ราชันเร้นลับ 845 : กลับมา
ราชันเร้นลับ 845 : กลับมา
โลกวิญญาณของจริง… ไคลน์โล่งใจ พึมพำกับตัวเองเงียบงันโดยไม่ต้องรอยืนยันเพิ่มเติม พลังวิญญาณและสัมผัสวิญญาณได้บอกชายหนุ่มอย่างชัดเจน ที่นี่คือโลกวิญญาณของจริง!และนั่นยังหมายความว่า ไคลน์กลับมายังโลกแห่งความจริงแล้ว – โลกที่เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศ!น้ำตาจะไหล… ไคลน์หัวเราะกับตัวเองพลางครุ่นคิดว่า ตนควรไปที่ไหนต่อจากตำแหน่งของดวงดาว พระจันทร์ และพระอาทิตย์ ปัจจุบันยังเป็นช่วงเช้า… ถ้าเวลาในหมู่บ้านสายหมอกกับโลกความจริงเดินเร็วเท่ากัน ตอนนี้ก็น่าจะสักเจ็ดโมงครึ่ง… คนงานคงรู้แล้วว่าเพื่อนร่วมงานหายไป แต่ยังไม่น่าจะแจ้งให้บิชอปหรือนักบวชทราบ…แม้พวกเขาจะถูกฝึกอบรมเป็นอย่างดี มีการรายงานความผิดปรกติให้เบื้องบนทราบตามระเบียบปฏิบัติ แต่ก็คงเผื่อเวลาสำหรับกรณีใครบางคนออกไปเดินเล่นหรือท้องเสีย รอยืนยันให้แน่ใจสักสิบนาทีจึงค่อยเริ่มรายงาน…และหลังจากได้รับรายงาน บิชอปกับนักบวชคงยังมองไม่เห็นปัญหาในทันที อาจคิดแค่ว่าคนงานหลบหนี ยากจะเชื่อมโยงเรื่องราวเข้ากับผู้คุม กว่าความจริงจะค่อยๆ กระจ่างด้วยพลังทำนาย เหตุการณ์ก็ผ่านไปแล้วประมาณครึ่งชั่วโมง…กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขายังไม่ค้นหาแบบปูพรมรอบๆ วิหาร จึงยังไม่น่าจะพบการหายตัวไปของดอน·ดันเตส…อา… หากสูตรโอสถจอมเวทพิสดารของซาราธถูกต้อง ตัวตนดอน·ดันเตสยังมีประโยชน์ให้ใช้งานอีกหลายเรื่อง หากเป็นไปได้ เราควรพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาเอาไว้…และเหนือสิ่งอื่นใด เครื่องนุ่งห่มของเราในปัจจุบันมีเพียงกางเกงในที่เป็นของจริง… ถ้าไปโผล่ที่อื่น เกรงว่าคงได้ถูกมองเป็นพวกวิตถาร…ไคลน์มีแผนในใจอยู่แล้ว จึงหยิบกล่องบุหรี่โลหะที่รัดด้วยยางยืดออกจากกระเป๋าเสื้อมายา เปิดฝาและหยิบเหรียญทอง“การกลับไปยังบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนเป็นเรื่องอันตราย” ไคลน์พึมพำแผ่วเบาเจ็ดหน ดีดเหรียญทองขึ้นฟ้า จ้องมองวัตถุโลหะหมุนผ่านโลกวิญญาณก่อนจะตกลงบนฝ่ามือออกก้อย หมายถึงปฏิเสธ!ไคลน์พยักหน้าเล็กๆ ตามด้วยการส่งตัวเองกลับไปยังกรุงเบ็คลันด์หลังจาก ‘เที่ยว’ สามครั้ง ร่างกายชายหนุ่มปรากฏภายในห้องนอนใหญ่ของบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ผ้าม่านถูกขึงมิดชิด แสงสลัวลอดผ่านเล็กน้อย เหมาะแก่การนอนอย่างมากและบนเตียงใหญ่ ดอน·ดันเตสกำลังอยู่ในท่านอนหงาย สองมือจับชายผ้าห่มใกล้กับลำคอดูเหมือนว่าเราจะยังไม่ถูกสอบสวน… สภาพดูไม่ได้เลยแฮะ… ขณะไคลน์โล่งใจ ร่างของดอน·ดันเตสสลายไปในพริบตา หดกลับไปเป็นกระจกเงาขนาดเท่าฝ่ามือผิวกระจกมีคลื่นน้ำกระเพื่อม แสงสีเงินเรียงตัวกันเป็นข้อความภาษาโลเอ็น“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น? ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์และถ่อมตน อาโรเดสผู้นี้มิอาจสัมผัสถึงนายท่านได้สักพักใหญ่!”“ไม่มีอะไร” ไคลน์ตอบกำกวมสิ่งนี้ทำให้ไคลน์ยืนยันได้อีกหนึ่งเรื่อง นั่นคือ อาโรเดสไม่สามารถส่องเข้าไปในโลกของหมู่บ้านสายหมอก ทั้งที่กระจกวิเศษบานเดียวกันสามารถส่องจนเห็นซาราธที่กำลังคลุ้มคลั่ง!เพราะหมู่บ้านสายหมอกเกี่ยวข้องกับอำนาจขอเทพ? ไคลน์ครุ่นคิดหลายสิ่งก่อนจะถาม“มีใครมาหาเราไหม?”“ไม่ขอรับ ไม่มีใครมารบกวนนายท่าน” อักษรสีเงินบนผิวกระจกหดตัวและเรียงเป็นคำใหม่ไคลน์โล่งใจมาก ตอบกลับ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดส“เจ้ากลับไปก่อน ไว้มีธุระจะเรียกหาอีกครั้ง”“ขอรับ นายท่าน ลาก่อน~” เฉกเช่นทุกครั้ง อาโรเดสวาดสักลักษณ์โบกมือทิ้งท้ายข้อความหลังจากคลื่นกระเพื่อมมายาหายไป กระจกเงากลับคืนสภาพปรกติ ไคลน์เดินไปที่เตียงและนำชุดอ่อนข้างใต้ออกมาสวมจากนั้น ชายหนุ่มเดินไปหยิบเทียนไขและสิ่งของที่จำเป็น เดินเข้าห้องน้ำเพื่อประกอบพิธีกรรม เตรียมส่งยุบพองหิวโหย นกหวีดทองแดงอะซิก กล่องบุหรี่โลหะ และวัตถุเหนือธรรมชาติอื่นๆ เข้าไปในมิติเหนือสายหมอก หลีกเลี่ยงการสอบสวนที่อาจเกิดขึ้นจัดการทั้งหมดเสร็จ ไคลน์ไม่รีรอที่จะส่งตัวเองขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เดอะฟูล เสกสูตรโอสถจอมเวทพิสดารขึ้นมาตรงหน้า“ลำดับ 4: จอมเวทพิสดาร”“วัตถุดิบหลัก: ดวงตาหลักของมารพิสดาร, ร่างวิญญาณที่แท้จริงของหัวขโมยโลกวิญญาณ”“วัตถุดิบเสริม: เลือดมารพิสดารสองร้อยมิลลิกรัม, ฝุ่นของหัวขโมยโลกวิญญาณสามสิบกรัม, เปลือกไม้เบิร์ชขนแดงสิบกรัม, เถาองุ่นทองคำหนึ่งเถา, หน้ากากยางทำเองขนาดหนึ่งหัวแม่มือ”“พิธีกรรมเลื่อนลำดับ: อาศัยฝีมือและแผนการอันแยบยลของตัวเอง ชักใยให้เกิดฉากการสังหารสัตว์วิเศษระดับครึ่งเทพขึ้นไปต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก และทันทีที่ลงมือเสร็จ ดื่มโอสถปิดท้าย”ไคลน์ยังไม่มีเวลาวิเคราะห์ว่าพิธีกรรมเช่นนี้มีเพื่ออะไร เพียงลงมือเขียนข้อความหนึ่งด้านหลังกระดาษโอสถจากนั้น ชายหนุ่มเสกลูกตุ้มวิญญาณจากกองขยะ ถือไว้ด้วยมือซ้ายและเริ่มการทำนายเพียงไม่นาน ไคลน์ลืมตาขึ้นและเห็นจี้บุษราคัมหมุนตามเข็มนาฬิกาสิ่งนี้หมายความว่า สูตรโอสถจอมเวทพิสดารแผ่นนี้เป็นของจริง!ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจออก สำรวจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับยุบพองหิวโหยด้วยท่าทีผ่อนคลาย รวมถึงการค้นหาผลข้างเคียงในเชิงลบหลังจากทำนายฝันจากหลากหลายแง่มุม ทั้งทางตรงและทางอ้อม ชายหนุ่มทราบสถานการณ์ปัจจุบันภายในเวลาไม่ถึงสองนาทียุบพองหิวโหยสามารถต้อนวิญญาณเข้ามาได้เจ็ดดวง ทุกครั้งที่ต้อนวิญญาณจะได้รับพลังพิเศษสองถึงสามชนิด โดยที่ผู้สวมสามารถเจาะจงเลือกได้หนึ่งชนิดปัจจุบันมีดวงวิญญาณถูกกักขังอยู่ถึงแปด เกิดจากการหลอมรวมและกลายพันธุ์โดยฝีมือ ‘บริเวณเร้นลับ’ แต่เนื่องจากมีจำนวนดวงวิญญาณมากเกินไป ภายในถุงมือจึงมีสภาพ ‘แออัด’ จนพลังบางชนิดใช้การไม่ได้ จำเป็นต้องปล่อยวิญญาณออกไปอย่างน้อยหนึ่งดวงเพื่อให้กลับเป็นปรกติจากบรรดาวิญญาณแปดดวง ดวงแรกคือ ‘บารอนแห่งการเน่าเปื่อย’ ของ ‘นักเจรจา’ มีซอร์·คิง แต่วิญญาณได้ผสานกับวิญญาณชนิดเดียวกันที่มิสเตอร์ A เคย ‘ต้อนแกะ’ เข้ามาเก็บในตัว ส่งผลให้นอกเหนือจากพลัง ‘บิดเบือน’ และ ‘ติดสินบน·อ่อนแอ’ ยังมีความสามารถเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งชนิดคือ ‘กัดกร่อน’ ส่งผลให้หัวใจของเป้าหมายในระยะสิบเมตรทวีความดำมืด กลายเป็นคนโลภที่สูญเสียเหตุและผลได้ง่ายดวงที่สองคือ ‘ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’ ของจิลเซียส วิญญาณของมันผสานเข้ากับวิญญาณ ‘ปีศาจ’ ที่มิสเตอร์ A เคยต้อนแกะ ส่งผลให้พลัง ‘ลางสังหรณ์อันตราย’ ซึ่งค่อนข้างไร้ประโยชน์เพราะต้องคอยกระตุ้นถุงมือล่วงหน้า ถูกแทนที่ด้วย ‘ลูกบอลไฟกำมะถัน’ นอกจากนั้นยังมีการยกระดับ ‘ดาบแมกมา’ และ ‘วาจากัดกร่อน·เชื่องช้า’ดวงที่สามคือ ‘นักท่องเที่ยว’ มิสเตอร์ X ลูอิส·เวย์น ดวงวิญญาณของมันผสานเข้ากับวิญญาณของ ‘นักบันทึก’ ที่มิสเตอร์ A เคยต้อนแกะ พลัง ‘ท่องเที่ยว’ และ ‘เปิดประตู’ ยังคงอยู่ แถมยังมีพลัง ‘บันทึก’ เพิ่มเข้ามา แต่พลังบันทึกจากวิญญาณดวงนี้ค่อนข้างพิเศษ เพราะจะบันทึกได้เฉพาะพลังของครึ่งเทพเท่านั้น โดยที่มีโอกาสสำเร็จมากกว่าปรกติ ถึงจะยากลำบากไปสักนิด แต่ถ้าไม่โชคร้ายเกินไป ไม่เกินเจ็ดแปดครั้งก็น่าจะบันทึกสำเร็จ เงื่อนไขเพิ่มเติมก็คือ สามารถบันทึกพลังของครึ่งเทพได้ไม่เกินสองชนิด และยังต้องไม่สูงกว่าลำดับสามดวงที่สี่คือ ‘ซอมบี้’ ของแม็ควิตี้ วิญญาณดวงนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วยพละกำลังซอมบี้ ควบคุมน้ำแข็ง และบงการซอมบี้ดวงที่ห้าคือ ‘แม่มดทุกข์ระทม’ ของสตรีนิรนามสักคน ช่วยให้ผู้สวมเปี่ยมด้วยเสน่หาและปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ดูดี นอกจากนั้นยังมีพลัง ‘โรคภัย’ ซึ่งรัศมีกว้างถึงห้าสิบเมตร สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในระยะจะค่อยๆ ประสบอาการป่วยจากเบาไปหาหนัก ในช่วงแรกจะมีอาการคันผิวหนังคล้ายภูมิแพ้ พัฒนาไปเป็นหวัดและมีไข้สูง ราวยี่สิบถึงสามสิบวินาทีถัดมา อาการจะลุกลามกลายเป็นปอดบวมและโรคร้ายแรงชนิดอื่น ถ้าปล่อยไว้นานถึงสองสามนาที กล้ามเนื้อหัวใจอาจล้มเหลวเฉียบพลันหรือไม่ก็สมองตายดวงที่หกเป็นของ ‘ข้ารับใช้วายุ’ นิรนาม พลังทั้งสามชนิดประกอบด้วย บินระยะสั้น ดำน้ำลึก และควบคุมน้ำดวงที่เจ็ดเป็นของ ‘นักปลอบวิญญาณ’ นิรนาม มีพลังสองชนิด ประกอบด้วย ‘ดึงเข้าสู่ห้วงความฝัน’ และ ‘กล่อมหลับร่างวิญญาณ’ดวงที่แปดเป็นของ ‘แพทย์’ นิรนาม มีพลังสามชนิด ประกอบด้วย ‘จำแนกเวลา’ ‘รักษาโรคร้าย’ และ ‘เย็บวิญญาณ’ขณะเดียวกัน ยุบพองหิวโหยเองก็พลังใหม่ในตัวเอง ประกอบด้วย ‘ซ่อนในเงามืด’ และ ‘ระเบิดเนื้อ’ นอกจากนั้นยังมีโอกาสต้อนวิญญาณลำดับ 4 นักบุญสำเร็จทรงพลังขึ้นมาก… ขณะเริ่มดีใจ ไคลน์ต้องขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อได้ทราบผลข้างเคียงปัจจุบัน ยุบพองหิวโหยต้องกินคนทุกวัน ไม่อย่างนั้นจะกลืนกินผู้สวมแทน แถมยังคอยสรรเสริญพระผู้สร้างแท้จริงในหัวผู้สวมเป็นระยะ นำมาซึ่งความสับสนทางความคิดและอาการปวดศีรษะ นอกเหนือจากสองเรื่องดังกล่าว ยุบพองหิวโหยรุ่นใหม่ยังกลัวเห็ด หากในรัศมีห้าเมตรมีเห็ด มันจะมิอาจใช้พลังใดได้เลยสรรเสริญพระผู้สร้างแท้จริง… ฟังดูน่ารำคาญไม่น้อย เช่นเดียวกันกับการต้องกินคนทุกวัน… ไม่มีทางเลือก คงต้องโยนไว้บนหมอกสีเทาสักพัก ปล่อยให้มันได้สงบสติอารมณ์ แต่ถ้ายังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง เห็นทีต้องเขียนจดหมายปรึกษามิสเตอร์อะซิก… ไคลน์วางแผนเสร็จสรรพ และตัดสินใจปล่อยวิญญาณ ‘นักปลอบวิญญาณ’ โดยไม่ลังเลชายหนุ่มมีแผนจะปล่อย ‘ข้ารับใช้วายุ’ และ ‘แพทย์’ ในอนาคต รวมถึง ‘แม่มดทุกข์ระทม’ หากมีโอกาสด้านข้างโต๊ะทองแดงยาว ดวงวิญญาณของ ‘นักปลอบวิญญาณ’ ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า แต่เนื่องจากเกิดการกลายพันธุ์รุนแรงโดยฝีมือของเทวทูตลำดับ 1 วิญญาณจึงสลายไปทันทีที่ออกจากภาชนะตะกอนพลังของมันควบแน่นในจุดที่เคยยืน ลักษณะเป็นก้อนสีดำล้วน มีแสงสว่างกะพริบในตำแหน่งกึ่งกลาง คล้ายกับค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวพราวพรายจัดการเสร็จสรรพ ไคลน์ไม่มัวรีรอ รีบโยนยุบพองหิวโหยเข้าไปในกองขยะและส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง จบพิธีกรรมและจัดการเก็บกวาดร่องรอยถัดมา ชายหนุ่มล้างหน้าและแปรงฟันตามปรกติ เปลี่ยนให้ดอน·ดันเตสดูสดชื่นหลังออกจากห้องน้ำ ไคลน์ในชุดนอนเดินไปที่ประตูห้องและเปิดออก กล่าวกับบุรุษรับใช้ริชาร์ดสันด้านนอก“เตรียมชุดอยู่บ้านให้ผม”“ครับ นายท่าน” ริชาร์ดสันมิได้ถามว่าทำไม เพียงเดินไปยังห้องลองชุดด้านข้างหลังจากยืนมองแผ่นหลังบุรุษรับใช้ ไคลน์เพิ่งมั่นใจว่าตนได้หลุดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวงอย่างแท้จริง กลับมาหายใจสะดวกและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
คอมเม้นต์