ราชันเร้นลับ 883 : การประเมินของครึ่งเทพ
ราชันเร้นลับ 883 : การประเมินของครึ่งเทพ
ภายในโลกหนังสือ ไคลน์ที่ปรากฏตัวในจุดห่างไกลกับเมือง นำดินสีแดงเข้มที่เหลือออกมาถือ หยิบกิ่งไม้แห้งที่ตายแล้ว นำมาใช้แทนแท่งวิญญาณสำหรับทำนายหามัมมี่ตูตันส์ที่สองชายหนุ่มกังวลว่ามัมมี่ต้องสาปจะสร้างอันตรายต่อผู้คนในโลกหนังสือ – แม้หนังสือเล่มนี้จะเต็มไปด้วยผู้วิเศษที่แข็งแกร่ง และมัมมี่ตูตันส์ที่สองก็มิได้ถูกกระตุ้นให้กระฉับกระเฉงด้วยนกหวีด แต่อย่างน้อย มันเคยเป็นถึงครึ่งเทพในตอนที่ยังมีชีวิต คำสาปที่เกิดขึ้นหลังความตายย่อมไม่ธรรมดา หากไม่ใช่เพราะชารอนมอบมุกสีทองที่ช่วยป้องกันคำสาป ถึงจะเป็นไคลน์ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ส่งเดชแต่ถึงอย่างนั้น ไคลน์ก็ยังกล้าใช้ ‘การเดินทางของกรอซาย’ เพื่อขโมยมัมมี่ เพราะประสบการณ์ส่วนตัวและประสบการณ์ของคนรอบข้างต่างยืนยันตรงกันว่า บุคคลที่ถูกส่งเข้ามาในโลกหนังสือ จะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าชาวเมืองโดยตรงทันที ต้องใช้เวลาสำรวจสักพักก่อน โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งเคยเข้ามาเป็นครั้งแรก!ดังนั้น ไคลน์เชื่อว่ามัมมี่ตูตันส์ที่สองน่าจะถูกนำมาปล่อยในสถานที่ปลอดคน และด้วยสภาพปัจจุบันของ ‘ซอมบี้’ ตัวนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำเพียงเดินเร่ร่อนไปมาอย่างไร้จุดหมาย มิได้ออกสำรวจหาเมืองเหมือนกับมนุษย์ เอลฟ์ และคนยักษ์กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตราบเท่าที่ไม่ปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป ก็ไม่น่าจะมีความสูญเสียเกิดขึ้นกับชาวเมือง และนับจากตอนที่ไคลน์ป้ายดินลงบนปกหนังสือ ปัจจุบันเพิ่งผ่านมาเพียงสองถึงสามนาทีหลังจากมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่แท่งวิญญาณบอก ไคลน์มาถึงภูเขาใกล้เคียงและมองเห็นหุบเขาจากนั้นก็มองเห็นมัมมี่ที่พันด้วยผ้าลินินสีน้ำตาลอมเหลือง ร่างกายชุ่มของเหลวสีแดงเข้ม บนใบหน้ายังคงสวมหน้ากากสีทองมันส่งเสียงคำรามต่ำที่ฟังดูไม่เหมือนมนุษย์ สองเท้าย่ำเข้าหาไคลน์ท่ามกลางบรรยากาศมืดสลัวในขณะเดียวกัน ซากสัตว์สภาพขาดวิ่งบนพื้นดิน เริ่มตะเกียกตะกายวิ่งมาทางไคลน์อย่างยากลำบากไคลน์ที่ร่างวิญญาณถูกเสริมพลังด้วยนกหวีดทองแดงอะซิก หัวเราะหึหึในลำคอ“มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเลยนะ…”ชายหนุ่มโยนกิ่งไม้แห้งทิ้งไป หยิบวัตถุสีดำเข้มขึ้นมาแทนนี่คือตะกอนพลังของ ‘นักปลอบวิญญาณ’ ที่ถูกปลดปล่อยออกจากยุบพองหิวโหยรุ่นกลายพันธุ์ กึ่งกลางตะกอนมีจุดแสงบริสุทธิ์ ดูคล้ายกับค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวคลื่นล่องหนแผ่ออกจากวัตถุสีดำอย่างแผ่วเบา ส่งผลให้บรรยากาศรอบๆ มืดลงเล็กน้อย ดูคล้ายกับช่วงเวลาค่ำคืนบรรยากาศสุขสงบและร่มเย็นมาพร้อมกับแสงดาวสีจางๆ ส่งผลให้ซากสัตว์ขาดวิ่นที่พยายามลุกขึ้น ล้มลงกลับไปนอนพักผ่อนอย่างเป็นนิรันดร์มัมมี่ตูตันส์ที่สองเองก็ลดความเร็วลง ย่างก้าวเชื่องช้าลงทีละนิด แต่ยังไม่ถึงกับเสียหลักล้มอย่างที่คิด การใช้งานตะกอนพลังตรงๆ จะทำให้ประสิทธิภาพของพลังต่ำลง แถมยังมีผลข้างเคียงรุนแรง… ไคลน์อดไม่ได้ที่จะยกมือซ้ายขึ้น ปิดปากหาวหาวเสร็จ ชายหนุ่มกระตุ้นให้ยุบพองหิวโหยเปลี่ยนเป็นสีเขียว ใช้พลังของ ‘ซอมบี้’ เพื่อควบคุมซอมบี้ตรงหน้าโดยตรงการซ้อนทับกันของพลังสองชนิดช่วยให้มัมมี่ตูตันส์ที่สองสงบลงในที่สุดในสภาพสวมหน้ากากที่ช่องดวงตาทำจากอัญมณีสีดำ มัมมี่ค่อยๆ เดินมาหยุดยืนหน้าไคลน์ ประหนึ่งคนรับใช้มืออาชีพน่าเสียดาย เจ้านี่เป็นมัมมี่ต้องสาป… ไคลน์หยิบไข่มุกสีทองที่มีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของอาณาจักรที่ราบสูงโบราณออกจากร่างวิญญาณ บนผิวไข่มุกสลักลวดลายสีเขียวอมฟ้าไข่มุกเม็ดนี้เป็นของชารอน ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับมัมมี่ตูตันส์ที่สองโดยเฉพาะ สามารถระงับคำสาปได้ชะงักงัน ไม่อย่างนั้น ลำพังวิญญาณอาฆาตจะกล้าหมายตามัมมี่ของฟาโรห์เชียวหรือ?ตรวจสอบไข่มุกสีทองสักพัก ไคลน์บังคับให้มัมมี่ตูตันส์ที่สองอ้าปาก จากนั้นก็ยัดไข่มุกเข้าไปในช่องว่างบริเวณปากของหน้ากากเพียงสองถึงสามวินาที บรรยากาศสลัวโดยรอบสลายไปทันทีจัดการทั้งหมดเสร็จ ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าเพื่อสิงร่างมัมมี่ จากนั้นก็ตัดการเชื่อมต่อทันที ส่งตัวเองกลับสู่มิติหมอกเทามัมมี่ตัวนี้กลายเป็น ‘ซอมบี้’ ส่วนตัวของไคลน์จากพลังถุงมือ ลักษณะคล้ายกับ ‘หุ่นเชิด’ เซนอล จึงสามารถนำออกจากหนังสือได้ทันทีโดยไม่ต้องยัดใส่ร่างกายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีรับมอบ มัมมี่ตูตันส์ที่สองซึ่งอัดแน่นด้วยพลังวิญญาณ ถูกส่งกลับสู่โลกความจริง ปรากฏตัวภายในห้องพักราคาถูกของเขตตะวันออกเก็บกวาดเสร็จ ไคลน์เตรียมยื่นมือขวาออกไปจับไหล่มัมมี่เพื่อใช้พลัง ‘ท่องเที่ยว’ พาไปยังห้องพักที่ชารอนและมาริคเช่าไว้แต่หลังจากเห็นผ้าลินินสีน้ำตาลอมเหลืองที่มันเยิ้ม เห็นหัวไหล่มัมมี่ที่ชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดงเข้ม ไคลน์ชักมือขวากลับและเปลี่ยนไปจับด้วยมือซ้ายที่สวมถุงมือแทนหลังจากจับไหล่มัมมี่ด้วยมือซ้าย บริเวณดังกล่าวพลันโปร่งใส ก่อนจะกระจายออกไปทั่วทั้งร่างเพียงพริบตา ไคลน์กลับมาถึงห้องนอนก่อนหน้าพร้อมกับมัมมี่ชายหนุ่มไม่รีบร้อนเปิดประตูเพื่อนำเสนอผลงานให้ชารอนและมาริคเชยชม แต่หยิบนาฬิกาพกสีทองออกมากดปุ่มเปิดยังเหลืออีกสามสิบหกวินาที ก่อนจะครบห้านาที… ไคลน์สั่งให้มัมมี่ตูตันส์ที่สองลากเก้าอี้มาวางให้ จากนั้นก็นั่งลงผ่านไปสักพัก ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงเคาะประตู“เข้ามา” ไคลน์ตอบด้วยรอยยิ้ม จัดระเบียบร่างกายมัมมี่ให้อยู่ในท่าทักทายเมื่อประตูไม้เปิดออกดังแอ๊ด กระจกตาชารอนและมาริคพลันสะท้อนภาพหน้ากากลึกลับสีทอง ร่างพันผ้าสีน้ำตาลอ่อนด้วยอัญมณีสีดำหม่นบริเวณดวงตา มัมมี่ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนบนพื้น“…” ในพริบตาดังกล่าว ชารอนและมาริคหมดคำพูดเป็นเวลานานหลังจากยืนยันว่านกหวีดทองแดงอะซิกถูกผนึกด้วยกำแพงวิญญาณและไม่สร้างอิทธิพลใด ไคลน์ปลดปล่อยการควบคุมมัมมี่ให้เป็นอิสระ ชี้นิ้วไปทางมัมมี่ที่นอนบนพื้นและกล่าว“ที่เหลือจัดการกันเอง”ในที่สุด ละครที่เรากำกับก็ดำเนินมาถึงบทสรุปอย่างราบรื่น… ไคลน์ถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน สัมผัสได้ว่าโอสถนักเชิดหุ่นถูกย่อยด้วยความเร็วที่ก้าวกระโดดสิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มเชื่อว่า ไม่ต้องรอถึงสิ้นปี อาจสามเดือน หรือเพียงแค่สองเดือน ตนก็จะย่อยโอสถเสร็จสมบูรณ์และเตรียมพร้อมสำหรับการเลื่อนลำดับเป็นครึ่งเทพนอกจากนั้น ผลของการย่อยข้างต้นยังช่วยให้จำนวนหุ่นเชิดที่สามารถครอบครองเพิ่มเป็นสองตัว ระยะทางในการควบคุมไกลถึงสองร้อยเมตร และเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีระดับพลังวิญญาณใกล้เคียงกัน การควบคุมด้ายวิญญาณขั้นต้นจะใช้เวลาเพียงสิบวินาที และการควบคุมให้กลายเป็นหุ่นเชิด จะใช้เวลาเพียงสองนาทีครึ่ง ระยะการบุกรุกด้วยด้ายวิญญาณเพิ่มขึ้นเป็นสิบเมตร“คุณทำสำเร็จ… จริงๆ” มาริคจ้องไปยังมัมมี่ตูตันส์ที่สอง ปากขยับพึมพำอย่างมิอาจควบคุมมันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าภารกิจนี้จะจบลงที่ความสำเร็จ!ต่อหน้าครึ่งเทพสี่ตนและสมบัติปิดผนึกสองชิ้น เชอร์ล็อก·โมเรียตี้สามารถขโมยมัมมี่ที่ทุกคนต่างแย่งชิงออกมาได้!นอกจากนั้น จนถึงเมื่อครู่ สุภาพบุรุษรายนี้ยังมือเปล่าอยู่เลย!หรือว่ามัมมี่จะนำพาตัวเองมาส่งถึงมือเขา?ชารอนเจ้าของดวงตาสีฟ้า แววตาลุ่มลึกและสงบนิ่ง กำลังสนใจเพียง ‘เป้าหมาย’ ของภารกิจนี้เมื่อยืนยันว่าเป็นมัมมี่ของฟาโรห์ตูตันส์ที่สอง สายตาของเธอหันไปทางเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ที่กำลังนั่งไขว่ห้างริมฝีปากหญิงสาวอ้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะปิด และอ้าใหม่“ขอบคุณมาก… ดิฉันจะส่งค่าจ้างตามหลังทางไปรษณีย์”“ขอให้… เอ่อ… ทุกสิ่งที่พวกคุณต้องการ ผ่านไปอย่างราบรื่น” ไคลน์ตอบจากก้นบึ้งจากนั้น ชายหนุ่มรำพันเงียบหากชารอนสามารถเลื่อนเป็นลำดับ 4 สำเร็จ นั่นหมายความว่าเราจะมีผู้ช่วยระดับครึ่งเทพเพิ่มอีกหนึ่งคน! จักรวรรดิแห่งอาหารมีสำนวนที่กล่าวไว้ว่า: อยู่บ้านให้พึ่งพาพ่อแม่ ออกจากบ้านให้พึ่งพาเพื่อนฝูง! และแน่นอน ยิ่งมีเพื่อนระดับครึ่งเทพมากเท่าไรก็ยิ่งดีมากเท่านั้น! ชุมนุมทาโรต์เองก็มีไว้เพื่อเพิ่มจำนวนพวกพ้องและลดจำนวนศัตรู… แต่ดูเหมือนว่าศัตรูจะมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ …คิดถึงตรงนี้ ไคลน์ตักเตือนพวกเขาอีกครั้ง“ระวังการถูกตามล่า”ข้าวของเครื่องใช้ของมัมมี่ตูตันส์ที่สองตกอยู่ในมือกองทัพโลเอ็นไม่น้อย การระบุตำแหน่งด้วยพลังพิเศษไม่ใช่เรื่องยาก และเทวทูตกระดาษของไคลน์ที่มีอำนาจในการแทรกแซง ก็มิอาจคงอยู่ได้ตลอดไปแน่นอน ชายหนุ่มเชื่อว่าชารอนและมาริคคงมีวิธีรับมืออยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่คิดแผนขโมยมัมมี่ตูตันส์ที่สอง และในทำนองเดียวกัน อีกฝ่ายก็คงมีวิธีจัดการกับร่องรอยของหน้ากากสีเงินและพลุดอกไม้ไฟแต่ถ้าเป็นเดนิสคงจะพูดว่า… ฉันคิดไม่ถึงมาก่อน… ไคลน์นำไปเปรียบกับนักล่าไม่เอาถ่านบางคนชารอนพยักหน้ารับ เป็นนัยว่ารับทราบและจะให้ความสำคัญ จากนั้นก็เปลี่ยนมัมมี่ตูตันส์ที่ทองให้กลายเป็นซอมบี้ของเธอ ส่งมันเข้าไปเก็บในโลกวิญญาณ“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ” มาริคถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน กล่าวขอบคุณเชอร์ล็อก·โมเรียตี้จากก้นบึ้งจากนั้น มาริคเดินออกจากห้อง แปลงโฉมและปะปนเข้าไปกับฝูงชนในเขตตะวันออกระหว่างนี้ ไคลน์ในชุดสูทสีดำและหมวกทรงกึ่งสูง นั่งนิ่งบนเก้าอี้ เฝ้ามองคนทั้งสองจากไปอย่างเงียบๆผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ร่างของมันเลือนหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า…ภายในห้องใกล้กับท่าเรือพริสต์ครึ่งเทพดวงตาสีทองของกองทัพโลเอ็น ผลักประตูเข้ามาและกล่าวกับพวกพ้อง – หญิงสาวในชุดราตรีสีดำ“ไม่พบอะไรเลย”“นั่นเป็นเรื่องปรกติ เพราะถ้าเขาไม่มั่นใจ คงไม่กล้าลงมือขโมยมัมมี่ตูตันส์ที่สอง…” หญิงสาวในชุดราตรีสีดำกล่าว “แต่ทางเราสามารถสืบสวนขยายผลได้จากหน้ากากสีเงิน ดอกไม้ไฟ เสื้อผ้าของพวกเขา หรือท่วงท่าการโค้งคำนับนั่น น่าจะพอมีบางสิ่งที่สามารถเชื่องโยงกันได้”เธอมั่นใจว่ากลุ่มที่ขโมยมัมมี่ไม่เกี่ยวข้องกับครึ่งเทพโรงเรียนกุหลาบ เพราะถ้าเป็นแผนของพวกมันตั้งแต่แรกจริง ก็ไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องเอาตัวเข้ามาเสี่ยงอันตรายจนเกือบหลบหนีล้มเหลวชายเจ้าของดวงตาสีทองหน้าพยักเล็กน้อย“ผมมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น่าเสียดายที่เราไม่ได้ร่วมมือกับทางโบสถ์ กำลังคนจึงค่อนข้างขาดแคลน”มันเว้นวรรค ก่อนจะถาม“คุณคิดออกหรือยังว่าชายคนนั้นใช้วิธีอะไร?”หญิงสาวในชุดราตรีสีดำหยิบมงกุฎหนามขึ้น ใช้หนามแหลมแทงเข้าไปในลำคอตัวเอง จากนั้นก็ส่ายหน้าขณะเลือดไหลซึม“บางที ดินที่เปื้อนของเหลวของมัมมี่ตูตันส์ที่สอง อาจเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมบางอย่าง… เขาเป็นคนที่เจ้าเล่ห์มาก เชี่ยวชาญในการตบตาผู้คน!”
คอมเม้นต์