ราชันเร้นลับ 872 : ผลการสื่อวิญญาณ
ราชันเร้นลับ 872 : ผลการสื่อวิญญาณ
หลังเฝ้ามองผู้ส่งสารจากไป ไคลน์ก้มมองจดหมายในคือ ครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหาของไบลัมตะวันตกอีกครั้งชายหนุ่มเชื่อว่า ตนต้องเตรียมใจว่ามิสเตอร์อะซิกจะไม่ติดต่อกลับตลอดหนึ่งเดือนถัดไป กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อย่างเข้าต้นเดือนกรกฎาคม มันอาจต้องเดินทางไปยังไบลัมตะวันตกกับคนของกองทัพสองสามนาย ปราศจากความคุ้มครองจาก ‘กงสุลมรณะ’ ส่งผลให้ง่ายต่อการถูกโรงเรียนกุหลาบไล่ล่าอนาคตของเรามีสองแบบ ถ้าทำนายยืนยันแล้วว่าอันตรายมาก เราคงไม่มีทางเลือกนอกจากสละตัวตนดอน·ดันเตส แต่ถ้ายังอยู่ในขอบเขตที่พอรับได้ เราก็ต้องคำนึงถึงรายชื่อ ‘ลูกค้า’ อย่างจริงจัง ไม่เอาตัวเข้าไปพัวพันกับฝ่ายใดที่อาจเกี่ยวข้องกับโรงเรียนกุหลาบ… อา ควรมีเป้าหมายในใจไว้ก่อน จะได้กำหนดแนวทางรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันได้ถูก… ข้อมูลของเดนิสน่าจะมาจากพลเรือโทธารน้ำแข็ง… มีนายพลของชนพื้นเมืองที่น่าสนใจอยู่สองคน… เพราะกองกำลังฝ่ายอื่นๆ ถ้าไม่ใกล้ชิดกับโลเอ็น อินทิส ฟุซัค และเฟเนพ็อต ก็จะดำรงอยู่โดยการคานอำนาจจากภายนอกให้สมดุล แต่เฉพาะนายพลสองคนนี้เท่านั้นที่ไม่ถูกระบุว่าเจรจากับอาณาจักรใดเป็นพิเศษ มีเพียงการติดต่อกับนิกายวิญญาณ… ไคลน์ที่อ่านเนื้อหาจบ วิเคราะห์และวางแผนอย่างคลุมเครือชายหนุ่มสันนิษฐานว่า นายพลพื้นเมืองสองคนนี้น่าจะทำงานให้กับโบสถ์ปัญญาความรู้ เนื่องจาก ‘พลเรือโทธารน้ำแข็ง’ เอ็ดวิน่าไม่ลงลึกรายละเอียดของพวกเขา เป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงความพิเศษ บอกใบ้อ้อมๆ ว่าสามารถร่วมมือกับพวกเขาได้ด้วยเหตุนี้ เธอไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลของทั้งสองนายพลจะรั่วไหลผ่านเดนิส เพราะไม่มีการส่งต่อข้อมูล มีเพียงการขาดหายไปของข้อมูลที่เป็นจุดบอกใบ้และเบาะแสเมซันเญส… คาทามี่… รายแรกได้รับการสนับสนุนจากเบื้องบนของนิกายวิญญาณ ส่วนรายหลังอ้างตัวว่าเป็นลูกหลานของเทพมรณา… หึหึ ต่อให้เป็นความจริง แต่ก็ผ่านมาแล้วกี่รุ่น? นอกจากนั้น ถ้าเจอมิสเตอร์อะซิก ชายคนนั้นจะเรียกกงสุลมรณะว่าอะไร? ไคลน์หัวเราะในลำคอ เผากระดาษจดหมายทิ้งถัดมา ชายหนุ่มเพลิดเพลินไปกับชายามบ่ายในห้องกึ่งเปิดโล่งที่มีระเบียงใหญ่ ก่อนที่พ่อบ้านวอลเตอร์จะเดินเข้ามากระซิบ“นายท่าน ตำรวจแวะมาหาอีกแล้วครับ เกี่ยวกับคดีการฆ่าตัวตายของคารอน”หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ว่าคนร้ายคือดอน·ดันเตส ถึงบารอนซินดราสจะช่วยดำเนินการอย่างแข็งขัน แต่ถ้าตำรวจไม่แวะมาที่บ้านดอน·ดันเตสเลย เกรงว่าจะถูกบรรดานักข่าวตำหนิว่าบกพร่องในหน้าที่ส่วนคดีลอบทำร้ายส.ส. มัคท์ ดอน·ดันเตสเป็นเพียงผู้ร่วมเหตุการณ์วงนอก ทางตำรวจจึงต้องการเพียงคำให้การและเลิกยุ่งวุ่นวาย“เชิญพวกเขาไปที่ห้องติดสวนบนชั้นสอง” ไคลน์วางเค้กฟองน้ำสีอ่อนที่กัดไปเพียงครึ่งเดียวกลับลงบนถาด จิบชาหนึ่งอึกในฐานะเจ้าบ้าน มันไม่ต้องกังวลว่าอาหารในถาดชายามบ่ายจะเสียของ เพราะส่วนที่เหลือจะตกเป็นของบรรดาคนรับใช้ หากตนกินอย่างเกลี้ยงเกลาทุกรอบ หรือบอกให้พ่อครัวเตรียมมาพอดี ชื่อเสียงในด้านความตระหนี่จะแพร่กระจายออกไปในหมู่คนรับใช้ละแวกใกล้เคียง จนกระทั่งเข้าหูของสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีวอลเตอร์ตอบหน้านิ่ง“พวกเขาต้องการเชิญนายท่านไปยังสถานีตำรวจ เนื่องจากวันนี้ทางครอบครัวคารอนจะทำการชี้ตัวผู้ต้องสงสัย… ทางตำรวจยังกล่าวด้วยว่า พวกเขาเสียใจ แต่นี่เป็นขั้นตอนสำคัญ ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้”ไคลน์ยืนขึ้นอย่างไม่รีบร้อน“ฉันเข้าใจ ริชาร์ดสัน เตรียมเสื้อคลุม หมวก และไม้ค้ำ”เนื่องจากตนรอดพ้นจากคดีนี้แล้ว ชายหนุ่มอยากเห็นว่าครอบครัวของคารอนถูกอิทธิพลแบบใดเล่นงาน และคดีจะนำพาความเดือดร้อนไปหาบารอนซินดราสอย่างไร…ณ สถานีตำรวจเขตเหนือ ภายในห้องกว้างขวางไคลน์ที่ยืนอยู่ด้านหลังผนังกระจก มองเห็นครอบครัวของคารอนซึ่งประกอบด้วย สุภาพบุรุษสูงวัย หญิงชรา สตรีวัยใกล้สี่สิบ เด็กชายอายุสิบห้าสิบหก และเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบขวบสายตาของทุกคนกวาดไปมารอบๆ กลุ่มผู้ต้องสงสัยหลังกำแพงกระจก ก่อนจะหยุดที่ดอน·ดันเตสอย่างพร้อมเพรียง“เป็นเขา!” เด็กชายตะโกน ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ หมัดกำแน่น ทำท่าทางประหนึ่งจะปรี่เข้าหากำแพงกระจก“เป็นเขาค่ะ ไม่ผิดแน่คุณตำรวจ” หญิงสาววัยเกือบสี่สิบหลั่งน้ำตาทันที จ้องหน้าดอน·ดันเตสด้วยความอาฆาตเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่สตรีอุ้มอยู่แหกปากร้องไห้ทันที“คืนพ่อหนูมานะ!”คู่สามีภรรยาที่แก่เฒ่าต่างเช็ดน้ำตา คนหนึ่งพยายามเยือกเย็น ส่วนอีกคนแทบเป็นลมในทันที บรรยากาศแห่งความโศกเศร้าเข้าครอบงำสถานีตำรวจแต่ในความเป็นจริง ไคลน์ไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อนจนกระทั่งวันนี้ถูกฝังความทรงจำเทียม? ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของคารอนขณะเดียวกัน ภายในห้องเก็บศพใต้ดินของสถานีตำรวจแห่งเดิมดาลีย์·ซิโมเน่หยิบดินสอขึ้นมาร่างภาพ ลำตัวขยับไปมาเล็กน้อยเนื่องจากวันนี้เธอมาที่สถานีตำรวจเพื่อช่วยงาน มีโอกาสพบปะนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ทั้งทางเข้าและทางออก ดาลีย์จึงมิได้สวมเสื้อคลุมผู้สื่อวิญญาณเหมือนทุกครั้ง แต่แต่งกายด้วยชุดตำรวจหญิงสีดำสลับขาว ครึ่งท่อนบนเป็นเสื้อเชิ้ต ครึ่งท่อนล่างเป็นกระโปรง รองเท้าบูตหนังยาวถึงเข่าในเวลาเดียวกัน หญิงสาวขยับมือไปมาอย่างมิอาจควบคุม ภาพของโต๊ะ มุขหน้าต่าง ขวดหมึก ปืนพก และวัตถุอื่นๆ เริ่มปรากฏบนผิวกระดาษบนมุขหน้าต่างมีเงาสะท้อนของบุคคลผู้หนึ่งเพศชาย ผมหวีเรียบ สีดำแซมขาว หน้าผากกว้าง โหนกแก้วสูง มีริ้วรอยพอประมาณ ไม่ใช่ใครนอกจากบารอนซินดราส!แกร่ก! ดินสอในมือดาลีย์ตกลงบนแผ่นกระดาษเธอเงยหน้าขึ้น หันมาจ้องเลียวนาร์ดที่เสนอตัวมาช่วย รวมถึงตำรวจสองคนที่คอยทำหน้าที่ประสานงาน“ในวินาทีที่คารอนฆ่าตัวตาย จิตใต้สำนึกแสดงอาการขัดขืนรุนแรง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง การฆ่าตัวตายของเขาเกิดจากการชี้นำทางใจบางอย่าง และนี่ไม่ใช่อาการทางจิต แต่เกี่ยวข้องกับพลังพิเศษในระดับสูง… และความขัดแย้งที่รุนแรงดังกล่าวได้ทำให้จิตใจของเขาแตกสลาย ดวงวิญญาณระเบิดตัวเอง อย่างไรก็ตาม นั่นทำให้จิตใจของเขากลับเป็นปรกติในวินาทีก่อนจะเสียชีวิต และนี่คือภาพตกค้างสุดท้ายใน ‘ดวงตา’ ของเขา”สารวัตรอาวุโสด้านข้างขมวดคิ้ว“มาดามซิโมเน่ คุณกำลังจะบอกว่า ภาพสุดท้ายที่คารอนเห็นคือฆาตกรตัวจริง? บารอนซินดราสคือผู้ลงมือ?”เลียวนาร์ด·มิเชลพ่นลมหายใจเย้ยหยัน“สิ่งที่ดวงตาเห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง… จะเรียกว่าภาพลวงตาก็ไม่ผิด คุณอาจฟังแล้วไม่เข้าใจ แต่ถ้าผมเป็นคนร้ายตัวจริง จะจ้างใครสักคนที่ดูเหมือนบารอนซินดราสมายืนในห้องตอนที่คารอนฆ่าตัวตาย”สารวัตรทั้งสองคนค่อนข้างพึงพอใจกับคำอธิบาย พากันถอนหายใจโล่งอก“พวกเรานัดครอบครัวคารอนมาที่นี่แล้ว คงต้องรบกวนให้พวกคุณสืบหาเบาะแสเพิ่มเติมโดยไม่ทำร้ายจิตใจพวกเขา”“ตกลง” ดาลีย์ลูบหางตา “ฉันขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน”วันนี้เธอมิได้ทาขอบตาและแก้มด้วยสีประหลาด หากไม่นับเรื่องผิวที่ค่อนข้างซีด เธอจะดูเหมือนหญิงสาวทั่วไปทุกประการ อ่อนเยาว์ลงกว่าในยามปรกติพอสมควร กลายเป็นสตรีในวัยยี่สิบกว่าแทนที่จะสามสิบ ใบหน้าสดใสร่าเริงและงดงามเมื่อตระหนักว่าพวกตนยังมีงานให้ทำ เลียวนาร์ด·มิเชลเดินออกจากห้องเก็บศพด้วยกัน ตรงไปยังห้องน้ำชั้นบนหลังจากเดินขึ้นบันไดและหักเลี้ยว ทั้งสองเห็นสุภาพบุรุษจอนสีขาว ณ อีกฝั่งของทางเดิน กำลังตรงออกจากสถานีตำรวจพร้อมกับบุรุษรับใช้สุภาพบุรุษรายนี้หล่อเหลาในแบบฉบับหนุ่มใหญ่ พิถีพิถัน ดวงตาลุ่มลึกราวกับทะเลสาบใต้คืนจันทร์ ไม่ใช่ใครนอกจากดอน·ดันเตสดาลีย์·ซิโมเน่ผงะเล็กน้อย เอียงศีรษะและหันไปทางเลียวนาร์ด·มิเชล พบว่านักกวีผมดำตาเขียวรายนี้กำลังมองไปยังดอน·ดันเตสอย่างไม่กะพริบตา“ทำไมถึงอาสามาช่วยฉันวันนี้? สมาชิกของนิกายวิญญาณใกล้จะถูกจับตัวในไม่ช้า คุณน่าจะกำลังว่าง” ดาลีย์ไม่เปิดโอกาสให้เลียวนาร์ดหาข้ออ้าง เสริมต่อทันที “คุณคิดว่าสุภาพบุรุษรายนั้นไม่ธรรมดา?”เลียวนาร์ดถอนสายตากลับ เงียบงันสองสามวินาทีก่อนจะตอบ“ดอน·ดันเตสได้พบกับท่านเจ้าคุณอาร์ชบิชอปแล้ว”มันมิได้ยอมรับหรือปฏิเสธ คล้ายกับหากสงสัยสิ่งใดก็ไปถามนักบุญแอนโทนีเอาเองและความนัยแฝงก็คือ เจ้าคุณท่านอาร์ชบิชอปมิได้เปิดเผยว่าดอน·ดันเตสมีปัญหา ส่วนท่านจะค้นพบอะไรไหม ยังไม่มีใครทราบดาลีย์พยักหน้าเล็กน้อย หันหน้าไปมองทางห้องน้ำแทน…เช้าวันพุธ ออเดรย์·ฮอลล์ถือบัตรเชิญเดินขึ้นรถม้า โดยสารมาจนถึงวิหารนักบุญแซมมวลบนถนนเฟลป์กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษาแห่งโลเอ็นที่กำลังจะถือกำเนิด สำนักงานตั้งอยู่ในอาคารหมายเลข 22 ของถนนสายนี้ ตัวตึกเป็นของโบสถ์รัตติกาล จึงไม่ต้องเสียค่าเช่าก่อนจะลงจากรถม้า ออเดรย์ในท่าถือบัตรเชิญ สำรวจวิวทิวทัศน์รอบๆ หน้าต่างอย่างสบายใจ คาดหวังเกี่ยวกับอนาคตของตนเธอกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ หน้าที่หลักคือการระดมทุนและประสานงานภายนอก
คอมเม้นต์