ราชันเร้นลับ 828 : ท่วงทำนองแห่งค่ำคืน
ราชันเร้นลับ 828 : ท่วงทำนองแห่งค่ำคืน
ดินแดนแห่งความฝันที่ไคลน์สร้าง มีพื้นฐานมาจากบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน เสกหญิงงามจำนวนมากรายล้อมดอน·ดันเตส สร้างภาพลักษณ์เศรษฐีที่มีความรู้และประสบการณ์ แต่ต้องอดทนอย่างหนักในโลกแห่งความเป็นจริงเพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากข่าวลือ มีเพียงในความฝันเท่านั้นที่สามารถดื่มด่ำไปกับจินตนาการนั่งบนโซฟา รับไวน์แดงจากเด็กสาว ไคลน์ชิมอย่างไม่รีบร้อน พบว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบเปลี่ยนไปกะทันหัน เหล่าโคมไฟสว่างไสวที่ตกแต่งอย่างหรูหราพลันอันตรธานหาย กลายเป็นท่อระบายน้ำที่มืดมน เปียกชื้น และสกปรกถัดมา ชายหนุ่มเห็นระเบิดที่คุ้นเคยห้าอันในมือตัวเองนี่มันระเบิดที่เราวางไว้ไม่ใช่หรือ? ไคลน์สะดุ้งในตอนแรก แสร้งทำเป็นผงะ ทิ้งวัตถุระเบิดอย่างลนลาน มองไปรอบตัวอย่างระมัดระวังเมื่อไม่พบสิ่งผิดปรกติ ไคลน์บรรจงถอยหลังทีละก้าว ควานหาบันไดโลหะแนวตั้ง ปีนขึ้นอย่างชำนาญและรวดเร็ว ปิดฝาท่อระบายน้ำเมื่อกลับถึงถนนเบิร์คลุน ความฝันทั้งหมดแตกกระจัดกระจาย ปลุกให้ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นไคลน์ลืมตา ในห้องที่เกือบทึบ มองไปบนเพดานสีทอง นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ฝีมือของครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรม? ‘’อีกฝ่ายสามารถหลบหนีการติดตามของเหยี่ยวราตรี ซ่อนในละแวกใกล้เคียงเพราะกังวลว่า ‘จักรพรรดิมืด’ ที่เปิดโปงเบาะแสของตนจะปรากฏตัวอีกครั้ง จึงโน้มน้าวความฝันทีละคนเพื่อมองหาเป้าหมาย?เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะเรามีสติคมชัดในความฝันขณะถูกบุกรุก คงเผลอลงมือจุดระเบิดตามความเคยชิน… เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ความทรงจำดังกล่าวยังคงสดใหม่…โชคดีที่เราสรุปได้ว่า หนึ่งในกฎของ ‘นักเชิดหุ่น’ คือการพยายามอย่าออกหน้าฉากด้วยตัวเอง… ไม่ว่าจะสำรวจท่อระบายน้ำหรือแอบไปพบทริสซี่ เราจะใช้งานหุ่นเชิดเสมอ ต่อให้ระยะทางไกลเกินกว่าจะควบคุม ก็ต้องส่งร่างวิญญาณไปเชิดจากระยะไกลโดยมีมิติสายหมอกคอยกีดขวางการเชื่อมต่อ นอกจากนั้นยังพกพาวัตถุที่ขัดขวางพลังสอดแนมและทำนายถึง ช่วยให้อีกฝ่ายไม่สามารถค้นหาได้ว่าใครคือผู้ชักใยตัวจริง ไม่อย่างนั้น เราคงถูกพบตัวนานแล้ว อาจไม่ถึงแก่ความตาย แต่ก็ต้องหลบหนีออกจากเบ็คลันด์อย่างหมดสภาพ…คิดถึงตรงนี้ ไคลน์พบว่าตนค่อนข้างโชคดี เพราะในตอนที่ยังไม่รู้ว่ามีความลับใดซ่อนอยู่ในท่อระบายน้ำ ในตอนที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรม มันยังปฏิบัติตามกฎของ ‘นักเชิดหุ่น’ อย่างเคร่งครัด ช่วยให้รอดพ้นจากการถูกเปิดโปงตัวจริงเบ็คลันด์เป็นเมืองที่อันตรายมาก… ความประมาทเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้เกิดปัญหาบานปลาย… ไคลน์ถอนหายใจพลางสัมผัสได้ว่าโอสถ ‘นักเชิดหุ่น’ ถูกย่อยไปอีกเล็กน้อยรอจนกระทั่งอารมณ์สงบลง ชายหนุ่มพูดในใจดูเหมือนว่าครึ่งเทพรายนั้นยังอยู่ที่ถนนเบิร์คลุน… ซ่อนตัวอยู่ในบ้านเฮเซล และมีความเป็นไปได้สูงที่จะอยู่ใกล้เธอ…หึหึ… ถ้าอีกฝ่ายบุกรุกความฝันของเราก่อนหน้านี้สักหนึ่งถึงสองนาที ทางนั้นจะได้เห็น ‘อสรพิษแห่งชะตา’ วิล·อัสติน… แม้ว่าเทวทูตลำดับ 1 รายนี้จะอยู่ในสภาพอ่อนแอ แต่ก็ยังเป็นเทวทูตในเครือเดียวกับโอโรเลอุส ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับมือกับหัวขโมยอ่อนแอซึ่งมิอาจทำเรื่องง่ายๆ อย่างการสิงเฮเซลในฐานะปรสิต ไม่ต้องพูดถึงพลังพิเศษ ลำพังการเผยร่างสัตว์ในตำนานที่สมบูรณ์แบบ ก็มากพอจะทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส…พนันได้เลยว่า วิล·อัสตินคงมองเห็นอนาคตตรงนี้ จึงเลือกเข้าฝันเราในช่วงเวลาดังกล่าว หลีกเลี่ยงการถูกโจมตีโดยครึ่งเทพนิรนามแต่น่าเสียดาย… ใจจริงเราก็อยากสั่งสอนให้พวก ‘หัวขโมย’ ตระหนักว่า การบุกรุกดินแดนความฝันของคนอื่นในกรุงเบ็คลันด์ส่งเดช มีอันตรายมากแค่ไหนรออยู่… เลียวนาร์ดคงรู้ซึ้งเป็นอย่างดีแล้ว…ไคลน์หยุดความคิด แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาศัยความช่วยเหลือของการเข้าฌาน สะกดจิตตัวเองให้หลับสนิทอีกครั้งรอจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น ชายหนุ่มตื่นขึ้นตามธรรมชาติ แปลงโฉมกลายเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์พึมพำสวดวิงวอน“ช่วยบอกมาดามเฮอร์มิทว่า ยอมรับเงื่อนไข ‘วิธีฟื้นฟูความแข็งแกร่งชั่วคราว’ และพร้อมจะส่งสินค้าในช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนถึงต้นเดือนกรกฎาคม… คุณถามแบร์นาแดตได้เลยว่า พร้อมให้ผมไปพบเธอตอนไหน”สวดวิงวอนจบ ไคลน์เปลี่ยนกลับไปเป็นดอน·ดันเตส ลุกขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำ จัดการกับปัญหาส่วนตัวแปรงฟัน ล้างหน้า หลังจากที่ได้รับชีวิตชีวากลับคืนมา ชายหนุ่มถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าไปในมิติเหนือหมอก เปลี่ยนคำสวดวิงวอนให้เป็นภาพ โยนเข้าไปในดาวแดงสัญลักษณ์ของ ‘เฮอร์มิท’…หลังจากนำอนาคตกาลเทียบท่า ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียายืนมองแฟรงค์·ลีเดินเข้าไปในเขตท่าเรือด้วยสีหน้าคาดหวัง มองหาร้านสำหรับขายของ รวบรวมเงินสดได้มากถึงแปดพันปอนด์ หวังซื้อตะกอนพลังของ ‘ดรูอิด’ ให้ได้ หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมากุมหน้าผาก เกิดความลังเลเล็กๆ ในใจแม้ว่าเธอจะมั่นใจในเรื่องที่ ตนสามารถสยบแฟรงค์·ลีที่กลายเป็นดรูอิดด้วยความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับและพลังพิเศษ แต่เมื่อจินตนาการถึงความคิดพิสดารของอีกฝ่าย รวมถึงพลังที่สามารถทำในสิ่งเหนือจินตนาการ แคทลียาพบว่าปัญหาอาจไม่ง่ายดายขนาดนั้น เธอไม่อยากมีแตงโมอยู่บนศีรษะ ร่างกายปกคลุมด้วยรวงข้าวขณะถูกดึงเข้าไปในมิติเหนือสายหมอกเพื่อร่วมชุมนุมทาโรต์แต่เขายังไม่มีสูตรโอสถดรูอิด เรายังไม่ต้องกังวลว่าแฟรงค์จะกลายเป็นลำดับ 5 ในตอนนี้… แคทลียาดันกรอบแว่น พึมพำปลอบใจตัวเองทันใดนั้น สายหมอกสีเทาปกคลุมการมองเห็น ถ้อยคำเกอร์มัน·สแปร์โรว์ดังกังวานในหัวเทวทูตตอบตกลง? สีหน้าของ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ บรรเทาความตึงเครียด เผยรอยยิ้มเล็กๆ อย่างมิอาจควบคุมในวินาทีที่ได้เลือดของสัตว์ในตำนาน เธอจะเข้าใกล้ความเป็นครึ่งเทพเข้าไปทุกขณะ!ปัจจุบัน แคทลียามีสูตรโอสถ ‘ปราชญ์พิศวง’ อยู่ในมือ มีวัตถุดิบหลักที่ใช้คะแนนผลงานแลกจากนิกายมอสส์ และมีช่องทางหาวัตถุดิบรองอย่างครบถ้วนเดือนกรกฎาคมสินะ… กรกฎาคม… แคทลียาเม้มริมฝีปาก กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องกัปตัน…เช้าวันพฤหัสบดี ไคลน์เพิ่งจบคาบเรียนวรรณคดีโบราณ ได้ยินเสียงสวดวิงวอนที่ดังซ้อนทับจนฟังไม่ออกส่งตัวเองเข้าไปในมิติหมอก ชายหนุ่มพบว่าผู้สวดคือ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาพลเรือเอกดวงดาวขอให้มิสเตอร์ฟูลแจ้งกับเดอะเวิร์ลว่า ราชินีเงื่อนงำตอบตกลงตามคำขอ หากยังอยู่ในกรุงเบ็คลันด์ จุดนัดพบคือตลิ่งฝั่งทิศใต้ของแม่น้ำทัสซอค ใกล้กับทางขึ้นสะพาน เวลาห้าทุ่มตรงแบร์นาแดตยังคงอยู่ที่เบ็คลันด์… ไคลน์เสกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ขึ้นมาตอบตกลงเวลา 22 นาฬิกา 58 นาที ชายหนุ่มเข้าห้องน้ำ ดึงชายกระดาษออกจากกระเป๋าเป๊าะ!ไคลน์สะบัดข้อมือ เปลี่ยนเศษกระดาษให้กลายเป็นดอน·ดันเตส นั่งบนชักโครงในห้องน้ำ ถือหนังสือในสภาพเหม่อลอยจากนั้น ส่วนสูงของชายหนุ่มลดลงสี่เซนติเมตร ใบหน้าซูบลม โครงหน้าชัดลึก กลายเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์โดยสมบูรณ์ถัดมา ถุงมือข้างซ้ายเริ่มโปร่งใส ด้านในมีเงามายานับไม่ถ้วนไคลน์มองเห็นสีสันรอบตัวทวีความฉูดฉาด ซ้อนทับ ก่อนที่ร่างกายจะเลือนหายไปจากโลกความจริงชายหนุ่มพุ่งผ่านโลกวิญญาณด้วยความเร็วสูง ปรับทิศทางตามตำแหน่ง เพียงไม่กี่วินาทีก็มาถึงตลิ่งฝั่งทิศใต้ของแม่น้ำทัสซอค ใกล้กับสะพานเบ็คลันด์ปัจจุบันไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาบนสะพาน บรรยากาศเงียบเชียบ มีเพียงกลุ่มทหารที่ยืนเฝ้าสะพานอยู่ไม่ห่างขณะไคลน์กำลังมองหา ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดต สายตาเหลือบไปเห็นเถาวัลย์ห้องลงมาจากฟ้า ถักสานกลายเป็นป่าทึบไม่มีใครเห็นจุดยอดของ ‘ผืนป่า’ เนื่องจากเถาวัลย์ถักทอกลายเป็นหลายเส้นทาง บ้างตัดผ่านไปมา บ้างวงเป็นเกลียว ลอยสูงขึ้นไปสุดลูกหูลูกตาไคลน์ผงะไม่นาน เลือกเดินบนเส้นทางที่ถักจากเถาวัลย์กลางอากาศ ย่างกรายทีละก้าวอย่างใจเย็นผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ชายหนุ่มพบเถาวัลย์สานกันเป็นที่นั่งคล้ายเปลญวน แกว่งไปมาเบาๆ บนมุมสูงของเมือง‘ราชินีเงื่อนงำ’ นั่งอยู่ที่นั่น สวมเสื้อเชิ้ตทรงอินทิสและแจ็คเก็ตสีดำเข้ม เอวห้อยดาบเรเพียร์เล่มบาง แต่งกายเกือบเต็มสูบในมาดกัปตันเรือยกเว้นเพียงการสวมหมวกแตกต่างจากตอนที่เคยติดต่อกับเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ในกรุงเบ็คลันด์ เธอมิได้เผยเพียงรองเท้าบูตคู่เดียว แต่ยังรวมถึงเส้นผมยาวสลวยที่พาดลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาสีฟ้าลุ่มลึก แบร์นาแดตเปล่งเสียงแผ่วเบาราบเรียบ“ขอฝากคำขอบคุณไปถึงบุคคลที่อยู่เบื้องหลังคุณด้วย”หืม… ยังยำเกรงมิสเตอร์ฟูลอยู่บ้างสินะ… บางที คำตอบก่อนๆ ของเราอาจช่วยขจัดความสับสนให้เธอ… เนื่องจากกำลังสวมหน้ากากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ไคลน์ตอบสุภาพ“ตกลง”แววตาแบร์นาแดตยังไม่แปรเปลี่ยน ถามขณะจ้องหน้า“คราวนี้ต้องการสิ่งใด?”ไคลน์เงียบงันสักพัก กล่าวหลังจากเรียบเรียงคำพูด“ผมอยากให้คุณจำลองสภาวะ ‘ถูกกัดกร่อน’ ที่เกิดจากแก่นผนึกของประตูยานิสแห่งโบสถ์รัตติกาล”กล่าวจบ ไคลน์บังคับให้ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลปรากฏตัวข้างๆแบร์นาแดตจ้องพลเรือเอกโลหิตสักพัก ไม่ถามว่าทำไมเชอร์ล็อก·โมเรียตี้หรือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ถึงทราบว่าเธอทำได้“สำหรับโบสถ์รัตติกาล แก่นผนึกของแต่ละวิหารจะแตกต่างกัน ลักษณะการสึกกร่อนย่อมไม่เหมือนกัน… ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นเส้นทางรัตติกาล มรณา หรืออื่นๆ … และยังต้องรู้ด้วยว่า เป็นวิหารหลักของมุขมณฑล หรือวิหารย่อยทั่วไปในเมือง”แบร์นาแดตมิได้เอ่ยถึงสำนักงานใหญ่ของศาสนจักรรัตติกาล ‘มหาวิหารสุขสงบ’ เพราะที่นั่น แม้แต่เทวทูตก็ยังมิกล้าคิดจะลงมือทำสิ่งใดไคลน์เล่าตามจริง“มหาวิหารหลักของมุขมณฑล เส้นทางรัตติกาล”‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตพยักหน้ารับ“ฉันสามารถกัดกร่อนได้ แต่หากใช้วิธีนี้ หุ่นเชิดของนายจะต้องชำรุดอย่างมิอาจเลี่ยง ในตอนแรกอาจใช้งานได้ตามปรกติ จนกระทั่งเวลาล่วงเลย การกัดกร่อนทวีความรุนแรง เขาจะค่อยๆ หลับใหลและไม่ฟื้นขึ้นมาอีก”“ยืดอายุขัยออกไปได้ไหม?” ไคลน์ถามอย่างไม่เต็มใจหุ่นเชิด ‘พลเรือเอกโลหิต’ คือทรัพย์สินที่มิอาจประเมินค่าได้!แบร์นาแดตพูดเสียงเรียบ“นานที่สุดสองเดือน”ไคลน์ครุ่นคิดสองสามวินาที ตอบเสียงเรียบ“ตกลง”ชายหนุ่มทาบมือลงบนหน้าอก แสดงความเคารพ“ขอบคุณที่ช่วย”‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตไม่กล่าวคำใด เพียงถอนสายตากลับ เหยียดมือขวาออก เกิดเป็นอักขระภาษาคนยักษ์ มังกร เอลฟ์ และเฮอร์มิสโบราณขึ้นกลางอากาศภาษาเหล่านี้เจิดจ้าเหมือนดวงดาว ถักทอเป็นสัญลักษณ์แปลกตา คล้ายกับประตูลับที่เชื่อมต่อกับส่วนลึกของโลกวิญญาณประตูลับดังกล่าวเปิดแง้ม สายลมกระโชกพัดผ่านออกมาพร้อมกับสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ร่างกายท่อนบนเป็นผู้ชายห่มผ้าขาว“แตรนิทรา” แบร์นาแดตกล่าวเสียงนุ่มนวลแต่สง่างามชายที่มีเพียงร่างกายท่อนบน ท่อนล่างเป็นสายลม ตอบสนองอย่างนอบน้อมพลางนำกะโหลกศีรษะมนุษย์ออกจากเศษผ้าขาวเบ้าตาของกะโหลกจมลึกและมืดสนิท มองไม่เห็นก้นบึ้ง ส่วนที่เหลือของกะโหลกเต็มไปด้วยรอยร้าวและรูโหว่ เนื้อกระดูกขาวโพลนราวกับหยกแบร์นาแดตหยิบ ‘แตรนิทรา’ จ้องหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์และพูด“คุณถอยออกไปก่อน อย่างน้อยห้าสิบเมตร”ไคลน์ไม่ถามถึงเหตุผล ปล่อยวิญญาณอาฆาตไว้ในตำแหน่งเดิม ส่วนตัวเองถอยหลังรวดเร็วจนกระทั่งไกลกว่าห้าสิบเมตร ชายหนุ่มได้ยินท่วงทำนองอันสงบสุขที่แฝงด้วยความเศร้าและหมองหม่นไคลน์เงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ มองไปยังจุดที่ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์ แบร์นาแดตกำลังนั่งลงในสภาพหลังงอเล็กน้อย ยกกะโหลกมนุษย์ขึ้นมาจ่อปาก เป่าลมเข้าไปจนเสียงลอดผ่านช่องว่าง เกิดเป็นท่วงทำนองอันไพเราะในยามค่ำคืนบรรยากาศเปี่ยมด้วยความสุขสงบเจือความเศร้า แต่ทหารยามด้านล่างผืนป่าเถาวัลย์กลับไม่พบความผิดปรกติไคลน์ยังคงยืนอยู่ในจุดเดิม ตั้งใจฟังทำนองพร้อมกับเริ่มคิดถึงบ้านความรู้สึกคล้ายกับออกเดินทางมาอย่างยาวนาน และกำลังหวนนึกถึงบ้านที่โหยหาที่สุดที่ไม่มีวันได้กลับไป
คอมเม้นต์