Divine Soul Emperor ระบบเจ้าสำนัก ตอนที่ 432 : การตื่นและทะลวงผ่าน

อ่านนิยายจีนเรื่อง Divine Soul Emperor ระบบเจ้าสำนัก ตอนที่ 432 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 432 : การตื่นและทะลวงผ่าน
ทั้งเฉินกูและอ้าวเยว่ต่างก็เป็นอาจารย์ของสำนักคังเฉียง และยอดฝีมือระดับสูงสุด หากมีอะไรผิดพลาดไป มันจะส่งผลต่อสำนักคังเฉียงอย่างมาก
 
แม้ว่าอ้าวอู่เหยียนจะไม่ได้ขอร้อง แต่จางหยูก็จะทำให้ดีที่สุดเพื่อรักษาอ้าวเยว่ แต่อาการของอ้าวเยว่นั้นหนักเกินไป  ด้วยวิธีที่จางหยูมีในตอนนี้ เขาไม่มั่นใจว่าจะช่วยนางได้ เขาได้แต่พยายามทำให้ดีที่สุดเท่านั้น
 
“ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง อ้าวอู่เหยียนก็จะจดจำบุญคุณของเจ้าสำนักเอาไว้  !” อ้าวอู่เหยียนเงียบไปและมองไปที่จางหยู
 
จางหยูพยักหน้าก่อนจะค่อยๆวางร่างของอ้าวเยว่ลงไปที่พื้น  คนรอบๆต่างก็มองดูฉากนี้อยู่เงียบๆ พวกเขาทั้งคาดหวังและกังวล
 
“ เซียนโอสถ เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่ ? ” ลั่วซู่หยางส่งข้อความถาม
 
ชุยเจี่ยนส่ายหน้าและยิ้มออกมา  “ จากอาการของอ้าวเยว่แล้ว คงมีแค่ยาปลุกชีพขั้น 6 ที่ช่วยนางได้ แต่ยาขั้น 6 มันปรุงขึ้นมาได้ง่ายๆรึ ? เท่าที่ข้ารู้มา ยาปลุกชีพขั้น 6 คือยาที่ปรุงยากที่สุดในบรรดายาขั้น 6 หากต้องการจะปรุงยานี่ขึ้นมา ต้องใช้ปรมาจารย์ปรุงยา 6 ดาวถึง 3 คนร่วมมือกันถึงจะทำได้สำเร็จ..”
 
ทำไมเขาจะไม่ต้องการรักษาอ้าวเยว่? 
 
ตราบใดที่เขาช่วยอ้าวเยว่ได้ เขาก็จะผูกมิตรกับเจ้าสำนักและอาจจะสร้างบุญคุณต่อเผ่ามังกร  ใครกันที่จะปฏิเสธผลประโยชน์เช่นนี้ได้? 
 
แต่การปรุงยาปลุกชีพขั้น 6 มันง่ายหรือไง ?
 
หากไม่มีปรมาจารย์ปรุงยา 6 ดาวจำนวน 3 คน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปรุงยาปลุกชีพขั้น 6 ขึ้นมา ในทวีปป่าตอนนี้มีปรมาจารย์ปรุงยา 6 ดาวอยู่แค่ 2 คน คนหนึ่งคือหัวหน้าสมาคมนักปรุงยา และอีกคนคือเซียนโอสถอย่างชุยเจี่ยน นอกจากนี้แล้วไม่มีใครอื่น
 
“แม้ว่าจะมีวัตถุดิบมากพอ แต่ก็ไม่อาจจะปรุงยาขึ้นมาได้” ชุยเจี่ยนถอนหายใจออกมา “และยาปลุกชีพขั้นที่ 6 ก็ใช่ว่าจะสามารถช่วยนางได้สำเร็จ มันมีโอกาสแค่ 3 ใน 10 ส่วนที่จะช่วยอ้าวเยว่เอาไว้ได้….”
 
เมื่อได้ยินที่ชุยเจี่ยนพูดออกมา  ลั่วซู่หยาง,หงจินเป่าและหยางเพ้ยอันต่างก็เงียบไป 
 
โอกาสดีๆแบบนี้ พวกเขาทำได้แค่มองดูมันหลุดมือไป ช่างน่าเสียดายจริงๆ
 
ตอนนั้นจางหยูได้มองไปรอบๆ และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  “ ต่อไปข้าหวังว่าทุกคนจะเงียบเอาไว้ ”
 
ทุกคนพากันพยักหน้า เวลาที่สำคัญแบบนี้ใครจะกล้าไปรบกวนเขา?
 
ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามังกรหรือเจ้าสำนัก พวกเขาก็ไม่ใช่คนที่เหล่าเซียนจะไปสร้างความไม่พอใจให้ได้ สำหรับคนที่เหลือแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้
 
อ้าวอู่เหยียนมองไปที่เฉินกูด้วยสายตาเคียดแค้น หากไม่ใช่เพราะเฉินกู อ้าวเยว่ก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ เรื่องนี้เป็นความผิดของเฉินกู
 
ชายคนนี้คือต้นเหตุ ! 
 
อ้าวอู่เหยียนกลับมีนิสัยตรงกันข้ามกับอ้าวคุน  ไม่รู้ว่าอ้าวคุนสั่งสอนลูกยังไง ถึงได้ลูกที่มีนิสัยแปลกๆแบบนี้ออกมา
 
“ เจ้าควรภาวนาให้ท่านน้ารอด ไม่งั้นแล้วข้าสาบานว่าเผ่ามังกรจะตามล้างแค้นเจ้าจนตาย ! ” อ้าวอู่เหยียนมองไปที่เฉินกูและสาบานในใจ
 
เฉินกูรู้สึกได้ถึงแรงอาฆาตจากตัวอ้าวอู่เหยียน เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา  “ เป็นปัญหาแล้ว  ! ”
 
เขาแค่ต้องการดูว่า อ้าวเยว่แข็งแกร่งแค่ไหน เพื่อใช้โอกาสนี้ในการทะลวงผ่าน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับเลวร้าย ไม่ใช่แค่เขาไม่อาจจะทะลวงผ่านไปได้ แต่เขายังทำให้อ้าวเยว่หลับใหล และทำให้เผ่ามังกรโกรธแค้น ซึ่งนั่นไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าเลย
 
เฉินกูถอนหายใจและไม่สนใจอ้าวอู่เหยียน ก่อนจะมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
 
แม้ว่าเขาจะกลัวเผ่ามังกร แต่เขาไม่ใช่คนขี้ขลาด หากเผ่ามังกรจะมาหาเรื่องเขาเพราะเรื่องนี้ เขาคงทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าต้องเผชิญหน้ากับเผ่าที่ปกครองโลกนี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้ แม้ว่าต้องเผชิญหน้ากับราชามังกรก็ตาม
 
ที่นั่นทุกคนต่างก็มองไปที่จางหยู และถึงกับกลั้นหายใจด้วยซ้ำ
 
จางหยูแสดงสีหน้าจริงจังออกมา พร้อมกับอาณาเขตลึกลับที่แผ่ออกไป บางทีเพราะที่นี่เพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มา หลิงชี่โดยรอบจึงมีจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะหลิงชี่ธาตุไฟและทอง  ที่นี่ราวกับตกอยู่ในหม้อเดือดที่มีความร้อนสูง
 
ภายใต้สายตาของทุกคนจางหยูได้ยื่นมือออกไปช้าๆ
 
“ ฟู่ ฟู่…”
 
อยู่ๆก็เกิดสายลมขึ้นมา
 
แต่ไม่นานทุกคนก็ได้สติ มันไม่ใช่ลมแต่เป็นหลิงชี่ธาตุไม้ ! 
 
หลิงชี่ธาตุไม้จำนวนมาก แห่กันมาจากทุกทิศทางด้วยความรวดเร็ว จนก่อตัวเป็นพายุ….
 
หลิงชี่ธาตุไม้ทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่ฝ่ามือของจางหยู หลิงชี่ไม้จากอาณาเขตที่ยาวกว่า 100 กม.ได้ไหลเข้ามารวมตัวกัน
 
ฝ่ามือของจางหยูนั้นมีบอลธาตุไม้ปรากฏขึ้นมา บอลธาตุนี้มีขนาดเท่ากับนิ้วโป้งแต่กลับมีหลิงชี่ธาตุไม้ที่ไร้ขีดจำกัด มันมีพลังชีวิตที่น่าทึ่ง แม้ว่าจะอยู่ห่างออกมา แต่ทุกคนต่างก็รู้สึกราวกับว่าได้ผ่านการชำระล้างร่างกาย พวกเขารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่
 
เฉินกูที่อยู่ไม่ห่างนัก ฝ่ามือที่โดนเผาของเขาเริ่มฟื้นฟู เนื้อของตัวเองก็กลับมางอกใหม่อีกครั้ง ผิวที่ดำเริ่มหลุดร่วงออกไปอย่างช้าๆ
 
“ สุดยอดจริงๆ ! ”  เหล่าเซียนและเฉินกูต่างก็พากันทึ่ง  “ ควบคุมกฎรึ ?”
 
ตั้งแต่โบราณแล้ว พวกเขาสามารถใช้กฎได้ แต่ไม่อาจจะควบคุมมันได้ แต่จางหยูกลับทำลายแนวคิดนั้น
 
แม้แต่โอวเสินเฟิง,ซู่เหยียนและคนอื่นๆที่เคยเห็นการควบคุมกฎของจางหยูมาแล้ว ก็ยังอดไม่ได้ที่จะทึ่งในใจ  “วิธีการของเจ้าสำนักราวกับเทพเจ้า ! ”
 
ต่อมาจางหยูก็ได้เปิดปากของอ้าวเยว่ออก  บอลธาตุไม้ได้ถูกใส่เข้าไปในปากของนางทันที
 
“ รักษา ! ”  การรับรู้แผ่ออกไปพร้อมกับบอลธาตุที่เหมือนกับมีกฎพิเศษ ได้ปลดปล่อยพลังชีวิตที่อบอุ่นออกมา มันเปล่งแสงสีเขียวออกมาราวกับกำลังโอบกอดชีวิตของทุกคนเอาไว้ 
 
ร่างกายรวมไปถึงพลังวิญญาณที่หมดไปของอ้าวเยว่ ได้ฟื้นฟูกลับมาด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า 
 
เฉินกูรู้สึกคันๆขึ้นมาที่แขน แต่เมื่อเขาก้มหน้าลงไปมอง เขาก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา  “ นี่มัน…”
 
แค่ไม่กี่อึดใจ แขนของเขาก็เริ่มมีเนื้อหนังขึ้นมา ผิวที่ดำเพราะโดนเผาหลุดลอกไป เผยให้เห็นผิวหนังที่ราบลื่น ไม่ใช่แค่แขน แต่ส่วนที่บาดเจ็บในส่วนอื่นๆก็ยังฟื้นฟูจนหายสนิท แม้แต่การบาดเจ็บภายในร่างกายก็ฟื้นฟูขึ้นมาด้วย
คนอื่นๆเองก็ถูกแสงสีเขียวนี้อาบเช่นกัน แผลเก่าๆนั้นหายไป พลังวิญญาณเองก็ฟื้นฟูกลับมาจนเต็ม ทุกคนเหมือนจะดูดีขึ้นราวกับว่าเพิ่งจะได้นอนเต็มอิ่มและตื่นขึ้นมา
 
“ เจ้าสำนักควบคุมกฎได้ ! เขาถึงกับใช้มันได้ในระดับที่น่าเหลือเชื่อ ! ” เฉินกูและคนอื่นๆตะลึง โดยเฉพาะกับเฉินกูที่ซึ่งรู้สึกได้ว่า เขาไม่ใช่แค่ฟื้นฟูพลังชีวิตของตัวเอง แต่พลังวิญญาณที่ใช้ไปกับการต่อสู้เมื่อครู่นี้ ก็ฟื้นฟูกลับมาด้วย
 
ผลของหลิงชี่นี้เทียบเท่าได้กับยาขั้น 6  ! 
 
และมันแสดงผลเร็วกว่ายาขั้น 6 ด้วย ! 
 
“ นางมีชีวิตอยู่ไม่ใช่รึ ? ” เฉินกูมองไปยังอ้าวเยว่ที่อาบไปด้วยแสงสีเขียว บาดแผลของนางหายไปและพลังวิญญาณที่ฟื้นฟูกลับมา หลิงชี่ธาตุไม้ทั้งหมดถูกกลืนเข้าไปในตัวนาง มันเปล่งแสงสีเขียวออกมาโดยมีร่างของอ้าวเยว่เป็นศูนย์กลาง
 
อ้าวอู่เหยียน มองไปที่อ้าวเยว่ด้วยความกังวล สายตาเขาแสดงความตะลึงออกมา
 
ไม่กี่อึดใจเปลือกตาของอ้าวเยว่ก็กระตุก
 
“ ตื่น ตื่นแล้ว ! ” อ้าวอู่เหยียนร้องออกมาอย่างยินดี  “ ท่านน้าตื่นแล้ว ! ”
 
เมื่อได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของอ้าวอู่เหยียน อ้าวเยว่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาด้วยความสับสน  “ ข้ายังไม่ตายรึ ? ”
 
อ้าวอู่เหยียนพุ่งไปยืนข้างๆอ้าวเยว่ “  ท่านน้า เจ้าสำนักได้ช่วยท่านเอาไว้ ! ”
 
เมื่อได้ยินแบบนั้น อ้าวเยว่ก็ค่อยๆยกหัวขึ้นจากพื้น และมองไปรอบๆ สุดท้ายนางก็มองไปที่จางหยู
 
ต่อมาร่างของนางก็เปลี่ยนเป็นมนุษย์ นางยังคงสวมกระโปรงสีเขียวที่สร้างขึ้นมาจากหลิงชี่
 
“ ขอบคุณเจ้าสำนัก ” อ้าวเยว่ได้บอกกับจางหยูทันที
 
ใบหน้าของนางยังคงดูงดงามและสูงส่งดังเดิม แม้ว่านางจะขอบคุณจางหยู แต่อารมณ์ของนางไม่ได้สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่านางไม่ได้สนใจชีวิตของตัวเอง แต่ทุกคนรู้สึกได้ชัดเจนว่า คนที่ดูเย็นชาอย่างนางแล้วไม่ได้เย็นชาแบบที่เห็นภายนอก คำขอบคุณนี้ได้พิสูจน์ความซาบซึ้งที่มีต่อจางหยูแล้ว
 
จางหยูโบกมือและพูดขึ้นมา  “ เจ้าควรขอบคุณตัวเอง หากจิตใจของเจ้าไม่สู้ต่อ แม้ว่าข้าจะช่วยแต่เจ้าคงไม่ตื่นขึ้นมา ” จางหยูเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ  “ อาจารย์อ้าวเยว่ ข้าไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ท่านเข้าใจที่ข้าบอกหรือไม่ ? ”
 
อ้าวเยว่ใจสั่นขึ้นมาและโค้งให้กับจางหยู
 
“ ตอบข้ามา อาจารย์อ้าวเยว่ ! ”  สีหน้าของจางหยูหม่นลงและมองไปที่อ้าวเยว่
 
“ ข้า…จะทำให้ดีที่สุด ! ” อ้าวเยว่พูดขึ้น
 
บุคลิกดื้อด้านของนางเป็นแบบนี้มาหลายพันปีแล้ว มันไม่อาจจะเปลี่ยนได้ในวันหรือสองวัน  สิ่งเดียวที่นางจะรับรองได้คือนางจะพยายามห้ามตัวเอง
 
จางหยูไม่ได้บังคับนางมากนัก แค่คำตอบนี้เขาก็พอใจอย่างมากแล้ว หากอ้าวเยว่เปลี่ยนบุคลิกของนาง เขาคงสงสัยว่านางได้เปลี่ยนเป็นคนอื่นไป
 
“ เจ้าสำนัก ข้าอยากรู้ว่าใครกันที่ชนะ ? ” อ้าวเยว่มองไปที่เฉินกูและอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
 
จางหยูกุมขมับ ผู้หญิงคนนี้หมดหนทางเยียวยาจริงๆ ! 
 
เฉินกูไม่รอให้จางหยูได้พูด เขาสูดหายใจลึกๆและมองไปที่อ้าวเยว่   “ เสมอกัน ”  เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสองได้ถูกจางหยูกันเอาไว้ ความเสียหายที่ทั้งสองสร้างไม่ได้ต่างกันเลย ผลลัพธ์อีกอย่างคือทั้งสองได้ตายไปด้วยกัน หากมองในมุมนี้ก็ถือว่าเสมอกันได้
 
“ หือ ? ”  อ้าวเยว่ยักคิ้ว
 
เมื่อเห็นสีหน้าหงุดหงิดของอ้าวเยว่ เฉินกูก็หงุดหงิดขึ้นตามไปด้วย  “ ด้วยการเสมอกันของเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ เจ้ามีสิทธิอะไรจะเย่อหยิ่ง ? ”
 
“ หาที่ตาย ! ” อ้าวเยว่แผ่ความอาฆาตออกมา
 
ต้องรู้ก่อนว่าสภาพอ้าวเยว่ในตอนนี้ ฟื้นฟูจนกลับเป็นปกติแล้ว พลังของนางจะน่ากลัวแค่ไหน ? 
 
มันไม่เกินไปที่จะบอกว่าหากต้องสู้กันต่อ  จุดจบของเฉินกูคงไม่อาจจะคิดภาพออกได้ ! 
 
เฉินกูถูกตรึงไว้โดยพลังของอ้าวเยว่ ซึ่งแม้แต่หายใจก็ยังลำบาก  เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คู่มือของนาง แต่เขาไม่อาจจะถอยกลับได้ ต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ เมื่อเขาถอย เขาจะกลายเป็นตัวตลก
 
“ อยากฆ่าข้ารึ ? มาสิ ! ” เฉินกูตะโกนออกมา เกียรติยศที่ฝังแน่นไปถึงกระดูกถูกแสดงออกมา
 
ตอนนั้นพลังของเฉินกูก็ระเบิดออกมาต้านทานพลังของอ้าวเยว่เอาไว้ แต่พลังของอ้าวเยว่แข็งแกร่งกว่า  พลังของเฉินกูนั้นเหมือนกับเรือลำน้อยในท้องทะเล มันจะพลิกคว่ำเมื่อเจอกับคลื่นลมที่ถาโถมเข้ามา แต่เพราะความเย่อหยิ่งในใจที่ทำให้เขาต้องทำแบบนี้  ไม่ว่าพลังของอ้าวเยว่จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็จะกัดฟันทน เขามีความคิดเดียวในหัวคือเขาไม่อาจจะถอยกลับได้ หากเขาต้องถอย เขายอมตายจะดีกว่า
 
ตอนที่ตึงเครียดนั่นเอง อยู่ๆพลังของเฉินกูก็เปลี่ยนไป ตอนนั้นทุกคนยังไม่ทันได้สติ พลังของเฉินกูก็พุ่งทะยานขึ้นมา ไม่กี่อึดใจเขาก็มีพลังพอจะสู้กับอ้าวเยว่ได้
 
ในเวลาเดียวกันก็มีหลิงชี่ธาตุทองนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาหาเขา
 
“ ทะลวงผ่านรึ ? ”
 
ทุกคนต่างก็มองไปที่เฉินกูด้วยความแปลกใจ สถานการณ์เป็นตายเมื่อครู่นี้กลับไม่ทะลวงผ่าน แต่เมื่อเจอกับพลังเต็มที่ของอ้าวเยว่เขากลับทะลวงผ่านได้รึ ? 
 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด