ราชันเร้นลับ 882 : แก่นของเล่ห์เหลี่ยม
ราชันเร้นลับ 882 : แก่นของเล่ห์เหลี่ยม
มือข้างหนึ่งถือกล่องโลหะ หลังจากลอยทะลุกำแพงโกดัง ชารอนทำตามคำสั่งของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้อย่างเคร่งครัด อาศัยร่างวิญญาณอาฆาตบินไปทางประภาคาร – ตึกที่สูงที่สุดในท่าเรือพริสต์ถัดมา หญิงสาวนับเลขในใจสามวินาที… สองวินาที… หนึ่งวินาที…ขณะสมาธิกำลังจดจ่อ เสียงระเบิดกึกก้องดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทชารอน – ท่าเรือที่อยู่ห่างออกไป คล้ายกับมีพายุทอร์นาโดเกรี้ยวกราดก่อตัวด้วยมือซ้ายข้างที่ถือกล่องบุหรี่โลหะ เล็บของหญิงสาวงอกยาวและทิ่มเข้าไปในกำแพงวิญญาณ ม่านพลังที่มองไม่เห็นถูกทำลายโดยสมบูรณ์จากการโจมตีซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณของวิญญาณอาฆาตลมกระโชกพลันพัดกระจายไปรอบทิศ ชารอนสัมผัสได้ว่า ร่างวิญญาณของเธอคมชัดและมีพลังมากขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ แน่นอน สิ่งนี้เป็นผลมาจากวัตถุที่อยู่ภายในกล่องบุหรี่โลหะความอยากรู้อยากเห็นมิได้ทำให้เธอเสียจังหวะ ดูเหมือนจะเคยชินกับการระงับอารมณ์ในทำนองนี้มานับไม่ถ้วน จึงทำเพียงพุ่งตัวไปทางประภาคารด้วยความเร็วสูงตลอดทาง เธอทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด มีการหักเหวิถีการบินอย่างต่อเนื่อง บ้างเบี่ยงตัวไปทางซ้าย บ้างเหาะขึ้นไปทางขวา นอกจากนั้นยังมีการใช้พลังกระโดดกระจกเพื่อเปลี่ยนทิศทางโดยสมบูรณ์ ขยับเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นทีละนิดพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เธอดูคล้ายกับกำลังหลบหนีจากศัตรูที่มองไม่เห็น แต่ชารอนทราบดี ไม่มีสิ่งใดตามเธอมา และไม่มีใครกำลังโจมตีมาจากระยะไกลหญิงสาวรู้สึกเหมือนกับเธอกำลังเล่นละครคนเดียวโดยไม่มีนักแสดงประกอบฉากคนอื่นอย่างไรก็ตาม ชารอนไม่มัวตั้งคำถามหรือเสียเวลาสำรวจสภาพแวดล้อม ทำตัวราวกับว่ารอบๆ มี ‘ผู้เงียบขรึม’ มาฮามูซีและครึ่งเทพของกองทัพโลเอ็นซ่อนตัวอยู่ พยายามบินส่ายไปมาเพื่อหลบหลีกการโจมตีบินไปได้สักพัก ดวงตาสีฟ้าของชารอนที่คอยสอดส่องเหตุการณ์รอบตัว เริ่มสะท้อนแสงสีแดงแสงลึกลับลอยขึ้นสูง ก่อนจะระเบิดออกกลายเป็นพลุสีแดง ส้ม และเหลืองที่งดงามชารอนถอนสายตากลับทันที พลางใช้เล็บยาวๆ ของวิญญาณอาฆาตสร้างกำแพงวิญญาณขึ้นมาห่อหุ้มกล่องบุหรี่โลหะอีกครั้ง จากนั้นก็รีบหนีไปยังทิศทางของมาริคเศษกระจกถูกโปรยเป็นทางยาวเตรียมไว้ล่วงหน้า ร่างของชารอนที่สวมเดรสสีดำและหมวกอ่อนสีเดียวกัน กะพริบวิบวับตลอดทางจนกระทั่งปรากฏบนกระจกตาของมาริคในวินาทีที่หญิงสาวย่างกรายออกมา กล่องบุหรี่โลหะถูกผนึกกลับไปอย่างสมบูรณ์มาริคและชารอนไม่มัวคุยกัน ไม่แม้แต่จะมองหน้า รีบเผ่นหนีด้วยความเร็วสูงสุดประหนึ่งกำลังถูกสัตว์ประหลาดดุร้ายไล่ตามว่ากันตามตรง ทั้งสองเข้าใจแก่นแท้ของแผนการในคืนนี้เป็นอย่างดี เพราะนักสืบเชอร์ล็อกเคยแสดงให้เห็นแล้วว่า นกหวีดทองแดงสามารถทำให้ซอมบี้และภูตผีเกิดความปั่นป่วน เมื่อผนวกเข้ากับพลังกระโดดกระจกของชารอนที่ทั้งคู่ต่างคุ้นเคย ภาพของแผนการเบื้องต้นจึงอยู่ในขอบเขตที่จินตนาการได้ ทว่า สิ่งที่พวกมันไม่เข้าใจก็คือ นักสืบผู้เต็มไปด้วยความลับรายนี้จะขโมยมัมมี่ตูตันส์ที่สองต่อหน้าการเฝ้าระวังของครึ่งเทพได้อย่างไร? ใช่ว่าศัตรูจะยอมปล่อยให้มัมมี่วิ่งไปมาอย่างอิสระสักหน่อยทันใดนั้น พวกมันเห็นร่างหนึ่งค่อยๆ คมชัดขึ้นตรงหน้าชายคนนี้สวมชุดสูทสีดำสุภาพและหมวกทรงกึ่งสูง ใบหน้าถูกบดบังด้วยหน้ากากเงิน มือข้างหนึ่งกำลังถือดินสีแดงเข้มและหนังสือโบราณปกสีน้ำตาลแก่ ไม่ใช่ใครนอกจากนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้มาริคลดความเร็วลง สายตาจ้องมองอีกฝ่ายละเลงดินลงบนปกหนังสือและเก็บกลับเข้าไปในเสื้อ ก่อนจะยื่นแขนออกมาจับไหล่มันและชารอน แต่เมื่อมาริคมองไปรอบๆ กลับไม่พบมัมมี่ตูตันส์ที่สองสุดท้ายก็ล้มเหลว? มันถอนหายใจอย่างรับสภาพ ยืนมองร่างกายของตน ชารอน และเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ค่อยๆ จางลง ก่อนจะเลือนหายไปในที่สุด…ณ จุดที่เหล่าครึ่งเทพกำลังตะลุมบอน เมื่อเห็นชายสวมหน้ากากสีเงินหายตัวไปพร้อมกับทำท่าโค้งคำนับ ครึ่งเทพของกองทัพโลเอ็นที่มีดวงตาสีทองพลันเกิดลางสังหรณ์ประหลาด สัมผัสได้ว่าเรื่องราวกำลังดำเนินไปในทิศทางที่เลวร้ายต้องหยุดให้ได้! ไม่ว่ายังไงก็ต้องหยุดชายคนนั้นให้ได้! เมื่อผุดความคิดดังกล่าว ครึ่งเทพเจ้าของดวงตาสีทองทำการกระตุ้นแหวนในมือทันที เตรียมใช้ ‘ท่องเที่ยว’ ไล่ล่า ‘ท่องเที่ยว’แต่หลังจากผ่านไปสัก มันพบว่าตนไม่สามารถตรวจจับออร่าของชายลึกลับได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง หากอีกฝ่ายไม่มีการแทรกแซงระดับครึ่งเทพคอยคุ้มครอง ก็คง ‘ท่องเที่ยว’ ออกไปในสถานที่ห่างไกลแล้ว หมดสิทธิ์ไล่ตามโดยสิ้นเชิงและยิ่งไปกว่านั้น หากมันไปจากที่นี่ นั่นจะเท่ากับเป็นการปล่อยให้สตรีในชุดราตรีต้องเชิญหน้ากับ ‘ผู้เงียบขรึม’ มาฮามูซีและอีกหนึ่งครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบตามลำพัง ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ เพราะอำนาจของพลังพิเศษในพื้นที่ ยังไม่ลดทอนจนถึงจุดที่สามารถเอาชนะได้ด้วยกระสุนปืนเพียงอย่างเดียวนอกจากนั้น ฝ่ายเรายังไม่ได้สูญเสียอะไร มัมมี่ยังอยู่ ชายคนนั้นเอาไปได้แค่ดินที่อัดแน่นพลังวิญญาณ… ครึ่งเทพดวงตาสีทองจ้องไปทางมัมมี่ตูตันส์ที่สองซึ่งกำลัง ‘เหม่อ’ จากนั้นก็หันกลับไปมองมาฮามูซีแต่ทันใดนั้น มัมมี่ที่ถูกพันด้วยผ้าลินินสีน้ำตาลอมเหลืองและชุ่มด้วยของเหลวสีแดงเข้ม พลันอันตรธานหายไปจากสัมผัสวิญญาณของครึ่งเทพทุกคน!มัมมี่หายไปอย่างเป็นปริศนาโดยไม่มีลางบอกเหตุ!ชั่วพริบตาหนึ่ง ‘ผู้เงียบขรึม’ มาฮามูซีและครึ่งเทพที่เหลือต่างรู้สึกประหนึ่งพวกมันได้รับชมมายากลที่ยอดเยี่ยม แต่ช่างน่าเศร้า แม้ที่นี่จะมีครึ่งเทพอยู่ถึงสี่คน แต่กลับไม่มีใครทราบว่าอีกฝ่ายใช้วิธีใดหลังจากนั้น เมื่อตระหนักว่าพวกตนสูญเสียเป้าหมาย มาฮามูซีและครึ่งเทพโรงเรียนกุหลาบอีกคนไม่มัวรีรอ รีบเปลี่ยนร่างกายให้โปร่งใส พยายามหลบหนีเข้าสู่โลกวิญญาณครึ่งเทพดวงตาสีทองและหญิงสาวในชุดราตรีต่างพยายามยับยั้งอย่างสุดความสามารถ…หลังจาก ‘ท่องเที่ยว’ สองครั้งติดต่อกัน ไคลน์พาชารอนและมาริคกลับไปยังห้องที่ทั้งสองเช่าไว้ในเขตตะวันออกของเบ็คลันด์“ดิฉันจะจ่ายค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้” เมื่อเท้าสัมผัสพื้น ชารอนกล่าวพลางยื่นกล่องบุหรี่โลหะคืนให้เชอร์ล็อกตามข้อตกลงเดิม ไม่ว่าภารกิจจะสำเร็จหรือล้มเหลว ชารอนจะต้องมอบข้อมูลเกี่ยวกับ ‘หัวขโมยโลกวิญญาณ’ ให้เชอร์ล็อก แต่ถ้าประสบความสำเร็จ เธอจะต้องจ่ายเพิ่มอีกสามพันห้าร้อยทองปอนด์โลเอ็น หรือไม่ก็ห้าพันเหรียญทองไคลน์รับกล่องบุหรี่โลหะที่มีร่องรอยผุกร่อนเล็กน้อย เมื่อถูกวางลงบนฝ่ามือ ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงนกหวีดทองแดงอะซิกด้านในชายหนุ่มรีบเก็บเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ยิ้มให้ชารอนและมาริค“พวกคุณทั้งสองช่วยออกไปรอข้างนอกสักห้านาทีได้ไหม?”น้ำเสียงมั่นใจมาก ราวกับทำภารกิจสำเร็จ… แค่ห้านาทีจะทำอะไรได้? เขาไม่คงไม่เทเลพอร์ตกลับไปยังท่าเรือและนำมัมมี่ตูตันส์ที่สองมาที่นี่ใช่ไหม? นั่นจะยิ่งอันตรายกว่าเดิม… ในหัวมาริคเต็มไปด้วยคำถาม ส่วนชารอนทำเพียงลอยทะลุผนังออกไปเงียบๆท้ายที่สุด มาริคสลัดความฟุ้งซ่านและเดินออกไป ปิดประตูห้องตามหลังไคลน์มองแผ่นหลังคนทั้งสองด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ใช้พลัง ‘ท่องเที่ยว’ ไปยังโรงเรียนราคาถูกอีกแห่งหนึ่งในเขตตะวันออก – มันเช่าที่นี่เตรียมไว้ในช่วงบ่ายด้วยรูปลักษณ์และตัวตนปลอมถัดมา ชายหนุ่มหยิบหนังสือปกน้ำตาลเข้มที่เปื้อนคราบโคลนสีแดงออกจากเสื้อการเดินทางของกรอซายตราบใดที่เลือดแฝงพลังวิญญาณยังไม่เหือดแห้ง หากนำเลือดดังกล่าวมาป้ายลงบนปก เจ้าของเลือดจะถูกดึงเข้าสู่โลกของหนังสือ!และของเหลวในโลงศพมัมมี่ตูตันส์ที่สองก็มีเลือดแบบนั้นอยู่!กล่าวอีกนัยหนึ่ง ณ เวลานี้ มัมมี่อยู่ในมือของไคลน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถูกเก็บอยู่ใน ‘การเดินทางของกรอซาย’ !หลังจากฟังคำอธิบายของมาริคเกี่ยวกับวิธีสร้างมัมมี่ ไคลน์ผุดแผนการในหัวทันที นั่นคือการใช้นกหวีดทองแดงอะซิกสร้างแรงดึงดูดต่อคนตายประหนึ่ง ‘ด้ายวิญญาณ’ ชักนำให้ ‘หุ่นเชิด’ ตูตันส์ที่สองตรงไปทางประภาคาร หลอกล่อให้บรรดาครึ่งเทพออกห่างจากโลงศพ ตนจะได้ฉวยโอกาสใช้พลัง ‘ท่องเที่ยว’ เข้าไปหยิบของเหลวติดมือกลับมาสร้างเงื่อนไขไคลน์ไม่เคยคิดจะขโมยมัมมี่ตรงๆ หรือหลอกล่อให้มัมมี่หนีออกจากท่าเรืออย่างราบรื่น แผนการในทำนองนั้นยากจะประสบความสำเร็จในเชิงปฏิบัติ เพราะศัตรูเป็นถึงผู้วิเศษระดับครึ่งเทพ ต่อให้ตน ชารอน และมาริคร่วมมือกัน โอกาสสำเร็จก็ยังริบหรี่มาก หรือต่อให้เสียเงินจำนวนมหาศาลเพื่อจ้างมิสผู้ส่งสาร ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ โอกาสสำเร็จก็ยังไม่มากอยู่ดีดังนั้น ถึงการล่อลวงจากนกหวีดทองแดงอะซิกและมัมมี่จะดูเหมือนกับเป็นแผนหลัก แต่ในความเป็นจริง การกระทำดังกล่าวมีจุดประสงค์เพียงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของ ‘นักแสดง’ คนอื่นๆ ในฉาก ทำให้พวกมันมองข้ามประเด็นสำคัญและออกห่างจากโลงศพทองคำนี่คือแผนการที่ครึ่งเทพของกองทัพโลเอ็นยากจะรับมือ เพราะสิ่งที่พวกมันต้องปกป้องคือมัมมี่ มิใช่โลงศพสีทอง และสมาธิต้องจดจ่ออยู่กับครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบ มิใช่สามบุคคลปริศนาด้านนอกซึ่งยังไม่ทราบเจตนาแน่ชัดแผนการของไคลน์มิได้เข้มงวดหรือซับซ้อน เรียกได้ว่าเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพสูง ต่อให้เผชิญเหตุไม่คาดฝันเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ ขอเพียงพายุทอร์นาโดทำให้โลงศพยุ่งเหยิง ขอเพียงชารอนทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด รักษาวิถีการบินที่ไม่สม่ำเสมอ ขอเพียงครึ่งเทพของกองทัพไม่เอาชนะครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบได้เร็วเกินไปนัก หากบรรลุเงื่อนไขเหล่านี้ สิ่งที่ต้องทำมีเพียงรอคอยโอกาสอย่างใจเย็น รอให้ครึ่งเทพของกองทัพโลเอ็นออกห่างจากโลงศพ รอให้วิญญาณมารที่เคยสิงมัมมี่ออกห่างจากโลงศพ นั่นคือช่วงเวลาที่จะฉวยโอกาสเทเลพอร์ตเข้าไปขโมยของเหลวและรีบหนีมันไม่สนใจผลการต่อสู้ระหว่างครึ่งเทพ ใครจะได้เปรียบเสียเปรียบมิใช่สาระสำคัญ ไม่สนใจว่ามัมมี่ตูตันส์ที่สองจะต้องวิ่งไปไกลกี่เมตรจึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ ตราบเท่าที่มัมมี่สามารถวิ่งได้และวิ่งไม่เป็นเส้นตรง เท่านั้นก็เพียงพอแล้วและในตอนสุดท้าย การโค้งศีรษะ ‘ปิดม่านการแสดง’ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการ หนึ่งก็เพื่อให้ตนหยิบดินบนพื้นได้ง่ายขึ้น อีกหนึ่งก็เพื่อให้มืออีกข้างอยู่ใกล้กับ ‘การเดินทางของกรอซาย’ เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้หยิบออกมาป้องกันตัวได้ทันหลังจากนั้น ขอเพียงไคลน์ ‘ท่องเที่ยว’ หลบหนีออกมาสำเร็จและป้ายดินลงบนปก แผนการก็จะลุล่วงโดยสมบูรณ์แผนการดำเนินตรงตามที่เราคาดหวัง และการ ‘กำกับ’ ละครหุ่นเชิดก็ประสบความสำเร็จด้วยดี… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ พบว่าโอสถของตนมีพัฒนาการอย่างมากชายหนุ่มไม่มัวรีรอ รีบประกอบพิธีกรรมสังเวย ‘การเดินทางของกรอซาย’ เข้าไปในมิติหมอก จากนั้น ด้วยร่างวิญญาณ ไคลน์เข้าไปในหนังสือพร้อมกับยุบพองหิวโหย นกหวีดทองแดงอะซิก ตะกอนพลัง ‘นักปลอบวิญญาณ’ และมุกสีทองสำหรับป้องกันคำสาปที่ชารอนมอบให้
คอมเม้นต์