ราชันเร้นลับ 860 : ม้าตื่น
ราชันเร้นลับ 860 : ม้าตื่น
ฟู่ว โชคดีที่เราไม่ได้สั่งเห็ด ไม่อย่างนั้นคงเสียของเปล่า… ถึงเราจะเลิกกลัวเห็ดแล้ว แต่กลิ่นเห็ดจากซองจดหมายก็ช่วย ‘กระตุ้น’ ให้ความทรงจำเก่าๆ กลับมา… สีหน้าไคลน์กลับปรกติอย่างรวดเร็ว ซักมือซ้ายออกมาแก้วดื่มน้ำเย็น“ขออีกแก้ว” ชายหนุ่มเอียงคอราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ออกคำสั่งกับบริกรที่ยืนอยู่หน้าประตูขณะเดียวกัน มันใช้มือกุมท้อง ลุกขึ้นเชื่องช้าพลางกล่าวขอตัว เดินออกมายังห้องน้ำประจำห้องส่วนตัวห้องน้ำอยู่ฝั่งตรงกันข้ามประตูหน้าฟอร์สที่ซ่อนตัวอยู่ในตู้ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำ หญิงสาวหรี่เสียงลงและกระซิบกับเพื่อนสนิทด้านข้าง“ครั้งที่สองแล้ว! พวกเขาเพิ่งเข้ามาได้ประมาณสามสิบนาที แต่ดอน·ดันเตสเข้าห้องน้ำไปแล้วสองครั้ง! ครั้งแรกเป็นการปัสสาวะ ถ้าครั้งนี้ยังเหมือนเดิม หมายความว่ากระเพาะปัสสาวะหรือต่อมลูกหมากของสุภาพบุรุษรายนี้มีปัญหา! ออกมาแล้ว ออกมาแล้ว เขาแค่ปัสสาวะจริงๆ! ทุกครั้งก่อนเข้าห้องน้ำ เขาจะดื่มน้ำเข้าไปมากและขอตัวออกมา… เฮ่อ การเป็นคนรวยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การเป็นคนรวยที่หน้าตาดีนั้นยากยิ่งกว่า!”ซิลชำเลืองมองเพื่อน“แล้วนั่นเกี่ยวอะไรกับเธอ? มีสมาธิหน่อย! จริงจังหน่อย! พวกเรากำลังทำภารกิจ! นอกจากนั้น คนคุ้มกันของส.ส. มัคท์ยังค่อนข้างแข็งแกร่ง น่าจะเป็นผู้วิเศษ พวกเราต้องคอยระวังตัว”ฟอร์สไม่มีทางเลือกนอกจากระงับจินตนาการแสนบรรเจิด“พวกเขาเอาแต่เฝ้าทางเข้าออกโดยไม่ได้คำนึงว่าจะมีใครผ่านทางกำแพง… ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลยสักนิด… ตกลง ไว้กลับไปแล้วค่อยคุยกัน”เป็นเวลาเดียวกับที่ไคลน์เดินกลับจากห้องน้ำมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมมันจิบน้ำเย็น จิบไวน์ขาว กล่าวกับส.ส. มัคท์ด้วยรอยยิ้ม“เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่ผมย้ายมาอยู่ในเบ็คลันด์ ทุกวันหมดไปกับการทำความคุ้นเคยวิถีชีวิตจนไม่มีเวลาเริ่มต้นธุรกิจใหม่สักที ต้องตื่นเช้ามาพร้อมกับเห็นเงินทองไหลออกโดยไม่มีเข้ามาเพิ่ม… ฮะฮะ! คงถึงเวลาต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว”มันกล่าวติดตลกผสมผสานกับความตั้งใจที่จะร่วมมือค้าอาวุธเถื่อนส.ส. มัคท์ลูบแก้ว ยิ้มและกล่าว“ผมเข้าใจได้ ตัวเองเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน… ตอนนี้คุณมีเงินสดในมือเท่าไร? ผมยินดีแนะนำเพื่อนฝูงให้ได้”ไคลน์ตอบสุขุม“ผมพร้อมลงทุนในราคาไม่เกินสองหมื่นปอนด์”“คุณรวยกว่าที่ผมคิดไว้มาก” ส.ส. มัคท์ถอนหายใจด้วยอารมณ์เต็มเปี่ยมในสถานการณ์ปรกติ เศรษฐีที่มีเงินเย็นพร้อมทำธุรกิจมากถึงสองหมื่นปอนด์ ทรัพย์สินรวมจะต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนปอนด์ไม่รอให้ดอน·ดันเตสถ่อมตน มันกล่าวโดยไม่มองหน้า“ถ้าจำไม่ผิด คุณกำลังถือหุ้นสามเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโคอิมอยู่ใช่ไหม? สามารถใช้มันค้ำประกันได้อย่างน้อยหนึ่งหมื่นปอนด์ นั่นจะช่วยลดต้นทุนได้มาก”ไคลน์ยิ้มพลางถอนหายใจ“ผมบริจาคหุ้นส่วนนี้ให้ศาสนจักรไปแล้ว เตรียมจัดตั้งกองทุนแก่ผู้ยากไร้”“บริจาคให้ศาสนจักร?” วันนี้มัคท์ยังไม่ได้พบกับบิชอปประจำวิหารนักบุญแซมมวล และเนื่องจากออกไปธุระข้างนอก จึงยังไม่ได้รับบัตรเชิญมาดามลีอานน่าและเฮเซลที่กำลังดื่มด่ำไปกับอาหาร ต่างเงยหน้าขึ้นมองดอน·ดันเตสโดยไม่รู้ตัวในแวดวงของพวกมัน มีเพื่อนฝูงเพียงไม่กี่คนที่สามารถบริจาคเงินระดับหนึ่งหมื่นปอนด์ไหว และไม่ใช่ในคราวเดียว โดยจากบรรดาทั้งหมด มีไม่กี่คนที่กว้างพอจะบริจาค หรืออาจไม่มีเลยก็ได้!ไม่สิ ตอนนี้มีแล้ว ดอน·ดันเตส!“ใช่ครับ” ไคลน์พยักหน้าราบเรียบ “หากปราศจากพรจากเทพธิดา ผมคงจบชีวิตลงในทวีปใต้อันแสนวุ่นวาย และในตอนที่ยังเด็ก ถ้าผมมีโอกาสได้เรียนหนังสือ ชีวิตคงจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีกว่านี้ ผมอยากมอบโอกาสให้พวกเขา อยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาพวกเขาในทางที่ดีขึ้น”“นิสัยใจคอของคุณน่าประทับใจพอๆ กับความใจกว้าง” มาดามลีอานน่าวางมีดส้อมลงพลางกล่าวชมเชย ส่วนเฮเซลพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับมองด้วยสายตาที่อ่อนโยนมากขึ้นเมื่อเห็นพ่อและแม่กำลังคุยในหัวข้อการกุศล หญิงสาวขอตัวไปเข้าห้องน้ำ มือขวากดท้องไว้เล็กน้อยหลังจากเดินมาถึงประตูห้อง ขณะเตรียมหันไปทางขวา สีหน้าเฮเซลชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันมาทางตู้ทางซ้ายมือหญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย เผยสีหน้างุนงง ก่อนจะถอนสายตากลับและเดินไปเปิดประตูห้องน้ำฝั่งตรงตามจนกระทั่งทำธุระเสร็จและล้างมือให้สะอาด คล้ายกับเฮเซลหลงลืมความผิดปรกติที่เกิดขึ้น เพียงจับสร้อยคอและเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารเมื่อจัดการจานของหวานเสร็จ มื้ออาหารก็จบลงโดยสมบูรณ์ คนทั้งสี่เดินกลับออกมาหน้าห้องส่วนตัวที่มีบอดี้การ์ดสองคนยืนรออยู่ เตรียมพร้อมเดินทางกลับบ้านทันใดนั้น เฮเซลชะงักฝีเท้าและพูดขึ้น“เหมือนว่าหนูจะทำตุ้มหูหลุดข้างใน ช่วยรอสักครู่”โดยไม่รอให้มาดามลีอานน่าสั่งให้สาวใช้ช่วยตามหา เฮเซลเดินดุ่มย้อนกลับไปและหักเลี้ยวตรงหัวมุม กลับเข้าไปในห้องเมื่อครู่เฮเซลในท่าใช้มือซ้ายจับหู เดินตรงดิ่งไปยังตู้หน้าประตู ตามด้วยการวางมืออีกข้างทาบลงไปใจจริง เธออยากเปิดประตูด้วยความเร็วสูงเพื่อลงมือทีเผลอ แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียด หญิงสาวตัดสินใจจับสร้อยคออย่างระมัดระวัง ฉากหลบไปด้านข้างเล็กน้อย เตรียมรับมือกับการโจมตีที่ไม่คาดฝันจากด้านในสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮเซลถือโอกาสที่บริกรกำลังยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดโต๊ะ กระชากประตูตู้เปิดออกทว่า นอกจากช้อนส้อมและผ้าปูโต๊ะ ข้างในไม่มีอะไรอยู่อีกเลยเฮเซลเผยสีหน้างุนงงสุดขีด ประหนึ่งไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น“ทั้งที่เรามั่นใจมากว่าข้างในมีของมีค่าซ่อนอยู่…” หญิงสาวกระซิบกับตัวเอง รีบปิดประตูตู้ก่อนที่สาวใช้จะตามมาทัน เดินออกจากห้องส่วนตัวราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น…ด้านนอกภัตตาคารอินทิสเซอเรนโซ่ ฟอร์สและซิลต่างมองย้อนกลับไปในร้านพร้อมกัน“ผู้หญิงคนนั้นสังเกตเห็นพวกเรา?” ฟอร์สกระซิบกระซาบแผ่วเบาถ้าไม่มีพลัง ‘เปิดประตู’ ของเธอช่วยให้ออกจากอีกฝั่งของตู้ได้ทันเวลา ป่านนี้คงถูกพบตัวและจำใจต้องยอมรับว่า พวกเธอคอยปกป้องดอน·ดันเตสอย่างลับๆซิลเองก็ประหลาดใจไม่น้อย“ในตอนที่หล่อนเข้าห้องน้ำ ฉันจำได้ว่าพวกเราไม่ได้คุยอะไรกันเลย…”“บางที เธออาจจะเป็นผู้วิเศษ และนั่นเป็นสัมผัสวิญญาณบางชนิด” ฟอร์สคาดเดาคลุมเครือ “มิสเตอร์ดอน·ดันเตสช่างน่าสงสาร ฝั่งหนึ่งก็ต้องเผชิญหน้ากับเกมการเมืองของขุนนางและเศรษฐี ภายในบ้านตัวเองก็มีพ่อบ้านที่แอบศึกษามนต์ดำ แล้วยังต้องเจอเพื่อนบ้านเป็นผู้วิเศษอีก… ว่าแต่เด็กคนนั้นชื่ออะไรนะ?”“เฮเซล” กล่าวจบ ซิลเตรียมมองหารถม้าของดอน·ดันเตสเพื่อเข้าไปซ่อนข้างใต้ ทันใดนั้นก็ต้องชะงักสายตา “ฟอร์ส ดูนั่นสิ คนนั้นทำตัวแปลกๆ ว่าไหม?”ฟอร์สมองตามสายตาเพื่อนสนิทไปยังฝั่งตรงข้าม เห็นชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำกำลังเดินไปเดินไปด้วยสีหน้ากระวนกระวาย“แปลกยังไง?” ฟอร์สที่ไม่มีเวลาสำรวจอย่างละเอียด ซักถามเข้าประเด็นซิลตอบเรียบง่าย“เขาแต่งตัวคล้ายกับสุภาพบุรุษมาดภูมิฐาน แต่รองเท้ากลับสกปรกมาก ราวกับไม่ถูกขัดมานาน เธอก็รู้ว่าเบ็คลันด์มีฝุ่นเยอะแค่ไหน… นอกจากนั้น เขายังล้วงมือเข้าไปในตำแหน่งใต้รักแร้บ่อยครั้ง กล้าพนันได้เลยว่าเขาพกปืนมาด้วย… แถมสีหน้าท่าทางก็ยังบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ปรกติ… อา พวกเขากำลังจะออกมาแล้ว ฉันจะไปซ่อนใต้รถม้า ส่วนเธอคอยจับตามองชายคนนั้นไว้ อย่าปล่อยให้มิสเตอร์ดอน·ดันเตสตกอยู่ในอันตราย”“ตกลง” ถึงฟอร์สจะรู้สึกรำคาญ แต่ใจหนึ่งก็ตื่นเต้น เธอตัดสินใจถอยหลังเข้าไปหลบในกำบัง คอยเฝ้าระวังทางเข้าภัตตาคารอินทิสเซอเรนโซ่อย่างไม่คลาดสายตายี่สิบถึงสามสิบวินาทีถัดมา ดอน·ดันเตสและครอบครัวมัคท์เดินออกจากภัตตาคาร กล่าวคำอำลาและแยกย้ายไปยังรถม้าของแต่ละครอบครัวทันใดนั้น รถม้าสองล้อคันหนึ่งพุ่งมาจากอีกฝั่งของถนนด้วยความเร็วสูง ประหนึ่งพร้อมเสียหลักล้มได้ทุกเมื่อม้าตัวที่กำลังลากห้องโดยสารมีดวงตาคลุ้มคลั่ง คล้ายกับแตกตื่นสุดขีด วิ่งตรงมายังทางเข้าภัตตาคารอินทิสเซอเรนโซ่ด้วยท่าทีตื่นตระหนกบอดี้การ์ดของคนของส.ส. มัคท์เริ่มเคลื่อนไหว คนหนึ่งตรงไปทางม้าเพื่อหาวิธีสยบ อีกคนหนึ่งคอยปกป้องครอบครัวมัคท์ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนที่เคยเดินป้วนเปี้ยนจนถึงเมื่อครู่ อ้อมมาด้านหลังส.ส. มัคท์พร้อมกับยกปืนเล็งศีรษะด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวสุดขีดมือขวาไคลน์ยกขึ้นเล็กน้อยจนยากจะสังเกตเห็น ก่อนจะหดกลับประหนึ่งไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นชายหนุ่มกระโดดหลบม้าตื่นที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างชำนาญ ขณะเดียวกัน ฟอร์สที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่ง กำมือแน่นพร้อมกับกระชากอากาศคนร้ายเกิดขาเปลี้ยกะทันหัน คล้ายกับสะดุดบางสิ่งล้มลงไปเอง พลาดโอกาสในการลั่นไกด้วยความเร่งรีบ มันใช้มือดันพื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว หมายกราดยิงโดยไม่มัวเล็งเป้าทว่า หลังจากกระตุกนิ้วกลับ มันไม่ได้รับความรู้สึกที่ควรจะมีปืนพกของมันหล่นไปอยู่ตรงเท้าเฮเซลตอนไหนก็มิอาจทราบได้!แทบจะในเวลาเดียวกัน ม้าที่คลุ้มคลั่งถูกบอดี้การ์ดคนแรกสยบจนแน่นิ่ง“ทำไมถึงปองร้ายผม?” ส.ส. มัคท์ระงับความสั่นคลอนในใจ เดินดุ่มเข้าไปถามอีกฝ่ายด้วยเสียงทุ้มชายวัยกลางคนระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกับตะโกนด้วยใบหน้าเสียสติ“เป็นเพราะแก! ทั้งหมดมันเป็นเพราะพวกแก! เอาแต่พล่ามเรื่องมลพิษทางอากาศ เอาแต่สนับสนุนให้ใช้แอนทราไซต์! โรงงานของฉันต้องล้มละลาย ลูกต้องป่วยตาย ภรรยาต้องตรอมใจตาย!”
คอมเม้นต์