Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ ตอนที่ 1857-4 vs 1858-1
ตอนที่ 1857-4เวลานั้น คุณท่านอานจึงเข้าใจเสียทีว่าหนูน้อยข้างบ้านมีความหมายอย่างไรต่อหลานท่าน ฉินมั่วเย็นชากับคนทั่วไป มีนิสัยไม่ชอบพูดมาตั้งแต่เด็ก แต่อยู่ๆ กลับพูดออกมามากมาย แถมยังพูดแต่ละประโยคด้วยแววตาลึกซึ้งอีกด้วยคุณท่านอานใจอ่อน แต่สถานะของตระกูลป๋อพิเศษมาก ไม่อาจควบคุมหลายๆ เรื่องได้ เดิมตอนแรกก็คิดว่าหลานจะลืมได้ภายในหนึ่งเดือน แต่เมื่อมองดูหลานชายที่ไม่ยอมกินอะไร ท่านก็ร้อนใจ แถมยังติดต่อตระกูลป๋อไม่ได้อีก จึงตัดสินใจพาหลานกลับจีน ท่านคิดว่าถ้าหลานอยู่ห่างจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยความหลัง จะดีต่อตัวหลานเอง แต่สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์ตอนนั้นหลานเหมือนโดนบางอย่างเคลือบเอาไว้ เขากลับไปเป็นปกติ แต่พอจะเห็นได้ชัดว่าผิดแผกจากเด็กวัยเดียวกันมาก น้อยคนจะเห็นหลานยิ้ม กระทั่งไม่เอาแต่ใจตัวเองอีกคุณท่านอานรู้สึกผิดต่อเรื่องนี้มาก ถ้าท่านไม่พาหลานไปเมืองนอกก็คงไม่เกิดอาการดังกล่าวเวลาผ่านไปหนึ่งปี สองปี เช่นนี้ไปเรื่อยๆ คุณท่านคิดว่าเวลามันมากพอควรแล้ว กระทั่งมีคนมาติดต่อ ก็คอยเสาะหาดูว่ามีเด็กน่ารักๆ ในวัยเดียวกับหลานไหม เพราะหลานอาจจะดีขึ้น แต่ไม่นานท่านก็พบว่า ต่อให้เป็นเด็กน้อยที่น่ารักขนาดไหน หลานท่านก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่เคยเห็นใครในสายตา นอกจากเพื่อนผู้ชายสองสามคนที่สนิทด้วย พอเด็กผู้หญิงมาหา หลานชายไม่เคยเงยหน้ามอง ตอนนั้นใช่ว่าจะไม่มีเด็กซนๆ ที่ชอบปีนกำแพง เด็กผู้หญิงที่เติบโตในแดนทหาร ย่อมต้องเฮี้ยวบ้างไม่มากก็น้อย แต่หลานท่านกลับไม่รู้สึกอะไรด้วย บางทีท่านอาจคิดไปเองว่าหลานท่านไม่รู้สึกอะไรคุณท่านอานจำได้ดีว่า วันนั้นหลานท่านพูดก่อนนอนว่า “คุณตาไม่ต้องลำบากหรอกครับ เขาไม่ได้ชอบปีนกำแพงขนาดนั้น ผมแค่เป็นห่วงว่าเดี๋ยวเขาจะตกลงมา แต่เขากลับไม่กลัว ไม่เคยมองใคร คุณตาว่าเขาชอบผมขนาดนั้น จะต้องกลับมาแน่ ผมจะรอเขาครับ”คุณท่านไม่คิดเลยว่าเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบจะพูดออกมาได้ขนาดนี้ ส่งผลให้ท่านนอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา ท่านก็ปฏิบัติต่อหลานเหมือนคนเป็นผู้ใหญ่ด้วยกัน เพราะท่านรู้ว่า หลานท่านไอคิวสูงอย่างมหัศจรรย์ไม่เหมาะจะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นเด็กทั่วไป“มั่วเอ๋อร์ หลายๆ เรื่องซับซ้อนมาก บางครั้งสิ่งที่เราหวังก็อาจไม่สมความปรารถนา หลานกับจิ่วยังเล็กมาก ถ้าเขาไม่กลับมาจริงๆ หลานจะรอต่อไปไม่ได้หรอก”หนูน้อยเงยหน้าขึ้นบนโต๊ะอาหาร ใบหน้ายังไม่คมสัน แต่ดูเป็นลูกผู้ชาย “ถ้าเขาไม่กลับมา ผมจะไปตามหาเขาเอง ไม่เห็นจะยากเลย ปีหนึ่งหาไม่เจอ ก็หาสองปี ถ้าสองปียังหาไม่เจอก็หาสามปี เวลาผ่านไปนานเข้า ผมต้องได้เจอเขาอยู่วันยังค่ำ ถ้าหาไม่เจอจริงๆ ผมจะยืนในจุดที่สว่างไสวที่สุดให้เขาเห็น ผมสอนภาษาจีนให้เขาตั้งมากมาย เขาจะกลืนทิ้งเหมือนกินข้าวไม่ได้หรอกครับ”คุณท่านไม่ได้พูดว่า ถ้าเขาลืมหลานไปแล้วล่ะจะทำยังไง?แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายหลัง กลับไม่ใช่เพื่อนที่ลืมหลาน แต่กลายเป็นหลานที่ลืมเขา ทุกครั้งที่คิดถึงตรงนี้ คุณท่านอานเป็นต้องทรมานใจ ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร จู่ๆ ก็ลืมคนที่ตัวเองชอบมากเสียอย่างนั้น หลานชายจะรู้สึกอย่างไร ความคิดดังกล่าวทำให้ท่านกระวนกระวายจนนอนไม่หลับเวลานี้ เขากลับได้เห็นสัญญาณบางอย่างอีกครั้ง พร้อมด้วยใบหน้าที่คุ้นเคย……………………………………………………………..ตอนที่ 1858-1สามปีหลังจากที่ตระกูลป๋อย้ายออกไป พวกเขาเคยเจอกัน ในฐานะที่เป็นคุณพ่อบ้านมืออาชีพ จึงพร้อมมูลได้ด้วยมารยาท ผู้ชราที่มีสายเลือดคนต่างชาติถอดหมวกออกมา ร่างในชุดสูทโค้งเคารพอย่างมีระเบียบแบบแผน “คุณอาน ไม่ได้เจอกันหลายปีเชียวครับ คุณยังสง่าเหมือนเดิมเลยทีเดียว”“แอลเลน” คุณท่านอานนึกชื่อผู้มาเยือนออกทันทีที่ได้เห็นหน้า ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างไม่เคยเห็นท่านประธานของตัวเองเป็นเช่นนี้มาก่อน คุณท่านตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด มือที่กุมไม้เท้าหัวมังกรสั่นเทา “คุณยังมีชีวิตอยู่”“ไม่เพียงแต่ผมครับ นายน้อยก็เหมือนกัน” รอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ ทำให้เห็นถึงความรู้สึกที่แฝงมาการพบกันในครั้งนี้เหมือนเพื่อนเก่าได้มาเจอกันอีกครั้ง ผู้ช่วยมองดูคุณพ่อบ้านที่เหมือนออกมาจากศตวรรษที่ 19 เดินมาอยู่ข้างตัวท่านประธาน“ไม่ปิดบังคุณอานล่ะครับ ผมมาครั้งนี้เพื่อจัดการธุระให้นายน้อย” ถึงคุณตาจะไม่มีเชื้อสายจีน หากแต่พูดภาษาจีนได้แม่นยำ ปะปนไปกับสำเนียงต่างชาติ “ตอนที่นายน้อยเป็นเด็ก ก็มีบุญที่ได้รับการดูแลจากบ้านตระกูลอาน โดยเฉพาะคุณชายฉินที่ดูแลนายน้อยเป็นอย่างดี ซึ่งนายน้อยจดจำไว้ในใจเสมอมา ถึงผมจะไม่เคยเห็นกับตา แต่หลังจากที่นายน้อยย้ายออกมาก็เอาแต่พูดถึงคุณชายฉิน ตอนนี้พวกเขาโตแล้ว ได้มาคบกันอีกครั้ง ก็ไม่เลยไม่ทราบว่าคำพูดที่คุณอานเคยลั่นไว้เมื่อครั้งกระโน้นยังยึดถือเป็นจริงจังได้ไหม เกี่ยวกับแต่งงานดองสัมพันธ์น่ะครับ”“คนที่มาเจรจาคือคุณเองหรือ?” ก่อนหน้านี้ คุณท่านอานได้รับจดหมายมาขอเยี่ยมฉบับหนึ่ง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เดิมท่านกะจะไม่สนใจ คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง แล้วบ้านไหนกล้ามาคุยเรื่องนี้กับตระกูลอาน แถมยังระบุตัวหลานท่านด้วย ต้องเป็นพวกกินดีหมีหัวใจเสือถึงจะทำได้ทว่าคุณท่านอานกลับคิดไม่ถึงเลยว่า พอหลานท่านได้ยินเรื่องนี้ ถึงกับรีบตอบตกลงทันที!ตอบตกลงงั้นเหรอ? ดูไม่สมกับที่เป็นหลานท่านต้องบอกก่อน เมื่อก่อนเวลาที่พูดถึงเรื่องนี้ หลานท่านเป็นต้องหน้ากระด้าง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องตอบเลย คนฉลาดอย่างคุณท่านอานนึกขึ้นได้ทันทีว่า หลานท่านต้องรู้จักคนเขียนจดหมายขอเยี่ยมฉบับนี้แน่ ไม่เช่นนั้นตอนที่ท่านต่อสายถึงเขา เพื่อจะให้อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น หลานท่านกลับเริงร่ามาก ท่านยังจำปฏิกิริยาของหลานได้“เหรอครับ มาคุยเรื่องแต่งงาน” จากนั้นก็หัวเราะ หัวเราะอยู่นั่น หัวเราะจนคนเป็นตายังรู้สึกว่ามีอะไรซ่อนเร้น“เฮ้ เจ้าเด็กนี่ จะชอบใจอะไรขนาดนั้น?” ตอนนั้นเพื่อนร่วมธุรกิจที่ยืนอยู่ด้วยต่างมองท่าน สีหน้าของคุณท่านอานทั้งอ่อนใจและยินดี นานแล้วที่ไม่เคยเห็นหลานเป็นแบบนี้ เหมือนเด็กน้อยเลยทีเดียว“ชอบใจมากเลยครับ คุณตาช่วยตอบตกลงให้ผมที แล้วผมจะรีบกลับไป”ตอนนั้นเป็นช่วงบ่าย ส่วนเวลานี้เป็นช่วงค่ำ เมื่อคนมาเจรจามาถึงและเปิดเผยโฉมหน้าให้เห็น ทว่าคุณท่านอานคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นคนเก่าคนแก่ที่เคยรู้จักเวลานี้ ท่านเข้าใจทันที มิน่าล่ะหลานท่านถึงอิ่มเอมใจขนาดนั้นได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากปลายสายที่แท้ก็เป็นเด็กคนนั้นนี่เอง เห็นที…คุณท่านอานเหมือนนึกอะไรออก แววตาแดงก่ำทันควัน หลานท่านจำได้แล้ว ใช่ไหม? จำเรื่องในวันเด็กได้ด้วยคุณท่านอานเป็นผู้ที่ควบคุมความรู้สึกได้สเมอ ทว่าเวลานี้กลับควบคุมไม่ไหว บรรยายไม่ถูกว่าท่านรู้สึกอย่างไร คำพูดอุดลำคอไว้จนพูดไม่ออก ท่านกระแอมกระไอเบาๆ เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว “ดีมากจริงๆ”ใช่ ดีมาก บางทีคนที่รู้ว่าเด็กสองคนนั่นผ่านอะไรมาบ้างถึงได้ทอดถอนใจเช่นนั้น ………………………………………..
คอมเม้นต์