ราชันเร้นลับ 862 : คำเตือนที่ห่วงใย
ราชันเร้นลับ 862 : คำเตือนที่ห่วงใย
กลับถึงห้องที่มีระเบียงใหญ่ ฟอร์สมองหน้าซิลซึ่งกำลังใช้หลังแนบกำแพง ลดเสียงลงพร้อมกับกระซิบ“เธอต้องไม่เชื่อแน่ว่าฉันไปเห็นอะไรมาก… คนรับใช้นั่น… บุรุษรับใช้ส่วนตัวของดอน·ดันเตส แท้จริงแล้วเป็นสาวกของเทพมรณา เมื่อครู่เพิ่งสวดมนต์พร้อมกับระบำวิญญาณ!”ดวงตาซิลเบิกโพลงเล็กน้อย ก่อนจะหดกลับทันที“สำหรับมิสเตอร์ดันเตส เรื่องนี้เป็นปัญหาที่น่ากังวลน้อยที่สุด… อา สำหรับบุรุษรับใช้ที่ชื่อริชาร์ดสัน ดูก็รู้ว่าเป็นชาวทวีปใต้ บางทีอาจเกิดและเติบโตที่นั่น ไม่ใช่เรื่องแปลกจากจะนับถือเทพมรณา”ฟอร์สยิ้มตอบ“ฉันรู้ แค่คิดว่าน่าสนใจดี… รอบๆ ตัวดอน·ดันเตสมีคนไม่ปรกติเยอะไปหน่อยรึเปล่า?”“ถ้าอยู่มาวันหนึ่ง พวกเราเกิดค้นพบว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดภายในบ้านยกเว้นเขา แท้จริงแล้วคือผู้วิเศษและสัตว์วิเศษ ไม่ว่าจะเป็นสาวใช้ แม่บ้าน แม่ครัว คนสวน คนงาน แมลง หนู… ฉันคิดว่าตัวเองคงไม่ประหลาดใจมากนัก บางทีอาจทำใจยอมรับได้ไม่ยาก”ซิลหันไปมองเพื่อนสนิท“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง มิสเตอร์ดันเตสไม่มีทางเป็นคนปรกติ ถ้ามีสัตว์วิเศษและผู้วิเศษรายล้อมขนาดนั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นถึงทายาทของเทพมาร หรือไม่ก็เทวทูตเดินดิน”โดยไม่รอให้ฟอร์สถลำลึก ซิลเอ่ยปากถาม“เธอบอกว่าตัวเองฝันแปลกๆ เกี่ยวกับสมบัติไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่ลองตีความ พวกเราอาจค้นพบความจริงก็ได้”ฟอร์สหัวเราะในลำคอ“ความฝันทำนองนี้มักหมายถึงอันตราย ไว้ได้เห็นสัญลักษณ์ดังกล่าวอีกครั้ง ค่อยลองพิจารณาดูอีกครั้ง”แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่สิ่งที่คิดจริงๆ ในใจก็คือ:เห็นได้ชัดว่าความฝันดังกล่าวไม่ธรรมดา แต่เราไม่มีทางยืนยันได้ว่านั่นเป็นกับดัก ไว้ถึงชุมนุมทาโรต์สัปดาห์ถัดไป ค่อยนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับมิสเตอร์แฮงแมน มาดามเฮอร์มิท และ… เอ่อ… มิสเตอร์เวิร์ล พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้มากประสบการณ์ อาจเคยฝันในทำนองเดียวกันมาก่อน…“เธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก” ซิลพยักหน้าเล็กน้อย เกร็งหลังและกระโดดออกจากกำแพง เดินไปยังจุดที่ฟอร์สนอนหลับเมื่อครู่“เป็นผู้ใหญ่?” ฟอร์สยิ้มเย้ยหยันเพื่อนสนิท เหยียดหลังตั้งตรงและก้มมองลงไป ทำท่าล้อเลียนส่วนสูงของอีกฝ่ายโดยไม่รอให้ซิลโพล่งอย่างฉุนเฉียว หญิงสาวถอนหายใจ“เธอต่างหากที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น… ฉันยังจำได้ ในเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เธอเคยสะสางทุกสิ่งด้วยสัญชาตญาณ เป็นผู้ตัดสินที่ใช้กำปั้นนำทาง เคยทำพลาดหลายครั้ง หลงทางก็บ่อย… แต่ตอนนี้ดีขึ้นจนน่าเหลือเชื่อ”ซิลผงะเล็กน้อย รีบพลิกตัวนอนตะแคงพร้อมกับห่มผ้าห่มผืนบาง ชำเลืองฟอร์สด้วยหางตาและพึมพำ“ที่ฉันหลงทางบ่อยๆ เพราะเธอคอยรบกวนสมาธิต่างหาก”ฟอร์สหัวเราะในลำคอสองหน พยักหน้ารับแผ่วเบา“นั่นคือธรรมชาติของ ‘ผู้ฝึกหัด’ ไม่เกี่ยวกับนิสัยของฉันสักหน่อย!”เมื่อเห็นซิลนอนลง ฟอร์สเดินไปยังผนังที่ชิดกับห้องนอนใหญ่ เตรียมทำหน้าที่ระวังความปลอดภัยอย่างจริงจังกลางคืนผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มสว่าง หลังจากไคลน์ตื่นขึ้นมากินอาหารเช้า มีกลุ่มตำรวจและนักข่าวแวะเวียนเข้ามาหาสองสามระลอก บางคนมาเพื่อสอบสวนเกี่ยวกับคดีฆ่าตัวตายของคารอน บางคนมาเพื่อสอบถามคดีคนร้ายลอบโจมตีส.ส. มัคท์ภายใต้ความช่วยเหลือของพ่อบ้านวอลเตอร์ คิวการเข้าพบถูกจัดแจงอย่างกระชับและเป็นระเบียบรอจนกระทั่งตอนบ่าย ส.ส. มัคท์แวะเข้ามาเยี่ยมกะทันหันเพื่อคุยกับไคลน์“ไปตีเทนนิสที่สโมสรกับผมหน่อย”มันเป็นสมาชิกของหลายสโมสรก็จริง แต่มีเพียงสโมสรเดียวที่เป็นร่วมกับดอน·ดันเตส:สโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออก!นี่คือสัญญาณบอกว่าธุรกิจค้าอาวุธได้รับการอนุญาต? ไคลน์เข้าใจความหมายซ่อนเร้น สั่งให้ริชาร์ดสันหยิบเสื้อโค้ท หมวกทรงสูง และไม้ค้ำออกมาช่วยแต่งตัว จากนั้นก็ขึ้นรถม้า ตามรถของส.ส. มัคท์ไปจนถึงอาคารโบราณสีเหลืองทรายในเขตฮิลสตันเข้ามาในสโมสร ตรงเข้ามาในห้องเดิม เป็นอีกครั้งที่ไคลน์ได้พบกับพันเอกหน้ายาวเหมือนลานามว่าคาลวินหลังจากทักทายตามมารยาทเล็กน้อย คาลวินเข้าประเด็นทันที หัวเราะในลำคอและหันไปพูดกับดอน·ดันเตส“ผมได้ยินจากมัคท์… คุณมีเงินสดพร้อมลงทุนอยู่ที่สองหมื่นปอนด์?”“แม้นั่นจะทำให้ผมต้องประหยัดมากขึ้น แต่ก็เป็นจำนวนที่ใช้จ่ายได้” ไคลน์ตอบพลางยิ้มคาลวินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าว“ยังไม่ต้องใช้เงินถึงสองหมื่นปอนด์… ตอนนี้เรามีเครื่องกระสุน ระเบิด ปืน และปืนใหญ่ถูกเก็บอยู่ในโกดังในไบลัมตะวันออก จำนวนไม่ได้มากมายอะไร สามารถติดอาวุธได้เพียงสามถึงสี่พันคน คำนวณราคาขายซากคือหนึ่งหมื่นปอนด์ แต่แน่นอน คุณต้องจ่ายให้ผมหนึ่งหมื่นห้าพันปอนด์”คาลวินกล่าวโดยไม่อ้อมค้อมหรือปิดบัง ประหนึ่งเป็นเรื่องปรกติของกองทัพโลเอ็น“ไม่มีปัญหา” ไคลน์พยักหน้ารับเยือกเย็นคาลวินหัวเราะในลำคอ“ยอดเยี่ยมมาก… มัคท์มองคงไม่ผิด หากต้องการทำธุรกิจแบบนี้ ความตระหนี่ไม่ใช่นิสัยที่ดี… อาวุธและเครื่องกระสุนเหล่านั้นมีราคาสูงถึงสองหมื่นปอนด์หากรู้จักแหล่งปล่อยของที่ดี หรือถ้าคุณสามารถใช้เส้นสายประสบการณ์ได้ถึงขีดสุด การขายในราคาสามหมื่นปอนด์ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แน่นอน ค่าขนส่งและค่าเดินทางทั้งหมดคุณต้องออกเอง ทางเราจะส่งคนคอยอำนวยความสะดวกแค่สองถึงสาม”อย่างที่คิด ส่งคนมาคอยจับตามองเราด้วย… ไคลน์ฟังอย่างตั้งใจ เตรียมส่งข้อความเร่งให้พลเรือเอกดวงดาวและเดนิสสืบหาข้อมูลของไบลัมตะวันตกเร็วขึ้นหลังจากครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มกล่าว“จะเริ่มเมื่อไร?”“ยังเหลือเวลาอีกสองสัปดาห์กว่าอาวุธและเครื่องกระสุนจะถูกลำเลียงไปยังโกดังปลายทาง ถึงตอนนั้น จะเริ่มเมื่อไรก็แล้วแต่คุณสะดวก แล้วก็ คุณยังไม่ต้องจ่ายเต็มราคาในครั้งแรก อาจเริ่มด้วยแปดพันหรือหนึ่งหมื่นปอนด์ เมื่อเสร็จงานค่อยจ่ายส่วนที่เหลือ” คาลวินเผยสีหน้าผ่อนคลาย ประหนึ่งสามารถต่อรองกันได้อีกสองสัปดาห์… ใกล้สิ้นเดือน… ถ้าอย่างนั้นคงต้องรอให้อสรพิษปรอทคลอดออกมาก่อน เราต้องรีบส่งมอบเลือดจากสายสะดือ… ความคิดมากมายแล่นผ่านสมองไคลน์“ผมต้องเตรียมตัวสักเล็กน้อย จะเริ่มงานช่วงต้นเดือนกรกฎาคม”คาลวินและส.ส. มัคท์มองหน้ากันพลางลูบมือ“ไม่มีปัญหา”…ด้านนอกอาคารสโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออก ซิลและฟอร์สซ่อนตัวอยู่บนหลังคาของอาคารใกล้เคียง ตรวจตราคนที่ผ่านไปมาซิลทราบดีว่าด้านในสโมสรเต็มไปด้วยผู้วิเศษ จึงไม่กล้าบอกให้ฟอร์สช่วยพาเข้าไปอารักขาดอน·ดันเตสถึงข้างใน ทำได้เพียงเฝ้าระวังด้านนอกอย่างอดทน“โชคดีว่าที่นี่คือเบ็คลันด์ แม้หมอกจะไม่หนาเหมือนเมื่อก่อน แต่เมฆก็ยังมากอยู่ดี ช่วยให้แดดไม่แรงมาก ไม่อย่างนั้นผิวของฉันคงเกรียมไปแล้ว” ฟอร์สรำพันพลางขดตัวในเงามืดขณะซิลเตรียมพูดบางสิ่ง สายตาเหลือบไปเห็นรถม้าสีน้ำตาลล้วนคันหนึ่งแล่นเข้าสโมสรจากทางประตูหลัง ตราประจำตระกูลโดดเด่นสะดุดตา เป็นภาพของดอกไม้และแหวนสองวงไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด… ซิลพึมพำด้วยดวงตาเบิกกว้าง สายตารีบเพ่งมอง ทันใดนั้นก็ได้พบกับบุคคลที่คุ้นหน้าแต่ไม่รู้จักกันเดินลงมา รายล้อมด้วยบอดี้การ์ดหลายคน ตรงเข้าสู่สโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออก“มีอะไร?” ฟอร์สสังเกตเห็นความผิดปรกติของเพื่อนสนิทซิลไม่ปิดบัง เล่าเถรตรง“ฉันเห็นไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด เขาเข้าไปในอาคารสโมสร”“หัวหน้าองครักษ์หลวง?” ฟอร์สถามด้วยความประหลาดใจ“ใช่” ซิลพยักหน้าฟอร์สทำได้เพียงอ้าปากค้าง ต้องการกล่าวบางสิ่ง แต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร จึงตัดสินใจมองไปรอบๆ แก้เก้อผ่านไปสักพัก ดอน·ดันเตสเดินออกมาจากอาคาร…ช่วงบ่าย มีแขกรายใหม่แวะมาเยือนบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนอีกครั้งคราวนี้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโคอิม มาดามแมรี่“ดิฉันต้องขอโทษเป็นอย่างมากที่คำขอร้องของตัวเองทำให้คุณเข้ามาพัวพันกับเรื่องวุ่นวาย… ไม่มีใครคิดว่าบารอนซินดราสจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ… คารอนผู้โชคร้าย เขากำลังจะพาครอบครัวไปพักร้อนที่แคว้นเหมันต์” แมรี่กล่าวขอโทษด้วยอารมณ์โกรธเคืองไคลน์ตอบเยือกเย็น“ผมเห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องของคารอน เขาช่างโชคร้าย… แต่เรื่องนี้อาจไม่ใช่ฝีมือของบารอนซินดราส มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายตัวจริงจ้องเล่นงานเขา”มาดามแมรี่พยักหน้า“ฉันได้ฟังข้อสันนิษฐานนี้มาเหมือนกัน เห็นว่าตอนนี้กรมตำรวจกำลังเรียกแพทย์นิติเวชมือดีมาผ่าพิสูจน์ศพ มองหาเบาะแสที่อาจตกหล่นไปในตอนแรก”สมองไคลน์แปลงประโยคครึ่งหลังโดยอัตโนมัติ: ‘กรมตำรวจกำลังเรียกผู้สื่อวิญญาณมือดีจากโบสถ์รัตติกาลมาช่วยสอบปากคำศพและมองหาเบาะแสที่หายไป’จะพบเบาะแสจริงหรือ… ไคลน์ยกมือขวาขึ้น กดสี่จุดบนหน้าอกตามเข็มนาฬิกา“ขอให้เทพธิดาอวยพรคารอน ขอให้ฆาตกรตัวจริงถูกลงโทษ”มาดามแมรี่ทำแบบเดียวกัน ตามด้วยเสริม“เพื่อไม่ให้คุณได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากไปกว่าเดิม ดิฉันมีแผนจะซื้อหุ้นคืนก่อนกำหนด ราคาจะสูงกว่าราคาประเมินปัจจุบันอยู่ที่หนึ่งพันปอนด์… คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเงินสด พักหลังดิฉันยุ่งอยู่กับการเรื่องกู้ธนาคาร”ไคลน์ถอนหายใจพลางยิ้ม“ผมรู้สึกขอบคุณความห่วงใยจากใจจริง แต่ถ้าคุณต้องการซื้อหุ้นคืนก่อนกำหนด จะต้องดำเนินการกับโบสถ์รัตติกาลด้วยตัวเอง เพราะผมบริจาคหุ้นให้พวกเขาไปหมดแล้ว เป็นเงินทุนตั้งต้นสำหรับกองทุนการศึกษาเพื่อคนยากไร้”นี่คือครั้งแรกที่มาดามแมรี่ได้ยินข่าว สีหน้าเผยความตกตะลึงชัดเจน พูดไม่ออกเป็นเวลานานผ่านไปราวสิบวินาที เธอถอนหายใจ“ตัวตนของคุณ ความใจกว้างของคุณ สติปัญญาของคุณ… ช่างยอดเยี่ยมไปเสียหมด”กล่าวจบ เธอมองหน้าดอน·ดันเตสด้วยความชื่นชมไคลน์โอนถ่ายความดีความชอบทั้งหมดให้เทพธิดาอย่างถ่อมตน ก่อนจะเว้นวรรคและถามด้วยสีหน้าขึงขัง“มาดามแมรี่ ผมมีคำถามที่อยากได้ยินคำตอบจากคุณ… ในตอนที่ตัดสินใจเผชิญหน้ากับบารอนซินดราสเพื่อรักษาหุ้นและอำนาจในการบริหารบริษัทโคอิม สิ่งนี้เป็นความตั้งใจของคุณเอง หรือมีแรงกดดันจากภายนอก?”แมรี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อยๆ ตอบอย่างใจเย็น“แรงกดดันจากภายนอก… ทั้งหมดมีแต่บอกให้ฉันยอมแพ้”ไคลน์เงียบงันไปครู่หนึ่ง ตัดสินใจไม่ซักไซ้เรื่องนี้ต่อ เปลี่ยนไปคุยเกี่ยวกับคดีคนร้ายลอบโจมตีส.ส. มัคท์ ก่อนจะส่งสุภาพสตรีฝั่งตรงข้ามออกจากบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนหลังเสร็จอาหารเย็น พ่อบ้านวอลเตอร์เดินเข้ามาในห้องกึ่งเปิดโล่งที่มีระเบียงใหญ่ กล่าวกับนายจ้างบนเก้าอี้เอนหลัง“นายท่าน ผมส่งบอดี้การ์ดทั้งสองกลับไปแล้ว ค่าจ้างสามร้อยปอนด์ไม่รวมอาหาร”กลับไปได้สักที… ไคลน์พยักหน้ารับอย่างผ่อนคลายชายหนุ่มอดใจรอไม่ไหวที่จะกลับไปยังห้องนอนใหญ่ นำเห็ดที่แฟรงค์·ลีเพิ่งส่งมาถึงเข้าสู่มิติเหนือสายหมอกเพื่อ ‘สื่อสาร’ กับยุบพองหิวโหยเมื่อเดินมาถึงโต๊ะอ่านหนังสือในห้องนอนซึ่งตนซุกเห็ดไว้ ไคลน์เห็นจดหมายที่ถูกขวดหมึกทับไว้ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาด้วยสีหน้าฉงน คลี่ออกและกวาดสายตาอ่าน สีหน้าเริ่มเผยความบิดเบี้ยวทีละนิด“มิสเตอร์ดันเตส จากบอดี้การ์ดของคุณ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เราค้นพบความผิดปรกติที่จำเป็นต้องแจ้งคุณให้ทราบ จึงถือวิสาสะแอบเข้ามาในห้องขณะคุณรับประทานอาหารค่ำ ทิ้งจดหมายฉบับนี้”
คอมเม้นต์