ราชันเร้นลับ 922 : เห็ดและปลา
มองไปยังมุขหน้าต่างที่สะท้อนแสงจากโคมไฟแก๊สติดผนัง อัลเจอร์ผู้เสื้อคลุมศีรษะและหน้ากาก เตรียมขอรายละเอียดของแผนการ แต่ทันใดนั้น มันเห็นเงาโผล่ออกจากความมืดสนิทในบริเวณใกล้เคียง ก่อนจะกลายร่างเป็นชายหนุ่มร่างผอมบาง ผิวซีดคล้ายคนป่วย‘ไร้เลือด’ ฮีธ ดอยล์… อัลเจอร์ทราบทันทีว่านี่คือผู้ช่วยกัปตันเรืออนาคตกาลฮีธไม่ได้มองอัลเจอร์ เพียงตรงไปทาง ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาและกล่าว“กัปตัน พวกมันไม่สังเกตเห็นความผิดปรกติ ยังคงนำเห็ดเหล่านั้นไปทำเป็นซุปครีม และเตรียมใช้เนื้อปลาทอดเป็นอาหารหลักในคืนนี้”“ดีมาก” แคทลียาถอดแว่นตาหนาเตอะที่สันจมูกออก ด้วยดวงตาสีม่วงลึกลับ เธอมองไปทางตำแหน่งของห้องอาหารภายในบ้านซึ่งมีกำแพงกั้นไว้ฮีธ·ดอยล์มิได้สานต่อบทสนทนา ร่างกายมืดลงและหดกลับไปอยู่ในเงามืด ไม่มีใครทราบว่าอีกฝ่ายซ่อนอยู่ตรงไหนหลังจากฟังบทสนทนาจบ ผนวกกับสิ่งที่มาดามเฮอร์มิท เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์พอจะเข้าใจถึงแก่นสำคัญของการแผนในคืนนี้เห็ด!เห็ดพิษ!แม้จะไม่ทราบวิธีที่พลเรือเอกดวงดาวใช้เพื่อทำให้สัญชาตญาณของผู้วิเศษภายในบ้านกลายเป็นหมันจนมิอาจแยกแยะระหว่างเห็ดธรรมดากับเห็ดพิษ แต่อัลเจอร์ก็เชื่อว่าสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกเหนือธรรมชาติมันลังเลและกล่าว“วิธีนี้จะทำให้ ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์เสียชีวิตไหม?”‘ช่างฝีมือ’ เถื่อนนับว่าหายากมาก หากเลือดได้ อัลเจอร์ก็ไม่ต้องการสูญเสีย ‘เพื่อน’ แบบนี้ไป สำหรับมัน ทางออกที่ดีที่สุดคือการกักขังอีกฝ่ายไว้ ชุบเลี้ยงในฐานะช่างฝีมือส่วนตัวสำหรับตนและเฮอร์มิท“ไม่” แคทลียาส่ายหัวอย่างใจเย็น อธิบายอย่างคร่าว “พิจารณาจากข้อมูลของคุณ รวมถึงรายละเอียดที่ลูกเรือของฉันสังเกตเห็น มีจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ชาฟฟ์ไม่ชอบปลาอย่างมาก ออกไปทางรังเกียจ เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก้างปลาติดคอสมัยเด็ก”อาศัยจุดดังกล่าว แคทลียาตัดสินใจเลือก ‘ปฏิบัติการเห็ด’ แผนนี้สามารถกัดกร่อนพลังงานของศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของภารกิจได้มากก่อนอื่น แคทลียาตัดเห็ดที่สามารถดูดซับเลือดเนื้อเพื่อขยายพันธุ์ในสภาพแวดล้อมมืดมิดออกไปเป็นอันดับแรก เพราะเห็ดชนิดนี้สามารถถูกตรวจพบความผิดปรกติได้ด้วยสัมผัสวิญญาณ ไม่ต่างอะไรกับการตรวจจับยาพิษ นอกจากนั้น ผู้วิเศษที่นับถือดวงจันทร์บรรพกาลย่อมมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสมุนไพร พืช และผลไม้ ลำพังการตรวจสอบด้วยสายตา ก็มากพอจะช่วยให้จำแนกเห็ดอันตรายได้หากต้องการซ่อนจากสายตาของพวกมัน มีแต่ต้องเลือกใช้อาหารที่ไม่เป็นอันตรายเท่านั้น โดยการกลายพันธุ์จะเกิดขึ้นหลังจากสัมผัสกับสิ่งอื่นณ จุดนี้ เห็ดที่แฟรงค์สร้างขึ้นนับว่าสมบูรณ์แบบ!หากไม่สัมผัสกับปลาและน้ำ เห็ดชนิดดังกล่าวก็เป็นแค่เห็ดธรรมดา ไม่ทำให้คนกินได้รับพิษ ไม่ทำให้เกิดอาการท้องร่วง ร่างกายจะย่อยอย่างช้าๆ พร้อมกับแยกส่วนประกอบจนกระทั่งถูกขับออกจากร่างกาย – ถึงตรงนี้ ต่อให้สัมผัสกับปลาและน้ำก็เปล่าประโยชน์เพื่อการนั้น แคทลียาบอกให้แฟรงก์สร้างผลผลิตจากโครงการที่เคยพับเก็บไปแล้ว หลังจากได้รับเห็ดชุดหนึ่ง เธอสัญญาว่าจะล่า ‘นักบวชกุหลาบ’ จากชุมนุมแสงเหนือมาให้เป็นเหยื่อในการทดลอง“เกลียดปลา…” อัลเจอร์พึมพำ พบว่าตนตามความคิดของเฮอร์มิทไม่ทันแล้วมันถามอย่างชัดเจนว่า เห็ดพิษจะทำให้ ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์เสียชีวิตหรือไม่ แต่อีกฝ่ายกลับตอบว่า ‘ช่างฝีมือ’ จะไม่ตายเพราะเขาไม่ชอบกินปลา แถมยังรังเกียจมากเชื่อมโยงกันตรงไหน? อัลเจอร์ถามตัวเองในใจ แต่ไม่ได้เปล่งเสียงออกไปมันยังคงเงียบ เมื่อตัดสินใจที่จะรอ ก็มีแต่ต้องสังเกตสถานการณ์อย่างตั้งใจผ่านไปสักพัก จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากบ้าน พร้อมด้วยเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด รวมถึงเสียงอาเจียน“ลงมือ” แคทลียาออกคำสั่งอย่างรัดกุมร่างของเธอโปร่งใสทันที ประหนึ่งรูปปั้นที่สร้างจากหมู่ดาวพราวพรายรูปปั้นดังกล่าวพังครืนในพริบตา ดวงดาวจำนวนมากล่องลอยไปทางประตูบ้าน แทรกผ่านช่องว่างด้านล่างจากนั้น ดวงดาวกลับมาประกอบกันเป็นแคทลียาอีกครั้งถัดมา เธอได้ยินเสียงลมหวนที่อื้ออึงกรอบประตูพลันสั่นสะเทือน บานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ที่สวมผ้าคลุมศีรษะและหน้ากากเริ่มบุกเข้ามาในตัวบ้าน มิได้ล่าช้าไปกว่าพลเรือเอกดวงดาวมากนักดวงตาของมันกวาดไปจนทั่ว เพ่งมองไปทางตำแหน่งห้องอาหารอย่างรวดเร็ว‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์ผงะถอยหลังด้วยสีหน้าหวาดผวา พยายามออกห่างจากโต๊ะยาวบนพื้นมีชายสองหญิงหนึ่งกำลังนอนแผ่ เห็ดถูกอาเจียนออกจากปากอย่างต่อเนื่อง โดยบริเวณหน้าอกและท้อง เสื้อผ้าของพวกมันฉีกขาดออกจากกัน มีเห็ดค่อยๆ งอกเงยเมื่อตระหนักว่ามีใครบางคนเข้ามา พวกมันเงยหน้าขึ้นตามจิตใต้สำนึก เผยให้เห็นสปอร์สีขาวบนใบหน้ากระจุกแล้วกระจุกเล่าอัลเจอร์ที่กำลังสวมหน้ากาก ใบหน้าของมันกระตุกแผ่วเบาอย่างมิอาจหักห้ามแม้จะมีประสบการณ์โชกโชนและมากไปด้วยความรู้ แถมยังเป็นผู้วิเศษที่เคยเห็นฉากสยองขวัญมากมาย ทว่า ภาพตรงหน้ากลับยังส่งผลกระทบต่อจิตใจที่เข้มแข็งของมัน‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาคาดหวังสิ่งนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะน่าสยดสยองขนาดนี้ หลังจากผงะไปครู่หนึ่ง เธอใช้มือขวาบีบปากเพื่อเป่านกหวีดเชือกมายาโผล่ขึ้นจากพื้นห้อง รัดพันรอบลำตัวสาวกดวงจันทร์บรรพกาลทั้งสามคน“มีวิธีหยุดสิ่งนี้ไหม?” แคทลียาหันหน้าไปทางเงาตรงมุมห้องหลังจากเงียบไปสักพัก เสียงของฮีธ·ดอยล์ดังขึ้น“แฟรงค์เล่าว่า เขาไม่เคยศึกษาหาวิธีหยุด มีแต่ต้องเผาทิ้งเท่านั้น”เผาทิ้ง… คิ้วของแคทลียาขยับเล็กน้อย ทันใดนั้น เธอหยิบผงบางอย่างออกจากถุงลับหนึ่งกำมือและโปรยออกไปคล้ายกับผงดังกล่าวมีชีวิต พวกมันตกลงบนร่างกายสาวกดวงจันทร์บรรพกาลทั้งสามคน รวมถึงเห็ดบนตัวเปลวไฟสีแดงลุกโชนอย่างเงียบงัน แผดเผาทุกสิ่งที่สัมผัสโดยปราศจากเสียง‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์ที่ตกตะลึงหลังจากเห็นการกลายพันธุ์ เตรียมต่อสู้กับผู้บุกรุกด้วยสมบัติวิเศษ แต่เพียงพริบตาก็ตัดสินใจยอมจำนน เนื่องจากพบว่าอีกฝ่ายคือ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียา ทำเพียงยืนรอรับชะตากรรมอย่างใจเย็นมันเชื่อว่าตนมีคุณค่าพอให้ใช้งาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่มีทางถูกฆ่าทิ้งทันที และพลเรือเอกดวงดาวก็ไม่เคยมีชื่อเสียงด่างพร้อยในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เราต้องเข้าร่วมกลุ่มโจรสลัดดวงดาว… นอกจากนั้น พลเรือเอกโจรสลัดรายนี้ยังดูดีกว่าภาพวาดบนใบประกาศจับ มอบอารมณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง… ชาฟฟ์ดึงสร้อยคอเขี้ยวหมาป่า มันยิ้มแห้งๆ อย่างประจบสอพลอ รอให้ผู้บุกรุกบอกจุดประสงค์แคทลียาเหลือบมองมัน ตรวจสอบรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังสักพักจนกระทั่งยืนยันว่าเป็นเพียงชาวอินทิสทั่วไป ไม่พบความคล้ายคลึงใดๆ กับราชินีพลเรือโจรสลัดกล่าวหลังจากครุ่นคิด“เพื่อนบางคนแนะนำให้ฉันจ้างนายสร้างสมบัติวิเศษ แต่ดันพบนายอยู่กับสาวกดวงจันทร์บรรพกาล… ฝีมือของทั้งสามไม่แข็งแกร่งมากนัก ไม่เพียงพอจะสยบนายได้ แล้วทำไมถึงไม่หนีออกมา?”สำหรับแคทลียา ศัตรูตัวฉกาจของแผนการนี้คือตัวช่างฝีมือเอง เพราะเธอไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ และเป็นการยากที่จะสยบอีกฝ่ายภายในเวลาอันสั้น เพราะชาฟฟ์พกพาสมบัติวิเศษหลายชนิดและจับคู่กันอย่างเหมาะสม เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่า ผลลัพธ์กลับลงเอยด้วยความราบรื่นผิดจากที่คาดชาฟฟ์ยิ้มและตอบ“ประการแรก พวกมันจัดว่าค่อนข้างแข็งแกร่งในบายัม เมื่ออาศัยกลิ่นหอมและผงของดอกไม้บางชนิด ฉันต้องป่วยเป็นโรคประหลาดและอ่อนแอลงอย่างกะทันหัน”แคทลียาชำเลืองด้วยหางตา กล่าวโดยไม่มองหน้า“ปัจจุบัน สุขภาพของนายเป็นปรกติแล้ว ทำไมถึงยังไม่หนีออกมา?”อัลเจอร์ทำเพียงมองอย่างเงียบงันจากด้านข้าง มิได้พูดแทรกออกไป เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับสังเกตจากเสียง‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์หัวเราะแห้ง“ในตอนที่ถูกคุมตัว พวกมันบอกกับฉันว่า ขอเพียงเชื่อใน ดวงจันทร์บรรพกาล ด้วยพิธีกรรมบางชนิด อาการป่วยเรื้อรังบางอย่างของฉันสามารถถูกรักษาให้หายขาด แน่นอน ฉันลองทดสอบโดยไม่ขัดขืน และผลลัพธ์ก็น่าทึ่งมาก ฉันได้รับความรู้สึกของชายชาตรีกลับมา”กล่าวจบ มันเว้นวรรคเล็กน้อย พบว่าตัวเองพูดมากเกินไป เล่าแม้กระทั่งโรคที่เป็นอย่างลับๆพอเป็นสตรี ไอ้หมอนี่ก็ลดความระแวงลง? อัลเจอร์พึมพำชาฟฟ์มองหน้าคนทั้งสอง เมื่อไม่เห็นใครหัวเราะ จึงไอเบาๆ และเล่าต่อ“นั่นไม่ใช่ผลจากยา… ฉันสามารถฟื้นฟูวัยเยาว์กลับมาได้อย่างแท้จริง นับแต่นั้นฉันก็ฝันถึงดวงจันทร์สีแดงระเรื่อที่น่าเย้ายวนมาสองครั้งแล้ว… ฉันคิดการเป็นสาวกดวงจันทร์บรรพกาลก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย จึงไม่กล้าหลบหนี”แคทลียาและอัลเจอร์มองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะส่งสัญญาณบอกว่า ช่างฝีมือมิได้ทำผิดร้ายแรงจนสมควรตายตราบใดที่บุคคลใดเคยหลงเชื่อเทพมารหรือตัวตนลึกลับจากก้นบึ้งจนจิตใจค่อยๆ ดำดิ่งและเสียสติ แม้จะได้รับความช่วยเหลือจนกลับตัวกลับใจในภายหลัง ได้รับการคุ้มครองโดยหน่วยพิเศษของทางการและไม่แสดงปัญหาเป็นเวลานาน แต่ไม่กี่ปีผ่านไป มันอาจบีบคอตัวเองตายอย่างเงียบงันขณะนอนหลับ!คนเหล่านี้ไม่มีทางกลับมาได้ เว้นเสียแต่จะมีสิทธิ์ได้รับพรจากเทวทูตเดินดินในระดับสันตะปาปาแห่งศาสนจักรใหญ่ หรือไม่ก็ยอมรับการจองจำจากสมบัติปิดผนึกบางชนิด อาศัยอยู่ใต้ดินไปจนตายแน่นอน ภายใต้สถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน มีหลายคนที่ได้ใช้ชีวิตจนแก่เฒ่าและตายไปตามธรรมชาติ แต่ส่วนใหญ่มักเกิดกับคนธรรมดา เป็นเพียง ‘หมาก’ ที่เทพมาร ปีศาจ และตัวตนลึกลับสลัดทิ้งได้ง่ายดาย แต่ในทางกลับกัน ชาฟฟ์นั้นเป็นช่างฝีมือที่มีประโยชน์หลากหลายแคทลียาไม่พูดถึงสาวกดวงจันทร์บรรพกาลอีกต่อไป สำหรับเธอ ไม่ว่าช่างฝีมือจะเชื่อในเทพมารหรือไม่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ ตราบใดที่สามารถสื่อสาร ทำข้อตกลง และไม่เสียสติบ่อยครั้งนัก สามารถให้ความร่วมมือเป็นระยะ โจรสลัดอย่างเธอไม่มีความจำเป็นต้องคิดมากหญิงสาวเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“ตอนนี้นายพกพาสมบัติวิเศษใดบ้าง? ฉันจะเลือกมาแค่บางสิ่ง ส่วนที่เหลือยังเป็นของนาย”การที่เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์ไม่ประหลาดใจมากนัก อีกฝ่ายเป็นโจรสลัด ไม่ใช่ตำรวจ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะหยิบสมบัติติดไม้ติดมือกลับไป การที่ยังใจดีเหลือไว้ให้บางส่วน ชาฟฟ์รู้สึกว่ามันควรขอบคุณจากก้นบึ้งอันที่จริง ด้วยลำดับและสมบัติวิเศษที่ชาฟฟ์พกพา บางที มันอาจหลบหนีสำเร็จหากสู้อย่างสุดฝีมือ แต่มันไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนั้น“ตกลง” ชาฟฟ์เริ่มจากกระเป๋าหน้าอก หยิบแว่นสีเทาอ่อนออกมา “แว่นการ์กอยล์ ตราบใดที่สบตากัน สามารถทำให้ศัตรูมึนงงไปชั่วขณะ อาการคล้ายกับถูกสาปหิน มีผลข้างเคียงด้านลบสองอย่าง หนึ่ง ถ้าสวมมันและมองเข้าไปในกระจก จะทำให้ตัวเองเป็นอัมพาต สอง ร่างกายจะรู้สึกหนักกว่าปรกติ ทุกการกระทำขาดความคล่องตัว”นี่มันงานจ้างของเราไม่ใช่รึไง? สร้างเสร็จแล้วสินะ… อัลเจอร์จ้องหน้า ‘ช่างฝีมือ’ ด้วยดวงตาที่หรี่ลง……………………………………………..
คอมเม้นต์