ตอนที่ 1427
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลยhttps://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechniqueบทที่ 1427 – ไม่อาจคาดการณ์ได้ เครื่องรางสวรรค์ที่ทรงพลัง ชิงสุ่ยหยิบเอาธงจำนวนมากออกมา เขารอโอกาสที่เหมาะสมเพื่อเริ่มจัดตั้งรูปแบบ แล้วด้วยความเร็วของเขารูปแบบจำนวนมากจึงถูกก่อสร้างขึ้น ในตอนนี้ เขาสามารถสังหารหมีอสูรเพลิงทองคำบรรพกาลโดยใช้เพียงแค่รูปแบบของผังแปดทิศที่เสร็จสิ้นเพียงแค่ครึ่งเดียว “ทุกคนอย่าขยับ ถ้าหากเจ้าหมีอสูรเพลิงทองคำบรรพกาลยังคิดที่จะโจมตีเข้ามาอีก ข้าจะฆ่ามันทั้งหมดในทันที”ชิงสุ่ยกล่าวขณะนี้เดินเข้าหาซานยู้ ถึงแม้จะเป็นชิงสุ่ยเอง หากเป็นเขา เขาคงเลือกที่จะหลบทักษะสังหารที่รุนแรงเช่นนั้น มันคือทักษะที่ใช้ในการสังหารอย่างแน่นอน ต่อให้ชุดเกราะภายนอกจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจซึมซับพลังกระแทกทั้งหมดได้ แน่นอนว่าอวัยวะภายในของเขาจะต้องบาดเจ็บอย่างรุนแรง และสิ่งเดียวที่สุดที่เขารอคอยคือความตาย หากไม่ใช่เพราะความเชี่ยวชาญเป็นเลิศทางศาสตร์แห่งหมอของชิงสุ่ย เขาคงจะกลายเป็นเพียงแค่ซากศพ “พี่ใหญ่ซาน ท่านรู้สึกเช่นไรบ้าง?”ชิงสุ่ยจับข้อมือของเขาเพื่อตรวจชีพจร ร่างกายของซานยู้ถูกย้อมไปด้วยสีโลหิต แต่เขาก็ยังพยายามฝืนยิ้ม “ดูเหมือนว่าพี่ชายคนนี้จะติดหนี้บุญคุณน้องชายอย่างเจ้าอีกแล้ว ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้า 2 ครั้งแล้วสินะ” “อย่าได้มากพิธีกับข้าเลย โปรดระมัดระวังให้มากกว่านี้มิฉะนั้นท่านอาจจะไม่ได้อยู่แต่งงานกับพี่สาวคนนี้ก็เป็นได้”ชิงสุ่ยพยายามกล่าวให้มันเป็นเรื่องตลก ไม่ว่าตอนนี้น้ำตายังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของฮัวรูเหม่ย แต่เธอก็แสดงใบหน้าที่เขินอายออกมาพร้อมกับกล่าวอย่างเป็นห่วงว่า “เขาจะเป็นไรหรือไม่? แล้วเขาจะรอดพ้นภัยอันตรายครั้งนี้ได้หรือไม่?” “ตราบเท่าที่พี่ชายคนนี้ยังหายใจอยู่ ข้าขอรับรองว่าข้าสามารถช่วยเขาได้อย่างแน่นอน พี่ใหญ่คนนี้เป็นคนที่ดี เขาก็ควรที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสมบูรณ์”ขณะที่กล่าวชิงสุ่ยก็นำเอาเข็มทองคำออกมาพร้อมกับเริ่มฝังเข็ม ด้วยทักษะปราณแห่งการหวนคืน พลังการฝังเข็มของชิงสุ่ยจึงอยู่ในระดับที่น่าเกรงขาม เขาค่อยๆบรรเทาอาการบาดเจ็บที่ปรากฏขึ้นบนร่างกายของซานยู้อย่างช้าๆ แม้จะดูเหมือนช้าแต่กลับเป็นความเร็วในการรักษาฟื้นตัวที่ไม่น่าเชื่อ ถ้าหากเราหมอทั้งหลายได้เห็นภาพเหล่านี้ พวกเขาจะต้องกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าชายผู้นี้คือผู้ที่อยู่จุดสุดยอดของบรรดาหมอทั้งหลาย เมื่อชิงสุ่ยดึงเข็มที่ฝังออก อาการบาดเจ็บของซานยู้ก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ สิ่งเดียวที่เขาต้องทำก็คือการพักผ่อนเพื่อฟื้นคืนพลังทั้งหมด หากไม่ได้รับยาหอมมรกตทองคำและการรักษาของชิงสุ่ย ในตอนนี้เขาคงกลายเป็นเพียงแค่เหยื่ออันโชคร้ายเป็นแน่ ซานยู้เริ่มเคลื่อนไหวได้ตามใจชอบ แต่เขาก็ไม่สามารถใช้พลังที่เหนือกว่าขั้นของปราณนักบุญพิโรธได้ การสังหารยังคงเกิดขึ้น จนหมีอสูรเพลิงทองคำบรรพกาลตัวสุดท้ายได้ตายจากไปด้วยน้ำมือของกลุ่มชิงสุ่ย เมื่อมองออกไปรอบรอบๆสถานที่แห่งนี้คือโบราณสถานที่แตกหักรกร้าง จึงทำให้สัตว์อสูรสายเลือดโบราณอยู่อาศัยกันเป็นจำนวนมาก และถ้าหากจอมยุทธ์คนใดพลาดพลั้งหลงเข้ามาในที่แห่งนี้ และถ้าหากพวกเขาเหล่านั้นอ่อนแอเกินไป ไม่ถึงเสี้ยววินาที คนผู้นั้นก็จะถูกลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์ไปอย่างสิ้นเชิง ทันทีที่ชิงสุ่ยสร้างรูปแบบการก่อตัวของเขาเสร็จสิ้นพร้อมกับประตูแห่งชีวิตที่อยู่เบื้องล่างเปิดออกพร้อมกับเหล่าฝูงหมีอสูรเพลิงทองคำบรรพกาลชุดใหม่ แต่รูปแบบที่ชิงสุ่ยก็กลายสภาพเปรียบเสมือนกรงขังที่กักขังพวกมันเอาไว้ จึงทำให้ชิงสุ่ยและคนอื่นๆสามารถเข้าไปห่ำหั่นสังหารพวกมันได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่สังหารพวกมันไปมากกว่า 20 ตัว ตัวอื่นจึงเลือกที่จะหลบหนี สัตว์อสูรยังคงเป็นสัตว์อสูรอยู่วันยันค่ำ พวกมันย่อมไม่ฉลาดเท่ามนุษย์ แต่บางตัวก็มีสติปัญญามากพอที่จะรับรู้ได้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกมันจะรับมือ ฉะนั้นพวกมันจึงเชื่อสัญชาตญาณและเลือกที่จะวิ่งหนี นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชิงสุ่ยสามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองอย่างมหาศาล ผิวหนังเกล็ดของสัตว์อสูรหมีทองคำเพลิงบรรพกาลเหล่านี้ สามารถนำมาสร้างเป็นเกราะหนักได้รวมถึงยังสามารถนำมาสร้างเป็นยาอาหาร และเนื้อของพวกมันก็มีรสชาติที่อร่อยอย่างมาก ชิงสุ่ยจึงทำการเก็บชิ้นส่วนของพวกมันทั้งหมดและโยนมันเข้าไปในดินแดนหยกยุพราชอมตะ จากนั้นเขาก็เริ่มมองหาพื้นที่ที่ใช้ในการสร้างที่พักพิงชั่วคราว ทุกคนกำลังร่วมรับประทานเนื้อหมีย่างกันอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติที่ชิงสุ่ยทำนั้นทำให้ทุกคนถึงกับอ้าปากค้าง ฮัว รูเหม่ยเลือกที่จะอยู่ดูแลซานยู้ เพราะซานยู้เป็นคนผลักเธอให้ออกจากวิถีลูกบอลเพลิง และยินดีสละชีพตัวเองเพื่อรักษาชีวิตของเธอ เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้รักเธออย่างแท้จริง และการกระทำเหล่านี้ยิ่งทำให้ความรู้สึกของหัวใจทั้งสองคนแนบแน่นกับยิ่งขึ้น เมื่อฮัว รูเหม่ยกับซานยู้จากไป ก็เหลือชิงสุ่ยที่อยู่กับประมุขอสูร ขอนำสุราออกมาเพื่อผสมย่างเนื้อที่เหลืออีกบางส่วน “ข้อสงสัยเหลือเกินว่าทำไมพระราชวังมังกรถึงได้ออกมา”ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เขาบรรจงย่างเนื้อ “อีกไม่ช้าก็เร็ว พวกมันจะไม่อาจย่างกรายเข้ามาใกล้วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ”ประมุขอสูรกระซิบ “สิ่งที่อยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณสำคัญมากเช่นนั้นเลยหรือ?” “มีความเป็นไปได้ว่าสุดยอดสมบัติจะปรากฏขึ้นภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ ภูเขาเก่าลือกันว่ามันมีความสามารถในการพลิกชะตากรรมของนิกายๆหนึ่ง แน่นอนว่ามันก็อาจจะเป็นเพียงแค่ทับทิมธรรมดาเท่านั้น” “วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณมีขนาดใหญ่มาก ถ้าหากพวกเราไม่จัดการกับพวกพระราชวังมังกรให้หมดสิ้น แล้วสงครามจะต้องเริ่มจริงๆหรือ?”ชิงสุ่ยกล่าวถาม ” แน่นอนว่าข้าต้องไม่ยอมให้สงครามเกิดขึ้น สถานที่แห่งนี้ก็อยู่ไม่ไกลนักจากวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ ถ้าหากคาดคิดถูก พวกเราคงจะถูกจับตาโดยเหล่าศัตรูแล้ว แล้วจะเป็นเช่นนั้นพวกเราก็คงจะเผชิญหน้ากับพวกมันแล้วอย่างแน่นอน” ชิงสุ่ยยิ้ม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประมุขอสูรจึงพยายามซ่อนตัวตนของตนเอง เพื่อไม่ให้คนภายนอกรับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น “แล้วท่านมั่นใจมากเพียงใดว่าจะสามารถเอาชนะพระราชวังมังกรได้?”ชิงสุ่ยกล่าวถาม ประมุขอสูร ขณะที่ส่งชิ้นเนื้อย่างให้กับเธอ “มันก็ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะ สิ่งเดียวที่ข้ากลัวก็คือการที่ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องจะมีส่วนร่วมกับพระราชวังมังกร ข้ากลัวว่าจะมีใครแอบเล่นสกปรก”ตะมุตะศูนย์ดูจะไม่พอใจทันทีที่เธอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ “ข้าได้เห็นทักษะการย่างก้าวของท่านแล้ว ดูเหมือนมันจะเป็นการผสมผสานกับการตั้งค่ายพระราชวังเก้าเทวา”ชิงสุ่ยกล่าวถูกทุกอย่าง หญิงสาวคนนี้สามารถฝึกฝนอย่าง 9 เทวาไปจนถึงจุดจุดหนึ่งที่ไม่ได้ได้ไปกว่าเมื่อเทียบกับเขาเลย นอกจากนี้ถึงมีศาสตราวุธและทักษะสังหารที่น่ากลัวและเมื่อเธอบรรลุทักษะย่างก้าว 9 เทวาแล้วความแข็งแกร่งโดยรวมของเธอก็จะเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า “ข้ากำลังฝึกฝน ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่จะมอบให้ข้า ข้าก็ฝึกฝนมันจนบรรลุถึงขั้นย่างก้าวแปดทิศ และข้าก็ไม่อาจทะลวงมันได้อีกต่อไป” ในขณะที่ประมุขอสูรกล่าว ใบหน้าของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น แต่มันก็ไม่ได้เป็นที่น่าแปลกใจสำหรับชิงสุ่ย “หากต้องการบรรลุทักษะย่างก้าว 9 เทวา ท่านจำเป็นจะต้องให้ค่าช่วยเหลือท่านในการฝังเข็มบริเวณฝ่าเท้าและขา รวมถึงฟื้นฟูลมปราณบางส่วนของร่างกาย และข้ายังจำเป็นจะต้องเสริมสร้างพลังในการฟื้นเพื่อให้ขาของท่านสามารถกักเก็บพลังปราณได้มากเพียงพอ”ชิงสุ่ยกล่าว ชิงสุ่ยเติมซุปลงไปในถ้วยของประมุขอสูร นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองได้รับประทานอาหารร่วมกัน ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกแปลกๆโดยไม่มีเหตุผล แน่นอนว่าถ้าหากเป็นชายอื่น ก็คงไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้เธอได้มากขนาดนี้ ตัวของชิงสุ่ยได้ช่วยเหลือทางฮัวรูเหม่ยและได้ช่วยมอบยาเม็ดต่างๆมากมาย รวมถึงสนับสนุน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่สมาชิกของนิกายพระราชวังอสูร จนทำให้สถานการณ์ทุกอย่างนำมาสู่ปัจจุบัน ชิงสุ่ยไม่รู้เลยว่าวันละมุขอสูรคิดอะไรอยู่ รอบตัวของเธอยังคงแพร่กลิ่นอายที่แสนเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง เธอไม่ได้สบตาเขา มันให้ความรู้สึกว่าเธอกำลังละเลยตัวเขาที่นั่งอยู่ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็ปิดกั้นความรู้สึกที่ว่าเธอกำลังแสดงท่าทางสนิทสนมกับเขา บรรยากาศต่างๆนานาทำให้ทั้งสองคนรู้สึกไม่สบายใจ “ถ้าหากว่าท่านต้องการเข้าถึงมัน ท่านก็จงมาหาข้าได้ทุกเวลาตามที่ท่านต้องการ อย่าได้ไปคิดอะไรมากมายนัก”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้ม “ทำไมข้าต้องคิดมากมาย? เรายังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”ประมุขอสูรจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาเย็นชา ชิงสุ่ยยิ้มอย่างเขินอาย “ขอโทษจริง ข้าเพียงแค่ต้องการจะช่วยท่านเท่านั้นเอง” “เอาล่ะเราค่อยคุยเรื่องนี้กันในคราวหน้า ตอนนี้ข้ารู้สึกอยากอยู่คนเดียว ขอบคุณสำหรับสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้”หญิงสาวผู้นี้กำลังกล่าวราวกับกำลังขับไล่ส่งแขก ชิงสุ่ยถูจมูก วันนี้เขาได้ทำเพื่อผู้อื่นทั้งช่วยเหลือทั้งเป็นพ่อครัวแต่สุดท้ายเขาก็โดนไล่ออกมา มันเป็นความรู้สึกช่างน่าสงสารเหลือเกิน แต่เขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกเสียใจและรู้สึกรังเกียจหญิงสาวผู้นี้ เขาคิดว่านี่มันดีกว่าที่เขาเคยคิดมากนัก ชิงสุ่ยลุกขึ้นยืนและเดินออกจากที่พักของประมุขอสูร และกลับไปยังที่พักของเขา จากนั้นเขาก็เริ่มเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะ รูปแบบเกราะสววรค์ศักดิ์สิทธิ์!! ชิงสุ่ยมองไปที่เครื่องรางสวรรค์และพบว่ามันมีพลังเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ชิงสุ่ยจึงหยิบมันขึ้นมาแล้วตบลงบนหน้าอกของตนเอง เพิ่มพูนพลังป้องกันขึ้น 10% แม้จะดูเหมือนน้อยแต่ 10%ที่เพิ่มขึ้นถือว่าเป็นพลังป้องกันที่น่ากลัวเลยทีเดียว เมื่อมองดูการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ชิงสุ่ยจึงเริ่มฝึกฝนวาดเครื่องภาพต่างๆ เพื่อใช้สิ่งต่างๆในการเพิ่มความเร็ว ความแข็งแกร่ง พลัง และความสามารถในการบั่นทอนพละกำลังของศัตรู จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีกครึ่งวัน ชิงสุ่ยเผยรอยยิ้มที่แสนน่ายินดี เขาสามารถเพิ่มพลังได้ 10 เปอร์เซ็นต์และสามารถลดพลังศัตรูได้ถึง 10% ซึ่งมันจะสร้างส่วนต่างถึง 20% ที่แสนน่าหวาดกลัว เมื่อเครื่องรางสวรรค์พัฒนามาถึงตอนนี้มันก็เกือบเทียบเท่าได้กับพลังปราณจักรพรรดิ ที่ฝั่งนึงใช้ในการเพิ่มพูนพลัง ส่วนอีกฝั่งใช้ในการลดพลัง ถ้าหากคนทั้ง 2 ที่มีพลังเท่ากันเข้าห้ำหั่นกันเอง การที่สามารถลดพลังศัตรูถึง 20% และเพิ่มพลังตัวเอง แนวคิดนี้มันช่างน่าเหลือเชื่อจริง เครื่องรางอัสนีเทวา!!! เครื่องรางพฤกษาจร!!! เครื่องรางเพลิงโลกา!!! เครื่องรางเบญจธาตุนั้นเปรียบดังองค์ประกอบทั้ง 5 ธาตุ ชิงสุ่ยชื่นชอบเครื่องรางอัสนีเทวามากที่สุด มันสามารถยืมพลังอัสนีจากสวรรค์เพื่อโจมตี แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับทั่วไปก็สามารถใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันสามารถใช้กำจัดสัตว์อสูรที่ทรงพลังกว่าผู้ใช้ให้กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยได้ ………………….. ในวันที่ 2 เมื่อเขาตื่นขึ้นเขาก็ต้องพบกับความรู้สึกแปลกประหลาด ดูเหมือนสภาพแวดล้อมโดยรอบไม่ว่าจะเป็นป่าไม้หรือภูเขาจะมีความเปลี่ยนแปลงไป รูปแบบสวรรค์โลกามายาบุษราคัม ดูเหมือนจะมีกลุ่มคนมาสร้างรูปแบบค่ายกลสวรรค์โลกามายาบุษราคัมที่ทรงประสิทธิภาพเอาไว้รอบๆบริเวณนี้ “ดูเหมือนว่า พวกเราจะไม่อาจหลบหนีไปได้ มีบางคนมาสร้างค่ายกลขนาดใหญ่เอาไว้โดยรอบตั้งแต่เมื่อคืนวาน และดูเหมือนว่าเราจะอยู่ตรงศูนย์กลางค่ายกลเสียด้วย”คนแรกที่ชิงสุ่ยเดินเข้าหาก็คือประมุขอสูร “รูปแบบค่ายกล? ไม่น่าแปลกใจเลย ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างแตกต่างไปแต่ข้าก็ไม่สามารถบอกได้ มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าพวกพระราชวังมังกรจะเชื้อเชิญยอดปรมาจารย์รูปแบบค่ายกลมาร่วมด้วย มิฉะนั้นพวกมันคงไม่กล้าแหย่เท้าเข้าหานิกายพระราชวังอสูรของพวกเราเป็นแน่”ประมุขอสูรหมดคิ้ว
คอมเม้นต์