ตอนที่ 1295
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลยhttps://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechniqueบทที่ 1295 – การกลับมาตระกูลชิง บ้านที่แสนอบอุ่น ทุกครั้งที่เขาคิดถึงหญิงสาว เขาไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ แม้จะทำจิตใจให้สงบ เขาก็ยังรู้สึกแปลก ๆ หลังจากกลับมาที่คฤหาสน์ ชิงสุ่ยวางไว้เพียงจดหมายและจากไป เนื้อความข้างในก็คือให้พวกทั้งสามตั้งใจฝึกฝนและดูแลตัวเอง ส่วนชิงสุ่ยกำลังเตรียมตัวเดินทางไปยัง 5 มหาทวีปอยู่ในห้อง นี้เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกังวล เขาเข้าไปในธงสวรรค์ปัญจธาตุและยื่นมือไปจับวงกลมสีแดง เมื่อนิ้วของชิงสุ่ยสัมผัสวงแดง สติของเขาก็พล่ามัว เขารู้ว่าธงทั้งสองผืนจำเป็นต้องใช้จินตนาการในการกระตุ้นเพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้าย แต่ก็หากเคลื่อนย้ายโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ใช้วิธีนี้ ทันใดนั้นชิงสุ่ยเริ่มได้สติ ตอนนี้เขากำลังอยู่ที่.. มหาทวีปธรรมไตร! ชิงสุ่ยมองรอบๆด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ การที่เขาเดินทางมา 5 ทวีปได้ภายในพริบตานั้นเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เขาคิดไว้นานแล้วว่าจะกลับมาที่นี้..เมื่อก่อนเขาทำได้เพียงมาเยี่ยมและพาภรรยาบางคนออกเดินทางไปด้วยกัน แต่เขาไม่สามารถค้างแรมที่นี้ได้ แต่ตอนนี้เขาสามารถเดินทางมาที่นี้ได้อย่างสะดวก ดังนั้นในอนาคตเขาอาจจะกลับมาที่นี้ทุก ๆ เดือน เพราะ ธงสวรรค์ปัญจธาตุใช้ได้หนึ่งครั้งต่อเดือน เขาเคยปักธงไว้รอบตระกูลชิง แม้จะเกิดการคลาดเคลื่อนแต่คงจะไม่ส่งผลอะไรมากนัก หลังจากเขามองเริ่มๆ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ ชิงสุ่ยก็ใช้ ทักษะย่างก้าว 9เทวา ทันที แม้ชิงสุ่ยจะปักธงไว้รอบตระกูลชิง แต่แผนที่ของธงสวรรค์ปัญจธาตุมีขนาดเล็ก ไม่เหมือนกับพื้นที่จริง ๆ ของมหาทวีปธรรมไตร ดังนั้นหากเกิดการคลาดเคลื่อนนิดหน่อยก็หมายถึงระยะทางที่ค่อนข้างไกลพอสมควร ต้องขอบคุณที่เขามี ทักษะย่างก้าว 9เทวา เพียงใช้มันไม่กี่ครั้ง ชิงสุ่ยก็มาถึงเมืองวายุนภา เขาเรียกวิหคเพลิงออกมาเพื่อเดินทางไปยังตระกูลชิง เขาไม่ได้กลับมาที่นี้เกือบสามปี ด้วยระยะทางของมหาทวีปทำให้เขารู้สึกว่าเขาจากที่นี้ไปนานแสนนานเหลือเกิน เมืองวายุนภาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ชิงสุ่ยรู้สึกกระวนกระวาย เขาเคยคิดว่าเขาคงกลับมาที่นี้ในอีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้า แต่ แท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาลจะใช้ได้หนึ่งครั้งในห้าปี และเป็นเรื่องยากที่ชิงสุ่ยจะใช้แท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาล เพื่อกลับมายังที่นี้ ชิงสุ่ยไม่คิดว่าหญิงสาวจากเทือกเขาปู๋โถว จะมีธงสวรรค์ปัญจธาตุที่ล้ำค่ากว่าเขา เขามองเห็นตระกูลชิงแล้ว และเมืองวายุนภาดูรุ่งเรืองมากกว่าแต่ก่อน คงมีคนไม่มากใน 5 มหาทวีปที่กล้ามาวุ่นวายกับตระกูลชิง นิกายพุทธองค์ทองคำเองก็คงทำอะไรไม่ได้ หรือแม้แต่นิกายทวารอสูรก็ตาม ยิ่งกว่านั้นตระกูลชิงก็มีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง ความสามารถของภรรยาของเขาบางคนก็ถือเป็นอันดับต้นๆ ใน 5 มหาทวีป และตอนนี้เวลาก็ผ่านมา 3 ปีแล้ว ชิงสุ่ยก็แบ่งสมุนไพรและของมากมายไว้ที่นี้ ทักษะของพวกเธอก็น่าจะก้าวหน้าไปมาก เมื่อชิงสุ่ยมองเห็นประตูตระกูลชิง เขายิ่งตื่นเต้น ไม่มีใครยืนอยู่ที่ทางเขา เขามองเห็นเด็กน้อยตัวเล็กกำลังเดินออกมา เธอมีอายุประมาณ 4-5 ปี เด็กสาวสวมชุดสีชมพู หน้าตาน่ารัก แม้ว่าจะเป็นเวลาเกือบสามปีตั้งแต่ที่พวกเขาได้เจอกัน เด็กสาวก็โตขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ชิงสุ่ยรู้ทันทีว่านั้นคือ ชิงหยุน ลูกสาวของเขาและหยุน ต้วน เมื่อเด็กสาวเห็นชิงสุ่ย เธอเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ดวงตากลมโตของเธอใสราวกับผลึกแก้ว เธอดูสับสนว่าชิงสุ่ยใคร ซึ่งเป็นธรรมดาเพราะเมื่อก่อนเธอคงไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับเขา หรือเธออาจจะจำเขาได้บ้าง..แต่ตอนนี้เธอคงจำเขาไม่ได้เลย ชิงสุ่ยยิ้ม แต่เด็กสาวกลับถอยหลังกลับไปแล้วถามเขา “ท่านเป็นใคร มาที่บ้านของข้าทำไม?” ชิงสุ่ยคงยิ้ม แม้จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เขาทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีพอ โดยไม่ทันที่ชิงสุ่ยจะพูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “ชิงสุ่ย!” เสียงประหลาดใจดังขึ้นจนเหมือนเสียงตะโกน แต่ในน้ำเสียงนั้นก็เปี่ยมไปด้วยความยินดี เป็นความปิติ.. หยุน ต้วนเดินเข้ามา แม้เธอจะให้กำเนิดลูกสาวแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เธอยังคงมีเสน่ห์ ใบหน้าที่งดงามพร้อมรูปร่างที่น่าหลงใหล บรรยากาศรอบๆเธอก็ดูสดใส เมื่อเห็นชิงสุ่ยเธอยิ้มอย่างมีความสุข รูปร่างที่งดงามคงทำให้ชายหลายคนต้องคลั่ง ทุกส่วนของเธอมีเสน่ห์เย้ายวน นี้คือความงามของเธอ ทั้งท่าทางที่ดูฉลาดปราดเปรื่องและดวงตาที่สง่างามนั้นก็ยั่วยวนไม่เบา ชิงสุ่ยมองหยุน ต้วน เขาเองก็มีความสุขเช่นกัน ก่อนชิงสุ่ยจะรีบเดินไปหาเธอในขณะที่หยุน ต้วน ก็โผมากอดเขาแน่น “ลูกสาวของเราก็อยู่ที่นี้นะ อย่าปล่อยให้นางอยู่คนเดียวสิ”ชิงสุ่ยกระซิบบอกเธอ หยุน ต้วน รีบผละจากชิงสุ่ยและอุ้ม ชิงหยุนขึ้นมา “เจ้าร้องบอกว่าอยากเจอท่านพ่อไม่ใช่รึ? นี่ไง ท่านพ่อ เรียกเขาสิ” เด็กสาวมองชิงสุ่ยอย่างสงสัย ก่อนจะตอบ “ ท่านแม่ อย่าโกหกข้าสิ” หยุน ต้วนกุมขมับ “เจ้าก็เคยเห็นภาพวาดของท่านพ่อไม่ใช่เหรอ? หรือว่าเจ้าอยากได้อะไรรึไง?” ชิงสุ่ยตะลึง เพราะสายตาของเธอบ่งบอกว่าเธอจำเขาได้ และที่นี้ก็มีรูปของเขาอยู่ จึงไม่มีทางที่เธอจะจำเขาไม่ได้ ตอนที่เขาได้ยินคำพูดของหยุน ต้วนว่าเด็กน้อยต้องการอะไรบางอย่าง ชิงสุ่ยถามอย่างมีความสุข “หยุนเอ๋อ บอกสิว่าอยากได้อะไร ข้าจะให้สิ่งที่เจ้าอยากได้” “จริงเหรอ?”เด็กสาวกระพริบตาและถามกลับ “แน่นอน!” เธอเป็นเด็กสาวอายุ 4-5 ปี ชิงสุ่ยจึงคิดว่าเขาน่าจะทำให้คำขอของเธอเป็นจริงได้ “ข้าอยากให้ท่านพ่ออยู่กับท่านแม่”เด็กสาวกระพริบตาและมองชิงสุ่ย ชิงสุ่ยคิดไปต่างๆ นานาว่าเธอต้องการอะไร แต่เขาไม่คิดว่าคำขอของเธอจะเป็นเช่นนี้ “หยุนเอ๋อ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเถอะ พ่อของเจ้าเขายุ่งมากนะ ทำไมเจ้าถึงขออะไรเช่นนั้นเหล่า?” หยุน ต้วนกอดลูกสาวตัวเองไว้แน่นและถามอย่างสงสัย “ท่านแม่ก็เรียกหาท่านพ่อในฝันบ่อย ๆ แล้วท่านก็บอกว่าท่านคิดถึงท่านพ่อ”ชิงหยุนหัวเราะ หยุน ต้วน เขินและหยิกแก้มลูกสาว พลางมองชิงสุ่ยอย่างเขินอาย ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้แต่โผเข้ากอดเด็กสาว ก่อนเธอจะเดินจูงมือเขาเข้าไปในตระกูลชิง “ชิงสุ่ย เจ้ากลับมาแล้วเหรอ? ข้าคิดว่าอีกนานกว่าเจ้าจะกลับมา”หยุน ต้วนถามอย่างตรงไปตรงมา เธอกุมมือของเขาแน่น “ข้าคิดถึงพวกเจ้ามาก ถ้าครั้งหน้าข้าฝึกฝนสำเร็จ ข้าจะสามารถกลับมาที่นี้ได้อย่างน้อยเดือนละครั้ง”แม้ชิงสุ่ยจะกังวลเรื่องของธงสวรรค์ปัญจธาตุ แต่เขาก็พูดออกไปอย่างไม่ลังเล และชิงสุ่ยก็รู้สึกขอบคุณหญิงสาวที่เข้าใจเขา “จริงเหรอ?”เมื่อหยุน ต้วน ได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย ดวงตาคู่งามก็มองชิงสุ่ยอย่างดีใจ “สามีเจ้าเคยโกหกเจ้าด้วยงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยและ หยุน ต้วน เดินเข้าไปในตระกูลชิง ทันใดนั้นสมาชิกคนอื่นๆก็รู้ข่าวการกลับมาของชิงสุ่ย ทุกคนรีบมาที่นี้อย่างตื่นเต้นและมีความสุข “ท่านพ่อ!” “พี่สุ่ย!” “ชิงสุ่ย!” … ชิงสุ่ยมองใบหน้าที่คุ้นเคย ความรู้สึกต่างๆพรั่งพรูออกมา เขาค่อย ๆปล่อยมือจาก ชิงหยุน และเดินไปหาชิงอี้และกอดเธอ “ท่านแม่ สบายดีไหม?” ชิงอี้ยิ้มและลูบหัวชิงสุ่ย “แม่สบายดี เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าลำบากอะไรรึเปล่า?” “หลังจากเห็นท่านแม่และภรรยาของข้า ข้าก็ไม่รู้สึกยากลำบากอีกต่อไปแล้ว” ชิงสุ่ยยิ้มอย่างมีความสุขและตอบ ชิงสุ่ยทักทายท่านปู่ของเขาและคนอื่น ๆ ตามด้วยเหล่าภรรยา ญาติพี่น้องและลูก ๆ ของเขาชิง ซุนและ ชิง หยินโตขึ้นมาก เด็ก ๆ ในโลกนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว เด็กที่อายุมากกว่า 10 ปีก็ดูโตขึ้นมากทีเดียว “ท่านพ่อ!” “ท่านพ่อ!” ทั้ง ชิง ซุนและ ชิง หยิน เรียกเขาอย่างมีความสุขก่อนจะเดินมาจูงมือชิงสุ่ย แม้ ชิง ซุนและ ชิง หยิน จะเป็นฝาแฝด แต่พวกเขาหน้าตาไม่เหมือนกัน หน้าตาชิง ซุนนั้นคล้ายชิงสุ่ยในขณะที่ ชิง หยิน หน้าตาคล้าย ชางห่าย หมิงเยวี่ย ความสูงของชิง หยิน นั้นสูงราว ๆ กับหน้าอกของชิงสุ่ย ร่างกายของเธอดูบอบบางและมีเสน่ห์ ชิง ซุนและ ชิง หยินดูสง่างามเหมือนคนของตระกูลสูงศักดิ์ อันที่จริงคือพวกเขาค่อนข้างดูดีกว่าคนเหล่านั้นด้วยซ้ำ ชิงสุ่ยกอดทั้งสองชิง ซุนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เพราะเขาโตเป็นเด็กหนุ่มแล้ว ในขณะที่ ชิง หยิน นั้นตรงกันข้าม เธอโอบคอชิงสุ่ยอย่างคิดถึง หลังจากปล่อย ชิง ซุนและ ชิง หยิน ชิงสุ่ยก็มองไปทางชิง หมิน ที่ไม่ได้เจอมานานมากแล้ว ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเด็กหนุ่มดูมีความเป็นผู้ใหญ่ต่างจากชิง ซุน “เจ้ามีอะไรไม่ชอบใจรึ?”ชิงสุ่ยถามเมื่อมองเห็นชิง หมิน เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น คนอื่นๆ มองไปทางชิงสุ่ยและลูกชายของเขาอย่างสงสัย “ใครจะกล้าทำเช่นนั้น? ท่านเป็นพ่อของข้านี่” ชิง หมิน มองชิงสุ่ยแล้วยิ้ม ชิงสุ่ยรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขานั้นดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไรนัก “เจ้าเด็กบ้า อยากโดนตีรึไง? เจ้ากล้าพูดกับพ่ออย่างนี้ได้ยังไง?” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวพูดขึ้น เพราะเด็กคนนี้ฟังแต่คำของชิงอี้เท่านั้น เขามักจะทำอะไรบางอย่างที่ทำให้คนอื่นประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดีที่ทำให้คนอื่นต้องบาดเจ็บ แต่เพราะเขามักทะเลาะกับเด็กจากตระกูลอื่นบ่อย ๆ ดังนั้นหมิงเยวี่ย เก้อโหลว มักจะลงโทษเขาเป็นประจำ “ท่านแม่ ถ้าท่านชอบท่านพ่อมาก ท่านก็ไม่ควรตีข้า เพราะข้าเป็นลูกของท่านพ่อ” ชิง หมินมองหมิงเยวี่ย เก้อโหลวอย่างเสียใจ ใบหน้าของหมิงเยวี่ย เก้อโหลวแดงระเรื่อ เธอบิดหูของเด็กหนุ่มด้วยความโกรธและความเขิน ชิงสุ่ยยิ้มอย่างมีความสุข เด็กคนนี้ต่างจากคนอื่น ๆ แต่ชิงสุ่ยสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขานั้นพิเศษ เป็นร่างกายที่พบได้ยาก ลม..เป็นหนึ่งในเบญจธาตุ…ดูเหมือนว่าเขาจะเหมาะกับการเป็นนักฆ่า ที่สามารถสังหารได้อย่างอิสระ ชิงสุ่ยนึกภาพต่าง ๆ นานา แต่ถึงอย่างนั้นทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา “ทำไมเจ้าคิดว่าแม่ของเจ้าดูแลข้าดีกว่าเจ้างั้นหรือ?”ชิงสุ่ยถาม “ชิงสุ่ย เจ้าพูดอะไรน่ะ?” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวมองทั้งสองโดยไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ “ไม่ ท่านแม่ดูแลข้าดีมาก!” “จริงเหรอ?”ชิงสุ่ยถามย้ำ “แน่นอน ข้าเป็นลูกของนาง นางก็ต้องดูแลข้าดีแน่นอน” ชิง หมิน ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เจ้าเล่ห์จริงๆ ไว้เราค่อยคุยกันแบบลูกผู้ชายก็แล้วกัน” หลังจากนั้นชิงสุ่ยเอื้อมมือไปจับมือของชิง เหยี่ยน ชิง เหยี่ยนดูท่าทางเป็นเด็กเก็บตัวเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเธอเห็นชิงสุ่ย เธอรู้สึกดีใจไม่แพ้กัน เพราะเธอจำชิงสุ่ยได้ และเมื่อเขาก้มตัวลงมาหาเธอ เธอก็เอื้อมมือไปโอบคอของชิงสุ่ยไว้
คอมเม้นต์