Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1703-4 vs 1704 vs 1705
ตอนที่ 1703-4เพียงแตะไปได้นิดหน่อย เสียงเธอก็ดังเข้าหู “ยุ่งยาก ยังไงก็จูบกันมาตั้งหลายหนแล้ว”ฉินมั่วฟังนิ่งๆ ไม่แสดงอะไรออกมา ความนุ่มพลันประทับบนริมฝีปาก ลมหายใจยังคงหอมหวานเหมือนเดิม กระทั่งน้ำที่ได้จากการจูบก็ยังหวานหน่อยๆ ชายหนุ่มเพียงขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ผลักคนที่กำลังแต๊ะอั๋งตัวเองออกไป“ป้อนแค่นี้ น้อยไปไหม?” ป๋อจิ่วโน้มตัวมาหาด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วตัดสินใจก้มศีรษะเอาดื้อๆด้วยเหตุนี้ ฉินมั่วจึงโดนจูบถึงสามครั้ง และเมื่อมาถึงครั้งที่สี่ ป๋อจิ่วก็รู้ถึงปัญหาหนึ่ง จึงถอดกางเกงชายหนุ่ม ไม่งั้นคงพาตัวไปนอนบนเตียงไม่ได้แต่พอเธอก้มตัวจะดึงเข็มขัด นัยน์ตาที่ปิดอยู่ก็ค่อยๆ ลืมขึ้น แววตานั่นลุ่มลึกเหลือเกิน กระทั่งเสียงก็ยังแหบต่ำน่าฟัง “คิดจะทำอะไรฉัน?”ไม่รอให้ป๋อจิ่วพูดอะไร ฉินมั่วพลิกมือ กดตัวอีกฝ่ายไว้ใต้ร่างบนพื้น ในสภาพเปลือยท่อนบน ลมหายใจที่ตกกระทบร้อนหน่อยๆ “เสื้อผ้าของเธอชื้นกว่าของฉันอีก จะให้ฉันช่วยถอดให้เธอไหม”ฉินมั่วพูดพลางแล้วล้วงมือซ้ายเข้าไปในเสื้อเธอ ก่อนจะลูบเนื้อนุ่มละมุนมือแก่เขา เรียวปากบางแย้มออก “ลองบอกฉันก็ได้นะว่า เมื่อก่อนเราสนิทกันแบบไหน”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหายใจร้อนจัดหรือเพราะกิริยาของฉินมั่ว ทำให้ร่างของเธอพลอยร้อนลุ่มไปด้วย เรียวปากของเธอเริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้างป๋อจิ่วคิดเช่นกันว่านี่ถือเป็นโอกาสดี จึงช้อนตามอง “เมื่อก่อนพี่เชื่อฟังฉันทุกคำ”“เหรอ?” ฉินมั่วไม่หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ เลิกคิ้วเล็กน้อยป๋อจิ่วพูดเหมือนเป็นเรื่องจริง “ฉันให้พี่ไปทางทิศตะวันออก พี่จะไม่มีวันไปทิศตะวันตก พี่รักฉันมาก จนหาทางสารภาพกับฉันตั้งหลายวิธี”“เรอะ?” ฉินมั่วหยุดมือ ราวกับกำลังครุ่นคิดในคำพูดของเธอป๋อจิ่วจึงโอบรัดลำคอของเขาด้วยสีหน้ายิ้มๆ “มองหน้าฉันสิ พี่มั่วน่าจะรู้ว่ามีคนจีบฉันเยอะจะตาย พี่ถึงชอบกลัวบ่อยๆ แถมยังชอบหึงด้วย”“เธอคิดว่าพอฉันสูญเสียความทรงจำแล้วจะสติสตังไม่ดีด้วยใช่ไหม หรือคิดว่าฉันไข้ขึ้นจนสมองพัง?” ฉินมั่วเชยคางอีกฝ่ายขึ้นอย่างใจเย็น “คนอย่างฉันเนี่ยนะ จะทำอย่างที่เธอพูด”ป๋อจิ่วไม่แสดงอาการละอายจากการที่ถูกรู้เท่าทัน “ใช่”ฉินมั่วมองใบหน้าที่อยู่ใกล้แค่คืบ อยู่ๆ ก็ดึงติ่งหูที่แดงเรื่อของเธอเข้ามาประชิดริมฝีปากตัวเอง เอ่ยเสียงร้ายกาจว่า “ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า งั้นฉันคงเป็นฝ่ายรุกมากสินะ เวลาอยู่บนเตียง”ป๋อจิ่วจึงรู้ตัวว่ามือของเขาวางไว้ที่ตรงไหน รู้สึกทันทีว่าตัวเธอร้อนฉ่า ท่านเทพในเวลานี้ทำให้เธอรับมือไม่ไหวในบางด้าน ในระหว่างที่คิดเช่นนี้ ต้นคอของเธอก็ถูกกัด“ดังนั้น ป๋า เธอชอบให้ฉันปรนนิบัติเธอยังไง” ฉินมั่วหัวเราะ แล้วก้มลงไปจูบบริเวณที่เขาเพิ่งกัดเธอ แววตาฉายความอันตรายเพราะสิ่งที่เขาทำลงไป ไหล่ของจิ่วสั่นไหว เอวก็โก่งขึ้น ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง ชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้……………………………………………ตอนที่ 1704เธอปวดหัวหน่อยๆ กระทั่งลมหายใจยังร้อนผ่าวไม่รู้เพราะคำสั่งทางจิตถูกปลุกหรือเปล่า ท่านเทพถึงได้กระทำการรุกรานอย่างไร้ความกังวลใดใด กระทั่งจูบก็ยังเปลี่ยนไป แฝงความร้ายกาจและเย็นยะเยือก ซึ่งเธอหมดทางรับมือจริงๆความวาบหวามที่ส่งทอดมาจากต้นคอ ทำให้ป๋อจิ่วไม่มีสติคิดใคร่ครวญ ความจั๊กกะจี้นิดๆ ที่เกิดขึ้น ยังแทรกมาด้วยความเจ็บหน่อยๆ ความรู้สึกเช่นนั้นราวกับเป็นสัมผัสแรกของเหยื่อที่โดนแวมไพร์กัดหนังสือเล่มหนึ่งเคยบรรยายไว้ว่า เวลาที่เขาจูบเราบนต้นคอ เราจะสูญเสียความรู้สึกทุกอย่าง เหลือเพียงความสุขสบายแสนมหัศจรรย์ที่ทำให้เราดื่มด่ำ เราจะได้สัมผัสกับกลิ่นของเขาที่หวานฉ่ำจนคุณลุ่มหลงไปเรื่อยๆ คุณจะไม่มีวันลืมทิวทัศน์ที่เห็นในเวลานั้น มันเหมือบกับดาวตก ซึ่งคุณวาดหวังให้เขาคืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่งป๋อจิ่วโอบรัดชายหนุ่ม ลำคองามระหงส์ของเธอแหงนหงาย ราวกับสาวน้อยพรหมจรรย์ที่ถูกบูชายันต์ต่อจอมมารแววตาของฉินมั่วมืดมน เรียปากบางเข้าไปใกล้ หมายจะล่วงเลยต่อไป แต่กลับพบว่าใบหน้าของเธอแดงจนผิดปกติ ตัวร้อนกว่าเขาเสียอีก แล้วทำไมมือของเธอจึงมีบาดแผลได้? แผลนั่นเหมือนถูกลวดหนามเกี่ยว แถมยังมีรอยเลือดหลงเหลือ หรือว่ามันเกิดขึ้นในตอนที่เธอลงรถไปหาน้ำมัน?ยัยนี่โง่เป็นบ้า! บาดเจ็บถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะขับรถมาตลอดทางอีกฉินมั่วบอกไม่ถูกว่าเวลานั้นเขารู้สึกอย่างไร แววตาค่อยๆ คลายลง มีอะไรบางอย่างเอ่อล้นท่วมทรวงอกทั้งยังดูสลด แต่ไม่ถึงขั้นท้วมท้นหัวใจทว่าร้อนเหลือเกิน ราวกับความร้อนถูกส่งผ่านมาจากร่างของเธอ โดยเฉพาะลมหายใจที่อยู่ใกล้เขามากนัก รวมถึงหัวใจที่เต้นรุนแรงสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ผสมปนเปไป จนทำให้เขาไม่กล้าเดินหน้าต่อ เขาอยากจะร่วมรักกับเธออย่างรุนแรง แล้วทิ้งเจ้าหล่อนไป เพราะสิ่งที่ยัยนี่พูดเขาไม่เชื่อสักนิด เช่นเป็นป๋าเลี้ยงดูเขาทำนองนี้ฉินมั่วเกลี่ยหน้าเธอด้วยนิ้วมือ เอ่ยเสียงเบา “ลุกขึ้น”“หืม?” ป๋อจิ่วยังรู้สึกหนักหัว ฟังไม่ออกว่าเขากำลังพูดอะไร หรือเขาโกรธงั้นเหรอ? ทำไมถึงยังยิ้มมุมปาก แต่แววตาไร้ความอบอุ่นฉินมั่วมองเธอ ก้มลงช้อนตัวอุ้มขึ้นแล้วตรงไปยังห้องน้ำ จากนั้นจึงถอดเสื้อให้ ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ป๋อจิ่วต่อต้านไม่ทันภายใต้แสงไฟ ร่างขาวโพลนของเธอดูยั่วยวน ไม่ว่าจะเป็นแอ่งชีพจร หรือจะเป็นไหล่ทั้งสอง รวมถึงสิ่งที่แสดงถึงความเป็นสาวน้อย ล้วนแต่สวยงามจนยากจะละสายตาแววตาของฉินมั่วหนักอึ้งทันทีที่เห็น กระทั่งนิ้วมือยังชะงักไปด้วย ราวกับกำลังกลั้นอะไรเอาไว้พรึบ! เขาดึงผ้าขนหนูมาห่อตัวเธอไว้ แต่ยัยนี้กลับส่งยิ้ม “พี่มั่วเป็นอะไรอ่ะ?”ฉินมั่วหันไปบีบคางเจ้าหล่อน “เธอไข้ขึ้น ไม่รู้ตัวหรือไง?”สีหน้าที่ชะงักของเธอดูเหมือนจะตะลึง เพราะไม่ได้ระวังว่าตัวเองกำลังตัวร้อนอยู่ จึงพึมพำขึ้น “มิน่าล่ะ ถึงได้มึนหัวมาตั้งแต่นาน”ฉินมั่วได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังควบคุมสีหน้าให้เหมือนเดิมไม่ได้ ตอนแรกที่จะใช้วิธีนี้ในการใกล้ชิดเธอ เพื่อจะบรรลุเป้าหมายตัวเอง แต่ชายหนุ่มกลับแบกเธอไปโยนลงบนเตียงไม้ แล้วก้มตัวตามมา ใบหน้าหล่อๆ อยู่ใกล้เธอเหลือเกิน เขาคุกเข่าอยู่ระหว่างขาของเธอ ดวงตาดำขลับไม่ปรากฏระลอกความเปลี่ยนแปลง “เธอโง่หรือเปล่า?”……………………………………..ตอนที่ 1705 เปลี่ยนวิธีหายใจเอาแต่เป็นห่วงคนอื่น แต่กลับไม่สนใจตัวเอง ฉินมั่วไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ของเธอ รวมถึงไม่ชอบอารมณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้นอันมาจากอิทธิพลจากตัวเธอป๋อจิ่วมองเขา ราวกับพลันเข้าใจว่าทำไมเขาจึงเป็นเช่นนี้ จึงยื่นมือไปโอบเอวอีกฝ่าย ยิ้มให้นิดๆ “พี่มั่วเป็นห่วงฉันเหรอ”แววตาของฉินมั่วตะลึง แต่ไม่หันไป นอกจากหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะจับผมเธอ อ่อยหน่อยๆ “เธอเป็นป๋าของฉันไม่ใช่เหรอ ก็ต้องเป็นห่วงสิ ไม่งั้นใครจะให้เงินฉันใช้”“พี่คุ้นกับสถานะตัวเองจัง” ป๋อจิ่วไอพลางพูด ยิ้มที่มุมปากยังไม่คลายหายไปฉินมั่วกลับขมวดคิ้วขึ้น “เธอเป็นอะไร?” ถ้าแค่มีไข้ ก็ไม่น่าเป็นถึงขนาดนี้“หืดหอบ” ป๋อจิ่วรู้สึกหายใจลำบากจริง ๆฉินมั่วเห็นสภาพเธอเป็นเช่นนี้ ทรวงอกพลันทรมานขึ้นมาอย่างประหลาด ไม่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่กับเธอด้วยวัตถุประสงค์อะไร แต่ก็ไม่ชอบเห็นของเล่นของตัวเองอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนี้เช่นกัน “หายใจไม่ออกเหรอ”“นิดหน่อย” ไม่ถึงขั้นรุนแรงหรอก ป๋อจิ่วย่อมรู้จักร่างกายตัวเองดีฉินมั่วรัดเอวเธอแล้วยกขึ้นมา “งั้นก็เปลี่ยนวิธีหายใจ”“อะ…” ยังไม่ทันพูดออกมาหมด ชายหนุ่มก็ก้มลงจูบเธอ ราวกับกลิ่นมินต์ของบุหรี่จะลดอุณหภูมิให้เธอได้ แถมอากาศที่เข้าสู่ทรวงอกเธอ ยังสดชื่นจนทำให้โหยหาจูบ ถือเป็นเรื่องที่ทำให้คนติดใจ โดยเฉพาะได้จูบกับท่านเทพเธอหายใจไม่ทรมานแล้ว โดยที่เขาผละออกมาเล็กน้อยก่อนจะจูบอีกครั้ง พลางลูบนิ้วบนใบหูของเธอ แรงของเขาช่างเบาบาง ราวกับปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงตัวโปรด แต่ส่งผลให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนอยู่ในจุดที่มหัศจรรย์ที่สุดเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง เขาก็ชนหน้าผากเธอ ลมหายใจไม่เป็นปกติเล็กน้อย แววตาลุ่มลึก “หวานและก็สะใจมาก”อะไรที่เรียกว่าหวานและสะใจมาก เมื่อก่อนท่านเทพไม่เคยพูดแบบนี้นี่นา ใบหน้าของป๋อจิ่วร้อนหน่อยๆ ความทรมานจากอาการป่วยถูกคลายลงไปเยอะ รู้สึกเพียงว่าตอนนี้เธอโป๊อยู่ แม้ว่าจะถูกห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูตัวขาว แต่มันก็บางเบาเหลือเกิน ไม่มีประโยชน์อะไรเลยแผ่นอกของชายหนุ่มอยู่ชิดหน้าของเธอ ลายเส้นกล้ามเนื้อของเขาชัดมาก ราวกับเป็นรูปสลัก เมื่อเขาลุกขึ้น ร่องกล้ามเนื้อยิ่งเด่นชัดเข้าไปใหญ่ แต่มือของเขาที่ยังเกาะกุมเธออยู่นี่สิ ยังไล้อยู่บนทรวงอกของเธอ แววตาฉายความร้ายกาจเหมือนแวมไพร์ “อืม นุ่มดีจัง”ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นจากความใกล้ชิด ทำให้เรียวขาของเธอไร้เรี่ยวแรง เมื่อก่อนป๋อจิ่วไม่รู้เลยว่า การได้อยู่ใกล้ชิดกับคนคนหนึ่งจะทำให้เธอรับมือไม่ไหวเช่นนี้แต่เวลานี้ เมื่อถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน หัวใจของเธอก็เต้นรัวเร็ว ทุกการกระทำล้วนแต่สร้างความเสียวซ่านให้เป็นระลอกๆ คงเพราะนี่ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอป๋อจิ่วเอ่ยขึ้น “เมื่อตอนเด็กๆ พี่ก็ชอบว่าฉันว่าโง่”คิ้วได้รูปของฉินมั่วเลิกขึ้น “หืม?”ป๋อจิ่วเอ่ยต่อ “ตอนนั้นฉันอยากซื้อพี่มาก อุตส่าห์เอากระปุกเงินที่สะสมแทบตายมาทุบ ก็เพราะอยากได้พี่ แถมยังเคยถามด้วยว่า พี่กิโลละเท่าไร”ฉินมั่วหัวเราะ “โง่ป่ะ ชั่งกิโลขายคนเนี่ยนะ?”ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว ชะงักไปทั้งร่าง ก่อนจะหัวเราะในความทรงจำของเธอ เด็กน้อยที่หน้าตาหล่อเหลาเหมือนเจ้าชายน้อยกำลังหน้านิ่ว ‘ป๋อเสียวจิ่ว เธอมันโง่หรือเปล่า ชั่งกิโลขายคนได้หรือไง?’ยังเหมือนเดิม ต่อให้เสียความทรงจำไปแล้ว เขาก็ยังเหมือนเดิม“ดูเหมือนป๋าของฉันจะใจลอย” ฉินมั่วโน้มตัวไปหา มุมปากยกยิ้ม “ท่าทางฉันจะเสน่ห์ไม่แรงพอ?”…………………………………………..
คอมเม้นต์