ราชันเร้นลับ 894 : พบกันอีกครั้ง
ราชันเร้นลับ 894 : พบกันอีกครั้ง
เดนิสเปิดปากพ่นคำอินทิสออกมาโดยไม่รู้ตัว“ที่พัก”คล้ายกับอากาศรอบๆ พลันแข็งตัว เดนิสมองไปที่ผิวสีน้ำตาลเข้มของคนขับรถม้าผมสีดำยุ่งเหยิงยุ่งเหยิง หน้าค่อนข้างกลม สีหน้างุนงงสุดขีด โจรสลัดคนดังหายใจออกอย่างเงียบงัน แบกกระเป๋าด้วยตัวเองเดินไปอีกฝั่งของถนนพลางโทษโชคชะตา“แม่เย็*! เจอคนขับรถม้าไม่เข้าใจอินทิส! คอยรับส่งผู้โดยสารใกล้กับท่าเรือ แต่ไม่รู้คำศัพท์จากทวีปเหนือเลยหรือ? มีคนอินทิส โลเอ็นและฟุซัคมากมายมาที่นี่!” เดนิสรำพัน สายตามองไปข้างหน้าพยายามตามหาผู้คนที่มีลักษณะเหมือนกับตน คนที่มาจากทวีปเหนือหรือมีบรรพบุรุษในทำนองเดียวกัน จะได้ย้ายเข้าโรงแรมและเติมเต็มกระเพาะเสียทีเท่าที่มันทราบ มีผู้อพยพชาวอินทิสในท่าเรือเบห์เรนส์ค่อนข้างมาก นอกจากนั้นก็ยังมีโลเอ็น ฟุซัค และเฟเนพ็อต ของเพียงได้พบสักหนึ่งหรือสองคน การสื่อสารก็ไม่ใช่ปัญหาแต่นั่นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า มันต้องไม่เป็นลมแดดตายไปเสียก่อน!“อากาศแม่เย็*!” มันแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีฟ้า เมฆสีขาว รวมถึงดวงอาทิตย์ที่ไม่สว่างจ้าเกินไป ยกมือขึ้นปาดเหงื่อจากหน้าผาก สีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยพลางสบถสาปแช่งถึงแม้จะสาปแช่ง แต่เดนิสก็ทราบว่าอุณหภูมิในทวีปใต้จะอยู่ในระดับปานกลางไปถึงค่อนข้างเย็น สาเหตุที่มันร้อนแบบนี้มาจากการติด ‘เข็มกลัดสุริยัน’ ไว้กับตัว อย่างไรก็ตาม มันยังไม่ทราบสถานะของตัวเอง ไม่กล้าถอดเข็มกลัดเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง – หากเผลอทำสมบัติวิเศษชิ้นหายโดยไม่ได้ตั้งใจ เดนิสไม่อยากจินตนาการถึงสายตาที่เย็นชาและบ้าคลั่งของเกอร์มัน·สแปร์โรว์คนจากแผ่นดินใหญ่ทางตอนเหนือ จะเป็นอาณาจักรไหนก็ได้ เพราะเราคือโจรสลัดคนดังที่เชี่ยวชาญหลายภาษา… ปากของเดนิสยังคงพึมพำ สิ่งที่อยู่ในใจมีเพียงเบียร์เย็นจัดและ ‘ธารน้ำแข็ง’ ที่กำลังลอยท่ามกลางมหาสมุทรหลังจากพึมพำ จู่ๆ มันก็ยกมือขยี้ตาในที่สุดมันก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนทวีปเหนือ!นอกจากนั้น ดูเหมือนว่าอาจเป็นคนรู้จักด้วย!ด้านหน้าในแนวเฉียงของเดนิส ณ มุมถนนที่ส่องแสงแดดอุ่นส่องเข้าไปถึง ชายผมสั้นสีทองหวีสามส่วนยืนกำลังพิงกำแพง เล่นหีบเพลงปากสีขาวเงินอีกฝ่ายมีดวงตาสีเขียว สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวไม่ติดกระดุมสองเม็ด สวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำสนิท ท่อนล่างเป็นกางเกงขายาวสีเข้ม สวมถุงมือสีดำข้างเดียว ไม่ใช่ใครนอกจากนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลหมอก แอนเดอร์สัน·ฮูด!บังเอิญอะไรขนาดนี้? หมอนี่มาที่ไบลัมตะวันตกทำไม…เดนิสเผยสีหน้าเปี่ยมสุข รู้สึกว่าในที่สุดก็ได้พบท่อนไม้ที่ลอยอยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่เสียที ภายในใจให้อภัยพฤติกรรมของแอนเดอร์สันบน ‘ฝันทองคำ’ รีบขยับเข้าไปใกล้ ทักทายด้วยน้ำเสียงมาตรฐานของนักล่า“เกิดอะไรขึ้น? เป็นนักล่าไม่ประสบความสำเร็จ ก็เลยมาเป็นนักแสดงบนถนน?”มันสังเกตเห็น ด้านหน้าแอนเดอร์สันมีหมวกหงายวางอยู่ ภายในมีเหรียญทองเหลืองราวยี่สิบถึงสามสิบเหรียญ มีจำนวนเล็กน้อยที่เป็นเหรียญ ‘ค็อปเพ็ต’ ของอินทิส ส่วนใหญ่เป็นเหรียญ ‘เดลิกซี่’ ของท้องถิ่น‘เดลิกซี่’ แปลว่าแผ่นทองแดงในภาษาอินทิสแอนเดอร์สันหยุดเล่น มองหน้าเดนิส“นี่ไม่ใช่หมวกของฉัน… ฉันแค่ผ่านทางมา เมื่อเห็นหมวกดังกล่าวตกอยู่บนพื้น ไม่มีใครสังเกตเห็น ประกอบกับอารมณ์สุนทรีย์เล็กน้อย จึงหยิบฮาร์โมนิก้าออกมาเป่า ใครจะไปคิดว่ามีคนฟังเยอะมากจนโยนเงินมาให้ไม่น้อย… โจรสลัดหยาบคายอย่างนายคงไม่สามารถเข้าใจเสน่ห์ของดนตรี สิ่งนี้ไม่มีพรมแดน ขอบอกไว้ก่อนนะ กัปตันของนายชอบเรื่องพวกนี้มาก”“หยุด!” หน้าผากของเดนิสเริ่มกระตุก รีบห้ามคำพูดของแอนเดอร์สันซึ่งไม่รู้ว่าจะจบลงที่ตรงไหน รีบโพล่งถาม “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”แอนเดอร์สันในท่าถือหีบเพลงปาก ครุ่นคิดอย่างจริงจัง“เป็นคำถามที่ดี… ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่ไบลัมตะวันตกได้ เกิดอะไรขึ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ฉันจำไม่ได้เลย”เดนิสอยากจะบอกว่าหยุดล้อเล่น แต่การแสดงออกที่จริงจังของแอนเดอร์สันทำให้มันคล้อยตาม“จำอะไรไม่ได้เลย?”แอนเดอร์สันทิ้งหีบเพลงปากสีเงิน ก้มลงหยิบหมวกหงายพร้อมเหรียญจำนวนมาก ปัดฝุ่นออก“ความทรงจำสุดท้ายของฉันคงอยู่ที่บายัม หลังจากแยกทางกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ดูเหมือนว่าจะไปพบใครบางคนในสถานที่ที่กำหนดไว้ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาทันที ฉันก็อยู่ในไบลัมตะวันตกแล้ว… ฮะฮะ! อย่าไปสนใจเลย แค่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว หืม… เกือบเที่ยวแล้วสินะ ไปหาอะไรกินกัน ฉันได้ยินว่าขาหมูของเบห์เรนส์โด่งดังเป็นพิเศษ”กล่าวจบ แอนเดอร์สันวางหมวกทรงสูงและเหรียญวางไว้ข้างๆ คนไร้บ้านที่นอนอยู่ด้านข้างเดนิสทั้งร้อน หิว และเหนื่อย เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงตื่นเต้น“นายรู้ภาษาตูทาน?”แอนเดอร์สันโพล่งทันที“นายไม่เคยได้ยินวีรกรรมการผจญภัยมากมายของฉันในไบลัมตะวันตกเลยหรือ?”นั่นสินะ… เราเคยนึกอยากจะขอข้อมูลเกี่ยวกับไบลัมตะวันตกจากหมอนี่มาก่อน… ท่ามกลางสถานการณ์อันวุ่นวายและอันตราย ถ้ามีแอนเดอร์สันคอยช่วยจะปลอดภัยกว่ามาก แถมยังมีล่ามคอยแปล! และนี่ไม่ใช่การว่าจ้าง เราไม่ต้องจ่ายเงิน… เดนิสยิ้มเล็กน้อย“ได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจ ไปหาอะไรกินกันเถอะ”ในท่าแบกสัมภาระ เดนิสเดินไปพร้อมแอนเดอร์สัน อ้อมไปยังถนนด้านข้างจนกระทั่งพบร้านอาหาร จึงเดินเข้าไปทันทีเมื่อได้ยินภาษาของพนักงานเสิร์ฟอาหาร เมื่อได้เห็นเมนูที่เต็มไปด้วยข้อความที่อ่านไม่ออก เดนิสพลันเกิดอาการวิงเวียน รีบหันไปพูดกับแอนเดอร์สัน“นายจัดการเลย”ในขณะกล่าว มันส่งเมนูให้กับนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลหมอกที่นั่งฝั่งตรงข้ามแอนเดอร์สันไม่ได้ยื่นมือออกมารับ เพียงตอบด้วยใบหน้าและน้ำเสียงเรียบเฉย“ฉันก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน”“…ไหนบอกว่าพูดตูทานได้?” เดนิสโพล่งด้วยความตกใจแอนเดอร์สันผายมือและพูด“ฉันไม่เคยพูดแบบนั้น… การตามล่าสมบัติตลอดหลายปี เกี่ยวอะไรกับการพูดตูทานได้?”“ถ้านายอ่านภาษาตูทานโบราณไม่ออก แล้วจะอ่านข้อความบนผนังเพื่อล่าสมบัติได้ยังได้?” สีหน้าของเดนิสบิดเบี้ยวอีกครั้ง พูดเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัวแอนเดอร์สันหยิบถ้วยที่บริกรนำมาวาง ดื่มน้ำอึกอึกอึก“ปัญหาที่แก้ได้ด้วยพจนานุกรมย่อมไม่ใช่ปัญหา… นอกจากนั้น แค่พูดตูทานไม่ได้ จะสื่อสารกับชาวทวีปใต้ไม่ได้เชียวหรือ?”กล่าวจบ มันมองไปยังบริกรข้างๆ และพูดเป็นภาษาอินทิส“ขาหมูพิเศษสองจาน”ไม่ต้องสงสัยเลยว่า บริกรคนดังกล่าวทำหน้ามึนงงสุดขีด พลางชี้นิ้วไปทางเมนูอาหารแอนเดอร์สันไม่ฉุนเฉียว เพียงบีบจมูกด้วยมือขวาอย่างใจเย็น จำลองเสียงร้องของหมูบริกรถึงกับผงะในตอนแรก เผยสีหน้างุนงงทันที ก่อนที่แอนเดอร์สันจะชี้ไปที่ข้อศอกตัวเอง จากนั้นก็ชี้ไปยังสัญลักษณ์เบห์เรนส์บนเมนูอาหาร ตามด้วยการทำนิ้วเป็นตัวเลข ‘สอง’“*%¥#” บริกรตอบกลับด้วยสำเนียงตูทาน พยักหน้ารับหลายครั้งเป็นนัยว่าเข้าใจ เดนิสพลันตะลึงทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้าเพียงแอนเดอร์สันทำท่าทางและผสมกับคำง่ายๆ ไม่กี่คำ ในที่สุดมันก็สั่งอาหารเสร็จ จึงหันหน้ามายิ้มให้เดนิส“เข้าใจไหม… บนโลกใบนี้ ภาษาสากลที่แท้จริงคือภาษากาย!”เดนิสมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าว่างเปล่า กระตุกมุมปากแผ่วเบา…รถม้าแล่นออกจากเขตตะวันตก มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ตรงทางแยกของถนน เพียงไม่นานก็มาถึงฐานทัพแห่งหนึ่งไคลน์ซึ่งมีจดหมายแนะนำที่เขียนด้วยลายมือของผู้พันคาลวิน แถมยังมีนายทหารหนุ่มร่วมทางมาด้วย เดินผ่านจุดตรวจเข้าไปอย่างราบรื่น มาถึงสี่เหลี่ยมที่ปูด้วยดินอัด สลักลวดลายสัตว์ประหลาดตัวใหญ่สีน้ำเงินเข้มสลับกับสีขาวเรือเหาะลำนี้มีความยาวหลายสิบเมตร มีโครงอัลลอยที่แข็งและเบายื่นออกมาจากตัวถัง กระจัดกระจายออกไปเป็นแผง คอยรองรับผ้าใบกันน้ำและถุงลม ด้านล่างมีปากกระบอกปืนกล ช่องกระสุน และปากกระบอกปืนใหญ่ณ ปัจจุบัน เสียงหวูดของเครื่องยนต์ไอน้ำยังไม่ดัง ใบพัดที่คอยขับเคลื่อนยังไม่หมุน บรรยากาศเงียบงันอย่างน่าประหลาดไคลน์ส่งเอกสารและบัตรประจำตัวให้กับเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยยืนตรวจอยู่ข้างทางเดิน หลังจากได้รับอนุญาต ชายหนุ่มแบกกระเป๋าเดินทางและค่อยๆ ก้าวขึ้นเรือเหาะด้านในมีลักษณะเหมือนกับห้องโดยสาร แบ่งเป็นสามชั้น มีเครื่องจักรที่ซับซ้อนและโกดังเก็บสินค้าด้านบน ตรงกลางเป็นห้องโถงที่สามารถจัดงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์และงานเลี้ยงเต้นรำ รอบห้องโถงและทั้งสองฝั่งของทางเดิน มีบันไดนำพาไปสู่ชั้นบนและชั้นล่าง ภายในห้องโถงยังมีโซนห้องพัก ส่วนชั้นล่างสุดประกอบด้วยห้องปืนกล ห้องกระสุน ห้องปืนใหญ่ และห้องพักของทหารหลังจากเดินผ่านยามที่ถือปืนไรเฟิล ไคลน์ทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ มองหาห้องพักที่เกี่ยวข้องและเปิดเข้าไป วางกระเป๋าเดินทางลงข้างที่นั่งคล้ายโซฟาถัดมา มันหยิบแก้วน้ำวางบนโต๊ะ เดินไปทางหน้าต่าง มองออกไปชมวิวทิวทัศน์ด้านนอกว่ากันตามตรง แม้ว่าชายหนุ่มจะรู้ทุกเรื่องอย่างละนิด แต่ก็รู้เพียงหางอึ่งเท่านั้น จึงไม่ค่อยเข้าใจหลักการออกแบบของเรือเหาะรุ่นล่าสุดลำนี้สักเท่าไร ยังไม่ชัดเจนว่ายานพาหนะชนิดนี้บินได้สูงแค่ไหน หรือมีเสถียรภาพมากเพียงใดบนอากาศเรื่องนี้ทำให้ชายหนุ่มกังวลเล็กน้อย ก่อนออกเดินทางจึงตัดสินใจทำนายหาอันตรายบนมิติเหนือสายหมอก ได้ผลลัพธ์ว่าตนสามารถไปถึงที่หมายได้อย่างราบรื่นดูเหมือนว่าจะมีเข็มขัดนิรภัยด้วย อุตสาหกรรมเรือเหาะของโลกนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สั่งสมประสบการณ์มากพอในทุกๆ แง่มุม… ขณะไคลน์เตรียมถอนสายตากลับเพื่อชื่นชมการจัดวางห้องและแสงเทียนด้านหลังฝากระจกแข็ง ทันใดนั้น มันเห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาใกล้เรือเหาะหมายเลข ‘1345’คนกลุ่มนี้มีทั้งชายและหญิง เกือบทั้งหมดแต่งกายด้วยเสื้อกันลมสีดำบางๆ สวมถุงมือสีแดง แบกกระเป๋าเดินทางที่มีขนาดแตกต่างกัน มีเพียงหนึ่งคนที่สวมเสื้อคลุมลึกลับของผู้สื่อวิญญาณ ทาขอบตาและแก้มด้วยสีฟ้า ไม่ใช่ใครนอกจากดาลีย์·ซิโมเน่ด้านข้างเยื้องไปทางหลังของหญิงสาว เลียวนาร์ด·มิเชลเจ้าของเส้นผมสีดำและดวงตาสีฟ้ากำลังเดินตามมาโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ฝีเท้าของเลียวนาร์ดชะลอลงกะทันหัน ก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้น มองมายังชั้นสองของเรือเหาะกระจกตาของมันสะท้อนภาพของจอนสีขาวและดวงตาสีน้ำเงินที่ลุ่มลึกของดอน·ดันเตสในชุดสูททางการและโบหูกระต่ายสุภาพบุรุษรายนี้กำลังยืนอยู่หลังหน้าต่าง ทำท่าทางทักทายพร้อมกับยกแก้วในมือขึ้น
คอมเม้นต์