ตอนที่ 1301
บทที่ 1301 – ตระกูลหลิง ความแตกต่างด้านพลัง ภายใน 5 มหาทวีปไม่มีสิ่งใดคุกคามตระกูลชิงได้ โดยไม่รู้ตัว ชิงสุ่ยพักอยู่ที่ตระกูลชิงเป็นเวลาถึง 1 สัปดาห์แล้ว เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนในตระกูล ส่วนมากเขาจะช่วยเหลือด้วยยาฟื้นกายาและความสามารถของตัวเอง เขาสามารถให้คำแนะนำแก่คนในตระกูลได้เป็นอย่างดี สำหรับตระกูลชิง สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญมาก ช่วงนี้ชิงสุ่ยจะเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะในตอนเช้า นอกเหนือจากเวลาที่เขาใช้ภายในนั้นซึ่งไม่รวมเวลากลางคืน ชิงสุ่ยจะใช้เวลาที่เหลือเพื่อแนะนำการฝึกฝนของพวกเขาและฝึกยามเช้าไปด้วย วันนี้ชิงสุ่ยวางแผนที่จะไปเยี่ยมเยียนตระกูลเฮยฟงและตระกูลหลิง แม้ว่าทั้งสองตระกูลยังไม่ได้ทำอะไรออกนอกลู่นอกทางนับตั้งแต่พวกเขามาที่นี่ ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องประเมินพวกเขาอย่างละเอียด หากมีภัยอันตรายเกิดขึ้น เขาจะพบว่ามันสายเกินไปที่จะเสียใจ เพราะที่นี่เป็นบ้านของเขา เขาไม่ได้ให้หลวนหลวนเรียนรู้เรือนร่างแห่งสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเธอยังอ่อนแอเกินไป ส่วนอวี้ช่างที่ไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนหมิงเยวี่ยเก้อโหลว ตอนนี้เธอกลับแข็งแกร่งกว่าชิงเป่ย ช่างน่าแปลกใจที่เธอพยายามจนสามารถตามทันได้ในภายหลัง ถ้าหากชิงสุ่ยไม่อยู่ หลวนหลวนจะกลายเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในตระกูลชิง นอกจากนี้เธอยังมีสัตว์อสูรที่ฝึกไว้หลายตัว ดังนั้นชิงสุ่ยจึงมอบสิ่งต่างๆมากมายไปเพื่อช่วยในการฝึกตนและประหยัดเวลาในการเพิ่มความแข็งแกร่งของเธอ ความโดดเด่นของสัตตะดวงใจลี้ลับคือมันสามารถข้ามผ่านจุดตีบตันเล็กๆและช่วยเพิ่มโอกาสสู่การพัฒนาครั้งใหญ่ นอกจากนี้ชิงสุ่ยเพิ่งช่วยเธอด้วยการฝังเข็มทองคำและยาฟื้นกายา เขายังได้ให้ยาเม็ดบางตัวซึ่งอาจช่วยเธอทะลวงผ่านอุปสรรคที่มีอยู่ ชิงสุ่ยเริ่มนำยาสมุนไพรจากดินแดนหยกยุพราชอมตะออกมา เขารวบรวมสมุนไพรบางส่วนที่เคยใช้ในอดีต นอกเหนือจากยาเม็ดเล็กน้อยบางส่วนซึ่งเก็บไว้ ยาส่วนใหญ่เขาได้มอบให้พวกเขา ในอนาคตความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามของหลวนหลวนคือสิ่งที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ สิ่งแรกที่ชิงสุ่ยต้องการทำคือการสอนพื้นฐานให้กับเธอก่อน เช่นเดียวกับการสร้างฐานของบ้าน หากฐานไม่มั่นคงพอ ความสูงของตัวอาคารก็จะจำกัด ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้ให้หลวนหลวนฝึกฝนเพียงเน้นแค่ความเร็ว ตลอดมาเขาคิดว่าพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ เขาคิดว่าการสร้างรากฐานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ หลังจากที่เขามาถึงมหาทวีปอู่เซียตะวันตก เขาก็รู้ว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง ด้วยพรสวรรค์โดยธรรมชาติของหลวนหลวน มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอที่จะฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปกว่า 10 ปี การฝึกตนของหลวนหลวนก็น่าจะก้าวหน้าขึ้นมาก มันอาจใช้เวลาน้อยลงด้วยความช่วยเหลือของยาสมุนไพรและเคล็ดวิชาการต่อสู้ ถ้าเธอสามารถเข้าไปอยู่ในโอกาสอันเหมาะสมได้ เธออาจจะสามารถก้าวกระโดดครั้งใหญ่อีก “ท่านพ่อ อนุญาตให้ลูกติดตามท่านไปที่ตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟงด้วย!” หลวนหลวนกล่าวในขณะที่เธอกอดแขนของ ชิงสุ่ย “เช่นนั้นก็ดี!” ชิงสุ่ยยิ้มหลังจากคิดชั่วครู่หนึ่ง “ลูกไปด้วย!” ชิงหมินเม้มปากและกล่าว “การฝึกตนของเจ้าก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว?” ชิงสุ่ยถามชิงหมิน “ตอนนี้ลูกก้าวหน้าขึ้น 5 ถึง 6 เท่าของแต่ก่อน มันรู้สึกดีจริงๆกับความรวดเร็วนี้” ชิงหมินเผยรอยยิ้มอันยินดีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาดูตื่นเต้นมาก “อย่าได้พึงพอใจกับพลังของเจ้าในตอนนี้ การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด เจ้าไม่มีทางเลือกนอกจากมุ่งมั่นให้ดียิ่งขึ้น ตอนที่ข้าอายุเท่าเจ้า ข้าไปได้ไกลกว่านี้มากนัก” จริงๆแล้วชิงสุ่ยกำลังโกหก เขากลัวว่าชิงหมินจะพึงพอใจกับความสามารถที่มีอยู่เพียงแค่นี้ “ลูกไม่เชื่อท่านพ่อ!” ชิงหมินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาหล่ะ เช่นนั้นมาที่นี่ ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้และไม่ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะวางเท้าไว้บนพื้น ข้าสัญญาว่าจะทำทุกอย่างหากเจ้าสามารถแตะสัมผัสชายเสื้อของข้าได้” ในขณะที่พูดชิงสุ่ยวาดวงกลมกว้างเท่ากับหนึ่งก้าวขาของเขา “ท่านพ่อห้ามใช้ศิลปะการต่อสู้กับข้า ไม่เหาะเหิน ไม่ดำดิน และสุดท้ายห้ามออกนอกวงกลม” ชิงหมินกล่าวอย่างคล่องแคล่วด้วยดวงตาที่เบิกกว้างของเขา “ตกลง!” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทันทีที่ชิงหมินกล่าวจบ เขาก็รีบกระโจนเข้าใส่ชิงสุ่ย เขากางมือและขาออกทันทีเพื่อเข้าตะครุบรอบวงกลม แม้ร่างของเขาจะเล็ก แต่เขาก็สามารถโอบล้อมวงกลมทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนตัวชิงสุ่ยนั้นไม่สามารถก้าวขาหลบได้และไม่สามารถขัดขวางใดๆ อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยมีความสุขจริงๆ ดูเหมือนว่าเด็กน้อยคนนี้ฉลาดมาก เมื่อมองดูท่าทีของเด็กน้อยที่กระโจนเข้ามา ชิงสุ่ย หลวนหลวน และหญิงสาวบางคนที่อยู่ที่นี่ก็เริ่มหัวเราะ แม้กระนั้นก็ตามชิงสุ่ยยังคงใช้เคล็ดวิชาของเขา ชิงสุ่ยเป็นคนที่มีความชำนาญในทักษะย่างก้าว 9 เทวาและเขาสามารถเคลื่อนย้ายไปที่ไหนกับสิ่งใดก็ได้ตามต้องการ วงกลมด้านล่างเท้าของเขาก็เหมือนกับร่างกายเขา เขาเคลื่อนที่ออกไปจากจุดเดิมทันที มิหนำซ้ำผู้คนโดยรอบยังไม่สามารถสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้ ชิงหมินลงเอยด้วยการนอนลงไปกองกับพื้น เขารีบหันหาชิงสุ่ยอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ ท่านขี้โกง!” ชิงหมินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เจ้าหมายถึงข้าโกงอะไร? ข้าไม่ได้ก้าวออกไปนอกวงกลมเลย” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราตกลงกันว่าท่านพ่อไม่สามารถใช้พลังขัดขวางลูก ลูกแน่ใจว่าลูกกระโจนเข้าใส่วงกลม แต่มันกลับกลายเป็นว่าลูกยังอยู่นอกวงกลม ท่านพ่อต้องเป็นผู้ขัดขวางลูก” ชิงหมินกล่าวด้วยความแน่วแน่ “ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้า เจ้าน่าจะรู้สึกได้ บางทีข้าอาจใช้กลอุบายหลอกล่อเจ้าทำให้คิดว่าตำแหน่งวงกลมที่เจ้ากำลังมองดูอยู่นั้นเป็นของจริง แต่อันที่จริงแล้วมันผิด” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ความเป็นจริงชิงสุ่ยไม่ได้ใช้กลอุบายใด มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาผู้มีพลังวิญญาณอันน่าเกรงขามที่จะล่อหลอกชิงหมินในเรื่องนี้ ชิงหมินตกตะลึง หลังจากที่เขาคิดชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขารู้สึกว่าไม่เข้าใจมันจริงๆ เขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้และพุ่งเข้าใส่ชิงสุ่ยอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้ใช้วิธีเดิม เขาพยายามคว้าจับด้วยมือและเพ่งตามองไปที่ชิงสุ่ยอย่างเดียว แม้ว่าพื้นดินเบื้องหน้าเท้าของเขาจะเป็นวงกลมที่ชิงสุ่ยยืนอยู่ ชิงหมินก็ยังไม่สามารถสัมผัสชายเสื้อของชิงสุ่ยได้เลย ความดื้อรั้นของเด็กน้อยกำลังถูกกระตุ้น เขาคว้าจับตัวชิงสุ่ยอย่างไม่หยุดหย่อน ตอนนี้ชิงสุ่ยพูดแนะนำเขาเล็กน้อย ชิงสุ่ยบอกให้เขาใช้รูปแบบย่างก้าวคู่ ย่างก้าวคู่ก่อให้เกิดลม ลมที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับน้ำและไฟ แต่น้ำและไฟเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกัน ราวกับว่าคำพูดของชิงสุ่ยมีเวทมนต์ ชิงหมินเริ่มเข้าใจถึงการใช้รูปแบบย่างก้าวคู่ เขาเคลื่อนไหวเท้าไปมาหลากหลายขณะที่ร่ายรำหมัดอสูรสันโดษและเริ่มโจมตีใส่ชิงสุ่ยจากทุกทิศทาง ตอนนี้เขาเริ่มเชี่ยวชาญรูปแบบย่างก้าวคู่ขั้นต้นแล้ว ดูเหมือนว่าเขาได้บรรลุสู่ดินแดนถัดไป ตอนแรกชิงสุ่ยช่วยเขาเสริมสร้างร่างกายด้วยยาฟื้นกายา เขาสามารถก้าวขึ้นไปสู่อีกขั้นได้ หากไม่มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้น เขาควรจะสามารถฝึกฝนรูปแบบย่างก้าวไตรลักษณ์หรือแม้กระทั้งรูปแบบย่างก้าวจตุลักษณ์ได้ ดูเหมือนชิงหมินจะตกอยู่ในภวังค์ มันเหมือนกับว่าเขาได้เข้าสู่สภาวะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามเขายังสามารถได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวและสภาวะนี้ดูจะปรากฎออกมาแบบไม่แน่นอน มันยากที่เขาจะทำเรื่องเหล่านี้ได้อย่างปกติ หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาทีชิงหมินก็หยุดลง เขาเผยใบหน้าแห่งความสุข “เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด “ในอดีตที่ผ่านมา ลูกรู้สึกว่าลูกนั้นว่องไวมาก แต่ตอนนี้ลูกรู้สึกได้ว่าว่องไวกว่าเมื่อก่อนหลายเท่านัก อย่างไรก็ตามลูกก็ยังรู้สึกเหมือนไม่ได้ว่องไวเท่าเดิมที่เคยทำได้เช่นกัน” ชิงหมินกล่าวหลังจากคิดมาครู่หนึ่ง “แน่นอน เมื่อก่อนเจ้าเป็นเพียงกบที่อยู่ใต้บ่อน้ำ แม้ว่าเจ้าจะกระโดดขึ้นไปเพียงไม่กี่ฟุต เจ้าก็จะรู้สึกว่าตัวเจ้ากระโดดได้ไกลมาก แต่ตอนนี้เจ้าได้ขึ้นมาจากบ่อน้ำเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะก้าวกระโดดได้ไกลกว่า 10 ฟุต ระยะทางที่เห็นก็ยังคงไม่อาจเทียบได้กับความกว้างใหญ่ไพศาลของท้องฟ้า นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงรู้สึกไม่ว่องไวเท่าที่เคยเป็นมา เหตุผลหลักก็คือเจ้ายังไม่บรรลุถึงระดับที่คู่ควรกับโลกใบนี้แต่อย่างใด” ชิงสุ่ยมีความสุขมาก นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับชิงหมิน “ท่านพ่อ ข้าขอตัวไปฝึกฝนต่อ!” ชิงหมินรีบจากไปทันทีหลังจากที่กล่าวเสร็จ ชิงสุ่ยยิ้ม เขาคิดว่าลูกชายคนนี้กำลังอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง หมิงเยวี่ยเก้อโหลวยิ้มเช่นกัน เธอสังเกตเห็นว่าภาระของเธอได้รับการแบ่งเบามากขึ้นนับตั้งแต่ชิงสุ่ยกลับมา ก่อนหน้านี้เธอเคยกลัวว่าจะไม่สามารถมอบความรู้ให้ลูกชายได้ดีพอ เธอกังวลอยู่เสมอว่าเขาจะเรียนรู้แบบผิดๆ เมื่อชิงสุ่ยกลับมา การสอนลูกชายของเขาแตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง เขาให้อิสระและมีข้อจำกัดเพียงเล็กน้อย เช่นนั้นเธอจึงพบว่าลูกชายดูจะดื้อรั้นน้อยลงและเขาชื่มชมผู้เป็นพ่อมากๆ เธอดีใจมากที่ได้เห็นสิ่งนี้ ในความเป็นจริงเธอยินดีเป็นอย่างมาก ในอนาคตถ้าชิงสุ่ยสามารถกลับมาได้เดือนละครั้ง เธอก็สามารถปล่อยให้ลูกชายเรียนรู้จากเขาได้ ชิงสุ่ยเรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมา หลวนหลวนกระโดดขึ้นไปก่อนที่เธอจะโบกมือให้คนอื่นๆตามมา พวกเขามุ่งหน้าไปยังตระกูลหลิง จริงๆแล้วตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟงไม่ได้อยู่ห่างนัก ชิงสุ่ยใช้มังกรไอยราเกล็ดทองคำเพื่อเป็นพาหนะหลักสำหรับขนส่ง ภายใต้กฏแห่งโลกและสวรรค์ใน 5 มหาทวีป มังกรไอยราเกล็ดทองคำยังคงมีพลังกว่า 400 สุริยา ทั่วทั้ง 5 มหาทวีป นับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจหาใครเทียบเคียงได้ ไม่มีใครสามารถสำแดงพลังออกมาได้ถึง 500 เมฆา หากมองเพียงผิวเผิน พลังมากที่สุดที่สามารถเอื้อมถึงได้นั้นมากกว่า 10 เมฆาเล็กน้อย แน่นอนว่านี่ไม่รวมถึงผู้ที่แอบซ่อนอยู่ในทวีป จากเรื่องทั้งหมด ไม่มีใครรู้ถึงความแข็งแกร่งของเหล่าผู้ที่หลบซ่อนว่ามีมากเพียงใด มังกรไอยราเกล็ดทองคำเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ใกล้กับตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟง พวกเขาจึงสามารถไปถึงได้อย่างรวดเร็ว กลิ่นอายอันชั่วร้ายของมังกรไอยราเกล็ดทองคำแผ่ลงไปที่พื้นจนทำให้พื้นดินแตกทันที ชิงสุ่ยทำแบบนี้เพื่อแสดงถึงพลังของเขา แม้ว่าวิธีการนี้อาจเป็นข่มเหงเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้มากมายเกินไป ตอนนี้มันเป็นเพียงการแสดงฐานะของเขาด้วยมังกรไอยราเกล็ดทองคำ ในขณะที่ชิงสุ่ยและหลวนหลวนลงมาจากมังกรไอยราเกล็ดทองคำ มีผู้คนจำนวนมากรออยู่ตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลหลิงแล้ว แต่ละคนแสดงท่าทีกังวลออกมาทางสีหน้า มันเป็นเพราะการได้เห็นพลังของมังกรไอยราเกล็ดทองคำบนฟากฟ้า ชิงสุ่ยจ้องมองตรงไปที่คนด้านล่าง ในหมู่พวกเขามีชายชรา ชายวัยกลางคน และชายหนุ่มประมาณ 200 คนและพวกเขาเป็นนักรบทุกคน บางคนค่อนข้างแข็งแกร่ง แม้จะได้รับผลจากกฎแห่งสวรรค์และโลก แต่พวกเขาก็ยังสามารถบรรลุความแข็งแกร่งได้มากกว่า 10 เมฆา สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจ สำหรับการเป็นผู้ที่มีพลังมากที่สุดใน 5 มหาทวีปถือว่าคุ้มค่ามาก ส่วนเหล่าหญิงสาวและหลวนหลวนจากตระกูลชิง พวกเขาทั้งหมดได้ก้าวผ่านความแข็งแกร่งระดับนี้ไปแล้ว เมื่อเห็นหลวนหลวน ผู้คนจากตระกูลหลิงทั้งหมดก็แสดงความโล่งอกออกมา ชายชราคนหนึ่งที่มีผมสีขาวและใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัยกล่าวอย่างสุภาพ “ขออภัยผู้อาวุโสที่ไม่ได้ไปต้อนรับท่านเมื่อกลับมา!” “คารวะท่านผู้เฒ่า ข้าคือชิงสุ่ย ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนตื่นกลัว” ชิงสุ่ยไม่ได้ต้องการทำอะไรเกินเลย ดังนั้นเขาจึงตอบกลับด้วยเสียงอันเป็นมิตร “ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ทราบว่าท่านกลับมา ข้าไม่ได้ไปต้อนรับท่าน ข้าหวังว่าท่านจะให้อภัยข้า” ชายชราเรียกเขาในนามผู้อาวุโสทันทีที่เริ่มคุยกัน จากเรื่องดังกล่าวเห็นได้ว่ามันใช้เวลาเพียง 2-3 ช่วงลมหายใจที่ชิงสุ่ยจะกำจัดตระกูลหลิง “ผู้อาวุโสเชิญทางนี้!” ชายชรารีบนำชิงสุ่ยเข้าไปในคฤหาสน์ ขณะนี้คนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปทำเรื่องส่วนตัว “ท่านผู้เฒ่า ข้ารู้มาว่าตระกูลหลิงนั้นสนิทสนมกับตระกูลชิงมาก ทำไมท่านไม่เรียกข้าว่าชิงสุ่ยเฉยๆหล่ะ?” ทั้งชิงชุ่ยและชายชราเดินมุ่งหน้าสู่ตระกูลหลิง “มันจะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร? ไม่ ไม่มีทาง” ชายชรากล่าวอย่างเร่งรีบ “ชิงหมินเป็นลูกของข้า ดังนั้นท่านผู้เฒ่า ท่านไม่จำเป็นต้องมากพิธี แม้ว่าข้าจะเคยสังหารคนไปเป็นจำนวนมาก แต่ข้าก็ไม่เคยทำอะไรผู้บริสุทธิ์” ชิงสุ่ยรู้ดีว่าชายชราเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เช่นนั้นเขาคงจะกลัวชิงสุ่ยอยู่เล็กน้อย ดวงตาของชายชรากระพริบไปมา หลังจากนั้นเขาก็กล่าวเบาๆว่า “เอาหล่ะ ถ้าอย่างนั้น ข้าก็อาวุโสกว่า ข้าจะทำตามใจตัวเองและเรียกเจ้าแค่ชิงสุ่ยแล้วกัน” จากเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะความแตกต่างของพลังที่มีมากเกินไป ในห้องนั่งเล่น! “ท่านผู้เฒ่า ก่อนที่ข้าจะจากไปก่อนหน้านี้ ข้าไม่เคยพบตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟง ข้าขอถามหน่อยว่าพวกท่านย้ายมาจากที่ใด” ชิงสุ่ยยิ้มและพูดขณะที่เขาหยิบชาขึ้นมาจิบ “อันที่จริงทั้งตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟงมาจากมหาทวีปดารานภาลัย
คอมเม้นต์