ราชันเร้นลับ 842 : ด้านหลังประตู
ราชันเร้นลับ 842 : ด้านหลังประตู
ทันใดนั้น ความคิดแรกที่แล่นผ่านสมองไคลน์ก็คือ :เป็นอย่างที่คิด! ซาราธเล่นไม่ซื่อ!ชายหนุ่มพบว่า ตนโชคดีมากที่เคยเห็นสัญลักษณ์ของจริงมาจากสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสล่วงหน้า ภายในใจจึงยังสุขุม ไม่เผยอาการแตกตื่นซาราธคืนปากกาขนนกและขวดหมึกกลับคืนสู่ประวัติศาสตร์ เงยหน้าขึ้น สำรวจ ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ และ ‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทีย ก่อนจะถอนหายใจและกล่าว“เงื่อนไขทั้งหมดมารวมตัวกันแล้ว พวกเจ้าสามารถเปิด ‘ประตู’ ได้”กล่าวจบ ซาราธมองหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ หัวเราะเล็กๆ ในลำคอ“อย่าลืมนำโกศของข้าติดตัวไปด้วย”เมื่อสิ้นเสียง ร่างกายของมันแตกออกเป็นละอองแสงเล็กๆ จำนวนมาก กระจัดกระจายไปรอบทิศ ก่อนจะเลือนหายไปกับความว่างเปล่า ราวกับร่างต้นผุกร่อนและกลายเป็นขี้เถ้ามานานมากแล้วในจุดที่ซาราธเคยนั่งมีโกศสีขาว ผิวโกศเรียบง่าย ไม่มีสิ่งใดพิเศษไคลน์บังคับเกอร์มัน·สแปร์โรว์เดินไปข้างหน้าสองก้าว ก้มตัวหยิบโกศ สัมผัสได้ถึงความหนัก พบว่าไม่ใช่ของปลอมชายหนุ่มใช้มือข้างที่ถือกระดาษหนังเปิดฝาโกศ มองเห็นฝุ่นและอนุภาคสีขาวนวลนอนก้น ปราศจากแสงระยิบระยับเป็นแค่ขี้เถ้าธรรมดาจริงหรือ… แล้วใครช่วยซาราธเผาศพ? เผาตัวเอง? หลังจากปิดฝาโกศ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ใช้มือข้างที่ถือกระดาษหนังล้วงหยิบเนื้อปลาออกจากกระเป๋าเสื้อ ใส่ปากกลืนลงท้อง‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทียสังเกตเห็นพฤติกรรมดังกล่าว จึงใช้หางตาชำเลืองเป็นเชิงถามว่า ‘กำลังทำอะไร’ไคลน์ทยอยนำเนื้อปลาใส่ปากคำแล้วคำเล่า หายใจเข้าออกสักพักก่อนจะตอบ“ฉันค่อนข้างประหม่า… ยังไม่มั่นใจว่าสัญลักษณ์เปิดประตูจะได้ผลหรือไม่”พานาเทียยืนยันได้ว่า สิ่งที่อีกฝ่ายกินเข้าไปเป็นแค่เนื้อปลาธรรมดา อาจดูน่าขยะแขยงกว่าปรกติเล็กน้อย แต่ในสภาวะกึ่งเสียสติของหญิงสาว เธอไม่มัวใส่ใจกับเรื่องแบบนี้ เพียงมองไปยังโกศขี้เถ้าและยิ้ม“ถ้าสัญลักษณ์เปิดประตูใช้การไม่ได้… พวกเราสามารถนำของที่อยู่ข้างในมาแบ่งกันกิน… ฉันขอแค่วันละช้อน… นั่นจะช่วยให้พวกเราอยู่รอดได้อีกนาน”สภาพจิตใจของแม่มดคนนี้เข้าขั้นวิกฤติแล้ว… ไคลน์ถอนหายใจแผ่ว เดินผ่านรูปปั้นเทวทูต ‘นักลบ’ ซึ่งสงสัยว่าอาจเป็น ‘มารดาแห่งผืนนภา’ และตรงไปยังกำแพงด้านหลังจากนั้น ชายหนุ่มหันข้าง ชี้ไปยังช่องว่างและพูดกับแม่มดสิ้นหวัง“ใส่หินออบซิเดียนตรงนี้”พานาเทียฉีกยิ้มกว้าง กล่าวด้วยสายตาเย็นชา“แสดงสัญลักษณ์เปิดประตูให้ฉันดูก่อน”ไม่ต้องระแวงขนาดนั้นก็ได้… ถ้าฉันคิดจะทำร้ายเธอ ก็แค่ยกเลิกหุ่นเชิดเสียตรงนี้… เธอไม่มีทางหนีออกจากวิหารได้ทัน ชะตากรรมเดียวคือการถูกแขวนเหมือนกับศพด้านบน จากนั้นค่อยไปค้นตัวศพเพื่อเอาหินออบซิเดียนมาเปิดประตูหนี… แต่สัญลักษณ์ที่ซาราธวาดนั้นไม่ปรกติ เราจำเป็นต้องมีหนูทดลอง… ไคลน์ครุ่นคิดหลายสิ่ง ก่อนจะบังคับเกอร์มัน·สแปร์โรว์เลื่อนมือลงไปตบท้องเบาๆ พร้อมกับอ้าปากก้อนเลือดเนื้อไหลออกจากปาก กองรวมกันตรงหน้าก่อนจะงอกขึ้นมาเป็นมิสเตอร์ A ที่มีใบหน้าสะสวยเห็นฉากดังกล่าว เกอร์มัน·สแปร์โรว์สะบัดม้วนกระดาษเพื่อคลี่ออกสัญลักษณ์พิเศษพร้อมด้วยสูตรโอสถจอมเวทพิสดารปรากฏตรงหน้าพานาเทียและมิสเตอร์ Aดวงตาพานาเทียลุกวาว ยิ้มและพูด“เปิดประตูได้เลย เชิญนายออกเป็นคนแรก”เธอพบว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ยังคงช่วยควบคุมด้ายวิญญาณใหญ่ จึงยังมีเวลาเหลือเฟือขณะกล่าว หญิงสาวโยนตุ๊กตาที่น่ารังเกียจและเปื้อนเลือดไปทางคู่สนทนาเธอเองก็กลัวเหตุการณ์ไม่คาดฝัน… ไคลน์บังคับให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์รับตุ๊กตา ยืนมองแม่มดสิ้นหวังก้าวไปข้างหน้าและนำหินออบซิเดียนใส่ลงในช่องว่างหินผสานเป็นเนื้อเดียวกับผนัง ไม่มีส่วนเกินแม้แต่น้อยผนังเรืองแสงทันที จากนั้นก็ค่อยๆ โปร่งใส่จนมองเห็นทางเดินที่ปูด้วยหิน กำแพงที่มีรู และเมฆที่ลอยกลางอากาศเมื่อพานาเทียหลีกทางให้ เกอร์มัน·สแปร์โรว์เดินเข้าไปพร้อมกับตุ๊กตา กระดาษหนัง และโกศขี้เถ้า เหยียดแขนขวาออกพร้อมกับใช้นิ้วเขียนต่างปากกา วาดลงดวงตาแนวตั้งและสัญลักษณ์ลึกลับจำนวนมากลงบนผนังโปร่งใสระหว่างนี้ ชายหนุ่มเกิดความลังเล ไม่แน่ใจว่าควรวาดสัญลักษณ์ของซาราธหรือของตระกูลอันทีโกนัสแม้ไคลน์จะยังระแวงซาราธและไม่เชื่อใจเต็มร้อย แต่หลังจากสงบสติและไตร่ตรอง มันพบว่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่มีเหตุผลให้ต้องทำเรื่องวุ่นวาย หากซาราธต้องการทำร้ายทุกคน ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องการเปิดประตู สิ่งที่ต้องทำมีเพียงการรอโอกาสอย่างใจเย็นนอกจากนั้น เนื่องจากหมู่บ้านสายหมอกได้ตัดขาดมิติหมอกเทาออกไปโดยสิ้นเชิง ซาราธไม่น่าจะมองเห็นความพิเศษในตัวไคลน์ จึงไม่มีเหตุผลให้ต้องเพ่งเล็งโจมตีดังนั้น ข้อสันนิษฐานของไคลน์ก็คือ ซาราธต้องการโน้มน้าวให้ใครสักคน ‘เปิดประตู’ ออก นั่นจะช่วยให้มันได้รับผลประโยชน์บางอย่าง หรือหลุดพ้นจากบางสิ่ง ส่วนจะมีอันตรายใดเกิดขึ้นหลังจากเปิดประตูหรือไม่ ซาราธคงไม่แยแส และไม่ว่าคำขอร้องที่ให้โปรยขี้เถ้าลงแม่น้ำจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่โอกาสที่ประตูจะเปิดออกนั้นมีสูงกล่าวอีกนัยหนึ่ง สัญลักษณ์เปิดประตูของซาราธน่าจะถูกต้อง และมีโอกาสปลอดภัยราวห้าสิบเปอร์เซ็นต์และในทางกลับกัน ตระกูลอันทีโกนัสอาจไม่ได้ ‘ดี’ เสมอไป เมื่อนำภาพที่ไคลน์เห็นจากการทำนายเหนือมิติหมอก รวมกับข้อมูลบางส่วนที่ซาราธเล่าให้ฟัง และเรื่องที่ซาราธจากโลกภายนอกกำลังเสียสติ ไคลน์เชื่อว่า ‘สมบัติตระกูลอันทีโกนัส’ บนยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิส น่าจะเป็น ‘กับดัก’ สำหรับล่อลวงผู้คนมากกว่า ดังนั้น สัญลักษณ์ที่ตระกูลอันทีโกนัสแสดงให้เห็น อาจไม่ใช่ของจริงเสมอไปซ้ายคือเสือ ขวาคือหมาป่า… ต้องเลือกสิ่งที่ชั่วร้ายน้อยกว่า… นอกจากนั้น สัญลักษณ์ของตระกูลอันทีโกนัสอาจหมายถึง ‘ประตูเข้าสู่ขุมทรัพย์’ ไม่ใช่ประตูสำหรับหนีออกไป… ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน ไคลน์ยังไม่หยุดวาดภาพ จนกระทั่งมาถึงจุดที่แตกต่างกันในช่วงท้ายชายหนุ่มหันไปมองพานาเทีย พบว่าดวงตาของแม่มดสิ้นหวังกำลังส่องประกาย มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับอดใจรอไม่ไหวนี่เธอ… หากอยู่ในสภาพปรกติ ‘นักกระตุ้นอาวุโส’ อย่างเธอน่าจะควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่านี้… แถมยังได้เห็นสัญลักษณ์สำหรับเปิดประตูไปแล้ว… หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรงขณะบังคับหุ่นเชิดวาดสัญลักษณ์ของซาราธเพียงไม่นาน ดวงตาแนวตั้งอันซับซ้อนก็ถูกวาดจนเสร็จจากนั้น แสงบริสุทธิ์สว่างขึ้นพร้อมไล่ไปตามเส้นของสัญลักษณ์ จนกระทั่งมาบรรจบกันท่ามกลางแสงสว่างเจิดจ้า ประตูมายาที่เต็มไปด้วยความลึกลับโผล่ขึ้นบนผนัง เมื่อถูกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ออกแรงผลัก บานประตูค่อยๆ เปิดเข้าไปด้านในด้านหลังประตูคือทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินเก่า ตามผนังมีรูโหว่ บรรยากาศเงียบสงบ ปราศจากสิ่งผิดปรกติทันใดนั้น จู่ๆ ร่างของ ‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทียก็แตกกระจัดกระจายเหมือนเศษกระจกเพียงพริบตา สตรีในชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ชิงตัดหน้าเข้าไปใน ‘ประตู’ในมือของเธอมีตุ๊กตาที่น่าขยะแขยงอีกตัวหนึ่ง เลือดสีแดงเปรอะเปื้อน เส้นผมสีดำพันรอบลำคอส่วนตุ๊กตาในมือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ มันแตกกระจัดกระจายคล้ายเศษกระจกหากเป็นด้าน ‘กระจกลวงตา’ แม่มดสิ้นหวังเหนือกว่าไคลน์หลายเท่าขณะก้าวผ่านประตูไปเป็นคนแรก พานาเทียหันกลับมามองเกอร์มัน·สแปร์โรว์พลางเผยรอยยิ้มโรคจิต เพลิงสีดำลุกโชนบนฝ่ามือพร้อมกับแผดเผาตุ๊กตาทันใดนั้น คล้ายกับเธอกำลังพูดว่า : จงสิ้นหวัง จงหดหู่และทุรนทุรายหลังจากได้เห็นแสงแห่งความหวัง!ขณะเดียวกัน ไคลน์พบว่าคำสาปมิอาจถูกถ่ายโอนไปยังกระดาษคนตัวแทนได้!พานาเทียรีบหันหลังกลับ เตรียมหลบหนีออกจากหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยหมอก พยายามออกต่างจากวิหารให้มากที่สุด ด้วยกังวลว่าอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันทันใดนั้น ดวงตาหญิงสาวพลันแข็งทื่อร่างของเธอแตกกระจัดกระจายคล้ายกระจกอีกหลายครั้ง แต่กลับมิอาจออกห่างจาก ‘ประตู’ ได้เกินกว่าสิบเมตรเพียงหนึ่งถึงสองวินาทีถัดมา พานาเทียส่งเสียงกรีดร้อง พร้อมกับนำใยแมงมุมมายาและเส้นผมสีดำมารัดพันร่างกายตัวเอง ตามด้วยการสร้างเปลวไฟสีดำปกคลุม และทับด้วยชั้นน้ำแข็งหนาแต่ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ทุกสิ่งที่สร้างขึ้นพลันแตกสลาย ดวงตาพานาเทียเผยความสิ้นหวังและสำนึกเสียใจอย่างชัดเจนสีหน้าของหญิงสาวดำมืดอย่างรวดเร็ว ลำคอคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นดึงกระชาก คนทั้งคนลอยขึ้นไปในอากาศ จนกระทั่งถูกแขวนโทงเทงด้วยดวงตาเหลือกขึ้นจนเห็นสีขาว ใบหน้ายังคงงดงามไม่แปรเปลี่ยนใกล้กับประตูทางออก ร่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์ถูกคลอกด้วยเพลิงสีดำ ค่อยๆ ละลายคล้ายเทียนไข ส่วนมิสเตอร์ A ที่กำลังจะพุ่งออกจากประตู ร่างกายเริ่มชักกระตุกอย่างไร้เหตุผล อาเจียนเห็ดสีสันสดใสออกมาทีละดอก ตามผิวหนังมีเห็ดผุดขึ้นมากมายประหนึ่งหน่อไม้หลังฝนตกขณะที่ทัศนวิสัยของ ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ ยังคงไม่ดับไป ฉากด้านหลังประตูเริ่มสว่างขึ้นทีละนิดจนเผยให้เห็นห้องโถงว่างเปล่าไม่สิ ไม่ว่างเปล่าเลยสักนิด กลางอากาศมีศพถูกแขวนมากยิ่งกว่าในวิหาร ‘พวกเขา’ มีทั้งคนแก่และเด็ก ชายและหญิง แต่งกายหรูหรานำสมัย หรือไม่ก็โบราณ หรือไม่ก็แต่งตัวตามสบายศพเหล่านี้ถูกแขวนในลักษณะเดียวกับวิหาร ลอยค้างกลางอากาศ เรียงชิดติดกันหนาแน่น ราวกับเป็นคณะละครเวทีหรือนักร้องประสานเสียงของเมืองเล็กๆ สักแห่ง!ไคลน์พบว่า ด้านหลังศพที่ถูกแขวนเหล่านี้มีหนวดรยางค์โปร่งใส ผิวหนวดมีลวดลายซับซ้อนและลึกลับ คล้ายกับจะทำให้ทุกคนที่จ้องมองมีอันต้องเสียสติหนวดรยางค์จำนวนมหาศาลยื่นยาวเข้าไปในส่วนลึกของห้องโถง ณ ที่นั่นมีบัลลังก์หินเก่าแก่ขนาดมหึมา เลี่ยมด้วยทองคำและอัญมณีล้ำค่ามากมายนี่มัน… เมื่อหัวใจเริ่มเต้นแรง ไคลน์ไม่ลังเลที่จะหลับตาลงและตัดการเชื่อมต่อกับหุ่นเชิด!ในใจชายหนุ่มผุดฉากที่เคยเห็นจากพลังทำนายหนอนแมลงโปร่งใสจำนวนมหาศาลกำลังรวมตัวกันบนบัลลังก์ยักษ์ ยุบพองเชื่องช้า แผ่ขยายหนวดรยางค์ล่องหนและฉากสุดท้ายที่หุ่นเชิดได้เห็น ด้านล่างของบัลลังก์โบราณ ไพ่ทาโรต์ใบหนึ่งนอนอยู่อย่างเงียบงันหน้าไพ่ยังคงเป็นจักรพรรดิโรซายล์ สวมผ้าโพกหัวหรูหรา เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด ถือไม้เท้าที่ส่วนปลายห้อยถุงสัมภาระ คล้ายกับเตรียมออกเดินทางไปยังสถานที่ห่างไกลสีหน้าแฝงความโหยหา ด้านข้างมีลูกสุนัขตัวหนึ่งเดินตาม มุมบนสุดมีข้อความที่เรียงร้อยจากแสงดวงดาว :“ลำดับ 0 : เดอะฟูล!”
คอมเม้นต์