Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1816-1 vs 1816-2 vs 1817-1
ตอนที่ 1816-1ยังดีว่านี่เป็นการแข่งขัน ด้วยการแข่งลีกส์อาชีพมีข้อดีอยู่ตรงที่ หลังจากที่เข้าสนามไปแล้วจะไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกอินอู๋เย่าสวมหูฟัง วันนี้เขาไม่สูบบุหรี่ก่อนลงแข่ง ซึ่งน้อยครั้งจะเป็นแบบนี้ สายตาของทุกคนที่จับจ้องเริ่มเปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่ตอนที่เขานั่งลง ทว่าสีหน้าของเจ้าตัวดูสบายๆ กว่าทุกคน แต่ในทันทีที่กุมเมาส์ สายตาของทุกคนต่างเลื่อนไปมองที่นิ้วมือเขาอัตโนมัติจะว่าไปมันก็แปลก เมื่ออายุล่วงเลยมาถึงวัยนี้ นิ้วมือจะต้องหยากระด้างสิ แต่นิ้วมือของอินอู๋เย่าต่างไปจากนั้น มันยาวเรียวสวยอย่างชัดเจน ประกาศให้รู้ถึงความรักในอีสปอร์ตของเขา ด้วยเคยฝันว่าจะได้กลับมาสู่วงการอีกครั้ง จึงถนอมมือตัวเองมาก ก็เขายังต้องใช้งานพวกมันในการจับเมาส์และพิมพ์คีย์บอร์ดอีกนี่เสียงเอฟเฟกต์ของเกมดังขึ้น เสียงอธิบายที่แฝงความตื่นเต้นของพิธีกรดังแทรกเข้าไปด้วยการแข่งเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ! ทว่าไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับที่อยู่ในสนามแข่งหรือสมาชิกของทีมไดมอนด์ ต่างจับจ้องมือที่ผุดขึ้นลงของอินอู๋เย่า“เล่นงานวานาตานาเบะยากเหมือนกันนะ” พวกผู้บรรยายเอ่ยความเห็นตัวเองออกมาเมื่อนักกีฬาทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน“จริงด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเดินตำแหน่งหรือสกิลการเล่น เทพจริงๆ ความเร็วก็สูงมาก โจมตีโหดแบบนี้ ถ้าไม่แสดงทีเด็ดออกมา รับรองว่ากันไม่ไหวแน่” ผู้บรรยายอึ้งทันทีที่พูดมาถึงตรงนี้ “ถึงแม้ตอนนี้ยังเป็นช่วงต้นของเกม แต่พวกเราต่างรู้ว่าอันที่จริงยิ่งเป็นการเล่นเกมชั้นสูงในระดับประเภทเดี่ยวจะยิ่งใช้เวลาสั้น ใช้เวลาแป๊บเดียวก็รู้ผลแพ้ชนะแล้ว ถ้าเล่นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ มีหวังทิศอุดรแห่งอินซานต้องแย่แน่”เหมือนจะเป็นการยืนยันในสิ่งที่ผู้บรรยายพูดไว้ เพราะวาตานาเบะใช้สกิลรองทำความเสียหายให้กับอินอู่เย่าอย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะลดความเร็ว สตัน และการฟาดดาบทันควัน ก็ทำด้วยความเร็วสูง ทำให้คนเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ล้วนแต่นิ่งอึ้ง“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเร็วได้ขนาดนี้!” ผู้บรรยายเอ่ยเสียงหนักอึ้ง “นี่คงเป็นความสามารถของทีมระดับโลกของแท้ แต่ละคนที่ลงแข่งไม่ธรรมดากันทั้งนั้น ฝีมือแบบนี้ นักกีฬาประเทศจีนที่จะสู้เขาไหว เรียกว่ามีน้อยจนนับนิ้วได้เลยทีเดียว”เมื่อมีคนถามว่าเป็นถึงขั้นนั้นเลยเหรอ? เป็นเพราะตอนนี้ทีมไดมอนด์ไม่ไหวแล้วหรือเปล่า กระทั่งมาตรฐานการเล่นของคนในทีมยังต่ำลง อันที่จริงพวกเขาไม่เข้าใจว่า ฝีมือของฝ่ายตรงข้ามแกร่งมากแค่ไหน ผู้ที่รู้ดีที่สุดคือทีมเซียงหนานที่นั่งอีกมุมหนึ่ง“ลั่วลั่ว”“หือ?”“ยังจำวาตานาเบะได้ไหม?”“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ตอนเล่นประเภทคู่ เราสองคนอุตส่าห์กันเขาไว้ได้แล้วเชียว แต่ต้องเสียไปตั้งสองชีวิต จนกลายเป็นเล่นสองต่อหนึ่ง แล้วถึงจะเราจะชนะประเภทคู่นั่น แต่ถ้าเทียบฝีมือกันจริงๆ เราก็แพ้หลุดลุ่ย”“อื้ม ตอนนั้นเรายังมีทีมมินเนี่ยนที่ช่วยล้มป้อมคริสตัลของฝ่ายเขาด้วย แต่ตอนนี้อินอู๋เย่าต้องเล่นกับหมอนั่นคนเดียว คงต้องเหนื่อยแล้วล่ะ” ……………………………………………ตอนที่ 1816-2มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ความแข็งแกร่งของทีมอาทิตย์อุทัยนั้น เราจะต้องได้ปะทะกับเขาถึงจะรู้ซึ้ง เราอาจคิดว่าฝ่ายนั้นใช้แค่สกิลรองไม่ใช่เหรอ ทำไมอินอู๋เย่าถึงดูอ่อนแอจัง แต่อันที่จริงสกิลรองนี่แหละที่พอบวกกับตำแหน่งการเดินและการประเมินล่วงหน้า แล้วเล่นอย่างคล่องตัว ก็จะทำให้คนเราหลงลืมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆในเกมชั้นสูง ภาพที่เราเห็นจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด“ถ้าเล่นอย่างนี้ต่อไป เฮียแกคงเจริญเติบโตไม่ไหวในช่วงท้ายเกมแน่” ถึงเจ้ลั่วคนสวยจะเป็นผู้หญิง แต่ก็ถนัดด้านการวิเคราะห์เกม “วาตานาเบะเล่นแบบนี้ เท่ากับช่วยลองเชิงให้ทีมตัวเอง เฮียจะต้องหาวิธีให้อีกฝ่ายเปิดแผนการเล่นออกมา ถึงจะชนะเกมนี้ได้ เพราะพวกเรารู้ดีว่าตอนที่แข่งกับวาตานาเบะ ฝีมือของเขาไม่ได้มีแค่นี้…”เจ้ลั่วคนสวยพูดยังไม่ทันจบ เสียงของเซียวจิ่งพลันดังขึ้นมา เจ้าตัวกอดอก นัยน์ตาสีเข้มจ้องหน้าจอ เอ่ยแค่ว่า “มาแล้ว”อะไรมา?ในระหว่างที่ผู้คนยังตั้งตัวไม่ทัน วาตานาเบะในจอภาพก็โจมตีเป็นระลอกที่สอง! โดยที่ป้อมยังคงอยู่ ซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คน และสกิลที่สองพลันถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง! ในระหว่างที่ทุกคนคิดว่าอินอู๋เย่ายังไม่รู้ตัวอีก ต้องตายแน่ๆ ก็เห็นเขาขยับมือขวาอย่างรวดเร็ว หลบการควบคุมของอีกฝ่าย แถมป้อมยังทำร้ายตัววาตาเบะอีกด้วยทั้งนี้มันยังไม่จบ วาตานาเบะสะบัดเมาส์ กะจะเดินตำแหน่งคว้าเฟิร์สบลัด แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายกลับสะบัดเมาส์อย่างเท่ทันควัน นิ้วมือที่พิมพ์คีย์บอร์ดขยับขึ้นลง หมุนตัวฟาดดาบใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที“เยี่ยม!” ผู้บรรยายเอ่ยชมอย่างยั้งใจไม่อยู่! ส่วนวาตานาเบะเกิดไหวพริบในทันที โดยเข้าทำความเสียหายให้คู่แข่งอีกครั้ง ทว่าอินอู๋เย่าก็ใช่จะธรรมดา เขาเดินตำแหน่งเหมือนงู หลบการทำร้ายได้ฉมัง เล่นเอาคนดูอ้าปากค้าง แต่วาตาเบะไม่คิดจะทิ้งโอกาสนี้หรอก แถมเขายังทำร้ายคู่แข่งโดยทิ้งการทำดาเมจในตอนท้าย ฆ่าระยะประชิด ซึ่งอินอู่เย่าก็โจมตีคืน ทั้งสองต่างทำความเสียหายให้ซึ่งกันและกันKO! เสียงเอฟเฟกต์ดังขึ้น ทุกคนต่างเห็นตัวอักษรบนหน้าจอกับตาตัวเองทิศอุดรนอนลงท่ามกลางเลือด แม้ว่าพวกแฟนคลับจะรับไม่ได้กับภาพดังกล่าว แต่อินอู๋เย่าก็เสียเฟิร์สบลัดไปแล้ว หากว่ากันตามกฎสากล ใครก็ตามที่ได้เฟิร์สบลัดในการสู้ประจันหน้าจะถือเป็นผู้ชนะเหล่าแฟนคลับไม่คิดว่าเกมจะจบลงได้เร็วเพียงนี้ ทั้งที่ไม่ได้เสียป้อมเลย แต่กลับแพ้เสียแล้ว แถมยังเล่นกันแค่ช่วงกลางของเกมเท่านั้น ซึ่งหากนับจากเริ่มเกมจนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ถึงยี่สิบนาทีเสียด้วยซ้ำ เกมก็จบลงเสียแล้ว!พวกที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กำลังรู้สึกว่าทีมไดมอนด์ไม่มีอะไรน่าดูอีกต่อไป กะจะเลิกดู ทว่าเสียงเอฟเฟกต์อีกเสียงหนึ่งก็ดังตามมา!วาตานาเบะนอนจมเลือดเช่นกัน แค่ช้ากว่าอินอู๋เย่าแค่ก้าวหนึ่ง ชนิดที่เจ้าตัวยังกำเมาส์ชะงักค้าง จะว่าไปเขาวางแผนไว้ว่า หลังจากที่ฆ่าอีกฝ่ายได้ เขาแค่ออกจากป้อมในสภาพที่เลือดเกือบหมด และต่อให้คู่แข่งมีแรงโจมตีกลับ เขายังพอจะควบคุมได้วาตานาเบะหรี่ตาลง เงยหน้ามองดูภาพสโลโมชั่น ถึงได้พบว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงแต่จะโจมตีกลับ ด้วยการเดินตำแหน่งอย่างมีเทคนิค ทั้งยังฆ่าเขาคืน แม้รู้ว่าเขาจะโจมตีเป็นครั้งที่สอง!หากไม่เพราะทิศอุดรหักเลี้ยวช้าไป บางทีคนที่เสียเฟิร์สบลัดคนแรกอาจเป็นเขาก็ได้ มุมปากของวาตานาเบะกระตุก เหมือนจะพูดว่า “น่าสนใจแฮะ” ซึ่งก็น่าสนใจจริงๆ แหละ เพราะไม่เห็นคู่แข่งแบบนี้มานานแล้ว ขนาดอยู่ในสภาวะแบบนี้ยังฆ่าเขาได้อีก!ทุกคนต่างตาโต กระทั่งผู้บรรยายยังรู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที ทว่าการแข่งขันก็คือการแข่งขัน กฎก็คือกฎ ในเมื่อคนที่ตายก่อนคืออินอู๋เย่า คนที่ได้เฟิร์สบลัดย่อมเป็นวาตานาเบะ ดังนั้นต่อให้ตายทั้งคู่ในท้ายที่สุด แต่ฝ่ายที่ชนะยังคงเป็นทีมอาทิตย์อุทัย…………………………………………….ตอนที่ 1817-1อินอู๋เย่าปลดหูฟังออกแล้วเดินลงมา พอจะเห็นว่าเขาอารมณ์หดหู่แค่ไหน ส่วนป๋อจิ่วแค่ขยับปลายเท้าก็หยัดกายขึ้นมาได้ “เดี๋ยวหาเวลาแข่งในอินเทอร์เน็ตอีกครั้งนะ”ความหมายนั่นชัดมาก หากแข่งประเภทเดี่ยวนานกว่านี้อีกหน่อย หรือกฎการแข่งไม่ได้เป็นเช่นนั้น ผลแพ้ชนะอาจเปลี่ยนไปอินอู๋เย่ายิ้ม “อย่าปลอบฉันเลย ฉันรู้ดีว่าเมื่อกี้ฉันพิมพ์ช้าไปหน่อย”“มันเกี่ยวข้องกับอายุจริงๆ แหละ” ป๋อจิ่วยิ้ม “เพราะเฮียอาศัยว่าตัวเองพิมพ์ช้า มารังแกคู่แข่งแบบนั้นไง”อินอู๋เย่าชะงัก รอยยิ้มบนหน้ายิ่งลึกซึ้งเข้าไปใหญ่ “เอาล่ะ หัวหน้าตัวเล็ก ฉันโดนนายปลอบเข้าให้แล้ว” บางอย่างพูดออกมาจะดีกว่า “ต่อไปจะเป็นประเภทคู่แล้ว” ชายหนุ่มเงยหน้ามองจอยักษ์ “นายคิดว่าโฮชิโนะไม่ลงเดี่ยวเพราะอะไร?”หลินเฟิงชะโงกหน้าเข้ามาเมื่อได้ยิน “ใช่ เรื่องนี้ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน ฝั่งอาทิตย์อุทัยไม่ใช่พวกหยิ่งผยองสักหน่อย”“กลัวแต่ว่าตอนนี้ฉันแพ้แล้ว ต่อไปจะยิ่งบีบให้พวกเขาแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาไม่ได้” อินอู๋เย่ากังวลอย่างมีเหตุผลป๋อจิ่วฟังแล้ว ยิ้มบางๆ พลางเอ่ยขึ้น “ไม่หรอก”“ทำไมถึงไม่ล่ะ?” หลินเฟิงไม่เข้าใจป๋อจิ่วมองดูทีมคู่แข่งที่เหมือนเรื่อยเฉื่อย เรียวปากบางแย้มยิ้มขึ้นมา “ไม่มีวันที่จะบีบความสามารถที่แท้จริงของเขาออกไม่ได้หรอก นายคิดว่าเห็นฉันกับท่านเทพนั่งด้วยกันตรงนี้แล้ว พวกเขาจะไม่ทุ่มสุดแรงเหรอ? พวกเราถือเป็นคู่รักสุดเก่งเชียวนะ”หลินเฟิง “นี่ยังจะอวดหลัวอีกเหรอ? เจ้าแบล็ก นายนี่มันเพ้อพกได้โล่จริงๆ”ป๋อจิ่วไม่คิดว่าน่าอาย แต่ถือเป็นเกียรติอย่างสูง “ถ้ามีแฟนอย่างท่านเทพ นายก็ต้องอวดเหมือนกันแหละน่ะ”หลินเฟิงนิ่งไป ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเถียงไม่ออก“เอาล่ะ ฉันพูดจริงจังล่ะนะ” ป๋อจิ่วยิ้มขึ้นมาในทันใด “เรื่องที่ทำไมโฮชิโนะถึงไม่เล่นเดี่ยว”หลินเฟิง “ทำไม?”ป๋อจิ่วหัวเราะ “เพราะฉัน เขาอยากแข่งกับฉันตอนเล่นทีม”หลินเฟิงเซ็ง “ฉันถามนายจริงจังนะ”“ฉันก็ตอบจริงจังเหมือนกัน” ป๋อจิ่วซุกมือข้างหนึ่งลงกระเป๋า ยิ้มแย้มดังเดิม เล่นเอาหลินเฟิงมุมปากกระตุก “นายคิดว่าจะมีใครเชื่อคำพูดนายบ้าง”“คนเก่งก็ต้องเก็บเงียบกัน รู้แก่ใจเป็นพอ” ป๋อจิ่วหันไปหยิบน้ำแร่ “ต้องโทษที่น้องเจียมตัวเกินไปหน่อย”หลินเฟิงหันไปมองโคโค่ที่ฟังคำตอบอยู่ด้วย “ฉันอยากชกเขาอะ”“ดาวประจำทีม นายต้องใจเย็นนะ อย่าวู่วาม ต่อให้เจ้าแบล็กดูแมนกว่านาย หล่อกว่านาย แต่เขาก็เป็นผู้หญิง อีกอย่างเมื่อกี้อะ หัวหน้าก็จ้องนายแล้ว จริงๆ นะ ขืนต่อยกันขึ้นมา ระวังนายจะแย่เอา” ประโยคสุดท้ายของโคโค่ เล่นเอาหลินเฟิงตัวแข็ง ค่อยๆหันไปมองในสภาพคอแข็งฝืด เพราะคนที่ยืนหลังเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหัวหน้านั่นเอง ……………………………………………….
คอมเม้นต์