เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 20: ชิวหยีเจน
โรงเรียนมัธยมเชิงหัวเป็นโรงเรียนมัธยมเอกชนอันดับหนึ่งในเมืองเหิงเหย่วน คนที่มาที่นี่หากไม่ใช่มีผลการเรียนยอดเยี่ยมก็ต้องมีสภาพครอบครัวที่ดีมาก
โม่ชืออวิ้นเป็นคนที่มีผลการเรียนที่ดีมาก ในขณะที่เจี่ยนอีหลิงนั้นเป็นคนที่มีฐานะครอบครัวที่ดี
คนอื่นๆอย่างเช่นพี่ชายของเจี่ยนอีหลิง เจี่ยนหยุ่นน่าวนั้นเป็นทั้งสองแบบ
เจี่ยนอีหลิงเป็นน้องใหม่ในโรงเรียนมัธยม และเพิ่งเปิดเทอมในเดือนกันยายนปีนี้
ต่างจากเจี่ยนหยุ่นน่าวและโม่ชืออวิ้นที่อยู่ในห้องเรียนพิเศษ เจี่ยนอีหลิงเป็นหางกระเรียน* ในห้องเรียนธรรมดา
ผู้แปล: หางกระเรียน ก็น่าจะคล้ายกับคำว่าหางเสือในคำพูดของไทย เป็นหัวหมาดีกว่าเป็นหางเสือ
เจี่ยนอีหลิงมาถึงประตูห้องเกรดแปด ในตอนนี้มีนักเรียนอยู่หลายคนในห้องแล้ว
เมื่อเห็นเจี่ยนอีหลิง ทุกคนต่างก็พากันแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างถึงที่สุด
เจี่ยนอีหลิงไม่สนใจใคร เธอเดินตรงเข้าไปยังที่นั่งของตนเอง
เธอเห็นว่าตรงที่นั่งของเธอนั้นมีของอยู่หลายอย่าง
ส่วนของที่เป็นของเธอนั้นหายไป
เจี่ยนอีหลิงเห็นของที่เป็นของเธอที่อยู่ในล็อกเกอร์ด้านหลังห้องนั้นถูกทิ้งกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ
บรรยากาศในห้องพลันผนึกแน่น
สายตาของเจี่ยนอีหลิงเลื่อนลงไปยังเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอ
เพื่อนร่วมโต๊ะของเธอรีบอธิบายอย่างกระสับกระส่าย “ไม่ใช่ ไม่ใช่ฉันนะ เป็นพี่หญิงชิว พี่หญิงชิวนำคนมา ฉันไม่กล้าหรอก”
สำหรับเพื่อนร่วมโต๊ะของเจี่ยนอีหลิงนั้น พี่หญิงชิวนั้นล่วงเกินไม่ได้ และเจี่ยนอีหลิงเองก็ไม่ใช่คนที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
เจี่ยนอีหลิงรู้ว่าใครคือพี่หญิงชิว ในหนังสือต้นฉบับ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่หญิงชิวกับนางเอกโม่ชืออวิ้นนั้นดีมาก ความสัมพันธ์แบบนี้นั้นไม่ค่อยมีให้เห็นมากนักในโรงเรียนมัธยม หลังจากที่ออกสู่สังคมแล้ว พี่หญิงชิวก็ซื่อสัตย์ต่อโม่ชืออวิ้นมาก คอยช่วยเหลือเธอแก้ไขปัญหาหลายอย่าง
ตัวตนของโม่ชืออวิ้นนั้นเป็นคนที่มีน้ำใจและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่มีฐานะเป็นลูกของสาวใช้ไปจนถึงฐานะอื่น เธอได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นไปตลอดเส้นทาง
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
หลังจากที่ชิวหยีเจนได้รับข่าว เธอก็นำสมุนหัวรุนแรงของเธอเข้ามาทางประตูหลังห้อง
เมื่อเธอเห็นเจี่ยนอีหลิง เธอก็พุ่งเข้าไปหาอย่างดุร้าย
ในบรรดาเด็กสาว ชินหยีเจนตัวสูง ผมสั้น ใบหน้ากว้าง ได้สัดส่วน
หูข้างหนึ่งติดต่างหู ซึ่งสามารถถอดออกได้ทุกเวลา หากว่ามีครูอยู่มันก็จะถูกถอดออก และทันทีที่ไม่อยู่ในสายตาของครูเธอก็จะสวมมันอีกครั้ง
เพื่อนร่วมโต๊ะของเจี่ยนอีหลิงหดตัวไปด้านหนึ่ง ดูท่าทางกระสับกระส่าย
“เจี่ยนอีหลิง แกยังมีหน้ามาอีกเหรอ พี่ชายแกถูกแกทำร้าย แต่แกกลับยังมีหน้ากลับมาที่โรงเรียนอีกยังงั้นเหรอ แม่งแกยังมีจิตสำนึกหรือเปล่า แกควรจะไปแม่งให้ไกลๆ ไปให้พ้นๆ ไปให้ไกลๆเลยไป”
เจี่ยนอีหลิงไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา เหมือนกับตอนที่เธอเผชิญกับความโกรธของเจี่ยนหยุ่นน่าว เธอยังคงเยือกเย็นและกระจ่างใส
“ใครบอกเธอว่าฉันเป็นคนผลักเขา”
เธอถามคำถามนี้แทนเจี่ยนอีหลิงคนก่อน
เมื่อเจี่ยนอีหลิงอยู่ในวัยที่ยังไม่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อเผชิญกับการล่วงเกินกลั่นแกล้งอย่างหนัก เธอไม่มีโอกาสที่จะได้ถามคำถามนี้
“ใครบอกฉันว่าใครเป็นคนผลักเหรอ ทั้งโรงเรียนต่างก็รู้ว่าแกผลัก”
“คนทั้งโรงเรียนเหรอ ใครเห็นด้วยตาของตัวเอง หรือมีใครที่มีหลักฐานหรือเปล่า”
น้ำเสียงของเจี่ยนอีหลิงนั้นเรียบเฉย ทุกคำพูดไม่ได้เสียงดัง แต่สำหรับชิวหยีเจนซึ่งมาหาเรื่องอย่างจองหองไร้เหตุผล กลับไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้ได้อย่างไร
ชิวหยีเจนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง ทุกคนในโรงเรียนรู้ว่านี่เป็นเจี่ยนอีหลิง แต่ไม่มีใครที่ออกมายืนยันอย่างชัดเจนกล่าวว่าเขาได้เห็นด้วยตาของตนเอง
แต่ชิวหยีเจนไม่อยากถูกเจี่ยนอีหลิงหลอกแบบนั้น “อย่าคิดว่าแกจะพ้นจากข้อสงสัยเพราะว่าไม่มีใครมีข้อพิสูจน์”
“ปัง—–”
เจี่ยนอีหลิงใช้มือขวาตบโต๊ะอย่างแรงจนโต๊ะสั่นสะเทือน เสียงนั้นไม่ได้ดังมากนัก เพียงแค่พอที่จะทำให้ทุกคนในห้องเรียนที่เงียบกริบนั้นได้ยินอย่างชัดเจน
ตามด้วยมือซ้ายของเจี่ยนอีหลิง เธอล้วงเอามีดผ่าตัดชุดหนึ่งออกมาจากกระเป๋านักเรียน
คอมเม้นต์