ราชันเร้นลับ 909 : นำความโชคดีมาเสิร์ฟ
ราชันเร้นลับ 909 : นำความโชคดีมาเสิร์ฟ
ณ บันไดหินสูงชันที่ทอดยาว แสงจันทร์แดงกำลังสาดส่องลงมายังส่วนใจกลาง ส่งผลให้เกิดเงายาวทอดไปตามทางเอ็นโซทำตัวเหมือนกับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาตามปรกติ ฝีเท้าค่อนข้างเร็ว ภายในใจกระสับกระส่ายเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับตื่นตระหนก บรรจงเดินลงทีละขั้น มันเชื่อในความโชคดีของตัวเอง เชื่อในพลังของ ‘ผู้ชนะ’ และมั่นใจว่าตนจะไม่ถูกจับโดย ‘เหยี่ยวราตรี’ขณะพบว่าเดินอีกไม่กี่ขั้นก็จะถึงชั้นล่าง เอ็นโซที่ผ่านลำดับ ‘สัตว์ประหลาด’ พลันตระหนักถึงบางสิ่ง จึงก้มมองลงไปยังเงามืดข้างบันไดขั้นล่างๆมันเห็นร่างหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในอย่างเหม่อลอย รูปกายภายนอกมองเห็นได้ยากเนื่องจากปัญหาด้านความสว่าง แต่งกายเหมือนกับชาวไบลัมตะวันออกทั่วไปร่างดังกล่าวหยิบกล่องไม้ขีดออกมา ขูดกับขอบกล่องหนึ่งครั้งเพื่อสร้างแสงสว่างเอ็นโซไม่สนใจจะมองนานนัก แต่ทันใดนั้น ฉากหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในนิมิตลางสังหรณ์ร่างดังกล่าวโยนไม้ขีดไฟออกมา ลักษณะคล้ายกับให้ของขวัญ และในวินาทีที่ไม้ขีดไฟลอยเข้าใกล้ เปลวไฟพลันขยายตัวอย่างท่วมท้น กลายเป็นชายในชุดสูททางการและหมวกสูง!ได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น ได้ยินเสียงที่ไม่ควรได้ยิน เรื่องเหล่านี้ถือเป็นกิจวัตรประจำวันของ ‘สัตว์ประหลาด’ เอ็นโซที่ปัจจุบันอยู่ในลำดับ ‘ผู้ชนะ’ มันเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเองโดยปราศจากความลังเล กระโจนลงไปข้างหน้าตามแนวบันได กลิ้งสองสามหนจนกระทั่งถึงถนนด้านล่างในเวลากัน ‘หุ่นเชิด’ อูฟเจ้าของผิวสีน้ำตาลลุกขึ้นยืนจากอาการเหม่อลอย บิดเอวพลางแกว่งแขน โยนไม้ขีดไฟในมือไปยังจุดที่เอ็นโซเคยยืนยังไม่ทันที่ไม้ขีดจะกระทบพื้น เปลวไฟสีแดงลุกโชนขึ้นไปในอากาศอย่างท่วมท้น ทั้งงดงามและตระการตาท่ามกลางเปลวเพลิง ไคลน์ที่สวมชุดสูทสีดำและหมวกทรงกึ่งสูงกระโจนออกมา แต่กลับคาดสายตาจากเป้าหมายราวสิบวินาทีก่อน ชายหนุ่มพบว่ามีคนกำลังเดินลงบันไดฝีเท้าค่อนข้างกระวนกระวาย คล้ายกับกำลังหนีมาจากบางสิ่ง มันจึงสงสัยว่านี่อาจเป็นหุ่นเชิดตัวใหม่ จึงรีบทำการ ‘ทำนายฝัน’ และได้คำตอบว่าอีกฝ่ายมีความเกี่ยวข้องกับโรงเรียนกุหลาบ ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอนด้วยคำตอบดังกล่าว ไคลน์ตัดสินใจลงมือโดยไม่ลังเล แต่น่าเสียดาย เนื่องจากเวลากระชั้นชิดเกินไป จึงมิได้แทรกแซงจิตสัมผัสของอีกฝ่ายด้วย ‘เทวทูตกระดาษ’ ที่บันทึกไว้ใน ‘ยุบพองหิวโหย’ ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นการคลาดสายตาทันใดนั้น หุ่นเชิดอูฟเดินลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย ตามด้วยการวิ่งไล่ชกเอ็นโซที่กำลังลุกขึ้นยืนเอ็นโซพลันใจเต้นแรง แต่มิได้ลนลาน เพียงฉากหลบด้านข้างเล็กน้อยพร้อมกับปล่อยให้การโจมตีธรรมดาพุ่งผ่านไปถัดมา มันชักปืนและรีบเล็ง ยิงกระสุนเข้าใส่หน้าอกของอูฟเลือดสาดกระเซ็นทันที หุ่นเชิดอูฟโงนเงนและล้มลง การหายใจอ่อนระทวยอย่างรวดเร็วไคลน์ไม่ปล่อยให้โอกาสทองสั้นๆ หลุดมือ รีบหายตัวไปโผล่ต่อหน้าเป้าหมาย ปิดกั้นเส้นทางการหลบหนีทันใดนั้น เอ็นโซพลันเกิดลางสังหรณ์ประหลาดที่ยากจะอธิบาย จึงรีบหลับตาลงในสภาพปิดสนิทมันไม่รู้ว่าทำไมต้องทำเช่นนี้ แต่ในฐานะผู้วิเศษลำดับกลางของเส้นทาง ‘โชคชะตา’ มันเชื่อว่าสัญชาตญาณคือสิ่งที่ควรพึ่งพา!ถัดมา เอ็นโซรีบเบือนหน้าไปทางอื่นในสภาพปิดตา ใช้สัมผัสวิญญาณแทนการมองเห็นและวิ่งหนีเข้าไปในถนนเส้นอื่น ทว่า บุรุษเจ้าของใบหน้าแสนธรรมดาที่สวมหมวกทรงสูงและชุดสูทสุภาพ โผล่ออกมาดักหน้ามันอีกครั้งไม่ว่าจะตรงไป เลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา ร่างของไคลน์จะโผล่ดักหน้าอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับกำลังวิ่งรอบเอ็นโซด้วยความเร็วสูง ปิดกั้นเส้นทางหนีล่วงหน้าหนึ่งก้าวโดยไม่โจมตีเข้าไปโดยตรง ส่งผลให้ไม่ว่าเอ็นโซจะหนีไปทางไหน จะใช้พลังพิเศษหรือไม่ ชายสวมชุดสูทสุภาพสีดำก็จะปรากฏตัวตรงหน้าเสมอผ่านไปสักพัก ในสภาพหลับตา เอ็นโซเริ่มไตร่ตรองว่าศัตรูอาจมิได้มีเพียงหนึ่ง แต่มาเป็นกลุ่ม‘นักท่องเที่ยว’ สามารถทำให้ศัตรูคิดว่าตัวเองถูกล้อมได้ด้วยตัวคนเดียว!ผ่านไปราวสิบวินาที ความคิดของเอ็นโซที่สลัดเท่าไรก็ไม่หลุด พลันเฉื่อยชาลงกะทันหัน คล้ายกับจิตใจและข้อต่อถูกเชื่อมด้วยกาวพลัง ‘ท่องเที่ยว’ กับ ‘นักเชิดหุ่น’ นั้นสอดประสานกันได้อย่างลงตัว ขณะที่ไคลน์หายตัวไปมา มันรักษาระยะห่างจากเอ็นโซไม่เกินกว่าสิบเมตรเสมอ! ขณะเดียวกันก็แอบเข้าควบคุม ‘ด้ายวิญญาณ’ ของอีกฝ่าย!แย่ล่ะสิ… การที่อีกฝ่ายไม่โจมตีเข้ามา… เอาแต่ขวางทาง… ไม่ใช่เพราะ… กำลังรอ… เหยี่ยวราตรี… แต่… มีจุดประสงค์อื่น… ในสภาพปิดตา ความคิดเอ็นโซค่อยๆ เชื่องช้าลง ทันใดนั้น มันก้าวพลาดไปเหยียบหินจนร่างกายเสียสมดุลกะทันหัน ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง ส่งผลให้ปืนพกกระเด็นลอยไปไกลหลายเมตรตุ้บ!ความเจ็บปวดและกระวนกระวายทำให้เอ็นโซหลุดพ้นจากสภาพเฉื่อยชา ได้รับความคล่องแคล่วกลับคืนมาสำหรับอุบัติเหตุในทำนองนี้ เอ็นโซไม่ประหลาดใจสักเท่าไร เพราะในฐานะ ‘ผู้ชนะ’ มันมักเผชิญเหตุไม่คาดฝันที่เป็นประโยชน์กับตัวเองเสมอ และลงเอยด้วยการคว้าชัยชนะโดยไม่ลังเล มันรีบวิ่งตรงไปยังสุดเส้นถนนตรง เตรียมกระโดดข้ามราวกั้นลงไปในทะเล อาศัยโชคชะตานำพาให้รอดพ้นจากอันตราย ทันใดนั้น นิมิตลางสังหรณ์หนึ่งพลันผุดขึ้นในความคิดฉากดังกล่าว มันกำลังไออย่างรุนแรงจนมิอาจก้าวขา!โรค! อีกฝ่ายมีพลังทำให้เราป่วย! การที่ไม่โจมตีเข้ามาและเอาแต่ขวางทาง ก็เพื่อต้อนให้เราวนเวียนอยู่ในแถบนี้และแอบแพร่เชื้อโรคเข้ามาในร่างกาย! เอ็นโซผงะเล็กน้อย ก่อนจะเกิดความโล่งอกเหนือพรรณนาแหวน ‘ดอกไม้เขียว’ ที่มันกำลังสวม เป็นสิ่งที่ได้มาจากสาวกของดวงจันทร์บรรพกาล เมื่อเปิดใช้งานจะรักษาได้ทุกโรคและอาการบาดเจ็บที่ไม่รุนแรงจนเกินไป!นี่คือ ‘โชคเข้าข้าง’ ! เอ็นโซแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ามีเชื้อโรคลอยอยู่ในอากาศ รีบใช้มือทั้งสองข้างยันตัวขึ้นและวิ่งไปตามทางที่คิดไว้ มุ่งหน้าไปยังรั้วกั้นที่สุดปลายถนนวิ่งไปเพียงสองก้าว มันก็ไอกระแอมกะทันหัน ส่งผลให้ความเร็วลดลงโดยไม่ตั้งใจอาการไอไม่ยอมหายไปเหมือนทุกที มีแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งกำลังสำรอกปอดออกจากลำคอร่างของไคลน์ที่กำลังสวมหมวกทรงสูงและชุดสุภาพพลันสว่างวาบด้านหลังเป้าหมาย รักษาระยะห่างไว้ราวสิบเมตรทันใดนั้น เอ็นโซกางแขนออก ปลดปล่อยระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นให้พุ่งออกจากร่างกายลักษณะเหมือนกับพายุพลังวิญญาณอันบริสุทธิ์ พุ่งกระจายไปยังร่างวิญญาณทั้งหมดรอบตัวพร้อมกับสร้างอาการวิงเวียนศีรษะไคลน์เองก็มีนิมิตลางสังหรณ์ เมื่อเห็นเอ็นโซกางแขนออก ร่างของชายหนุ่มพลันอันตรธานหาย โผล่อีกครั้งบนบันไดสูงชันในสภาพหลับตา เอ็นโซตระหนักว่าความพยายามของตนล้มเหลว จึงเลิกคิดเรื่องที่จะจัดการกับอีกฝ่ายก่อนหนีไป ตัดสินใจวิ่งต่อไปยังรั้วกั้น ณ สุดปลายถนนมันกำลังมีลางสังหรณ์ว่า หากมัวเสียเวลานานกว่านี้ ‘เหยี่ยวราตรี’ จะไล่ตามมาทันและทำให้สถานการณ์วุ่นวายมากขึ้นในฐานะอดีต ‘ผู้โชคดี’ และในฐานะ ‘ผู้ชนะ’ ยิ่งมีความวุ่นวายมากเท่าใด โอกาสหลบหนีสำเร็จก็ยิ่งริบหรี่!ขณะเดียวกัน เนื่องจากเปลี่ยนทิศทางหลบหนีหลายครั้งอย่างส่งเดช เอ็นโซเดินผ่านหุ่นเชิดอูฟซึ่งถูกยิงเข้าที่หน้าอกอีกครั้งนิ้วชี้ข้างซ้ายของอูฟกำลังสวมแหวนทองคำประดับทับทิมทุกครั้งที่แสงสีแดงเลือดกะพริบวิบวับ อาการบาดเจ็บที่หน้าอกอูฟค่อยๆ สมานตัวเข้าด้วยกัน ร่างทั้งร่างเด้งพรวดขึ้นกะทันหันพร้อมกับอ้าปากกว้าง รีบวิ่งปรี่เข้าหาเอ็นโซที่บังเอิญผ่านมาภายในปากของอูฟ ลิ้นที่แทบไม่หลงเหลือเค้าเดิม กลายสภาพเป็นราวกับเศษเนื้อและก้อนเลือดแหวนบุปผาโลหิต!แหวน ‘บุปผาโลหิต’ ที่อูฟสวมอยู่ ไคลน์ได้รับมันมาจากมิสเตอร์ X ผลข้างเคียงคือการสุ่มทำให้ผู้สวมใส่สูญเสียเหตุและผล กลายเป็นสัตว์เดรัจฉานที่พึ่งพาเพียงสัญชาตญาณ แต่ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้สวมใส่ควบคุมร่างกายในเชิงลึกได้ดีขึ้น ตราบเท่าที่ยังไม่ตายในทันที และไม่ถูกชำระล้างหรือปัดเป่าโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าจะบาดเจ็บเพียงใดก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างช้าๆ!นอกจากนั้นยังช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถใช้งานเวทโลหิต เป็นสมบัติวิเศษที่เหมาะกับหุ่นเชิดอย่างมาก!ย้อนกลับไปก่อนที่ไคลน์จะออกตามหาหุ่นเชิดตัวใหม่ เมื่อยังไม่ชัดเจนว่าเป้าหมายเป็นผู้วิเศษเส้นทางใด ลำดับที่เท่าไร มันจึงต้องเตรียมการรอบคอบ ให้อูฟสวมแหวนบุปผาโลหิตติดตัว จะได้ดูเหมือนเป็นการ ‘แสดง’ ที่มีตนเป็นตัวละครหลัก และหุ่นเชิดเป็นตัวละครรอง แต่ความจริงแล้วตรงกันข้ามในวินาทีที่เอ็นโซวิ่งผ่านจุดที่อูฟนอนนิ่ง มันเจ็บเข่ากะทันหัน น่าจะเกิดจากการล้มครั้งก่อนเมื่อความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในสมอง เอ็นโซรีบหมอบลงพร้อมกับสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนพุ่งผ่านศีรษะมันไป เป็นการโจมตีที่พลาดเป้า!การลอบจู่โจมของอูฟยังไม่สามารถจัดการกับ ‘ผู้ชนะ’ ได้!ขณะเอ็นโซเตรียมยิ้มและเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง ภายในใจพลันสัมผัสถึงลางร้าย รีบขดตัวกะทันหันเพื่อปกปิดจุดตายของตัวเองในเวลาเดียวกัน ร่างของหุ่นเชิดอูฟพองขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะระเบิดอย่างไร้สุ้มเสียงเศษเลือดเนื้อก่อตัวเป็นพายุทันที ปกคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่รอบๆ ตัวอูฟไปพร้อมกับสร้างความเสียหายแกเอ็นโซหนึ่งในการเตรียมตัวของไคลน์ก็คือ อาศัยพลังของยุบพองหิวโหยที่กลายพันธุ์ ฝัง ‘ระเบิดเลือดเนื้อ’ ลงในหุ่นเชิด!กริ๊ง! แหวนทองฝังทับทิมตกลงบนพื้นถนน ร่างของไคลน์ค่อยๆ สว่างขึ้นข้างตัวเอ็นโซชายหนุ่มยกฝ่ามือซ้าย เปลี่ยนให้ถุงมือกลายเป็นสีเข้ม ดูคล้ายกับกำลังก่อตัวจากอนุภาคขนาดเล็ก ตามด้วยการพ่นถ้อยคำที่อัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและเลวทราม“เชื่องช้า!”เนื่องจากดวงดี เอ็นโซจึงหลีกเลี่ยงความเสียหายส่วนใหญ่จากแรงระเบิด แต่ทันใดนั้น ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยของมันพลันชะงัก การเคลื่อนไหวช้าลงอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มมุมปากค่อยๆ แปรเปลี่ยนทีละนิดถัดมา เอ็นโซลืมตาขึ้นด้วยความเจ็บปวด ส่งผลให้ร่างของบุคคลหนึ่งสะท้อนบนกระจกตา – ชายสวมสูทสีดำสุภาพและหมวกทรงสูง“อ๊า!”เอ็นโซแหกปากตะโกนลั่น รีบยกมือทั้งสองข้างปิดตาเลือดสีแดงไหลชุ่มออกจากหว่างนิ้วเอ็นโซสัตว์ประหลาด? ยืมมองที่เป้าหมายที่กำลังเจ็บปวดและมีสีหน้าบิดเบี้ยวสักพัก ไคลน์ขมวดคิ้วพลางควบคุมด้ายวิญญาณต่อ เพียงไม่นานก็สำเร็จการควบคุมขั้นต้นสำหรับคราวนี้ ชายหนุ่มไม่ถูกขัดจังหวะด้วยความบังเอิญใดๆ อีก เอ็นโซซึ่งอยู่ในสภาพกึ่งเสียสติ เริ่มมีเกล็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามร่างกาย หมดสิทธิ์ดิ้นรนขัดขืนอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง ไคลน์เข้าควบคุมในเชิงลึกอย่างราบรื่นเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเอ็นโซลุกขึ้นยืน เกล็ดงูตามลำตัวเริ่มจางหายเอ็นโซวางมือบนหน้าอกพลางโค้งคำนับให้ไคลน์ จากนั้นก็เดินไปหยิบแหวนทองคำฝังทับทิม สวมไว้บนนิ้วชี้ซ้ายของตัวเอง เข้าคู่กับแหวนสีเขียวในมืออีกข้างไคลน์ยับยั้งชั่งใจมิให้มองตัวเองผ่านสายตาหุ่นเชิด เพียงบังคับให้เอ็นโซจัดการกับเลือดเนื้อและร่องรอยในจุดเกิดเหตุจัดการทั้งหมดเสร็จ มันเดินเข้าไปในเงามืดข้างถนนพร้อมกับหุ่นเชิด อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
คอมเม้นต์