ราชันเร้นลับ 851 : ธุรกิจใหม่ของดอน·ดันเตส
ราชันเร้นลับ 851 : ธุรกิจใหม่ของดอน·ดันเตส
เลียวนาร์ดจ้องไปยังภาพเหมือนของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้บนโต๊ะ ในหัวเต็มไปด้วยภาพมุมต่างๆ หากชายคนนี้ปราศจากแว่นตาและหนวดเคราแม้จะมีความแตกต่างไปจากของจริงเนื่องจากเป็นภาพในจินตนาการ แต่เลียวนาร์ดก็รู้สึกถึงความคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ช่างละม้ายคล้ายกับคนที่มันเคยรู้จักเป็นไม่ได้… เขาตายไปแล้ว! เราเป็นคนฝังกับมือ! เลียวนาร์ดส่ายหน้าพลางหัวเราะกับตัวเองขณะครุ่นคิด สีหน้าของมันทวีความบิดเบี้ยว เพราะชายในความทรงจำมิใช่ผู้วิเศษธรรมดา แต่มาพร้อมกับความลับพิสดารชายคนดังกล่าวสามารถหลุดพ้นจากอิทธิพลของ 2-049 ได้โดยไม่ต้องให้ใครช่วย!ชายคนนั้นอาศัยความพิเศษที่มีต่อ 2-049 สังหารผู้วิเศษลำดับ 7 โดยที่ตนเป็นแค่นักทำนายซึ่งไม่ถนัดการต่อสู้!ชายคนนั้นเข้าใจเทคนิคสวมบทบาทอย่างรวดเร็ว สามารถพัฒนาไปเป็นลำดับ 8 ภายในเวลาแสนสั้น!ชายคนนั้นมียันต์ระดับสูงในขอบเขตสุริยัน ร่วมมือกับหัวหน้าดันน์·สมิทผู้ยืมพลังจากเถ้ากระดูกศักดิ์สิทธิ์ สังหารเมกูสที่กำลังอุ้มท้องทายาทของเทพมารสักตน!ตะกอนพลังลำดับ 8 ของชายคนนี้ถูกอินซ์·แซงวีลล์นำติดตัวไป แต่ตะกอนพลังลำดับ 7 ของหัวหน้าดันน์·สมิทกลับยังอยู่ที่ศพ!บางที… อาจไม่ใช่เพราะอินซ์·แซงวีลล์นำตะกอนพลังไป แต่วัตถุดังกล่าวไม่เคยตกผลึกต่างหาก! เลียวนาร์ดคืนสติกลับมา รีบเพ่งมองภาพเหมือนของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้อีกครั้งสิบวินาทีถัดมา มันพ่นชื่อออกมาระหว่างซอกฟัน“ไคลน์·โมเร็ตติ…”ยิ่งมองก็ยิ่งพบว่า ยอดนักสืบนามเชอร์ล็อก·โมเรียตี้มีใบหน้าเหมือนกับอดีตเพื่อนร่วมงานของตน วีรบุรุษผู้เคยสละชีวิตเพื่อปกป้องเมืองทิงเก็น ไคลน์·โมเร็ตติ!นี่คือใบหน้าที่จะปรากฏหากอีกฝ่ายสวมแว่นตาและเครา!เลียวนาร์ดกำมือแน่นจนข้อต่อนิ้วกลายเป็นสีขาว ก่อนจะค่อยๆ คลายออกพร้อมกับลมหายใจกระเส่า ตามด้วยการหยิบเอกสารของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้มาตรวจสอบอีกครั้งในคราวนี้ มันข้อหาข้อมูลโดยมีเป้าหมายชัดเจน นั่นคือช่วงเวลาที่อีกฝ่ายปรากฏตัวในเบ็คลันด์ครั้งแรกต้นเดือนกันยายน!นั่นเกิดขึ้นหลังจากไคลน์·โมเร็ตติถูกฝังได้ไม่นาน!ดวงตาสีเขียวมรกตของเลียวนาร์ดมืดลง รีบเปิดอ่านเอกสารตามสัญชาตญาณจากนั้น มันพบอีกหนึ่งชื่อลาเนวุส!ชายคนนี้คือผู้อยู่เบื้องหลังแผนการทายาทเทพมารลงมาจุติในเมืองทิงเก็น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เหยี่ยวราตรีได้รับความเสียหายใหญ่หลวง มีสมาชิกสองนายเสียชีวิต ประกอบด้วยดันน์·สมิทและไคลน์·โมเร็ตติและรายงานชิ้นที่สองเกี่ยวกับเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ก็คือ ขณะสืบหาเบาะแสคดีฆาตกรต่อเนื่องแถวท่าเรือ ชายคนนั้นได้พบกับลาเนวุสที่ปลอมตัวเข้าโดยบังเอิญ!ถัดมา ความพยายามในการลงมาจุติของพระผู้สร้างแท้จริงได้ถูกขัดขวาง ลาเนวุสเสียชีวิตในท่อระบายน้ำ ศพมีไพ่ทาโรต์ปกคลุมจนดูคล้ายกับเป็นฝีมือของจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดเขายังไม่ลืมไอ้นักต้มตุ๋นระยำนั่น… เลียวนาร์ดพึมพำเงียบ สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อยหลังจากอ่านเอกสารจบ มันนั่งแช่บนเก้าอี้เป็นเวลานานโดยไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย ประหนึ่งกำลังหลับใหลท่ามกลางเงามืดที่เกิดจากแสงสว่างผ่านไปนานหลายนาที เลียวนาร์ดเริ่มเปลี่ยนท่านั่งเป็นการเอนหลังพิงพนัก ซักถามเสียงต่ำ“ตาแก่ คุณคิดว่านักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ เหมือนกับอดีตเพื่อนร่วมงานของผมในทิงเก็น ไคลน์·โมเร็ตติ บ้างไหม?”ภายในหัว เสียงที่ค่อนข้างชรากล่าวอย่างลังเล“คนที่เข้าเหยี่ยวราตรีจากคดีสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส?”“ใช่…” เลียวนาร์ดตอบเสียงหนักแน่นปรสิตในร่างกายกล่าวหลังจากผ่านไปสองสามวินาที“มีความคล้ายกันอยู่”เลียวนาร์ดที่ได้รับคำตอบ กลับไปเงียบงันอีกครั้ง หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน มันล้วงหยิบนาฬิกาพกสีทองออกมาเปิดฝา ยืนยันว่ายังเป็นช่วงเช้าเลียวนาร์ดปิดฝานาฬิกาพร้อมกับลุกพรวด เกือบทำให้กองเอกสารบนโต๊ะกระจัดกระจายมันรีบเอื้อมมือคว้าเอกสารไว้และนำกลับมาวางบนโต๊ะ ตามด้วยทิ้งโน้ตไว้ว่า: พบเบาะแสบางอย่าง จะออกไปตรวจสอบ คงไม่กลับมาสักพักฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน… นายคือพระเอกของเมืองทิงเก็น หรือความจริงแล้วแอบสวมหน้ากากมาตลอด เบื้องหลังเป็นสมาชิกขององค์กรลับชั่วร้ายที่แทรกซึมเข้ามาในเหยี่ยวราตรี… ถ้าเป็นอย่างหลัง นายก็ไม่ได้ต่างอะไรกับอินซ์·แซงวีลล์ที่หวังขโมยของจากประตูยานิส… เลียวนาร์ดสลัดคราบนักกวีขี้เกียจเป็นปลิดทิ้ง หรี่ตาลงและรีบเดินออกจากวิหารนักบุญแซมมวล…เขตฮิลสตัน ด้านนอกอาคารที่เด่นสะดุดตาดอน·ดันเตสก้าวลงจากรถม้า สายตามองไปยังอาคารที่โดดเด่นสไตล์ช่วงปลายยุคสมัยที่สี่อาคารหลังนี้สร้างจากหินแผ่นใหญ่เกือบทั้งหลัง สูงสี่ชั้น หน้าต่างใหญ่ราวกับประตู เข้ากับกันระเบียงเล็กๆเนื่องจากถูกกาลเวลากัดเซาะ สีของผนังด้านนอกจึงเป็นเหลืองทราย เสาหินและซุ้มประตูโค้งคอยค้ำจุนเฉลียงอันสง่างามที่นี่คือสโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออกไคลน์ยกไม้ค้ำ ชี้ไปยังอาหารตรงหน้า กล่าวพลางยิ้ม“เก่าแก่ทีเดียว”ส.ส. มัคท์พยักหน้าและตอบ“ไม่เพียงจะเป็นอาคารโบราณ แต่ยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี”กล่าวจบ มันเดินนำดอน·ดันเตสเข้าไปในสโมสร กล่าวกับสตรีที่แผนกต้อนรับ“ดอน·ดันเตส สมาชิกทั่วไป ฉันเป็นคนแนะนำมา”กล่าวจบ มันหันมาอธิบายกับเศรษฐีด้านข้าง“ไม่เพียงคุณจะไม่เคยรบในสมรภูมิไบลัมตะวันออก แต่คุณยังไม่ได้เป็นทหาร จึงหมดสิทธิ์เป็นสมาชิกแบบทางการ… แต่ถึงอย่างนั้น การเป็นสมาชิกทั่วไปก็ทำให้คุณเข้าออกสโมสรได้อย่างอิสระ ใช้งานสิ่งอำนวยความสะดวกได้บางชิ้น ลิ้มรสอาหารแสนโอชะ และพบปะสังสรรค์เพื่อนฝูงที่แตกต่าง”“นั่นคือสิ่งที่ผมหวัง” ไคลน์ยิ้มและพยักหน้าหลังจากสาวสวยผู้มีเชื้อสายทางใต้ลงทะเบียนเสร็จ มัคท์กล่าวเสริม“ไม่มีค่าสมัคร ค่าธรรมเนียมรายปีอยู่ที่หกสิบปอนด์”กล่าวจบ มันหัวเราะและพูดต่อ“ไม่แพงเลยใช่ไหม โดยเฉพาะกับคุณ… หากเป็นที่นี่ คุณสามารถเข้าถึงอาวุธทุกชนิด มีสนามยิงปืนให้ฝึกซ้อม แถมยังมีโอกาสเรียนขี่ม้า”สโมสรระดับนี้ ค่าธรรมเนียมหกสิบปอนด์ต่อปีนับว่าไม่แพง มีนายพลแวะเวียนเข้ามาบ่อยครั้ง รวมไปถึงพ่อครัวชื่อดัง… ไคลน์ไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม เพียงควักกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาและนับธนบัตรหกสิบปอนด์ยื่นให้อีกฝ่าย รับเข็มกลัดที่มีสัญลักษณ์ป่า ทะเล และดาบมาถือ“ที่นี่เต็มไปด้วยเกียรติยศและความน่าเกรงขาม ผมขอชื่นชมความเสียสละของคุณในไบลัมตะวันออก” ไคลน์สวมเข็มกลัดที่มีตัวเลขอยู่ด้านหลัง มองไปทางส.ส. มัคท์และกล่าว “ถ้าผมต้องการเขียนชื่นชมคนของที่นี่ ต้องติดต่อใคร?”ส.ส. มัคท์ชี้ไปทางพนักงานต้อนรับและกล่าว“แค่ไปหาเธอ… เธอจะจดบันทึกข้อความไว้และนำไปแปะบนกระดานประกาศตรงนั้น”ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อย“ตกลง”ชายหนุ่มหันหน้าไปทางด้านข้าง บุรุษรับใช้ริชาร์ดสันล้วงหยิบเงินสดห้าร้อยปอนด์ที่เตรียมไว้ออกมาบริจาคเสร็จ ไคลน์เดินตามส.ส. มัคท์ออกจากห้องโถงที่ตกแต่งอย่างหรูหราจนกระทั่งถึงห้องที่ดูเหมือนห้องรับแขก ส่วนริชาร์ดสันนั่งรออยู่ในห้องรับรองด้านนอกซึ่งมีของว่าง ชาดำ และกาแฟภายในห้องเล็กๆ ด้วยคำแนะนำจากส.ส. มัคท์ ไคลน์มีโอกาสได้รู้จักกับนายทหารจำนวนห้าคนที่ทั้งเกษียณและยังทำงานอยู่ หากไม่นับส.ส. แห่งสภาสามัญ บุคคลที่มีตำแหน่งใหญ่ที่สุดคือคาลวินเจ้าของอินทรธนูยศพันเอก ปัจจุบันทำงานอยู่ในกระทรวงกลาโหมของโลเอ็น ส่วนจะเป็นตำแหน่งใดนั้นยังไม่ทราบและจากเท่าที่ไคลน์ทราบ นายทหารยศค่อนข้างสูงกว่าพันเอก มีโอกาสมากที่จะเป็นผู้วิเศษลำดับกลาง!มัคท์ คาลวิน และคนอื่นๆ เริ่มสนทนากันอย่างออกรส ไคลน์ไม่ได้ร่วมวงโดยตรง ทำหน้าที่ผู้ฟังที่ดี คอยสอดแทรกหรือตอบสนองเป็นบางครั้งบางคราวท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลาย คาลวินหันหน้ามามองดอน·ดันเตสและพูด“ผมได้ยินว่าคุณเคยอยู่ที่ไบลัมตะวันตก?”พันเอกรายนี้มีหน้ายาวเหมือนลา แต่กลับไม่ดูน่าขบขัน สายตาค่อนข้างลุ่มลึกไคลน์ตอบด้วยรอยยิ้ม“ใช่ครับ ที่นั่นวุ่นวายยิ่งกว่าไบลัมตะวันออก”ได้ยินเช่นนั้น คาลวินหัวเราะ“ถูกต้อง พวกอินทิสทำแต่เรื่องผิดพลาดที่นั่น”มันเว้นวรรค ตามด้วยคำถาม“คุณมีความสัมพันธ์อย่างไรกับชาวอินทิสที่นั่น?”ไคลน์ยังไม่ทราบเจตนาของอีกฝ่าย จึงสุ่มออกมาหนึ่งคำตอบ“ก็ค่อนข้างดี… พวกเขาโลภทีเดียว”อันที่จริง มันไม่รู้จักใครเคย แค่เคยได้ยินแอนเดอร์สันเอ่ยถึงสองสามชื่อและพฤติกรรมที่สอดคล้องคาลวินพยักหน้า เปลี่ยนคำถาม“คุ้นเคยกับพวกชนพื้นเมืองไหม? ผมหมายถึงพวกกลุ่มต่อต้านที่นั่น”“…แค่บางคน” ไคลน์ตอบคลุมเครือ‘ผู้นำ’ กองทัพต่อต้านอินทิสเพียงคนเดียวที่มันรู้จักก็คือ อดีตองค์หญิงแห่งอินทิส ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตคาลวินยิ้ม จิบไวน์แดงระหว่างนี้ ไม่มีใครกล่าวคำใด รวมถึงส.ส. มัคท์วางแก้วไวน์ลง คาลวินมองดอน·ดันเตสอีกครั้งพลางกล่าว“เรื่องมีอยู่ว่า… ทางเราต้องคอยกำจัดปืนและปืนใหญ่จำนวนมากที่ยึดมาได้ทุกปี ด้วยกระบวนการทำลายอาวุธที่มีประสิทธิภาพ แต่นั่นถือเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดสักเท่าไร… ผมจึงอยากทราบว่า คุณสนใจจะซื้อต่ออาวุธเหล่านี้ไปขายทางไบลัมตะวันตกบ้างไหม? ขายให้ใครก็ได้ ไม่ว่าจะชาวอินทิสที่อาศัยอยู่ หรือกลุ่มต่อต้านและชนพื้นเมือง… เชื่อผมเถอะ นี่เป็นธุรกิจที่ทำกำไรมหาศาล แต่ขณะเดียวกันก็อันตรายมาก หากถูกทางการอินทิสที่นั่นจับได้ ทางเราจะปฏิเสธว่าคุณทำงานให้เรา”นี่มัน… จะให้เรารับหน้าที่พ่อค้าอาวุธเถื่อน? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นธุรกิจที่มาพร้อมกำไรมหาศาล… ถึงเราจะไม่คุ้นเคยกับชาวไบลัมตะวันตก ไม่มีเส้นทางที่นั่น แต่ก็สามารถขายให้กับราชินีเงื่อนงำ สามารถขายให้กับกลุ่มต่อต้านบนหมู่เกาะรอสต์… หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรง แสร้งเผยสีหน้าซับซ้อนและลังเล“ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ก็น่าสนใจมาก”คาลวินหัวเราะและพูด“ไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจ เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญ ควรผ่านการไตร่ตรองอย่างรอบคอบเสียก่อน… ค่อยบอกคำตอบของคุณกับมัคท์ภายในสัปดาห์นี้”ไคลน์แอบถอนหายใจโล่งอก ยิ้มและพยักหน้า“ตกลง”…เมืองทิงเก็น สุสานราฟาเอลแม้แสงแดดยามบ่ายของที่นี่จะร้อนแรง แต่บรรยากาศกลับยังเย็นเยือนและหม่นหมองเลียวนาร์ดยืนอยู่หน้าหลุมศพ จ้องมองป้ายแกะสลักอย่างเงียบงัน
คอมเม้นต์