Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1675-2 vs 1676 vs 1677
ตอนที่ 1675-2ป๋อจิ่วหัวเราะแฝงความเหยียดหยัน “พูดไปพูดมา คุณก็แค่กลัวความรับผิดชอบ?”“นาย!” สีหน้าของเจ้าคนนั้นเพิ่งจะเปลี่ยนไป“ผมเอง” คนที่นั่งตรงกลางเอ่ยขึ้น “ผมรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง ขอแค่ช่วยพวกเขาได้ แต่เวลาอย่างนี้จะให้พวกเขารับความกระทบกระเทือนไม่ได้ เด็กน้อย คงรู้ดีนะว่าการประกาศข่าวออกไม่ใช่วิธีที่ดีสักเท่าไร”มันไม่ดีจริงๆ เพราะจะทำให้อันตรายจนควบคุมไม่ได้ป๋อจิ่วลุกขึ้น “ผมจะไปหาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มอีก”เวลานี้ก็ทำได้แค่เท่านี้แหละนาฬิกาบนผนังบอกเวลาว่าถึงหกโมงแล้ววันนี้ไม่มีใครได้หลับได้นอน พนักงานที่ทำการสืบสวนหาพลิกหาข้อมูลครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งมีคนเข้าไปตรวจสอบในโรงเรียนมากกว่าเวลาธรรมดาทุกอย่างปกติ กระทั่งจิตแพทย์ก็ยังหาความผิดปกติไม่เจอตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงเจ็ดโมงครึ่ง นักเรียนในหอพักของโรงเรียนต่างทานอาหารเช้าเสร็จ ส่วนนักเรียนไปกลับก็มาถึงหน้าประตูโรงเรียนกันหมดแล้วแน่ล่ะย่อม มีนักเรียนมาสาย แต่จะดูอย่างไร บรรยากาศของโรงเรียนก็ให้ความรู้สึกแห่งเกียรติยศ จะเกิดเรื่องอะไรได้?“หรือว่าเขาเข้าใจผิด อาจจะไม่ใช่วันนี้” เจ้าหน้าที่ที่ปลอมตัวนั่งอยู่ในรถตู้ กระแทกแขนเพื่อนร่วมงาน พูดเสียงแผ่วเบา พยักเพยิดไปยังป๋อจิ่วที่นั่งข้างคนขับป๋อจิ่วถือไอแพดในมือ หน้าจอเผยภาพเคลื่อนไหวสดของหลีจิ่นที่รับการตอบคำถาม รวมถึงภาพในโรงเรียนที่จับได้เป็นระยะๆคิงเป็นคนแยบยล ซึ่งเห็นจุดเด่นอันนี้เห็นได้ชัดมาก เพราะภาพเขาปรากฏไม่เยอะ ที่มีก็เป็นภาพจากไกล ๆเสียงจอกแจกจอแจของนักเรียนดังจากนอกหน้าต่างลอยมาตามลม ซึ่งมันไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ นั่นแหละ หรือเธอคิดมากไปเอง?ป๋อจิ่วหลับตาลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอดหลับอดนอนกันมาสองคืนหรือเปล่า ถึงทำให้หายใจไม่คล่อง มึนศีรษะเล็กน้อยเหนื่อยจัง สมองตื้อไปหมดห้วงเวลาดังกล่าว เธอเหมือนจะฝันถึงอดีต ตอนที่เขาหันหน้ามาอธิบายวิชาฟิสิกส์ให้เธอ “โจทย์ทุกข้อ ขอแค่เข้าใจก็สามารถใช้สูตรเข้าคำนวณได้”“แบบนี้เนี่ยนะ” เธอตอบรับคร้านๆ เพราะเธอไม่ชอบวิชานี้จริงๆ นะ สนใจคนมากกว่า “โจทย์บรรยายเยอะขนาดนี้ แค่เห็นก็เวียนหัวแล้ว”ชายหนุ่มเท้าคาง ตบหน้าผากเธอเบาๆ “ไม่ว่าโจทย์จะบรรยายซับซ้อนแค่ไหน จำไว้อย่างหนึ่งว่า แค่เดาใจคนตั้งโจทย์ได้ว่าเขาต้องการอะไร ต่อให้บรรยายข้อความมากแค่ไหน มันก็เป็นแค่คาถาบังตา โง่จริง”ตื้ดๆๆๆ! เสียงแตรรถดังเสียดหูจากด้านนอกทันใดนั้น ป๋อจิ่วลืมตาขึ้น“ดูเหมือนว่ารถเรากำลังขวางทางรถคนอื่นอยู่”“แปดโมงสิบนาที นักเรียนเข้าเรียนกันหมดแล้ว พวกเราย้ายรถไปที่อื่นเถอะ”ป๋อจิ่วได้ยินเสียงข้างหู สมองยิ่งตื้อเข้าไปใหญ่ รู้สึกหายใจลำบากขึ้น จึงกระดกน้ำขึ้นดื่ม เธอเพิ่งระลึกขึ้นมาได้ว่า ร่างนี้ไม่ค่อยแข็งแรง ยังดีที่เธอสู้ไหวเมื่อน้ำไหลลงลำคอ เธอจึงรู้สึกดีขึ้น ป๋อจิ่วมองดูนอกหน้าต่าง หน้าโรงเรียนที่ครึกครื้นเมื่อครู่ กลับไม่เหลือใครแล้ว และยามกำลังปิดประตูไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบจากภวังค์ความฝันเมื่อครู่หรือเปล่าป๋อจิ่วดูคลิปของหลีจิ่นอีกครั้ง ประโยคของท่านเทพยังคงลอยอยู่ในสมองเธอ “แค่เดาใจคนตั้งโจทย์ได้ว่าเขาต้องการอะไร” ทันใดนั้น ป๋อจิ่วกดให้หยุดตอนที่หลีจิ่นพูดว่า “ฆ่าตัวตายขนานใหญ่”ไม่ ไม่สิ นี่ไม่ใช่ความต้องการของคิงเสียหน่อยคิงต้องการมุ่งไปที่ตัวประกัน เพราะเขาจะได้มีสิ่งต่อรองต่างหากขนานใหญ่…ขนานใหญ่!…………………………………………………………ตอนที่ 1676เสียงฟุ่บดังขึ้น!ป๋อจิ่วเปิดประตูรถ กระโดดลงมาพลางเอ่ยเพียง “ตามฉันมา”สิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้โชเฟอร์ตกใจเหงื่อไหลท่วมศีรษะเลยทีเดียว เขากำลังจะสตาร์ทรถเองนะ ส่วนคนที่นั่งด้านหลังต่างสบตากัน พากันเปิดประตูรถ วิ่งพลางยิงฟันส่งเสียงจิ๊จ๊ะบรรยากาศในห้องประชุมเชื่อมโยงกับความเป็นไปทางนี้ มีคนได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นก็ยืดตัวนั่งตรงทันที “เกิดอะไรขึ้น?”“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆ เด็กนั่นก็กระโดดลงรถไป” เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้าใจว่าป๋อจิ่วคิดอะไรอยู่เวลานี้ ด่านกั้นประตูโรงเรียนค่อยๆ ลดลงมาป๋อจิ่วไม่ยอมช้า ค้ำมือข้างหนึ่งบนด่านกั้น ส่งตัวกระโดดเข้าไป ซึ่งเธอยังอยู่ในชุดนักเรียนยามเฝ้าประตูเพิ่งจะร้องตะโกน ก็เห็นชายสองคนกระโดดตามหลังเด็กคนนี้เข้าไป สิ่งสำคัญอยู่ที่บัตรที่พวกเขายกให้ดู ทำให้ยามอึ้งหน่อยๆ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?เสียงประกาศตามสายยังดังทั่วโรงเรียน ประมาณว่าให้นักเรียนเอาเก้าอี้มานั่งเรียงเป็นแถวยาวตามห้องเรียน แล้วนั่งลงบนที่ของตัวเองเสียงนั่นเบาลงเรื่อยๆ ฟังแล้วดูเหมือนจะเตรียมงานมาเรียบร้อยแล้วป๋อจิ่วเร่งฝีเท้าให้เร็วอีกเท่าหนึ่ง เพราะคำว่า ‘ขนานใหญ่’ นั่นเอง แม้จะไม่รู้ว่าเมื่อไรคำสั่งที่แฝงทางจิตจะถูกกระตุ้น แต่คำว่า ‘ขนานใหญ่’ ก็เห็นจะมีแต่การฉายหนังในวันนี้เท่านั้นที่ทำให้คนทั้งโรงเรียนมารวมตัวกันดูคิงไม่ได้แค่ต้องการกระตุ้นคำสั่งที่แฝงทางจิตให้กับพวกเด็กๆ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น จะทำเมื่อไรก็ได้ แต่หากไม่มีตัวประกัน ก็ย่อมไร้ค่าของมันความวุ่นวายขนานใหญ่ ต้องเกิดเหตุการณ์เหยียบกันตาย แม้ว่าจะมีคนจากตำรวจอยู่ด้วย แต่อาจจะหยุดยั้งคนส่วนหนึ่งที่ได้รับการกระตุ้นคำสั่งทางจิต กระโดดขึ้นรถหนีไปไม่ได้ปฏิกิริยาของพวกเขาเป็นวงกว้าง ถ้าทุกคนต่างวิ่งไปทางเดียวกัน ต่อให้พวกเขาวิ่งทางเดียวกับคนร้าย เราก็ยิงปืนไม่ได้ ซึ่งนี่แหละคือเป้าหมายของคิงเขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่า พวกเขามีตัวประกันกลุ่มใหญ่อยู่ในมือ หลังจากที่ผู้คนรู้กันทั่ว ไม่ว่าใครจะลงมือทำอะไร ก็ต้องช่วยคนพวกนี้ไว้ก่อน เพราะพวกนั้นยังเป็นเด็ก และการหยุดยั้งทุกสิ่งได้ ย่อมต้องห้ามฉายเนื้อหาในหนัง!ป๋อจิ่ววิ่งไปตามเสียง ตอนนี้เสียงของหนังเริ่มดังขึ้นในบริเวณที่ไกลจากนั้น อาจารย์ที่เปิดหนังออกฉายมองดูนักเรียนคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามาหาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ยังคิดว่านักเรียนจากห้องไหนสักห้องหนึ่งมาสาย จึงขมวดคิ้วมุ่นป๋อจิ่วเห็นแล้ว แม้ว่าเธอจะเร็วแค่ไหน การจะวิ่งไปถึงสถานที่ฉายหนังก็ต้องใช้เวลาหนึ่งนาที ซึ่งไม่ทันแน่ ถ้าวิ่งไป ย่อมไม่ทันแถมอาจารย์ที่รับผิดชอบระเบียบแถวนั้นยังเดินมาหาเธออีกต่างหาก เพราะเหตุนี้ ผู้คนจึงไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาน้อยๆ ของนักเรียนที่กำลังดูภาพและฟังเสียงจากหนัง ในเมื่ออาการเหล่านั้นถือเป็นปกติมาก หนังก็ไม่มีอะไรไม่ดี ทว่าทั้งหมดนี้ทำให้ป๋อจิ่วนึกถึงคดีฝังคำสั่งทางจิตที่มีโด่งดังโดยเริ่มจากผู้ชมบางส่วนได้ยินเสียงรัวกลองน ก็จะรู้สึกฮึกเหิมกว่าปกติ แสดงอาการเล็กน้อยออกมาเป็นระยะๆ พอมาถึงตอนท้ายก็จะควบคุมไว้ไหว จนกระทั่งไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดคนเหล่านั้นจึงเกิดความรู้สึกรุนแรงขึ้น ทั้งยังคิดจะหนีไปจากสถานที่เกิดเหตุ จนเกิดเหตุเหยียบกันตายเป็นหมู่ขึ้นมาเหมือนกันเป๊ะ!………………………………………ตอนที่ 1677 “นักเรียนคนนี้…” อาจารย์สอนพละเดินเข้ามาเท้าสะเอว คงอยากจะให้ป๋อจิ่วกลับไปนั่งที่ตนเองสถานที่ที่มีคนเยอะ ย่อมทำให้อากาศไหลเวียนไม่ดี ไม่มีใครคาดถึงว่าป๋อจิ่วกลับหยุดวิ่ง เจ้าตัวสวมผ้าปิดปากบนหน้า จากนั้นก็ช้อนสายตา หยิบมีดทหารออกจากฝักจนเกิดเสียงดัง แล้วขว้างออกไปยังต้นไม้ข้างหน้าจออันเป็นสวิตช์หลักของตัวควบคุมกระแสไฟฟ้า เสียงของหนังดังมาก ดังนั้นนอกจากอาจารย์จำนวนหนึ่งแล้ว ไม่มีนักเรียนคนไหนสนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกเขารู้สึกเพียงอย่างเดียวคือ หลังจากที่เสียง ‘ตื้ด’ ดังขึ้น หน้าจอดับลง เสียงก็หายไป อารมณ์ของพวกเขาถูกดึงกลับมาจากที่ใดที่หนึ่ง นักเรียนทุกคนกระพริบตา ก่อนจะหันไปพูดกับคนข้างๆ“เกิดอะไรขึ้น?”“ไฟดับเหรอ?”“ไม่รู้เหมือนกัน หรือว่าเบรคเกอร์โดนตัด?ห้วงเวลานั้น เสียงดังวุ่นวายทั่วสนามกีฬา นักเรียนบางคนลุกขึ้นยืนมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บ้างก็ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมไป บ้างก็หันไปขอขนมจากเพื่อนรูมเมท แม้ว่าระเบียบจะไม่เคร่งครัดมากนัก แต่ยังดีที่ไม่เกิดเรื่องน่ากลัวขึ้น พวกเขานิ่งอยู่กับที่ บ้างก็สงสัยว่าทำไมเมื่อครู่ตัวเองถึงได้โกรธแค้นแสนสาหัส แต่ตอนนี้ความรู้สึกดังกล่าวหายไปแล้ว จึงลูบหน้าอกตัวเองอย่างไม่เข้าใจฝ่ายอาจารย์พละก็แทบจะสติแตก ร้องตะโกนเสียงดัง “ไอ้เด็กบ้า รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป แมร่งเอ๊ย” กว่าเขาจะได้รับผิดชอบให้ดูแลเรื่องการฉายหนัง แต่ดันเกิดปัญหาใหญ่หลวงขึ้น เห็นทีเขาคงต้องถูกยืดเวลาทดลองงานแน่บ้าจริง! อาจารย์พละยกมือทึ้งผมตัวเองป๋อจิ่วหัวเราะ อาจารย์แบบนี้น่ารักเสมอในสายตาของเธออันที่จริงทุกวงการอาชีพย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี พวกที่อยู่ในวงการครู บ้างก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เงินมา แต่เช่นเดียวกัน จะมีคนพวกหนึ่งที่ทำหน้าที่ครู เพราะอยากจะเป็นครูที่ดี ดังนั้นจึงคิดหาทางสื่อสารกับเด็กในรุ่นนี้อยู่เสมอ เพื่อจะได้พัฒนาพวกเขาในอนาคตต่อไปให้ดีขึ้นท่านเทพพูดไม่ผิดหรอก นัยน์ตาของคนเราเหมือนกันหมด อยู่ที่ว่าเราจะค้นหาอะไรแต่ เมื่อทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้น ย่อมเป็นการท้าทายในระเบียบของทางโรงเรียน หัวหน้าอาจารย์เดินมาหา กำลังจะเอ่ยขึ้นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบทั้งสองที่วิ่งตามหลังป๋อจิ่วก็มาถึง ก้มตัวยันมือข้างหนึ่งค้ำเข่า อีกข้างก็ยื่นบัตรประจำตัวให้ดู เอ่ยเสียงหอบ “นี่ นี่เป็นเพื่อนร่วมงานของผมครับ”หัวหน้าอาจารย์ตาโตเลยทีเดียว มองดูป๋อจิ่ว เด็กคนนี้สวมชุดนักเรียนของพวกเขาชัดๆ แถมยังเยาว์อยู่มาก จะเป็นคนของทางการได้ไง?“หนังที่ฉายมีปัญหา ไม่ทราบว่ามีหนังเรื่องนี้อีกมากเท่าไรในโรงเรียน ต้องเอามาทำลายให้หมด ต่อไปห้ามฉายหนังอีก ผมขอแผ่นหนังกลับไป” หมายความว่า ป๋อจิ่วไม่อยากยุ่งกับทางตำรวจอีกตลก คนในโลกมืดอย่างเธอ จะไปเป็นมิตรกับศัตรูได้ไง“หนังเรื่องนี้มีปัญหาเหรอ” อาจารย์ที่รับผิดชอบเป็นงง ก็แค่หนัง จะมีปัญหาได้ด้วยเหรอ ปกติออก แถมไม่หนังติดเรท 18 สักหน่อย จะไปมีปัญหาได้ยังไง?”ตำรวจสองนายอึดอัดนิดๆ เพราะหากดูจากเนื้อหาของหนังก็ปกติเจ้าเด็กนี่มันตื่นไปเองหรือเปล่า?………………………………………………….
คอมเม้นต์