ราชันเร้นลับ 879 : สองเป้าหมาย
ราชันเร้นลับ 879 : สองเป้าหมาย
ฟังคำถามมาริคจบ ไคลน์หยิบกระดาษที่วาดสัญลักษณ์อัญเชิญอาโรเดส สะบัดมือพลางหุบยิ้ม กล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง“เล่าให้ผมฟังอย่างละเอียด ถึงขั้นตอนการทำมัมมี่ของอาณาจักรที่ราบสูงโบราณ”ขณะกล่าว แผ่นกระดาษถูกเปลวไฟสีแดงเข้มลุกไหม้ กลายเป็นเศษขี้เถ้าเล็กๆ พร้อมกับร่วงกราวลงพื้นมาริคมองไปทางชารอน ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ“ขั้นแรก ทิ้งศพไว้สามถึงห้าวัน ใช้เทคนิคบางอย่างทำให้ตะกอนพลังควบแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ผสานเข้ากับร่างกายของฟาโรห์จนเกิดเป็นสมบัติปิดผนึก… ขั้นที่สอง ประกอบพิธีกรรมชำระล้าง นำศพไปวางไว้บนแท่นบูชา สวดวิงวอนถึงเทพผู้ถูกล่าม ภาวนาให้พลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของคนตายยังอยู่กับร่างกาย วิธีนี้จะไม่ทำให้บุตรแห่งเทพฟื้นคืนชีพ แต่จะช่วยให้พลังวิญญาณติดอยู่กับศพเป็นเวลานาน… ขั้นที่สาม อาศัยพลังพิเศษและวิธีการบางอย่าง นำสมอง อวัยวะภายใน และของเหลวในร่างกายออกจากศพ เหลือไว้เพียงหัวใจ… ขั้นที่สี่ บรรจุผงและยาวิเศษบางชนิดเข้าไปในศพ เปลี่ยนให้ศพอยู่ในสภาพปราศจากของเหลวโดยสมบูรณ์… ขั้นที่ห้า เติมผงและยาวิเศษเข้าไปเพิ่ม ตกแต่งศพให้พร้อมสำหรับพิธีกรรม จากนั้นก็พันด้วยผ้าลินิน บรรจุใส่โลง… ขั้นที่หก อวัยวะภายในที่ถูกนำออกมา จะถูกทำแบบเดียวกับขั้นตอนที่สี่เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในพิธีกรรม วางไว้ตามสี่มุมของโลงศพ… เช่นเดียวกันกับสมองและของเหลวในร่างกาย สมองจะถูกบดละเอียดและผสมกับสารละลาย จากนั้นก็ผสมเข้ากับของเหลว… ภายในโลงศพจะมีช่องว่างสำหรับถ่ายเทอากาศ ทำราวกับศพยังมีชีวิตอยู่… วิธีนี้จะช่วยดึงพลังพลังวิญญาณจากโลกวิญญาณและสภาพแวดล้อมเข้ามาในโลงศพ ช่วยให้มัมมี่ของฟาโรห์สามารถคงอยู่ได้นานหลายพันปี กลายเป็นวัตถุที่อัดแน่นด้วยพลังวิญญาณ สามารถนำมาใช้สร้างซอมบี้ที่ทรงพลัง”ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยให้ผู้วิเศษใกล้เคียงแข็งแกร่งขึ้น… ชักอยากรู้แล้วว่า นักปรุงยาใช้เวทมนตร์ใดทำให้เศษดินเหล่านี้ยังมีพลังวิญญาณแฝงอยู่… อา ขั้นตอนการทำมัมมี่แตกต่างจากโลกเก่าโดยสิ้นเชิง มีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์มากกว่า… ไคลน์ฟังอย่างตั้งใจ วิเคราะห์คร่าวๆ ว่าตนสามารถใช้มัมมี่มาเป็นส่วนหนึ่งของแผนได้หรือไม่อย่างไรก็ดี มัมมี่ตูตันส์ที่สองคือวัตถุดิบสำคัญสำหรับงานวิจัย หากเลือกได้คงไม่มีใครอยากทำลายทิ้ง… ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก หันไปมองชารอนที่กลับไปนั่งเก้าอี้สูง ถามด้วยสีหน้าขึงขัง“คุณกระโดดกระจกได้ไกลที่สุดแค่ไหน?”ชารอนในท่านั่งหลังตรง ตอบกลับโดยไม่เสียเวลาคิด“สามร้อยเมตร”เหลือเฟือ… ไกลกว่ากระโจนไฟของเราเสียอีก… แต่นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะแก่นสำคัญของวิญญาณอาฆาตคือการไปไหนมาไหนอย่างไร้ร่องรอย ส่วนกระโจนไฟของนักมายากลเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการแสดงกล… อา ไม่เลว เราใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้… ไคลน์รำพันเงียบแม้ว่าตนจะเคยมีหุ่นเชิดวิญญาณอาฆาต แต่ก็ไม่ทราบขีดจำกัดสูงสุดของ ‘กระโดดกระจก’ เพราะก่อนที่จะถึงขีดจำกัด หุ่นเชิดจะหลุดออกจากระยะควบคุมของร่างต้น กลางเป็นเพียงศพที่ไม่เคลื่อนไหว ส่งผลให้พลัง ‘กระโดดกระจก’ ล้มเหลวกลางคันไคลน์ถามอีกสองสามประโยค เริ่มวางแผนในใจตามข้อมูล จนกระทั่งได้ข้อสรุป จึงมองสลับไปมาระหว่างชารอนและมาริค ตามด้วยพูดเสียงขรึม“พวกเรามีโอกาสขโมยมัมมี่ตูตันส์สำเร็จ แม้จะมีความเสี่ยง แต่ก็ไม่มากนัก… แน่นอน นี่คือในกรณีที่พวกคุณฟังคำสั่งผม ให้ผมเป็นผู้นำในภารกิจเต็มตัว… เมื่อใดที่คุณสองคนคิดว่าคำสั่งไม่สมเหตุสมผล สามารถยกเลิกแผนการและถอนตัวกลับได้ทันที นั่นเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของพวกคุณ แต่ต้องไม่ลืมจ่ายค่าจ้างผม”หากเป็นเมื่อก่อน มาริคคงตอบปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด มันและชารอนต่างเป็นผู้วิเศษลำดับกลางที่มีประสบการณ์โชกโชน มีความแข็งแกร่งในระดับไม่ธรรมดา แล้วจะให้ฟังคำสั่งของผู้วิเศษหน้าใหม่ที่เคยจ้างพวกตนเป็นบอดี้การ์ดได้อย่างไร? แต่เมื่อพิจารณาจากการร่วมมือกันในคราวก่อน พิจารณาจากสติปัญญาและสมบัติวิเศษที่เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ถือครอง มาริคเกิดความประทับใจพอสมควร มองอีกฝ่ายเท่าเทียมโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเมื่อข่าวคราวของเกอร์มัน·สแปร์โรว์แพร่สะพัดไปทั่วท้องทะเล มันประหลาดใจอย่างมาก เชื่อว่าอีกฝ่ายกลายเป็นหนึ่งในผู้วิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดใต้ครึ่งเทพเรียบร้อยแล้ว ในโลกของศาสตร์เร้นลับ ผู้วิเศษที่แข็งแกร่งกว่าย่อมมีอำนาจมากกว่าและเมื่อมีอำนาจมากกว่า ผู้วิเศษคนอื่นต้องเชื่อฟัง!นอกจากนั้น เขายังมี ‘เทเลพอร์ต’ … มาริคหวนนึกถึงวิธีที่เชอร์ล็อกปรากฏตัว ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่า อีกฝ่ายค่อนข้างมั่นใจในพลังของตัวเอง บางที ภารกิจนี้อาจมีโอกาสสำเร็จตามที่อีกฝ่ายพูดมันหันหน้าไปมองชารอนคนทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน“ตกลง” ชารอนตอบโดยปราศจากความลังเลในดวงตาสีฟ้าไคลน์เผยรอยยิ้ม“ส่วนต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ไว้ผมจะอธิบายคุณเมื่อไปถึงสถานที่จริง”นับตั้งแต่ตอนแรกที่ปรากฏตัว ไคลน์จงใจแสดงพลัง ‘ท่องเที่ยว’ และเผยวิธีติดต่อกับ ‘ตัวตนลึกลับ’ เพื่อสืบข้อมูล จุดประสงค์เพื่อทำให้ทั้งชารอนและมาริคไม่เคลือบแคลงในฝีมือของตน รวมถึงการยอมมอบอำนาจสั่งการอย่างเบ็ดเสร็จในฐานะนักเชิดหุ่น แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีหุ่นเชิด แต่กฎเหล็กคือการคอยชักใยให้การแสดงดำเนินไปตามแผนของตน!สำหรับไคลน์ เหตุผลที่รับทำภารกิจในคราวนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากช่วยชารอนและมาริค อีกส่วนหนึ่งเพราะต้องการใช้โอกาสอันหายากเพื่อ ‘ชักใย’ การแสดงด้วยมือตัวเอง ทำให้โอสถย่อยได้เร็วขึ้น!กล่าวได้ว่า การปรากฏตัวของอามุนด์ในเบ็คลันด์ รวมถึงการต้องเผชิญหน้ากับ ‘ผู้ชม’ เมื่อไม่นานมานี้ ช่วยให้ไคลน์ที่ปราศจากหุ่นเชิดเข้าใจเกี่ยวกับกฎเหล็กของนักเชิดหุ่นที่ตัวเองสรุปไว้มากขึ้น และสามารถนำมาปรับใช้กับการ ‘ชักใยการแสดง’ เพื่อดำเนินแผนการให้ตรงตามจุดประสงค์ของตัวเองอย่างแยบยลความคิดในหัวไคลน์ก็คือถึงจะไม่มีหุ่นเชิด แต่ตนยังสามารถออกแบบกระแสของเหตุการณ์ผ่านการสั่งงานพวกพ้อง ผ่านการใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อม อาศัยทุกปัจจัยเอื้ออำนวยให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ สร้าง ‘ละครหุ่นเชิดในชีวิตจริง’ ที่ตนเป็นผู้กำกับนักเชิดหุ่นไม่จำเป็นต้อง ‘เชิด’ ผ่านด้ายวิญญาณเพียงอย่างเดียว!และพฤติกรรมก่อนหน้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของละครหุ่นเชิด!เฉกเช่นอามุนด์ ลำพังการปรากฏตัวของ ‘ท่าน’ ก็มากพอจะทำให้กรุงเบ็คลันด์เกิดแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้าง สามารถทำให้เราและพาลีส·โซโรอาสเตอร์ต้องรอดู ‘ท่าน’ เหวี่ยงแท่งไม้วาทยกร… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ขณะเดียวกันก็ได้ยินคำตอบจากชารอนและมาริค“ตกลง”…ท่าเรือพริสต์ในตอนค่ำ โคมไฟที่ทำจากโลหะสีดำหรูหรากำลังเปล่งแสง มอบความสว่างไสวแก่ถนนทุกสายปัจจุบัน เรือส่วนใหญ่กำลังจอดสนิทอยู่ในท่า บรรยากาศจึงปกคลุมด้วยความเงียบณ ชั้นบนสุดของโกดังสินค้า ในจุดที่มีลังไม้จำนวนมากรายล้อม ร่างของสามบุคคลโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่า หนึ่งคือเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ในชุดสุภาพและหมวกทรงสูง หนึ่งคือมาริคในเสื้อเชิ้ตสีขาวและกั๊กสีดำ อีกหนึ่งคือชารอนในชุดเดรสหรูหราสีดำและหมวกอ่อนสีเดียวกันด้วยพลังท่องเที่ยว พวกมันเดินทางจากกรุงเบ็คลันด์มาถึงท่าเรือพริสต์ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลในพริบตา และในอีกไม่ช้า เรือบรรทุกมัมมี่ตูตันส์ที่สองมีกำหนดจะแล่นเข้ามาเทียบท่าจอดไคลน์ใช้มือขวาจับขอบกล่อง กดปลายเท้าเหยียบลงบนลังไม้ ก่อนจะส่งแรงกระโดดขึ้นไปบนคานด้านบนโกดัง เดินตรงไปเรื่อยๆ ราวกับเป็นพื้นราบ เพียงไม่นานก็มาถึงผนังอีกฝั่งที่นี่มีช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ชายหนุ่มหยิบกล้องส่องทางไกลที่ชารอนเตรียมไว้ให้ มองไปยังท่าเรือที่อีกฝ่ายเคยอธิบายคร่าวๆยอดตึกรอบๆ ทั้งหมดถูกยึดครองโดยทหารสะพายกล่องไอน้ำพร้อมกับถือปืนไรเฟิลลำกล้องใหญ่ แต่ละคนเดินลาดตระเวนไปมา สายตาสอดส่องผู้บุกรุก เตรียมยิงใส่ใครก็ตามที่ริอ่านเข้าใกล้โดยไม่ได้รับอนุญาต อาจมีการตักเตือนเพียงครั้งเดียวนอกจากนั้น ยังมีสัตว์ประหลาดหุ่นยนต์ตัวใหญ่อีกจำนวนหนึ่งประจำการอยู่รอบๆ ท่าเรือ ทั้งหมดทำจากโลหะ สูงกว่าคนยักษ์ ด้านบนสุดติดปืนกลที่ระบายความร้อนด้วยน้ำและปล่องไฟแนวตั้ง ด้านล่างเป็นสีขาวนวล เผยให้เห็นหมุด นอต และเฟืองจำนวนมาก ลักษณะค่อนข้างหยาบด้านหน้าหุ่นยนต์ยังมีปากกระบอกปืนลำกล้องใหญ่ ด้านล่างเป็นล้อโลหะสองแถว หุ้มด้วยสายพานยางด้านในมีคนประจำการ แต่ไคลน์มองไม่เห็นหน้า ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นผู้วิเศษหรือไม่ใกล้กับสัตว์ประหลาดเหล็ก เหนือขึ้นไปด้านบนท่าเรือ หอคอยโลหะสีดำสูงกว่าสิบเมตรตั้งเด่นตระหง่าน ด้านข้างหอคอยเป็นระบบรอกที่ซับซ้อนแต่ขาดความงามในเชิงศิลป์ ลวดสลิงและตะขอห้อยลงมาอย่างไม่เป็นระเบียบบนผิวน้ำคล้ายกับมีปฏิการทางทหารในระดับไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่ระดับสูงอะไร… ไคลน์ถอนสายตากลับ โยนกล้องส่องทางไกลไปยังมาริคที่เดินเข้ามาใกล้ บอกให้อีกฝ่ายช่วยสังเกตการณ์การจะเริ่มลงมือ ทุกคนลงความเห็นตรงกันว่า อย่าพยายามใช้พลังพิเศษในการสังเกตการณ์ ให้ใช้วิธีธรรมดาที่สุดเพื่อจับตามองสภาพแวดล้อม อีกฝ่ายจะได้ไม่ไหวตัว เพราะยังไม่มีสิ่งใดยืนยันว่า ท่าเรือแห่งนี้ไม่มีครึ่งเทพซ่อนตัวอยู่นอกจากนั้น ไคลน์ยังปรับเปลี่ยนพลังที่บันทึกไว้ในยุบพองหิวโหย เลือกใช้ ‘เทวทูตกระดาษ’ แทน ‘พายุสายฟ้า’ เพื่อจับคู่กับ ‘ทอร์นาโด’รอจนกระทั่งชารอนยืนยันสถานการณ์เสร็จ ไคลน์ที่รอตรงกรอบไม้ด้านข้างเผยรอยยิ้มผ่อนคลาย“จุดประสงค์ของพวกเราในวันนี้มีเพียงเรื่องเดียว นั่นคือ หากสบโอกาสค่อยลองเสี่ยงโชค แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่เปิดโอกาส เราจะทำเพียงเฝ้ามองจากวงนอกและหลบหนีก่อนเกิดเหตุร้ายแรง… มีคำถามไหม?”“ไม่” ชารอนตอบเยือกเย็น ส่วนมาริคส่ายหน้าเชิงเห็นพ้องไคลน์ผงกศีรษะ มองไปที่มาริคและพูด“คุณนำกระจกมากี่บาน?”“เก้า” มาริคแสดงในสิ่งที่เตรียมมา จากนั้นก็ชี้ที่ดวงตาตัวเองและพูด “นี่ก็นับ”“ตกลง” ไคลน์ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “เดี๋ยวพอผมออกไป คุณวิ่งออกจากท่าเรือพริสต์ ทิ้งกระจกทีละบานตลอดทาง”มาริคอ้าปากเล็กน้อย คล้ายกับอยากถามว่าทำไม แต่เพียงไม่นานก็เข้าใจเจตนา จึงพยักหน้าหนักแน่น“ตกลง… ผมจะทำตามนั้น”ไคลน์ยิ้มพลางยื่นแขนออกไป หยุดค้างกลางอากาศ“ยินดีที่ได้ร่วมมือ”มาริคลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเหยียดมือขวาออกมาจับตอบจัดการเสร็จ ความตึงเครียดภายในใจพลันผ่อนคลายอย่างอธิบายไม่ได้ไคลน์หันไปทางชารอน หยิบกล่องบุหรี่โลหะออกมา ยื่นให้อีกฝ่าย“คุณถือไว้ หลังจากเห็นสัญญาณจากผม รีบบินไปที่ประภาคาร… จากนั้น นับหนึ่งถึงสามในใจ สลายกำแพงวิญญาณของกล่อง… ระหว่างดำเนินการ หรือแม้กระทั่งตอนที่สลายผนึกเสร็จแล้ว คุณห้ามหยุดบินเด็ดขาด และพยายามหักเหทิศทางอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม… รอจนกระทั่งเห็นดอกไม้ไฟที่ผมยิงขึ้นฟ้า ให้คุณรีบสร้างกำแพงวิญญาณเพื่อผนึกกล่องโลหะ จากนั้นก็หนีสุดชีวิตไปทางมาริคด้วยกระโดดกระจก ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองรอด… หลังจากสมทบกันเรียบร้อย พวกคุณหาทางหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่ต้องรอผม… ผมสามารถหนีด้วยเทเลพอร์ต”หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดของแผนการคราวนี้คือนกหวีดทองแดงอะซิก!จริงอยู่ การบุกเข้าไปขโมยมัมมี่ตูตันส์ที่สองอาจเป็นเรื่องยาก แต่เราสามารถล่อให้มันมาหาเองได้!
คอมเม้นต์