ตอนที่ 1432
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลยhttps://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechniqueบทที่ 1432 – ภูเขาเทพสงคราม รูปปั้นเทพสงคราม เขาเป็นผู้นำมังกรอหังกาล? ด้วยมีการป้องกัน สิ่งของภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณย่อมต้องมีค่า แน่นอนว่าไม่อาจยืนยันได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามสิ่งของจากวิหารที่ได้รับการป้องกันนั้นต้องดีกว่า เพราะงูเปลวเพลิงบรรพกาล การเดินทางในป่าโบราณจึงง่ายเหมือนหั่นผัก ไม่เพียงแต่พวกเขาจะปราศจากความเสี่ยงภายในป่าลึก แต่พวกเขายังสามารถข่มขู่สิ่งที่ไม่ประสงค์ดีให้ออกไปได้ ประมุขอสูรยังคงเงียบตามปกติ เธอไม่ปริปากพูดอะไร ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมีนิสัยแบบนี้ ถึงอย่างนั้นมันก็ออกมาจากตัวเธออย่างเป็นธรรมชาติ ผู้นำของพระราชวังจอมอสูรไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ มันแสดงถึงความสำคัญของฮัวรูเหม่ยภายในพระราชวังจอมอสูร ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชิงสุ่ยพบว่าหลายสิ่งหลายอย่างฮัวรูเหม่ยเป็นคนจัดการมัน เธอเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศ ใต้ฝ่าเท้าของเธอเป็นสิ่งของรูปร่างคล้ายเมฆ ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่ามันเป็นสมบัติหรือความสามารถ มันคล้ายคลึงกับรูปแบบดอกบัวของถานท่ายหยวน อย่างไรก็ตามมันดูลึกลับกว่ามาก งูเปลวเพลิงนำทางอยู่ข้างหน้ากับชิงสุ่ย ฮัวรูเหม่ยและประมุขอสูรตามมาข้างหลัง ซานยูยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการเดินทาง ป่าโบราณนั้นกว้างใหญ่มาก ดูราวกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด ต้นไม้ในป่ามีหลากหลายชนิด ซึ่งสิ่งหนึ่งที่พวกมันมีเหมือนกันคือความสูงที่ตระหง่านเสียดฟ้า ถ้าเป็นช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ สถานที่นี้ต้องกลายเป็นมรดกของโลก แต่ในภพนี้ มันเป็นการคงอยู่ที่ไร้ค่า อย่างน้อยชิงสุ่ยก็ไม่ต้องการทำลายมันเพื่อให้สถานที่แห่งนี้มีคุณค่า “พักแถวนี้กันก่อนสัก 2-3 วันเถอะ พวกเราต้องรอพวกเขาด้วย” ประมุขอสูรมองไปที่ชิงสุ่ยและฮัวรูเหม่ยขณะที่เธอพูด ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับขุมพลังแห่งปีศาจ การรวมกลุ่มกันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะ คนอื่นๆไม่มีใครคัดค้านเธอ มันเป็นจุดพักที่ดี พวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้หรือไกลเกินไปจากวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ บริเวณนี้เพียงพอสำหรับการตรวจตราผู้ที่มุ่งหน้าไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าซากโบราณสถาน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องรอนานหลายวัน 4 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว นิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทและสมาชิกอื่นๆก็เดินทางมาถึง การชุมนุมของผู้คนหนาแน่นมากขึ้น เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชิงสุ่ยได้เห็นเฉินหลิงและพี่น้องจากนิกายสาปอสูร เมื่อเฉินหลิงเห็นชิงสุ่ย เธอก็พุ่งเข้ามาหาด้วยความเสน่หา ร่างกายของเธอเปล่งประกายบริสุทธิ์และมีเสน่ห์ มันอยากสำหรับคนผู้หนึ่งที่จะต่อต้าน “ชิงสุ่ย พวกเราเจอกันอีกแล้ว” เฉินหลิงกล่าวอย่างมีความสุข อาจารย์ของเฉินหลิงและศิษย์พี่ทั้งหมดส่ายศีรษะของตนอย่างหมดหนทาง มันสามารถเห็นถึงเจตนาของเธอได้อย่างง่ายดาย “ใช่แล้ว เจ้าสบายดีหรือไม่?” ฮัวรูเหม่ยผู้ซึ่งอยู่ข้างๆประมุขอสูรมองไปทางชิงสุ่ยและกล่าวกับเธอ “ปีศาจตัวน้อยผู้นี้ดูเหมือนจะชอบเขา” “นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้างั้นหรือ?” ประมุขอสูรกล่าวโดยไม่หันมอง “ชิงสุ่ยดูเหมือนจะชอบเจ้า” ฮัวรูเหม่ยกล่าวขณะหัวเราะ “แล้วมันเกี่ยวกับข้าอย่างไร?” คราวนี้ประมุขอสูรหันมาและมองไปที่ฮัวรูเหม่ย “เจ้าไม่ชอบเขาหรือ?” ฮัวรูเหม่ยยังคงยิ้มอยู่ “ไม่ชอบ!” ประมุขอสูรกล่าวอย่างรวดเร็ว “อืม เช่นนั้นข้าจะถามเจ้าอีกข้อหนึ่ง เจ้าต้องตอบข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่นำไปบอกใคร เจ้ามีชายที่ชอบอยู่ไหม?” ฮัวรูเหม่ย มองไปที่ประมุขอสูรอย่างรู้อยากเห็นและถาม ประมุขอสูรมองฮัวรูเหม่ยแล้วกล่าวเบาๆ “การมีหรือไม่มีใครที่ชอบเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้างั้นหรือ?” “แน่นอน เจ้าไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ไม่มีชายที่ชอบงั้นหรือ? เจ้าไม่ต้องการความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงหรือ? เจ้าไม่ต้องการให้ชายใดมาดูแล รักเจ้า เอาใจ?” ฮัวรูเหม่ยกระพริบตาอันทรงเสน่ห์ของเธอ มันทำให้น่าหลงใหลยิ่งขึ้น “ผู้ที่ไร้หัวใจไม่คิดเรื่องนี้” ประมุขอสูรรอจนฮัวรูเหม่ยกล่าวเสร็จก่อนที่จะตอบกลับเธอ ฮัวรูเหม่ยมึนงงกับคำพูดนั้น เธอยิ้มอย่างหมดหนทาง “เจ้าควรจะหยุดทรมานตัวเองแบบนี้ พวกเราไม่อยากเห็นเช่นนี้ พวกเราหวังว่าเจ้าจะมีชีวิตที่มีความสุข” “ข้าไม่สามารถโนวน้าวตัวเองให้เป็นอย่างอื่นได้ ผู้ที่โดดเดี่ยวก็ต้องโดดเดี่ยวตลอดไป” ประมุขอสูรแทบจะไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมอะไรต่อคำพูดของเธอ มันเป็นความเย็นชาอันสง่างามที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่มีใครเคยเห็นเธอหัวเราะหรือแม้แต่รอยยิ้ม เธอมักจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับความเย็นชาและเงียบสงบ “ปัญหาของเจ้า บางทีเขาอาจจะช่วยได้” ฮัวรูเหม่ยกล่าวอย่างจริงจังหลังจากคิดเล็กน้อย ประมุขอสูรมองไปทางชิงสุ่ย ทั้งหมดที่เธอเห็นคือชายที่เธอไม่สามารถมองออก เธอไม่ชอบผู้ชายเช่นนี้ แต่เธอก็ยังจดจำเขาไว้ เธออยากจะลืมเขา แต่เธอก็ทำไม่สำเร็จ มันเหมือนกับภาพของเขาได้ตราตรึงอยู่ในใจของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกถึงอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ เธอไม่สามารถแยกแยะว่าความรู้สึกเหล่านี้ดีหรือไม่ดี เดิมทีความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอ ชีวิตของพวกเขาจะไม่มีทางมาบรรจบกัน เธอจึงปล่อยให้เธอมีชีวิตต่อไป เขาเป็นคนที่ทำลายผนึกของเธอ ความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่แสดงให้เห็นว่าเขามีร่างกายที่พิเศษ มิฉะนั้นเขาคงไม่สารถปลดผนึกของเธอได้ อย่างไรก็ตามเขาเติบโตขึ้นอย่างน่ากลัว ทุกครั้งที่เธอเห็นเขา มันดูเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง เขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ที่เขาได้เข้าสู่พระราชวังอสูร เธอเข้าใจถึงความปรารถนาของเขา ประมุขอสูรส่ายหัว “อาจจะ แต่ข้าไม่ต้องการให้ใครเข้ามาในโคลนตมนี้” “เจ้าคิดว่าเขาจะฟังเจ้าหรือ? เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเขาถึงเข้ามาที่พระราชวังจอมอสูร? อะไรก็ตามที่ทำเพื่อเจ้า เขาจะช่วยจนถึงที่สุด หากเป็นเรื่องนี้ ทำไมเจ้าถึงยังปิดใจตัวเองเอาไว้?” ฮัวรูเหม่ยกล่าว “พวกเราจะได้เห็นกัน” ประมุขอสูรกล่าวสิ่งที่เธอต้องการบอกและเดินไปข้างหน้า …… พี่น้องจากนิกายสาปอสูรเห็นเฉินหลงดูสนิทสนมกับชิงสุ่ยมากเกินไป พวกเขาจ้องเขม็งไปใส่เขาและปลดปล่อยความไม่พอใจออกมาโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามการรับรู้ทางจิตวิญญาณของชิงสุ่ยนั้นแข็งแกร่งมาก เขาหันกลับไปมองพวกเขา ดูเหมือนว่าทั้งสองจะสนใจเฉินหลิง เหตุผลที่นิกายสาปอสูรเป็นหนึ่งในสี่ขุมพลังแห่งปีศาจอันยิ่งใหญ่เพราะพวกเขาเป็นพวกมักมากในกาม พระราชวังจอมอสูรเป็นที่รู้จักกันเรื่องความกระหายเลือด นิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทเป็นที่รู้จักกันสำหรับความงามอันมีเสน่ห์ของพวกเธอ หุบเขากระชากวิญญาณเป็นพวกที่ชั่วร้ายและเคล็ดวิชาทั้งหมดของพวกเขาก็น่าขนลุก ชิงสุ่ยไม่รู้สึกอะไรจากการจ้องมองของพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่ตัดสินใจทำอะไรบุ่มบ่าม ชิงสุ่ยก็ไม่คิดที่จะเด็ดหัวของพวกเขาทิ้ง “ชิงสุ่ย พวกเขาทั้งสองร้ายกาจและไร้ความปรานี เจ้าต้องระมัดระวังตัว พวกเขาทำได้ทุกวิธีเพื่อป้องร้าย” เฉินหลิงเห็นชิงสุ่ยมองไปที่พี่น้องหลู่และเตือนเขา “มันอาจจะดีกว่าหากพวกเขาไม่ยั่วยุข้า เจ้าควรระวังตัวให้มาก ข้าคิดว่าพวกเขาสนใจเจ้า” ชิงสุ่ยยิ้มและเตือนเฉินหลิง ใบหน้าของเฉินหลิงแดงระเรื่อขณะที่เธอกระซิบข้างหูชิงสุ่ย “แต่เจ้าสนใจข้าหรือไม่?” ชิงสุ่ยเลื่อนศีรษะออกไปเบาๆและมองหญิงผู้เขินอาย เธอเป็นคนมีเสน่ห์ เขาไม่สามารถอ่านความคิดของเฉินหลิงออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เขาเพียงแค่ยืนอยู่ในความตกตะลึงโดยไม่พูดอะไรสักคำ “ข้าล้อเล่น ข้าทำให้เจ้ากังวลใจ ข้าไม่เพียงพอที่จะอยู่ในสายตาของเจ้าหรือ?” เฉินหลิงกล่าวขณะทำหน้ามุ่ย “เจ้าหมายถึงอะไร? ข้ากำลังแปลกใจ สำหรับผู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นเจ้า ข้าไม่กล้าที่จะแตะต้อง” “คนเสแสร้ง เอาเถอะ ถึงเวลาแล้วที่ข้าต้องไป” …… ชิงสุ่ยเริ่มหลบเลี่ยงเฉินหลิงโดยไม่รู้ตัวเมื่อใดก็ตามที่เขาทำได้ นอกจากนี้เขายังสนใจสองพี่น้องหลู่เป็นพิเศษ นิกายสาปอสูรเต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์ ผู้ฝึกสัตว์อสูรเป็นพวกที่ยากที่สุดในการประเมินพลัง เหตุผลก็เพราะไม่มีทางรู้ว่าพวกเขามีสัตว์อสูรชนิดใด สัตว์อสูรที่น่าเกรงขามแบบไหนที่ถูกพวกเขาควบคุม 10 วันต่อมา ชิงสุ่ยและพวกเขาทั้งหมดอยู่ที่วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณเรียบร้อยแล้ว สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เปิดกว้างภายในป่าโบราณ ไม่มีต้นไม้ มีเพียงภูเขาขนาดใหญ่รอบบริเวณ ภูเขาเทพสงคราม! ภูเขาที่นี่ไม่ได้สูงมากเกินไป แต่มันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ส่วนที่สะดุดตาที่สุดคือรูปปั้นยักษ์ที่ยอดเขา มันเป็นรูปปั้นเทพสงคราม รูปปั้นหินสูงอย่างน้อย 300 เมตร มันผ่านสภาพดินฟ้าอากาศมานานหลายปี ไม่มีสิ่งใดทำให้มันเกิดความเสียหาย รูปปั้นดูมีชีวิตและเหมือนจริงมาก รูปปั้นใส่เกราะเต็มชุดและมีหอกมังกรอยู่ที่มือข้างหนึ่ง ขณะที่รูปปั้นตั้งอยู่ที่นั่น มันแผ่แรงกดดันทางจิตวิญญาณอันรุนแรงออกมา สัมผัสศักดิ์สิทธิ์! สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่อยู่ภายในรูปปั้น ผู้ที่ก้าวขึ้นไปบนภูเขาจะต้องได้รับผลจากมัน แน่นอนว่าสัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นน่ากลัวอยู่แล้ว แม้ชิงสุ่ยจะยังไม่ได้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของมัน เขาก็สามารถเดาได้ว่าสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ต้องมีพลังเทียบได้กับมังกรสีครามและมังกรมรกต เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันโบราณจากมัน มันเป็นกลิ่นอายแห่งรูปแบบบรรพกาล รูปปั้นหินน่าจะมีรูปแบบแฝงอยู่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันทรงพลัง มีผู้คนเป็นจำนวนมากที่นี่และชิงสุ่ยได้เห็นพวกที่คุ้นเคยเช่นพระราชวังวสันต์นิรันดร หลายคนที่นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของมหาทวีปมังกรอหังกาล ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าพวกเขามีกองกำลังในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำและมหาทวีปอุดรเทวาหรือไม่ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาทวีปมังกรอหังกาลไม่ได้อยู่ที่นี่ แม้ว่าพวกเขาติด 1 ใน 3 ของมหาทวีปมังกรอหังกาล พวกเขาก็ยังไม่ใช่ผู้ที่อยู่จุดสูงสุด ในความเป็นจริง โลก 9 มหาทวีปเป็นสถานที่ซึ่งไม่มีอะไรคาดเดาได้เลย ผู้ที่ดูแข็งแกร่งอาจไม่ได้แข็งแกร่ง กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มมังกรอหังกาลเป็นเช่นเดียวกับมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ พวกเขาคือกลุ่มมังกรอหังกาล มังกรอหังกาล! ภายในสถานที่นี้กองกำลังจากกลุ่มมังกรอหังกาลคือพระราชวังมังกร นิกายพิษสวรรค์อมตะ และพระราชวังวสันต์นิรันดร ทันใดนั้นชิงสุ่ยคิดถึงช่วงเวลาที่ผู้อาวุโสหลิงฮูได้บอกเขาว่าเยียนจงเยว่เป็นผู้นำที่น่าสะพรึงกลัว บางทีเขาอาจจะเป็นผู้นำแห่งมหาทวีปมังกรอหังกาล? เมื่อคิดถึงจุดนี้ ชิงสุ่ยรู้สึกตกตะลึง เดิมทีชิงสุ่ยคิดว่าเขาเป็นราชาของจักรวรรดิบางแห่ง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเขาต้องเป็นผู้นำแห่งมังกรอหังกาล ตอนนี้พระราชวังจอมอสูรและมหาทวีปมังกรอหังกาลเป็นศัตรูกัน ความจริงแล้วกลุ่มมังกรอหังกาลเป็นฝ่ายธรรมะที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาทวีปมังกรอหังกาล… ชิงสุ่ยมีแต่ความว่างเปล่าที่นี่ เขาจะต้องต่อสู้กับชายผู้นั้นหรือไม่? พลังของเขานั้นน่ากลัว ชิงสุ่ยงุนงง เขาไม่รู้ว่าความทรงจำของชายคนนั้นจะยังคงอยู่ไหม? แต่ชายคนนั้นเป็นความหวังของแม่ชิงสุ่ย ชิงสุ่ยไม่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยต้องช่วยพระราชวังจอมอสูรจัดการมังกรอหังกาล ชิงสุยไม่รู้จะทำอย่างไร? ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะมาถึง แต่ชายคนนั้นจะรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร เขาไม่เคยรู้จักชิงสุ่ย เขาอาจไม่ทราบว่าชิงสุ่ยมีตัวตน แม้ว่าเขาจะหลงเหลือความทรงจำ มันก็เป็นแค่ความทรงจำที่มีกับชิงชิงเท่านั้น
คอมเม้นต์