Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1721-1 vs 1721-2
ตอนที่ 1721-1 “เฝ้าฉันยี่สิบสี่ชั่วโมงรึ? แน่ใจนะ?” ฉินมั่วที่ไม่เข้าใจความคิดของป๋อจิ่ว กลับหัวเราะขึ้นด้วยเสียงเบาเรียบ ทว่าแววตากลับลึกซึ้งเหมือนดวงดาว “แต่ฉันเก่งเรื่องทรมานคนตอนกลางคืนนะ ดีเหมือนกัน จะได้เอาพวกที่ศึกษามาปฏิบัติจริงๆ จังๆ สักหน่อย”ระหว่างที่พูดเช่นนี้ ลมหายใจของชายหนุ่มรดอยู่ข้างหูเธอ ให้ความรู้สึกทั้งร้อนและเชื่องช้าราวกับจงใจความไม่สบายใจของป๋อจิ่วถูกขจัดไป ได้แต่จูงมือชายหนุ่มเดินต่อไปข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้เขาอยู่กับเธอก็พอ แถมปล่อยให้เธอจูงอย่างว่าง่ายด้วย ยังไงเธอก็รู้สึกได้เปรียบอยู่ดี เพราะเขาเคยให้เธอจูงเมื่อตอนเป็นเด็ก แต่ก่อนหน้านี้เขากลับเหลือบมองเธอเท่านั้น ตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะเธอได้จูงมือเขาเดิน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เธอยังรู้สึกเป็นสุขเหมือนเดิมฉินมั่วย่อมไม่สะบัดออกไป คงเพราะเขาเองก็แปลกใจ หรือบางทีอาจเป็นเพราะเหยื่อที่รักของเขาเอาใจเขามาก ถึงได้ยอมทำตัวเป็นอีหนูที่ว่าง่าย ยังไงเธอก็เรียกตัวเองว่าเป็นป๋าสายเปย์อยู่แล้วนี่เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ความสนุกก็พาดผ่านนัยน์ตาเขา ไม่เคยเห็นพวกสายเปย์ที่ไหนที่บริสุทธิ์แบบนี้มาก่อนเลยของที่ได้ชิม ย่อมหวานเสมอ เริ่มสนใจหนังสือพวกนั้นเสียแล้วสิ วันนี้อาจจะได้ศึกษาสักหน่อยป๋อจิ่วไม่รู้หรอกว่าคนข้างหลังคิดอะไรอยู่ แต่เข้าใจดี แม้ว่าจะตกแต่งใบหน้าอย่างไร ออร่าของท่านเทพก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จึงหยิบเอาผ้าปิดปากสีดำขึ้นมา แล้วสื่อให้ท่านเทพก้มศีรษะลงหลังจากที่เดินออกจากทางเดินเชื่อมเครื่องบินฉินมั่วกวาดตามองของในมือเธอแวบหนึ่ง ก่อนเลิกคิ้วขึ้น “เวลาอยู่ในเจียงเฉิง ดูเหมือนฉันจะมองหน้าสู้คนไม่ได้”“ไม่ใช่มองหน้าสู้คนไม่ได้ แต่พี่ดังมาก แฟนคลับเพียบ” ป๋อจิ่วน่าจะเข้าใจอารมณ์ของชายหนุ่มในเวลานี้ พูดจบก็เติมต่อ “ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็นพี่ ก็พี่เป็นของฉันนี่นา”พูดเสียเปิดเผยขนาดนี้ ย่อมได้ผลแน่นอน เพราะเห็นมุมปากของชายหนุ่มที่หยักยิ้มภายใต้แสงไฟฉินมั่วไม่ขยับมือ แต่ก้มตัวลงอย่างสื่อให้รู้ว่าเขาเข้าใจด้วยตำแหน่งที่ว่า ป๋อจิ่วจึงไม่จำเป็นต้องเขย่งขา แค่เกี่ยวนิ้วพาดห่วงของผ้าปิดปากไว้กับหูของเขา มันก็คลี่กระจายบดบังใบหน้าลูกครึ่งอันหล่อเหลาของชายหนุ่มได้ทันที“เป็นไง?” ฉินมั่วถามเรียบเรื่อยป๋อจิ่วก็สวมเช่นกัน เสียงที่ดังผ่านผ้าปิดปากสีดำ แฝงด้วยเสียงหัวเราะ “หล่อมาก” หยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีกแฮะ ต้องให้คนเด้วยท่านเทพในรูปแบบนี้ แม้จะอันตราย แต่แล้วจะยังไง? อันที่จริง หากว่ากันในบางมุม เขาในเวลานี้ก็แค่ปลดปล่อยทุกสิ่ง รวมถึงความเคยชินบางอย่างในวัยเด็กป๋อจิ่วรู้ดีว่า ท่านเทพที่ไม่ควบคุมความร้ายกาจของตัวเองน่ากลัวขนาดไหน เขาไม่มีวันเป็นหนูสกปรกที่แอบเล่นกลที่มุมอับอย่างฝานเจีย และไม่มีวันเหมือนคิงที่ชอบสร้างฆาตกรชั่วร้าย แต่เขาจะทำอย่างที่ตัวเองต้องการ ไม่ยอมให้กฎศีลธรรมใดใดผูกมัด ชนิดที่อยากลงมือเมื่อไรก็ทำ เหมือนที่อยู่บนเครื่องบินเมื่อครู่อย่างไรล่ะ เขาเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าผู้ร้ายด้านจิตวิทยา เหมือนจอมมารที่แม้จะฆ่าคนก็ยังงามสง่า อันเป็นเหตุผลที่ใครต่อใครต่างก็กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ หลังจากที่โดนฝังคำสั่งทางจิตป๋อจิ่วรู้ซึ้งทุกอย่าง ดังนั้นเธอจะต้องจับเขาไว้ ไม่ปล่อยมือเด็ดขาด ไม่ใช่เพื่อไม่ให้คนอื่นโดนทำร้าย แต่เป็นเพราะเธอรู้ดีว่า ข้างตัวเขาเหลือแค่เธอเท่านั้นคงเพราะชายหนุ่มแกร่งกล้ามาก มากจนกระทั่งคนอื่นต่างรู้สึกถึงความน่ากลัวของชายหนุ่มในทันทีที่เห็นทว่าไม่มีใครนึกถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัยและความระแวงของเขาว่า เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ แล้วเขาจะต้องเชื่อใครดี แล้วเขาคิดอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับสปีดโบ้ทและกระบอกปืนมากมาย …………………………………ตอนที่ 1721-2แค่คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของป๋อจิ่วก็อ่อนยวบตาม เมื่อหันไปอีกทีก็เห็นท่าทางหยิ่งและเฉยชาของเขาที่ยังแฝงไปด้วยความไม่ได้ดั่งใจเหมือนเด็กน้อยทำไมถึงน่ารักอย่างนี้ “อยากให้พี่กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง”“หืม?” ฉินมั่วคิดว่าตัวเองฟังผิด จึงโน้มตัวลง ถึงได้รู้ว่าคนบางคนพูดออกมา แม้เสียงจะเบาก็ตามป๋อจิ่วงึมงำต่อไป “ฉันจะได้กอดพี่ไว้ ไม่ปล่อยให้ใครมารังแกพี่”รังแกฉันรึ? ฉินมั่วเลิกคิ้วได้รูปขึ้น แต่กลับเห็นท่าทีตั้งอกตั้งใจและจริงจังของเธอ และสายตาของเจ้าหล่อนที่ทำให้เขาทำตามแผนไม่ได้สักทีมีใครในโลกที่รังแกเขาได้โง่จริงๆ แต่ทำไม เขาถึงไม่อยากหนีไปสักที โดยคำตอบหนึ่งเดียวที่ฉินมั่วหาได้ นั่นคือความสนใจของเขาที่มีต่อเธอไม่ลดทอนลงเลยก็แค่นั้นทั้งสองเดินตามกันออกมายังห้องพักผู้โดยสาร เนื่องจากไม่ต้องรอสัมภาระใดใด จึงเร็วกว่าคนอื่น ทว่าการจูงมือกันอย่างไม่กลัวข้อครหา ทำให้หลายคนหันหลังมอง ด้วยเหตุที่ทั้งสองมีรูปร่างหน้าตาดี แม้จะสวมผ้าปิดปากก็ไม่ทำให้จุดเด่นลดต่ำลง แถมยังดูนำสมัยอีกด้วยสาวน้อยบางคนถอนหายใจ “เป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุดเลยล่ะ แต่สนามบินก็เป็นสนามบิน ได้เห็นพี่รูปหล่อสองคนเป็นกำไรสายตาสักแป๊บก็ยังดี สมกันจริง ๆ”ฉินมั่วได้ยินแล้ว ถึงกับหยัดยิ้มที่มุมปาก สมกันจริงๆ เหรอ? เขารู้สึกคุ้นหูอย่างประหลาด แต่ลืมแล้วว่าเคยได้ยินจากที่ไหนแน่ล่ะ เขาย่อมไม่เสียเวลากับเรื่องแบบนี้ เพราะเขายังต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนของเขาและเธอตามที่เธอว่ามานอกสนามบิน รถโรสลอยยาวเป็นพิเศษจอดอยู่ตรงกลางของแถวรถทั้งหลาย ตัวรถเป็นสีดำอย่างเก็บงำความหรู แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังเรียกสายตาจากคนอื่นๆ ได้ เพราะในประเทศมีรถแบบนี้ไม่กี่คันหรอกคุณชายตระกูลไหนกลับมาล่ะ? ผู้คนต่างเดากันไปว่าเป็นพวกไฮโซในเจียงเฉิงหรือไม่ ทว่าคิดหาคำตอบกันไปต่างๆ นานา ก็ยังจำไม่ได้ว่าเป็นรถของใคร ทว่าคนที่ยืนอยู่หน้ารถดูจะแปลกหน้ามากคุณตาลูกครึ่งจีน-อังกฤษวัยล่วงเลยหกสิบ ทว่าร่างจะสูงตรงสวมชุดสูทเต็มยศที่น้อยคนจะสวม แต่เขาทำได้ ทั้งยังถือร็อกเก็ตนาฬิกาไว้ในมือ โดยชำเลืองดูเป็นระยะ ราวกับคุณพ่อบ้านที่ฉลาดปราดเปรื่องจากตระกูลสูงที่อยู่ในการ์ตูนหรือว่ากำลังถ่ายทำละครกันอยู่?หรือว่าใกล้จะถึงเทศกาลคริสมาตร์แล้ว ก็เลยมาถ่ายโฆษณา?แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้สักอย่างทว่าในวินาทีถัดมา ผู้ชราก็ยิ้มพลางมองดูประตูทางออกของผู้โดยสารระหว่างประเทศ แล้วผลักประตูหลังให้เปิดออกจากสุภาพ ผายมือเหมือนเชิญให้ขึ้นรถผู้คนต่างสังเหตเห็นว่ามีคนเดินออกมาถึงสองคนที่แม้จะสวมปิดปากไว้ แต่ออร่าไม่ธรรมดาจึงอยากจะถ่ายรูปไว้เสียหน่อยป๋อจิ่วเห็นแล้วรู้สึกตะลึงในใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าคุณตาจะขับรถแบบนี้มารับ เพราะหากเป็นที่ The Fifth Avenue ก็ยังพอว่า แต่นี่อยู่ในจีนนะ มันดึงดูดสายตาเกินไปเธอมีลางสังหรณ์เลยล่ะว่า พรุ่งนี้พวกเธอจะต้องปรากฏเป็นข่าวในโลกออนไลน์แน่ โชคดีนะที่…สวมผ้าปิดปากเอาไว้…………………………………
คอมเม้นต์