Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1667-3 vs 1668-1 vs 1668-2
ตอนที่ 1667-3“ฟ้องกระทั่งผัวแท้ๆ ของตัวเอง ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดยังไง”“ก็แค่ผัวไปหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ข้างนอกเอง เด็กมันยั่ว ไปเอาเรื่องกับมันก็พอ ชีวิตเรายังต้อดำเนินต่อไป จะมาทะเลาะกับผัวตัวเองทำไม เป็นผู้หญิงต้องหัดฉลาดเสียบ้าง”“โดนตบเล็กๆ น้อยจะเป็นไรไป ก็ตัวเองขี้เกียจทำมาหากินเองนี่ เชื่อเขาเลย”ปกติแล้ว ผู้หญิงด้วยกันนี่แหละที่พูดแบบนี้ แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือความรุนแรงในครอบครัวเป็นสิ่งที่เสพติดได้ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ผู้หญิงก็จะไม่อาจไปจากผู้ชายที่ทำร้ายเธอ นี่เป็นความรู้ทางด้านจิตวิทยา ภาพที่บรรยายออกมาดูจะน่ากลัว แต่มันก็เป็นเรื่องจริงพวกชั่วๆ ชอบกระแทกแดกดันคนอื่น และกลับขาวให้เป็นดำนั่นแหละ ที่เป็นคนเพาะพันธุ์ชั่วตัวจริงเสียงจริงในบางด้าน โลกของเราก็ช่างยุติธรรม คุณเป็นคนอย่างไร ย่อมจะดึงดูดคนอย่างนั้นให้เข้ามาหา หากมีคนให้คุณอดทนต่อพวกที่ละเมิดหลักการพื้นฐาน ก็ให้พวกเขาไปอดทนเอาเอง จริงอยู่ที่ความรักสวยงามมีอยู่จริง แต่คุณต้องคัดกรองออกมาให้ได้ก่อนว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดีของแท้เมื่อเห็นสองคนนั้นปฏิบัติต่อกันแล้ว ป๋อจิ่วรู้ทันทีว่า คุณน้าไม่มีวันแยกทางกับสามีและไม่ยอมขอหย่าด้วย เพราะแววตาของคุณน้าที่มองสามี นอกจากจะแฝงความกลัวแล้ว ยังเจือปนความหวังอีกต่างหากป๋อจิ่วคิดว่านี่แหละเป็นสาเหตุที่ทำให้สภาพจิตใจของหลีจิ่นมีปัญหา เพราะไม่มีลูกคนไหนอยากเห็นแม่ตัวเองโดนทำร้ายร่างกาย หากตอนเด็กๆ คุณอาจเจ็บใจโกรธแค้นตัวเองที่อ่อนแอ แต่ก็กลัว คุณกลัวจนไม่กล้าจะยื่นมือไปช่วยฉุดชะตาชีวิตแม่คุณให้ดีขึ้น คิดแต่จะถอยหนีอย่างเดียว รอจนเมื่อคุณโตขึ้น คุณก็จะระเบิดอารมณ์ต่ออดีตในวัยเด็กของตนว่า “ทำไมถึงไม่หย่า”แต่กว่าจะถึงวันนั้น ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว เด็กที่ถูกเลี้ยงดูในครอบครัวที่บิดเบี้ยว มักจะอ่อนไหวง่าย ซึ่งแม้ว่าเงื่อนไขทางบ้านจะดีแค่ไหนก็หนีไม่พ้นป๋อจิ่วไม่กลัวพวกใช้ความรุนแรง เพราะฝีมือการต่อสู้ของเธอไม่เคยแพ้ใคร กังวลก็แต่หลีจิ่นที่เก็บทุกอย่างไว้ในใจ จะล้างมือเปื้อนเลือดได้อย่างนิ่งเงียบ แล้วหาเป้าหมายรายใหม่หากเป็นเช่นนั้นจริง การมาเยือนของเธอในวันนี้ อาจทำให้เขาจับพิรุธได้ป๋อจิ่วชะงัก เดิมคิดจะวางตารางที่หยิบออกมาดูไว้ข้างๆ เธอจำต้องระวังตัวสักหน่อย ผู้ชายคนนี้ศึกษาด้านการวางโปรแกรม แล้วก็…จิตวิทยาด้วยสองแขนงวิชาที่ว่าล้วนแต่สุดยอด โดยเฉพาะอย่างหลังเวลานี้แค่คิดถึงคำว่าจิตวิทยา หัวใจของเธอก็เต้นช้าลง จะให้คนอื่นจับสังเกตไม่ได้ว่าหนังสือสองเล่มนี้มีร่องรอยคนเปิดมาก่อนป๋อจิ่วหยิบออกมายังไง ก็ใส่กลับคืนไปอย่างนั้นด้วยวิถีมืออาชีพ เธอแค่อยากดูว่าในคอมพิวเตอร์นั่นมีเบาะแสอะไรบ้าง จึงเปิดเครื่องซีพียู แล้วบังเอิญเห็นวันที่บนปฏิทินซึ่งแขวนบนกำแพงที่ถูกวงกลมด้วยปากกาสีแดง ถึงกับย่นหัวคิ้ววันที่ 26?ก็พรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ?………………………………………………ตอนที่ 1668-1ป๋อจิ่วขยับตัว กะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ทว่าเสียงบิดลูกบิดประตูพลันดังขึ้นแผ่วเบาจากด้านหลังของเธอห้วงเวลานั้นป๋อจิ่วรีบปิดหน้าจอทันที จากนั้นละมือหนึ่งมาปิดเครื่องซีพียู ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์ไว้ แล้วพิงโต๊ะหนังสืออยู่อย่างนั้นหลีจิ่นเข้ามาก็เห็นเธอในสภาพดังต่อไปนี้ ป๋อจิ่วก้มศีรษะเล็กน้อย ขยับนิ้วนิดๆ เส้นผมสีดำปรกลงมาปกคลุมนัยน์ตาเธอพอดี ทำให้ดูเท่เหลือเกิน ทั้งยังได้ยินเสียงเอฟเฟกต์เป็นระยะๆที่แท้ก็เป็นเสียงเกมที่กำลังดังอยู่ในช่วงนี้หลีจิ่นรู้ดีว่าคนรอบตัวเขาล้วนแต่เล่นเกมดังกล่าว เขาเงยหน้าขึ้นมองป๋อจิ่ว แล้วหันไปมองชั้นวางหนังสือตัวเอง ราวกับสำรวจว่ามีใครมารื้อค้นห้องตัวเองหรือเปล่า รวมถึงยังคอยดูว่าจะมีใครค้นพบตัวตนของเขาหรือไม่หลีจิ่นมีหน้าตาสุภาพขาวสะอาดราวกับยังเติบโตไม่เต็มที่ เขาไม่สูงสักเท่าไร แต่คงเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงเห็นรอยคล้ำรอบดวงตาแววตาของเขาขรึม แต่ไร้ชีวิตชีวา เหมือนเป็นเพราะมักนอนดึกและอาหารการกินไม่เพียงพอ ทั้งยังเงียบขรึมมากจนทำให้คุณรู้ทันทีว่าเขามักโดนคนรังแกป๋อจิ่วเสมือนหาเวลาเงยหน้าขึ้น งับอมยิ้มไว้ในปาก พอเห็นคนเข้ามาก็ยืดตัวอย่างไม่เหมือนคนระมัดระวังตัว “หลีจิ่น? เอ่อ คือข้างนอกฝนตกอ่ะ คุณน้าเลยให้ฉันมารอในนี้”หลีจิ่นเงียบ แต่สำรวจความไม่เป็นธรรมชาติของอีกฝ่าย จากนั้นขนตาก็ปรกลงมา ทำให้เห็นอารมณ์เขาไม่ชัดป๋อจิ่วมองดูนอกหน้าต่าง “ฝนยังตกอยู่ใช่ป่ะ? ถ้าไม่ตกแล้ว ฉันจะได้กลับบ้าน”“ยังตกอยู่” หลีจิ่นตอบป๋อจิ่วหัวเราะ “งั้นฉันคงต้องหลบฝนในห้องนายแล้วล่ะ”ผู้ชายคนนี้กำลังโกหก ไม่มีเสียงฝนแล้ว จะบอกว่ายังตกอยู่ได้ไงป๋อจิ่วเอนตัวเหมือนเดิมอย่างไม่กระโตกกระตาก เธอจิ้มหน้าจอมือถือ บังคับตัวละครในเกมพลางเอียงคอถาม “นายเล่นป่ะ? เรามาเล่นเปิดไมค์กันไหม?”“ไม่” หลีจิ่นนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เหมือนไม่ใส่ใจ แต่จริงๆ แล้วกำลังตรวจสอบอยู่ป๋อจิ่วเก็บทุกรายละเอียดไว้ในสายตา ทำตัวเหมือนพวกบ้าเกม ทั้งยังเปิดเสียงด้วย “สู้ที่เลนบนแล้วถอยกลับ อย่าเดินอย่างนั้น อ้อมทาง…”หลีจิ่นได้ยินเสียงที่ว่า ก็พับปิดปฏิทินที่แขวนบนกำแพง ก่อนจะหันไปหาป๋อจิ่ว ซึ่งเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นเกม จึงไม่พูดอะไร จนกระทั่งเสียงขว้างจานแตกดังขึ้นจากด้านล่างป๋อจิ่วเงยหน้าพรวด ทำตัวเหมือนเป็นแขกธรรมดาๆ สาวเท้าไปยังหน้าประตู “เกิดอะไรขึ้นที่ห้องครัว”หลีจิ่นยังคงเงียบดังเดิม ราวกับชินเสียแล้วป๋อจิ่วยังสงสัยว่า เขาจะแสดงอารมณ์อื่นใดออกทางสีหน้าบ้างหรือเปล่าไม่มี นอกจากยืนนิ่งๆ สีหน้าของเขาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดใด แม้ว่าเสียงนั่นจะดังขึ้นเรื่อยๆ ก็ตามเสียงทะเลาะเบาะแว้งดังเข้าหูอย่างชัดเจน “แค่ถือจานกับข้าวก็ถือดีๆ ไม่เป็นหรือไง? แกทำอะไรเป็นบ้า สวะเอ๊ย ยังเอาของแถมเข้าบ้านอีกด้วย”“อย่าพูดอย่างนั้น ในบ้านมีแขก…” คุณน้าพูดเสียงเบาสามีเธอสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หันหน้ามาเห็นป๋อจิ่วกับหลีจิ่นพอดี เขาจัดแจงคอเสื้อ คงเพราะไม่อยากขายหน้าต่อคนนอก จึงเดินขึ้นชั้นบนไปในสภาพกลิ่นเหล้าหึ่งเต็มตัวป๋อจิ่วคิดว่าตัวเองควรต้องกระอักกระอ่วน จึงยืนอึ้งอยู่กับที่ สมกับสถานะของแขก โดยเลิกเล่นเกมอีกด้วยหลีจิ่นเดินตรงไปหาแม่ เอ่ยเสียงเรียบ “เขาตีแม่อีกแล้ว”…………………………………..ตอนที่ 1668-2“เสียวจิ่นพูดเหลวไหลอะไรของลูก” คุณน้ามองลูกตัวเองแวบหนึ่ง ราวกับจะสื่อว่ามีแขกอยู่ด้วย “พ่อของลูกแค่อารมณ์ไม่ดี แถมไปดื่มมา ก็เลยเสียงดังไปหน่อย”หลีจิ่นมองคนเป็นแม่ด้วยสีหน้ากระด้าง “เดือนหนึ่งต้องมียี่สิบสี่วันที่เขาเมาเหล้า หมายความว่าในยี่สิบสี่วันนี้ แม่ต้องโดนซ้อม”คนเป็นแม่รีบพูด “เขาแค่ดื่มเหล้า แต่ถ้าไม่ดื่ม เขาก็…”“เขาก็เป็นคนดีจริง ๆ” หลีจิ่นขัดจังหวะ “แค่ชอบด่าว่าแดกดันผมบนโต๊ะกินข้าว”แม่รีบดึงแขนเสื้อลูก เพื่อห้ามไม่ให้พูดตอนที่หลีจิ่นหลุบตาลงมองคนตรงหน้า “ขนาดนี้แล้วแม่ยังไม่หย่าอีกเหรอ?”แม่ไม่พูด ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดเรื่องหย่า แต่เพราะกังวลหลายเรื่อง ยิ่งเวลาที่เขาไม่ดื่มก็จะดีต่อตัวเองมาก“ท่าทางแม่คงชอบโดนซ้อม” หลีจิ่นพูดขึ้นด้วยสภาพหลากหลายอารมณ์ปรากฏในแววตา ทั้งชิงชัง เวทนา หวาดกลัว รับทนไม่ไหว รวมถึงความโหดที่ยากจะเห็นชัดเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ประตูถูกปิด ในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงป๋อจิ่วและคุณน้า บรรยากาศนิ่งสนิท เศษจานแตกกระจายยังคงเละอยู่บนพื้น“น้ามันใช้ไม่ได้จริงไหม” คุณน้าปิดหน้า คงเพราะไม่มีใครอยากให้ลูกเกลียดตัวเอง แต่เธอมองเห็นความไร้ค่าของตนเองจากสายตาของคนเป็นลูกได้ชัดแจ้งป๋อจิ่วอยากบอกเหลือเกินว่า ไม่ใช่ใช้ไม่ได้หรอก แค่เห็นแก่ตัวแล้วก็อ่อนแอเท่านั้นเอง เห็นแก่ตัวตรงที่ไม่คิดจะหย่า กลัวว่าจะสูญเสียความเป็นอยู่ในเวลานี้ เพราะต้องการให้ผู้ชายอยู่ด้วย แต่เอาลูกมาอ้าง พวกที่ทำแบบนี้มักจะอ้างว่าเห็นแก่ลูกหรือว่าอ้างว่าเป็นเพราะรัก ซึ่งเหตุผลแบบนี้นี่แหละที่ทำร้ายคนอย่างรุนแรง เพราะจริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อคนอื่น นอกจากตัวเองแต่ละคนต่างมีวิธีจัดการไม่เหมือนกัน หากเธอเป็นหลีจิ่น ขอแค่ไอ้บ้านั่นลงมือ เธอจะอัดมันให้น่วมตอนเรียนประถม เราอาจจะไม่มีแรงสู้ ทว่านี่เรียนถึงมัธยมปลายแล้ว แววตากลับแฝงความกลัว กะอีกแค่ก้าวไปสู้ยังไม่กล้า แต่พอมาอยู่ต่อหน้าแม่ตัวเองกลับทำเป็นก๋าซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวของหลีจิ่นขัดกันมาก ทั้งๆ ที่ดูอันตราย แต่กลับอ่อนแอไร้ความสามารถคงเพราะสภาพแวดล้อมที่บ่มเพาะมาเป็นเวลานานแต่ป๋อจิ่วกลับรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ คำพูดที่หลีจิ่นพูดออกมาเมื่อครู่ แสดงให้เห็นว่าคำตอบของคนเป็นแม่ส่งผลให้เขาตัดสินใจที่จะทำอะไรสักอย่างเขาจะทำอะไรกันนะ?ป๋อจิ่วหลุบตาลงคุณน้าเห็นเธอไม่พูดอะไร ก็เช็ดน้ำตาพลางว่า “เมื่อกี้น้าพูดอะไรกับหนูไปนะ ขอโทษด้วย อุตส่าห์เอาหนังสือมาให้เสียวจิ่น แต่กลับต้องมาเห็นอะไรก็ไม่รู้”ป๋อจิ่วรีบส่ายหน้าพลางละล่ำละลักว่าไม่เป็นไร แล้วเอ่ยย้ำ “ฝนข้างนอกหยุดตกแล้ว คุณน้าครับ ผมกลับก่อนนะครับ คุณน้าอย่าคิดมากเลย…”อีกห้องหนึ่งที่คั้นกลางด้วยประตูหลีจิ่นฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกด้วยแววตากระด้างขึ้นเรื่อยๆ ผมหน้าม้าดกหนาบดบังนัยน์ตาเขาไว้ ประกายแสงโผล่แวบๆ จากหางตาของเขาวินาทีถัดมา เขาคว้ามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วพิมพ์ออกไป “เด็กใหม่เป็นคนยังไง?”…………………………………………………
คอมเม้นต์