานกว่า หรือขนมหวานที่แฟนให้หวานกว่า หือ?”ป๋อจิ่วสรุปโดยไม่ต้องคิด ก็ต้องของแฟนหวานกว่าสิ “แล้วผ้าพันคอล่ะ? ถุงมือด้วย?”“ของแบ๊วน่ารักแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอหรอก”ป๋อจิ่วฟังความหมายที่แฝงของชายหนุ่มออก ของที่คนอื่นให้ จงอย่าใช้“แต่จะโยนทิ้งก็น่าเสียดายนะ” เธอไม่อยากทิ้งของขวัญที่แฟนคลับให้ฉินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ใครให้เธอทิ้ง เอาไปให้หลินเฟิง เขาเหมาะกับสไตล์แบบนี้”“โอเค” ป๋อจิ่วยิ้มออกทันทีกว่าจะแข่งเสร็จได้ เวลานี้หลินเฟิงที่กำลังพักผ่อนในหอพัก อันที่จริงก็นอนหลับอยู่ พอถูกเจ้าหน้าที่ดูแลหอพักเรียกให้ลงไปรับของ เขารู้สึกงงงวยอะไรวะ ถุงมือสีชมพูอมครีม? ผ้าพันคอลายตาราง? ของพวกนี้มันอะไรกันวะ?ที่สำคัญคือลุงที่ดูแลหอพักบอกว่า “เพื่อนนายบอกว่านายเหมาะกับสไตล์แบบนี้”อะไรที่เรียกว่าเขาเหมาะกับสไตล์แบบนี้ ผู้ชายแท้ทั้งแท่งอย่างเขา เหมาะกับถุงมือสีชมพูอมครีมอย่างนั้นเหรอ? แถมยังโยนทิ้งไม่ได้ด้วย จึงได้แต่เกาศีรษะ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็เผลอลองสวมใส่เผลอนะ… แต่พอจะถอดทิ้ง อวิ๋นหู่ดันผลักประตูเข้ามาก่อนเมื่อห็นเขาสวมแบบนั้น ก็จ้องที่มือทันทีหลินเฟิงกระอักกระอ่วน จะอธิบายเรื่องถุงมือกับเกย์อย่างไรดี แต่มาคิดดูแล้ว มันก็แค่ถุงมือ ไม่เห็นมีอะไรน่าอธิบายเลย แค่มันเป็นสีหวานเท่านั้นเอง“เอ่อ ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่แอบชอบฉันคนไหนส่งมาให้” หลินเฟิงทำหน้าจริงจัง “ฉันบอกพวกเขาแล้วว่า ต่อไปอย่าเอาของแบบนี้ให้ฉันอีก แต่ทำไงได้ คนมันหล่ออ่ะ ต้องมีเรื่องให้ปวดหัวทุกที สงสัยว่าแม่สาวที่ส่งให้ฉันคงจะสลับเอาถุงมือตัวเองมาให้ฉันแทน…”อวิ๋นหู่ฟังอีกฝ่ายนิ่งๆ วางถุงไก่แกงกะหรี่ที่ซื้อมาจากข้างนอกลงบนโต๊ะ เสื้อกันลมสีอ่อนถูกรูดเปิดครึ่งหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้ “หัวหน้ากับเจ้าแบล็กเป็นคนส่งถุงมือมาให้ บอกว่าสไตล์นี้เหมาะกับนายดี”หลินเฟิง…พวกนี้รู้จักคำว่ากระอักกระอ่วนไหม โกหกแล้วยังโดนจบได้อีก บ้าเอ๊ยทันใดนั้น อวิ๋นหู่ก้มตัวไปหา นิ้วแตะลงบนถุงมือที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ถอดออก “อื้ม เหมาะสมจริงๆ”หลินเฟิงชะงัก เพราะอยู่ใกล้มากเกินไปหลังจากที่แข่งเสร็จ ความรู้สึกอึดอัดก็กลับเข้ามา หลินเฟิงเบือนหน้าไปถอดถุงมือออก อวิ๋นหู่เห็นแต่ไม่ได้ว่าอะไร แค่พาดเสื้อกันลมไว้ที่แขน และรักษาระยะห่างทั้งสอง “กินข้าวกันเถอะ วันนี้ที่โรงอาหารทำรายการอาหารใหม่”หลินเฟิงหิวเหมือนกัน การกินข้าวถือเป็นเรื่องดี เมื่อกินข้าวแล้วก็จะไม่มีความรู้สึกประหลาด เขาอาศัยจังหวะที่อวิ๋นหู่ไปล้างมือ เปิดกล่องข้าวออกมา ก่อนจะไปหยิบเบียร์มาสองกระป๋องพวกผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละ อยู่กันอย่างดิบเถื่อน กินข้าวไม่กินน้ำ แต่ซัดเบียร์แทน เมื่อหลินเฟิงจัดอาหารเสร็จก็เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามา จึงก้มหน้าก้มตากินหลินเฟิงมักกินอาหารในรูปแบบของความเป็นชายแท้ด้วยการตักเข้าปากเอาๆ จนเต็ม ส่วนอวิ๋นหู่จิบเบียร์ก่อน จากนั้นก็มองเพื่อนพลางขมวดคิ้วขึ้น “นายหิวขนาดนี้ ทำไมถึงไม่สั่งเดลิเวอร์ลี่ล่ะ”“เมื่อกี้หิวไม่มาก” หลินเฟิงพูดทั้งๆ ที่เคี้ยวแก้มตุ่ย ก่อนจะตบท้ายด้วยเบียร์ แล้วเรอเสียงยาว “รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย” ……………………………………..ตอนที่ 1852-3อวิ๋นหู่หัวเราะ เวลาเราชอบใครสักคนก็มักเป็นแบบนี้ ขอแค่เขาอยู่ใกล้ตัว ไม่ว่าจะทำอะไร หรือพูดอะไร กระทั่งกินอะไร ก็ดูระรื่นตาไปหมด“มองฉันทำไม” หลินเฟิงพูดๆ อยู่ ก็พลันรู้สึกผิดปกติอวิ๋นหู่ถอนสายตากลับมาอย่างเป็นปกติ “เปล่านี่ วันนี้อาจารย์เรียกชื่อนาย”“เฮ้ย จริงอ่ะ” หลินเฟิงคาบตะเกียบ ซวยขนาดนั้นเชียว?อวิ๋นหู่ส่งเสียงยืนยัน ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ฉันแก้ตัวให้นายแล้ว”หลินเฟิงทำมือเป็นรูปหัวใจให้ “เพื่อนรักเอ๊ย นายพูดว่าอะไรอ่ะ นายหาข้ออ้างให้ฉันดีมาก อาจารย์เลยไม่ติดใจใช่ไหม ฉันรู้ล่ะว่า มีนายอยู่ด้วย เชื่อมั่นได้ทุกอย่าง”“พูดความจริงนี่แหละ” อวิ๋นหู่ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ พลางดื่มเบียร์อีก “บอกว่านายต้องทำงานหนัก ต่อไปอาจจะโดดเรียนอีก ให้อาจารย์จับตามองให้ดี”What?เสียงของตกดังขึ้น ตะเกียบในมือของหลินเฟิงร่วงลง “เพื่อน นายกำลังฆ่าฉันตายรู้ไหม?”อวิ๋นหู่แกะเอาตะเกียบคู่ใหม่ให้ “การสานต่อธุรกิจตระกูลเป็นเรื่องดี แต่นายไม่เหมาะที่จะเข้าไปใกล้คนบางคน เรื่องการบริหารน่ะ ไม่จำเป็นต้องไปดูด้วยตัวเองหรอก นายเรียนกับอาจารย์ก็ได้ความรู้เยอะ อีกอย่าง ต่อไปฉันจะเป็นคนรับผิดชอบการเข้าเรียนของนาย แถมอาจารย์ยังมีวิทยานิพนธ์ทำอีก นายจะได้สะสางให้เรียบร้อย”หลินเฟิงหายใจไม่ทั่วท้อง เพื่อนเอ๊ย ทำไมคนเขาถึงชอบไปมหาวิทยาลัยกัน ก็เพราะมันอิสระไง แล้วตอนนี้หมายความว่าไง? เข้าเรียน วิทยานิพนธ์? นี่จะให้เขากลับไปเป็นเด็กม.ปลายอีกเหรอ?และคนที่ทำทุกสิ่งเหล่านี้ กลับเป็นเพื่อนรักของเขาเองหลินเฟิงเอาหัวชนผนัง “ฉันเอาคะแนนแค่นี้ก็พอ ไม่ต้องไปเมืองนอกหรอก”“คำพูดแบบนี้ นายไปพูดให้อาจารย์ฟังเถอะ” อวิ๋นหู่แสดงสีหน้าปฏิเสธ เกร็งนิ้ว “หรือนายคิดว่าวิ่งไปสถานที่ก่อสร้างดีกว่ามามหาวิทยาลัยล่ะ”หลินเฟิงลังเลครู่หนึ่ง “ก็ไม่ใช่อย่างนั้น”อวิ๋นหู่เลิกคิ้ว “เพราะเขาเหรอ?”“เอ๋?”ใคร? หลินเฟิงยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็เห็นมือถือของอวิ๋นหู่ที่วางบนโต๊ะส่งเสียงดังขึ้น หน้าจอโชว์ชื่อหนึ่งที่ไม่แปลกตาเสียเท่าไร ก่อนไปเมืองนอกก็เบอร์นี้นี่แหละ ตอนนี้ก็ยังใช่ ผู้ชายคนนั้น…หลินเฟิงมองดูอวิ๋นหู่ที่เอาหยิบมือถืออย่างไม่คิดจะปิดบัง “มีเรื่องอะไร?” หลินเฟิงไม่ได้ยินเสียงจากปลายทาง ด้วยตัวเองรับไม่ได้กับสถานการณ์แบบนี้ จึงลุกขึ้นมา ถือกระป๋องเบียร์เดินออกไปสมองเขาหนักอึ้ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่อยากหยิบเบียร์ แต่กลับถือล่าเถียว[1]ติดมือมาทั้งถุงอะไรกันนี่? หลินเฟิงมองดูของในมือ คิดอยู่นานพอควร ก่อนจะเดิมกลับไป นั่นไง พอเขานั่งบนเก้าอี้ หยิบตะเกียบขึ้น อวิ๋นหู่ก็วางหูทันที “นายกินไปก่อน ฉันจะออกไปแป๊บหนึ่ง”หลินเฟิงรับคำ ก้มหน้าโกยข้าวเข้าปากแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉันอาจจะออกไปเหมือนกัน นายเอากุญแจไปด้วย”อวิ๋นหู่มองเพื่อน “ไปไหน?”[1] ล่าเถียว เป็นขนมอย่างหนึ่งของจีน โดยมีลักษณะเป็นแท่งยาวหรือเป็นแผ่น ทำจากแป้งและมีรสเผ็ด เป็นที่นิยมมาก……………………………………
คอมเม้นต์