Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1898-1 vs 1898-2 vs 1898-3
ตอนที่ 1898-1เมื่อเห็นการกระทำที่ไม่น่าเชื่อถือของใครบางคน ฉินมั่วลากป๋อจิ่วเข้ามาหาตัวโดยไม่แสดงออกทางสีหน้า ก่อนจะลูบหัวอีกฝ่าย คุณป๋อเห็นแล้วรู้สึกขำ เจ้าเด็กบ้านตระกูลฉินนี่จะเลี้ยงลูกแทนเขาจริงๆ แฮะ? คุณป๋อเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะอุ้มตัวท่านจิ่วของตัวเองขึ้นมา “เอาละ หนูคงต้องนัดกับเจ้าหญิงน้อยตอนบ่ายแล้วล่ะ ไปกับพ่อก่อน”“ไปไหน?” ยัยเสือน้อยถามจบ ก็เสริมอีกประโยค “พ่อมาไม่ถูกเวลาเลยอะ”คุณพ่อหัวเราะ วางลูกนั่งบนมอเตอร์ไซด์ “ต้องขอโทษจริงๆ นะ แต่ท่านจิ่วลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าวันนี้เป็นวันอะไร?”ยัยเสือน้อยเอียงศีรษะ วันศุกร์เป็นวันที่มหาวิทยาลัยที่พ่อเรียนอยู่ชอบจัดงานอะไรก็ไม่รู้ ครั้งที่แล้วเป็นโต้วาที ส่วนครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นงานอะไร พ่อจะเข้าร่วมเป็นบางครั้งเพื่อให้แม่ตามไปให้กำลังใจ ยัยเสือน้อยรู้ดีว่าพ่อตามหาเธอเพราะอะไร ก็เพราะอยากให้เธอไปทำตัวแบ๊วเรียกความสนใจนั่นเอง แต่เธออยากอยู่มั่วมั่วนี่นาฉินมั่วมองดูยัยเสือน้อยที่เอาแต่มองเขาอยู่บนมอเตอร์ไซด์ ตอนแรกก็คิดว่าแค่ออกมาเดินเล่น เลยไม่ได้สวมหมวกออกมาด้วย ยิ่งคิด คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดมุ่น จึงปลดผ้าพันคอขอตัวเองออกมาพันให้อีกฝ่าย ราวกับเป็นพี่ชายที่แสนดี ทั้งยังเอ่ยเสียงเรียบ “ไปกับคุณอาป๋อ ต้องเป็นเด็กดีนะ อย่าซนล่ะ แล้วอย่าดึงผ้าพันคอทิ้ง เข้าใจไหม?”“อื้อ” ยัยเสือน้อยพยักหน้าแรงฉินมั่วหันมาเอาลูกอมรสมินต์มาใส่ในกระเป๋าเสื้อยังเสือน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองผู้ใหญ่ เอ่ยขึ้นว่า “คุณอาคงต้องคุมเขาหน่อยนะครับ เขาชอบกินลูกอม ฟันก็ยังไม่หายดีเลยกินเยอะไม่ได้ อันนี้เป็นโควตาของวันนี้ อย่าซื้อให้เขาอีกนะครับ ครั้งที่แล้วคุณอาซื้อมาเยอะมาก พอเขากินหมดก็ไม่ยอมนอนเลย”เด็กโข่งผู้มีประสบการณ์ลึกล้ำได้ยินแล้วหยักยิ้มมุมปาก เจ้าเด็กนี่มันเตือนเขา?เขาไม่ได้เอาใจใส่จิ่วมากมายสักเท่าไร แต่สิ่งที่เจ้าเด็กนี่พูดควรจะเป็นคำพูดของเขาต่างหาก เพราะท่านจิ่วเป็นลูกเขา “หนนี้เราไม่ไปร้านขายลูกอม ไม่มีโอกาสซื้อให้เขาแน่ สบายใจได้” คุณป๋อพูดจบก็ก้าวขาขึ้นนั่ง ก่อนจะประคองรถ สวมหมวกกันน็อก ชนิดที่ไม่กลบความเท่ของเจ้าตัวเลยเขาเคลื่อนรถออกไปจนชายเสื้อสะบัด ด้วยความที่มีเด็กน้อยนั่งอยู่ด้านหลัง จึงทำให้ภาพนั้นน่าดูมากฉินมั่วมองดูรถที่เคลื่อนตัวห่างออกไปจนมองไม่เห็น แล้วถอนสายตากลับมา ทางด้านคุณพ่อบ้านได้ยินว่าคุณหนูจิ่วถูกคุณป๋อรับตัวไปแล้ว ก็เดาว่าวันนี้คุณชายคงไม่อยากทานอาหารสักเท่าไรไม่ผิดคาด ถึงขั้นที่ไม่สั่งให้ครัวทำขนมหวานเลยครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะฉินมั่วอารมณ์ไม่ดี แต่เพราะใครบางคนไม่อยู่ด้วย หากเขาต้องกินของพวกนี้เพียงคนเดียวย่อมไม่อร่อย ยังดีที่เดี๋ยวคุณตามีงานเลี้ยงที่จะพาเขาไปด้วย ฉินมั่วจึงมีอะไรให้ทำ ……………………………………………ตอนที่ 1898-2เวลาที่ต้องตามคุณตาไปงานเลี้ยงสังสรรค์ของนักธุรกิจ ฉินมั่วมักจะแต่งตัวเสมือนเป็นเจ้าชายน้อย นี่เป็นเรื่องที่วิลเลี่ยมจูเนียร์ยังสู้ไม่ได้ดังนั้นเมื่อทั้งสองเจอหน้ากัน วิลเลี่ยมจูเนียร์ได้แต่หงุดหงิดอยู่ในใจ ไม่กล้าพูดอะไร เพราะอีกฝ่ายหลอกลวงเก่ง แถมจิ่วยังสั่งเขาว่า หากได้เจอกับเจ้าหญิงน้อยของเธอในงานเลี้ยงล่ะ ก็ให้ช่วยปกป้องด้วย เพราะเจ้าหญิงน้อยของเธอหน้าตาดีมาก กลัวว่าจะมีอันตรายวิลเลี่ยมจูเนียร์ได้ยินแล้วอยากโพล่งอะไรในใจเหลือเกิน แต่กลับสรุปได้เพียงประโยคเดียวว่า แดดดี้หลอกเขา ไหนบอกว่าร่างกายแข็งแกร่งแล้วจะมีผู้หญิงมาชอบไงล่ะ? ผิดเลย ขอแค่หน้าตาดี อย่างอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว แถมไอ้คนหน้าตาดีมันยังเล่นละครเก่ง แทบจะไม่ปล่อยโอกาสให้คนอื่นดูจากเด็กๆ ที่มาร่วมงานวันนี้สิ ต่างหลงมันกันหมด นี่แหละที่น่าจะเป็นจุดประสงค์ที่มางานในวันนี้ของมัน น่าโมโหจริงเชียว นี่เขาจะหาเพื่อนจากงานนี้ไม่ได้เลยเหรอ?วิลเลี่ยมจูเนียร์เห็นแผ่นหลังเย็นชาของคนที่ถูกห้อมล้อม เวลาที่เด็กๆ พูดด้วย เจ้านั่นจะตอบบ้างเป็นบางครั้ง ทำตัวเย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็ง มันต้องรู้แน่นอนว่าตอนนี้สไตล์แบบนี้กำลังฮิต ถึงได้แกล้งเล่นละคร เวลาอยู่ต่อหน้าจิ่ว ไม่เห็นมันจะทำแบบนี้เลย แถมยังเข้าถึงไม่ยากด้วย!สำหรับเรื่องนี้ วิลเลี่ยมจูเนียร์เข้าใจผิดอย่างแรง เพราะนี่แหละคือตัวตนแท้จริงของฉินมั่ว เขามักปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเย็นชาและมีมารยาท เว้นแต่ยัยเสือน้อยเท่านั้นที่ทำให้เขายอมอดทนโอ๋เอาใจ ทั้งยังเกิดอารมณ์ดีใจและโมโหเหมือนเด็กในวัยเดียวกันทว่าพวกเขายังอายุน้อยมาก จึงไม่รู้ว่าตอนนั้นตัวเองรู้สึกอย่างไรในเวลานั้นงานเลี้ยงดำเนินไปเป็นเวลานานจนถึงห้าทุ่ม จึงจะจบงาน ตอนแรกฉินมั่วไม่รู้สึกอะไร เพราะเวลาแบบนี้ที่ประเทศจีนยังถือว่าไม่ดึก แม้ว่าเด็กวัยห้าหกขวบย่อมง่วงนอนกันหมดแล้วฉินมั่วที่ลงรถมาที่ตาเลื่อนลอยหน่อยๆ จนกระทั่งเห็นยัยเสือน้อยที่นั่งอยู่หน้าบ้านเขา ก็ตื่นตัวขึ้นทันที รีบถอดเสื้อตัวนอกมาพันตัวยัยหนู “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”“ฉันมารอเธอไง” ยัยเสือน้อยเอาคางเกยบ่าอีกฝ่าย พอเห็นว่ามีคนมาแล้ว ดวงตากลมโตก็เริ่มง่วงงุน เสียงนั่นง่วงเหลือเกิน “ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวมั่วมั่วก็กลับมาแล้ว ไม่คิดว่านาน ไม่คิดว่า…”จากนั้นยัยเสือน้อยค่อยๆ หลับตาลงเหมือนวูบหลับ เพราะไม่นานฉินมั่วก็ไม่ได้ยินเสียงพูดของคนในอ้อมกอดอีก เหลือแต่เสียงลมหายใจเขายื่นมือสัมผัสใบหูเธอ และรู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบ จากนั้นจึงอุ้มเธอขึ้นมา แต่ด้วยเหตุที่อุ้มคนตัวเท่ากัน ฉินมั่วจึงเดินโซซัดโซเซ ทว่าเมื่อโชเฟอร์ยื่นมือเข้าช่วย เขากลับเบี่ยงตัวหนีเวลานั้นคุณพ่อบ้านไม่อยู่ด้วย ทางด้านคุณท่านอานเองยังตกใจกับความมุ่งมั่นรับผิดชอบจากสีหน้าหลานชายเช่นกัน และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา เวลามีธุระอะไร หลานท่านจะต้องกลับก่อนสามทุ่ม แม้ว่าจะไปร่วมงานเลี้ยง ด้วยเหตุที่ว่าเขาต้องเลี้ยงดูเด็กน้อยเวลานี้ยัยเสือน้อยตัวเย็น เธอคงรออยู่ข้างนอกจนหนาวไปหมดวันต่อมา ฉินมั่วหาพ่อบ้านมาเพิ่มเพื่อดูแลเปิดประตูให้กับยัยเสือน้อยโดยเฉพาะ แถมยังทำกุญแจเสริม เอาไปใส่ในกระเป๋าของเธอ หากจะบอกว่าเด็กสองคนนี้ตัวติดกันก็คงไม่เกินจริง เพราะไม่เพียงเท่านี้ บางครั้งเวลาที่ฉินมั่วออกไปข้างนอกก็จะพาตัวเธอไปด้วย ทั้งยังทำตัวเป็นพี่ชายที่ดูแลน้องตลอดเวลา จนทุกครั้งที่ผู้คนเห็นเด็กทั้งสอง เป็นต้องเปรียบเทียบกับลูกหลานตัวเอง และเมื่อยิ่งเปรียบเทียบก็จะยิ่งเห็นความแตกต่างมากมาย…………………………………..ตอนที่ 1898-3นับจากนั้นเป็นต้นมา พวกแองเจลิน่าก็เข้าใจแล้วว่าพวกเธอหมดโอกาสแล้ว คนทั้งวงการธุรกิจต่างรู้ดีว่า ทายาทตระกูลอานมีคู่หมายเรียบร้อย แถมยังดีต่อกันมาก ขนาดที่ยัยหนูกินข้าวทีไร ฉินมั่วต้องพับแขนเสื้อให้ทุกที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่เชือกผูกรองเท้าของเธอหลุด เขายังก้มลงผูกให้อีก ก่อนจะลูบหัวยัยหนูนั่นตบท้ายยิ่งได้เห็นภาพเหล่านี้ สามีภรรยาหลายคู่ต่างอยากมีลูกสาวกันทั้งนั้น ภาพคนเป็นพี่ชายดูแลน้องสาวนี่ช่างอบอุ่นเหลือเกินนอกจากนี้ยังมีบางเรื่องที่คนอื่นไม่รู้ เช่นในช่วงสองวันก่อนจะถึงวันสิ้นปีของวันตรุษจีน ฉินมั่วได้รับสายจากพ่อแจ้งว่า ช่วงนี้ภารกิจที่กองทัพยุ่งมาก เกรงว่าจะกลับบ้านมาอยู่ฉลองด้วยไม่ได้วันเทศกาลที่สำคัญที่สุดของคนจีนก็คือวันตรุษจีน เป็นวันที่คนในครอบครัวมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่ฉินมั่วไม่เคยได้ฉลองท่ามกลางบรรยากาศที่ว่า ตอนที่อยู่ในเขตทหาร คุณปู่จะอยู่ฉลองเป็นเพื่อนเขา แต่ด้วยเหตุที่คุณปู่เกษียณแล้ว คุณพ่อย่อมต้องรับหน้าที่ทางการงานแทน ส่วนแม่เขาก็กำลังรุ่งพุ่งแรงในด้านการงาน หาเวลาว่างไม่ได้หากว่ากันตามหลักแล้ว ฉินมั่วน่าจะชินแต่ปีนี้ เขาอยากแนะนำยัยเสือน้อยให้พ่อแม่เขารู้จัก แถมนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอพวกท่าน จึงรู้สึกวูบโหวงในใจ จะว่าไปเขาก็ยังอายุน้อยอยู่ ต่อให้รู้คิดแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีฉินมั่วไม่ใช่คนที่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า ดังนั้นคุณท่านอานจึงไม่รู้ ประจวบกับในช่วงปลายปี ทางบริษัทลูกเกิดเรื่องขึ้นพอดี ท่านจึงต้องไปจัดการเมื่อท่านขึ้นรถไปก็สั่งลูกจ้างทุกคนให้ดูแลหลานท่านเป็นอย่างดี ทว่าคุณท่านอานไม่เข้าใจ ฉินมั่วไม่ได้อยากได้คนดูแล แต่อยากให้มีคนอยู่เป็นเพื่อน ยังดีที่มีคุณพ่อบ้านอยู่ด้วย ท่านจึงรู้ท่าทีของหลานได้ทันท่วงทีพอได้ยินว่าตั้งแต่ที่ท่านขึ้นรถมา ฉินมั่วก็ไม่ได้ลงจากห้องมาเลย คุณท่านอานจึงรีบโทรเข้าบ้านตระกูลป๋อ โดยมียัยเสือน้อยเป็นคนรับ “ฮัลโหล คุณตาอาน”คุณตาอานพูดเสียงนุ่ม “ตาเองลูก จิ่ว วันนี้ตาไปติดต่องานที่ต่างเมือง ที่บ้านไม่มีใครเลย ถ้าทำการบ้านของหนูเสร็จแล้ว ก็ช่วยไปดูพี่มั่วหน่อยได้ไหม?”“หนูจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” ยัยเสือน้อยได้ยินว่าที่บ้านนั้นมีเพียงเจ้าหญิงน้อยเพียงคนเดียว แถมเธอก็ทำภารกิจที่ได้รับจนเสร็จเรียบร้อย จึงอุ้มคีย์บอร์ด สวมเสื้อขนเป็ด เดินไปยังบ้านฉินมั่ว เธอวางแผนไว้ว่าจะให้มั่วมั่วลองชิมอาหารฝีมือเธอ ไม่แน่ว่าเจ้าหญิงน้อยอาจจะยอมให้เธอเลี้ยงก็เป็นได้ คิดแล้วมีความสุขดีออกป๋อจิ่วคิดเช่นนี้พลางผลักประตูชั้นสองส่วนฉินมั่วกลับคิดว่าเป็นคุณพ่อบ้าน เขานอนห่มผ้าห่มคลุมหน้า เอ่ยเสียงเรียบว่า “ออกไป”ป๋อจิ่วได้ยินเสียงที่ไร้ความอบอุ่นแล้วก็วางคีย์บอร์ดลง ก่อนจะกระโจนลงบนเตียงไปกอดเจ้าหญิงน้อยผ่านผ้าห่ม “มั่วมั่ว ฉันเอง”ฉินมั่วตะลึง เขาไม่คิดว่ายัยเสือน้อยจะเป็นคนที่เข้ามา เพราะเวลาแบบนี้เธอน่าจะทำภารกิจของตัวเองเสียมากกว่า แถมเขายังดูออกด้วยว่า ช่วงนี้คุณอาป๋อสั่งการบ้านเธอเยอะมากแล้ว…ทำไมยัยเสือน้อยถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่?………………………………………………
คอมเม้นต์