ราชันเร้นลับ 923 : ผลข้างเคียง
ชาฟฟ์มิได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสายตาอัลเจอร์ จึงชี้ไปทางสาวกดวงจันทร์บรรพกาลคนหนึ่งที่กำลังถูก ‘เผา’ และกล่าว“เจ้านั่นขโมยไม้เท้าไปจากฉัน ชื่อของมันคือ ‘วาจาสมุทร’ สามารถปล่อยสายฟ้าใส่เป้าหมาย เมื่อแกว่งและฟาดจะสร้างใบมีดลมเฉือน นอกจากนั้นยังสามารถสร้างลูกบอลน้ำขนาดใหญ่และน้ำฝนที่มีฤทธิ์กัดกร่อน และยังช่วยให้ผู้ถือไม่ต้องกลัวแรงดันจากทะเลลึกอีกต่อไป รวมถึงพลังในการดึงออกซิเจนออกจากน้ำได้อย่างอิสระ ขณะเดียวกันก็สามารถใช้เป็นไม้เท้าสำหรับขึ้นขี่และเหาะ… ผลข้างเคียงด้านลบมีสามข้อ หนึ่ง มันชอบร้องเพลงมาก ในทุกหกชั่วโมงต้องร้องเพลงให้ได้ เสียงเพลงไม่จำแนกมิตรหรือศัตรู ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปตามประเภทของเพลงที่เลือก บางครั้งอาจทำให้เสียสมาธิ บางครั้งอาจทำให้จิตใจสั่นสะท้าน บางครั้งอาจทำให้เกิดความหงุดหงิดและบั่นทอนสติสัมปชัญญะ แน่นอน ถึงจะไม่ครบหกชั่วโมง แต่ถ้านายต้องการ ก็สามารถสั่งให้มันร้องเพลงได้… ผลข้างเคียงข้อที่สอง พวกนายคงพอจะทราบแล้วหลังจากได้ยินฉันอธิบายข้อแรก มันมีสัญญาณชีพ และเป็นประเภทที่มีบุคลิกค่อนข้างแย่ ชอบแกล้งให้ผู้ถือลื่นล้มหรือลากลงบันได บางครั้งก็ทุบตีทีเผลอ… ข้อสาม ไม้เท้าอันจะทำให้ผู้ถือถูกฟ้าผ่าได้ง่าย ดังนั้น ในสภาพอากาศที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง ไม่ควรออกไปข้างนอกหรือพกมันไปด้วย”นี่คือสมบัติปิดผนึกที่สร้างจากตะกอนพลัง ‘ผู้ขับขานสมุทรง’ ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ หากเขารู้เข้าว่านายสร้างเสร็จนานแล้ว แต่ดันให้สาวกดวงจันทร์บรรพกาลเอาไปใช้ รับประกันได้เลยว่านายถูกขายให้คนที่ต้องการตัวอย่างแน่นอน… ในรูปแบบของตะกอนพลัง… อัลเจอร์มองไปทางโต๊ะอาหาร พบไม้เท้าสีดำเข้มเลี่ยมโลหะสีเงินสว่างเท่าที่มันทราบ ไม่สนว่าผลกระทบด้านลบจะร้ายแรงมากเพียงใด แต่สมบัติวิเศษที่มีสัญญาณชีพจะถือเป็นสมบัติปิดผนึกทั้งหมด เพราะนั่นหมายถึงอันตรายที่คาดเดาไม่ได้เมื่อเห็นว่า ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาและพวกพ้องของเธอมิได้บอกให้หยุดพูด ชาฟฟ์จำต้องเล่าเกี่ยวกับสมบัติวิเศษชิ้นอื่นต่อไปด้วยสีหน้าขื่นขม“มีดสั้นเล่มนี้มีชื่อว่า ‘มีดหมื่นพิษ’ แค่ฟังชื่อก็คงพอจะเดาได้แล้วกระมัง ฉันคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม… อา… มันจะสร้างพิษแบบสุ่มให้เป้าหมายทุกครั้งที่สร้างความเสียหาย ส่วนจะเป็นพิษแบบใด นั่นขึ้นอยู่กับดวง… ผลข้างเคียงมีน้อยมาก การปฐมพยาบาลที่เกิดขึ้นกับผู้ถือจะล้มเหลว รวมถึงการสั่งสมความรู้สึกมึนเมา”ชาฟฟ์นำเสนอสมบัติวิเศษหลายชิ้นอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็ได้ยินแคทลียาพูด“ทำดีมาก… ที่เหลือเป็นของนาย”ฟู่ว… ไม่เลว อย่างน้อยก็ยังเหลือสามชิ้น… ไม่เพียงชาฟฟ์จะไม่ขุ่นเคือง ตรงกันข้าม มันรู้สึกจากก้นบึ้งว่า ‘พลเรือเอกดวงดาว’ เป็นคนดีมากแคทลียาหันไปมอง ‘แฮงแมน’ ทันที“คุณเลือกก่อน”เธอรู้ว่า ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้จ้างช่างฝีมือสร้างสมบัติวิเศษ จึงตัดสินใจอนุญาตให้แฮงแมนเลือกชิ้นที่เป็นของนักผจญภัยเสียสติไปก่อนอัลเจอร์พยักหน้า นำไม้เท้า ‘วาจาสมุทร’ และ ‘แว่นตาการ์กอยล์’ ออกไป บอกเป็นนัยว่า ส่วนที่เหลือเป็นของเธอแคทลียาคิดสักพักก่อนจะพูด“คุณเลือกอีกหนึ่ง ที่เหลือเป็นของฉัน”เธอไม่สนใจสมบัติวิเศษที่เหลืออยู่มากนัก เพราะตนมีสมบัติสองชิ้นที่ค่อนข้างทรงพลังและสอดคล้องกับธรรมชาติของตัวเธอ โดยในภายหลัง เธอได้รับ ‘กระดุมผู้พิพากษา’ และ ‘ตาชั่งโชคชะตา’ ส่งผลให้ปกปิดจุดอ่อนจนมิดชิด ในสถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อพิจารณาถึงผลข้างเคียงที่ซ้อนทับกันหลายชั้น หากไม่ใช่สมบัติวิเศษที่ยอดเยี่ยมจนเตะตา เธอก็แทบไม่ชายตามองแน่นอน ในฐานะนายพลโจรสลัด แคทลียาไม่เคยคิดว่าการมีสมบัติวิเศษมากเกินไปเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้ว สมบัติวิเศษเหล่านั้นสามารถส่งมอบให้กับนิกายมอสส์เพื่อแลกเป็นคะแนนผลงาน ส่วนหนึ่งก็ยังมอบให้ลูกเรืออัลเจอร์เงียบงันสักพัก พิจารณาจากสิ่งของที่มีอยู่และพลังพิเศษของตัวเอง มันเลือก ‘มีดหมื่นพิษ’‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาออกคำสั่งกับฮีธ·ดอยล์ทันที บอกให้มันเก็บสมบัติวิเศษบนพื้นที่ ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์เป็นคนวาง รวมถึงสิ่งของจากสาวกดวงจันทร์บรรพกาล เพื่อนำออกไปจากบ้านถัดมา เธอมองหน้าช่างฝีมืออีกครั้ง กระจกตาสีม่วงเข้มสะท้อนภาพร่างกายของอีกฝ่าย“ทำไมสาวกดวงจันทร์บรรพกาลถึงต้องควบคุมตัวนาย?”ชาฟฟ์กะพริบตาและตอบ“ของมันแน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ? บีบบังคับให้ฉันสร้างสมบัติวิเศษให้พวกมัน…”ยังไม่ทันสิ้นเสียงหัวใจของชาฟฟ์พลันหยุดเต้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับดวงตาสีม่วงเข้มที่จ้องมาอย่างเย็นชา รีบเสริมอย่างลนลาน“นอกจากนั้น ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีแผนการบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือจากช่างฝีมือ ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ฉันไม่แน่ใจ เพราะยังไม่ได้เริ่มงาน”แคทลียาถอนสายตาด้วยท่าทางครุ่นคิด มองหน้าแฮงแมนพลางผงกศีรษะพวกมันตัดสินใจที่จะไม่นำตัวช่างฝีมือออกไปทันที ปล่อยมันไว้อย่างเดิม ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกมันหวังจะสะกดรอยช่างฝีมือเพื่อสืบหาว่า สาวกดวงจันทร์บรรพกาลมีแผนการอย่างไรอันที่จริง สำหรับเฮอร์มิทและแฮงแมน สิ่งที่สาวกดวงจันทร์บรรพกาลกำลังทำอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่พวกมันสนใจสักเท่าไร แต่แคทลียาต้องการใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้ออ้างสำหรับติดต่อกับราชินีเงื่อนงำ ส่วนอัลเจอร์ต้องการข้อมูลไปแลกกับคะแนนผลงานของโบสถ์วายุสลาตัน ดังนั้น ทั้งสองจึงบรรลุข้อตกลงว่าสอบสวนเพิ่มเติมแน่นอน ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์เชื่อในหลักการหนึ่งมาตลอด:ยิ่งคุณมีข้อมูลข่าวสารมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งถือไพ่เหนือกว่าผู้อื่นในทุกสถานการณ์!หลังจากเงียบงันสักพัก แคทลียาพูดกับ ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เนื่องจากนายเป็นสาวกดวงจันทร์บรรพกาลแล้ว การพาตัวกลับไปคงไม่เกิดประโยชน์”ชาฟฟ์พยักหน้าหงึกหงัก เป็นนัยว่าเธอพูดถูกแคทลียาเว้นวรรคเล็กน้อย หันไปด้านหน้าและกล่าว“แต่ฉันก็ยังหวังจะสานสัมพันธ์ระยะยาวกับนาย เพื่อการนั้น ฉันต้องการเลือดของนายสักสองสามหยด นั่นจะช่วยให้ฉันตามตัวนายได้ง่ายขึ้น”เพียงพริบตา ใบหน้าชาฟฟ์เต็มไปด้วยความขมขื่น ริมฝีปากของมันขยับสองสามหน แต่สุดท้ายก็มิอาจกล่าวคำปฏิเสธฟู่ว… มันพ่นลมหายใจและตอบ“ตกลง”กล่าวจบ ชาฟฟ์หยิบมีดตัดกระดาษข้างๆ ขึ้นมา เฉือนเข้าที่ปลายแขนจนเลือดไหลออกมาสองสามหยดแคทลียายกแขนขวาทันที ตวัดฝ่ามืออย่างนุ่มนวล บังคับให้หยดเลือดเหล่านั้นลอยขึ้นและบินไปหาเธอหลังจากสังเกตเลือดบนฝ่ามือสักพัก นายพลโจรสลัดกล่าวอีกครั้ง“นายนามสกุลอะไร?”“จูนน์” ชาฟฟ์ตอบทันควันแคทลียาไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงหมุนตัวและเดินออกจากประตูโดยมี ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์เดินตามหลังบ้านหลังดังกล่าวถูกความเงียบปกคลุมอย่างรวดเร็ว ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์เดินไปนั่งที่โซฟาตัวหนึ่ง ไม่ขยับเขยื้อนร่างกายเป็นเวลานาน ประหนึ่งยังคงหมกมุ่นอยู่กับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป ยากจะกลับสู่ความรู้สึกเดิมผ่านไปเกือบสิบนาที ทันใดนั้น ในท่านั่งตัวตรง ชาฟฟ์หยิบรูปปั้นมนุษย์ขนาดเล็กออกจากกระเป๋าเสื้อด้านในรูปปั้นดังกล่าวทำจากทองเหลืองล้วน บริเวณใบหน้าว่างเปล่า มีเลือดค่อยๆ ซึมออกจากด้านในทีละนิดจนแข็งตัวเป็นคราบชาฟฟ์รีบเช็ดหน้ารูปปั้นด้วยผ้า ก่อนจะถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ยกมุมปากพลางพึมพำกับตัวเอง:โชคดีที่เรามี ‘ตุ๊กตาโชคชะตา’ ตัวนี้…ฮึ… เธอคิดว่าจะใช้หยดเลือดนั่นหาเราพบจริงหรือ? ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องคำสาปแช่ง!ในย่านสลัมของบายัม บนถนนที่ปราศจากโคมไฟอัลเจอร์ซึ่งสวมหน้ากากและผ้าคลุมศีรษะ ชำเลืองไปทางเฮอร์มิทด้านข้าง ซักถามเสียงทุ้มลึก“หลังจากที่ชาฟฟ์หนีออกจากโบสถ์จักรกลไอน้ำ เขามีชีวิตอย่างสุขสบายได้จวบจนปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่าเจ้านั่นไม่ใช่คนโง่เขลา การยอมมอบหยดเลือดให้คุณโดยไม่แสดงท่าทีขัดขืน แปลว่าคงมีวิธีหลีกเลี่ยงการติดตาม… อีกทั้ง เขายังไม่ได้เล่าถึงสาเหตุที่ถูกสาวกดวงจันทร์บรรพกาลพบตัว”ในทางทฤษฎี สาวกน่าจะสืบย้อนถึงที่มาของตะกอนพลังพิเศษมนุษย์หมาป่า แต่ ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์ก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้อัลเจอร์ฟังแคทลียาดึงแว่นตาหนาเตอะออกมาสวมบนสันจมูก กล่าวเสียงเรียบ“เลือดนั่น… ไม่ได้ใช้เพื่อสะกดรอย”อัลเจอร์พยักหน้าครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวคำอำลาและเดินเข้าไปในซอยเปลี่ยวที่มืดมิดมันเดินวกวนไปตามถนนหลายเส้น จนกระทั่งสบโอกาสเลิกปลอมตัวและออกจากบายัม เมื่อกลับถึงท่าเรือส่วนตัวของกองกำลังต่อต้าน อัลเจอร์ตรงขึ้นเรือ ‘โทสะสีคราม’ ทันทีตลอดหลายวันที่ผ่านมา ลูกเรือของมันผลาญพลังงานและเงินทองที่สะสมมาจนเกือบเกลี้ยง ปัจจุบันจึงกำลังหมกตัวอยู่บนเรือ รอออกทะเลอีกครั้งเมื่อเห็นอัลเจอร์กลับมา ลูกเรือคนหนึ่งลุกพรวดขึ้นพลางยิ้มและถาม“กัปตัน กินมื้อเย็นรึยัง?”“ยัง… ช่วยเตรียมอะไรง่ายๆ ให้หน่อย” อัลเจอร์มัวแต่ยุ่งอยู่กับภารกิจจนไม่มีเวลาเติมเต็มความหิวลูกเรือที่มีงานรองเป็นพ่อครัว ขานตอบทันที“ไม่มีปัญหา… วันนี้พวกเรามีเห็ดสดๆ จากป่า กัปตันจะลองเห็ดทอดเนยสักหน่อยไหม?”ใบหน้าอัลเจอร์กระตุกเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวด้วยมาดนิ่ง“ไม่เอา… ขอเป็นสเต๊กเนื้อธรรมดา… ความสุขระดับห้า… ไม่สิ สุกระดับเจ็ด”…ไบลัมตะวันออก ชายขอบของผืนป่าไคลน์กับหุ่นเชิดทั้งสองไม่รีบร้อนที่จะออกจากป่าเพื่อเข้าไปในเมือง แต่วางแผนเตรียมทำสีย้อมหน้ากากให้พลเรือเอกขุมนรกและก่อนหน้านั้น มันมีสิ่งอื่นที่ต้องทำนั่นคือการตามหาผู้ช่วยในภารกิจสำรวจเขตรอบนอกของเมืองกัลเดรอน!ไคลน์ไม่เคยเป็นหมาป่าเดียวดาย โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตรายที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้น หากไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ ไคลน์คิดจะเชื้อเชิญผู้วิเศษทรงพลังมาคอยช่วยเหลือโดยแลกกับค่าตอบแทนที่เหมาะสม ไม่มีวันเข้าไปสำรวจตามลำพังอย่างประมาทสำหรับไคลน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรวบรวมวัตถุดิบโอสถที่ต้องการและรอดชีวิตกลับมา!ถ้าเลือกได้ เราก็อยากรออีกสักสองสัปดาห์ จากนั้นก็อุ้มทารกหรือไม่ก็เข็นรถเข็นเด็กเพื่อเข้าไปสำรวจบริเวณรอบนอกของเมืองกัลเดรอน… แต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ นำฮาร์โมนิก้านักผจญภัยออกมาเป่าผู้ส่งสาร ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ เดินถือสี่หัวออกจากความว่างเปล่าอย่างเงียบงันไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะเปิดปากพูด“ผมอยากสำรวจเมืองกัลเดรอนในอนาคตอันใกล้ ตอนนี้มีพิกัดของโลกวิญญาณแล้ว ผมสงสัยว่า สามารถจ้างคุณไปช่วยคุ้มกันได้ไหม? ราคาเท่าไร?”ศีรษะผมทองตาแดงทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์อ้าปากและกล่าวเรียงกัน“ไม่ได้…” “ข้า…” “เข้าไป…” “ไม่ได้…”,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
คอมเม้นต์