ราชันเร้นลับ 825 : จองตัว
ได้ยินคำถามจากมิสเตอร์แฮงแมน เดอร์ริคตอบกระอักกระอ่วน“ยังเลยครับ… ผมถูกมอบหมายให้ลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง จึงไม่ว่างไปสืบสวน”อัลเจอร์ไม่ประหลาดใจ แต่สงสัยในบางประเด็น“ทำไมถึงไม่ขอให้กลุ่มเพื่อนช่วย? คุณไม่จำเป็นต้องบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงหรือภาพรวม แต่แบ่งงานออกเป็นขอบเขตเล็กๆ ให้แต่ละคนแยกกันรวบรวมข้อมูล และด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะไม่ตกเป็นเป้าสงสัย”‘เดอะซัน’ เดอร์ริคเงียบสักพัก“…ผมไม่มีเพื่อน”ก่อนที่พ่อแม่จะเสียชีวิต มันมีเพื่อนเพียงส่วนหนึ่งจากชั้นเรียนและสนามฝึก เพราะท้ายที่สุดแล้ว เพื่อนรุ่นเดียวกันในเมืองเงินพิสุทธิ์นั้นมีไม่มาก ส่วนใหญ่เคยเห็นหน้ากันหมด บ้างสนิทกัน บ้างทำงานร่วมกัน แต่หลังจากสูญเสียพ่อและแม่ เดอร์ริคก็กลายเป็นคนเก็บตัวทันที ผนวกกับการต้องกุมความลับของชุมนุมทาโรต์ จึงตีตัวออกหากจากเพื่อนฝูงโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นคนแปลกแยกและเก็บตัว แขกคนสุดท้ายที่มาเยี่ยมบ้านคือดาร์ก·รีเจนซ์ซึ่งถูกพระผู้สร้างแท้จริงกัดกร่อน‘แฮงแมน’ อัลเจอร์พูดไม่ออกไปสักพัก ก่อนจะตอบหลังจากนึกทบทวนคำพูด“แบบนี้ไม่ดี… คุณไม่สามารถช่วยเมืองเงินพิสุทธิ์ได้ด้วยตัวคนเดียว จำเป็นต้องพึ่งพาพวกพ้องในยามสำคัญ”“ต…แต่ว่า พวกเขาอาจสงสัยในตัวผม” เดอะซันลังเลอัลเจอร์ตอบเสียงขรึม“ถูกสงสัยย่อมดีกว่าปล่อยให้ทุกสิ่งพังทลาย… เมืองเงินพิสุทธิ์กำลังเผชิญวิกฤติ สิ่งใดสำคัญกว่ากัน คุณต้องคิดให้รอบคอบ… หากหวังผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ ระหว่างทางต้องเกิดการเสียสละ หรือคุณอยากให้การเสียสละของพวกเขาสูญเปล่า?”อัลเจอร์ไม่พูดต่อ ปล่อยให้เดอร์ริคต่อสู้กับความลังเลในใจมิสเตอร์แฮงแมนโน้มน้าวเก่งฉิบ… ไคลน์ถอนหายใจ บังคับให้เดอะเวิร์ลหันไปมองจัสติส“ตอนนี้คุณรักษาอาการทางจิตที่ค่อนข้างรุนแรงได้ไหม?”พลัง ‘นักจิตบำบัด’ ที่ไคลน์ทราบมีเพียง ‘ก่อโรคประสาท’ และ ‘มังกรข่มขวัญ’ ไม่ค่อยมีข้อมูลด้านอื่นมากนัก อาจเคยได้ยินจัสติสพูดถึงพลัง ‘ปลอบโยน’ และ ‘การชี้นำทางจิต’ อยู่บ้างอย่างคลุมเครือ แต่ก็ไม่มากพอจะตีกรอบความสามารถในการรักษา‘จัสติส’ ออเดรย์สะดุ้งเล็กน้อย ตอบกลับอย่างกระตือรือร้น“รักษาได้ ไม่มีปัญหา… มิสเตอร์เวิร์ล คุณมีเพื่อนที่ต้องการรักษาหรือ?”เรากำลังขาดแคลนคนไข้พอดี! หญิงสาวตื่นเต้นเล็กน้อยทันใดนั้น เอ็มลินยกมือขวาขึ้นมาปิดปากและจมูกตัวเอง คล้ายกับรู้คำตอบอยู่แล้วไคลน์ถอนหายใจแผ่ว บังคับให้เดอะเวิร์ลหัวเราะ“เปล่า… คนไข้คือผมเอง”ท่ามกลางพระราชวังอันงดงาม บรรยากาศการชุมนุมเงียบสงัดในพริบตา‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สต่างก็ทราบว่ามิสเตอร์เวิร์ลเป็นนักผจญภัยเสียสติ แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีอาการทางจิตอย่างรุนแรงจนใกล้บ้า!นี่คือราคาของความแข็งแกร่ง? ฟอร์สยิ่งทวีความกลัวที่มีต่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์กับนักผจญภัยเสียสติ พวกตนยังพอสื่อสารรู้เรื่อง แต่ไม่ใช่กับคนบ้า!‘เทียนไขจิตฝันร้าย’ ไม่ช่วยให้อาการของเขาหายขาด? โรคลุกลามจนเข้าสู่ภาวะรุนแรงแล้ว? ‘เดอะมูน’ เอ็มลินตื่นตระหนกเมื่อพบว่า ‘เดอะเวิร์ล’ พร้อมเสียสติได้ทุกเมื่อ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำได้แค่ห่วงใยมิสเตอร์เวิร์ลอยู่ห่างๆ จริงอยู่ มันอยากบอกว่าเมืองเงินพิสุทธิ์เองก็มีนักจิตบำบัดที่เชี่ยวชาญ แต่เมื่อลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เด็กหนุ่มพบว่าจะมีปัญหาตามมามากเกินไป จึงทำได้เพียงปิดปากเงียบ ภาวนาให้มิสจัสติสสามารถรักษา‘จัสติส’ ออเดรย์ทั้งตกตะลึงและมึนงง ซักถามหลังจากไตร่ตรอง“มิสเตอร์เวิร์ล จากการสังเกตของดิฉัน คุณไม่น่าจะมีอาการทางจิตรุนแรงถึงขั้นนั้น… ถ้าแค่กังวลหรือรู้สึกกดดัน ลำพังการควบคุมตัวเองและผ่อนคลายจิตใจอย่างสม่ำเสมอก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องรักษา”‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์เผยรอยยิ้มอีกครั้ง“ที่คุณไม่พบเพราะอาการทางจิตก่อนหน้าถูกรักษาจนหายขาดแล้ว… ผมแค่นัดแนะไว้ก่อน หากในอนาคตมีสัญญาณที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นอีก ผมจะได้ถูกรักษาอย่างทันท่วงที”อย่างนี้นี่เอง… ‘จัสติส’ ออเดรย์พยักหน้าโล่งอกเธอรู้สึกสงสารเดอะเวิร์ลขึ้นมาจับใจ อีกฝ่ายเป็นถึงผู้วิเศษที่สามารถ ‘ล่า’ ลำดับ 5 ได้หลายรายภายในหนึ่งสัปดาห์ เป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล มีพลังแข็งแกร่งจนผู้คนต่างพากันหวาดผวา มีจิตใจดีเหมือนคนปรกติ แต่กลับต้องถูกอารมณ์เชิงลบมากมายกัดกร่อนจากภายใน ค่อยๆ ก้าวไปสู่ก้นบึ้งแห่งความเจ็บปวดครุ่นคิดสองสามวินาที ออเดรย์กล่าวอย่างจริงใจ“ขึ้นอยู่กับจุดนัดพบ ถ้าดิฉันเอื้อมถึง นั่นไม่มีปัญหา”หลังจากผ่านพ้นพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะ ออเดรย์ได้รับอิสระในระดับหนึ่ง สามารถไปพักร้อนในปราสาทที่ตระกูลครอบครอง หรือจะไปพักร้อนในเมืองสโตนซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นเชสเตอร์ตะวันออกก็ได้ ทว่า เสรีภาพยังคงถูกตีกรอบไว้เล็กน้อย เธอไม่สามารถไปได้ทุกหนแห่งตามใจต้องการ เว้นเสียแต่ในอนาคตจะเข้าร่วมกับองค์กรการกุศลของโบสถ์เทพธิดารัตติกาล“ตกลง” ไคลน์ที่ครอบครองพลัง ‘นักท่องเที่ยว’ ในถุงมือ ถอนหายใจผ่อนคลาย บังคับให้เดอะเวิร์ลตอบ “ถึงตอนนั้น คุณเป็นฝ่ายกำหนดสถานที่และเตรียมวิธีนัดพบซึ่งจะไม่เปิดเผยตัวเอง”‘จัสติส’ ออเดรย์ ‘อืม’ ในลำคอ ผุดฉากหนึ่งในใจเธอและมิสเตอร์เวิร์ลกำลังนั่งอยู่ในกล่องสองใบสักแห่ง สนทนากันระหว่างแผ่นไม้เพื่อรักษาอาการทางจิตในสถานการณ์ดังกล่าว มิสเตอร์เวิร์ลไม่มีทางรู้ตัวจริงของเรา… แต่เขาคงไม่สนใจ ขอเพียงได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพก็พอ… กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าเราจะออกไปเองไม่ได้ ก็ยังสั่งให้ซูซี่ไปแทนได้! มิสเตอร์เวิร์ลต้องไม่เชื่อแน่ว่าเขาถูกรักษาด้วยหมา~ ไม่สิ… ซูซี่ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของชุมนุมทาโรต์ คงให้เธอช่วยรักษาแทนไม่ได้… ขณะครุ่นคิด ออเดรย์กำลังมีความสุขจากการกลั่นแกล้งที่ตนคิดขึ้น พยายามอย่างหนักในการยับยั้งมุมปากเมื่อได้ข้อสรุป ไคลน์นึกถึงคำถามอื่น บังคับให้เดอะเวิร์ลมองหน้า ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและถาม“คุณเตรียมลังระเบิดให้ผมได้ไหม?”มันเชื่อว่าอีกฝ่ายที่เป็นพลเรือโจรสลัด ย่อมต้องมีช่องทางจัดเตรียมวัสดุประเภทนี้!“ได้สิ… เอาเมื่อไร?” แคทลียามิได้ถามถึงเหตุผลเกอร์มัน·สแปร์โรว์ฆ่าผู้วิเศษลำดับ 5 ไปมากมาย กับแค่ลังระเบิดถือเป็นเรื่องเล็กน้อย“ส่งมาพร้อม ‘นิ้วขาด’ ได้เลย” ไคลน์บังคับให้หุ่นเชิดเดอะเวิร์ลถาม “เท่าไร?”แคทลียาตอบเสียงเรียบ“คิดว่าเป็นของแถมจาก ‘นิ้วขาด’ ก็แล้วกัน”ลังระเบิดมีราคาไม่แพงในทะเล ค่อนข้างถูกด้วยซ้ำเยี่ยม… ไคลน์พึมพำเงียบ บังคับเดอะเวิร์ลผงกศีรษะและเตือนความจำทุกคน“ภาพที่เห็นไปเมื่อครู่ อย่าพยายามนึกถึงบนโลกความจริง ไม่ต้องพูดถึงการวาดซ้ำ”‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือ ชำเลืองสายตาไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวตามจิตใต้สำนึก เมื่อพบว่ามิสเตอร์ฟูลมิได้คัดค้าน บรรยากาศพลันตึงเครียดทันที ไม่มีใครกล้าเพิกเฉยนั่นทำให้แคทลียาที่กำลังจะเขียนปรึกษาราชินีเงื่อนงำเกี่ยวกับภาพวาด ต้องหยุดความคิดเอาไว้ก่อน ค่อยหาวิธีที่มีผลกระทบต่ำในการติดต่อภายหลังผ่านไปไม่นาน ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระจบลง มิติเหนือสายหมอกสีเทากลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง…กลับถึงอนาคตกาล ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียายืนริมหน้าต่างห้องกัปตัน เห็นได้ชัดว่าเกิดความลังเลอยู่พักใหญ่จนกระทั่งเธอสูดลมหายใจเข้าออก เปิดประตูห้องกัปตันพลางดันกรอบแว่นขึ้น เดินลงไปยังห้องแฟรงค์·ลีเมื่อไม่นานมานี้ รองกัปตันอนาคตกาลได้รับการลงมติให้ถูก ‘อัปเปหิ’ ไปอาศัยด้านล่างสุดของเขตห้องโดยสาร เพื่อที่ผลผลิตในการทดลองจะได้ไม่แพร่กระจายเป็นวงกว้างในยามเกิดอุบัติเหตุแฟรงค์·ลีค่อนข้างพึงพอใจ เนื่องจากมีพื้นที่เพิ่มขึ้นมาก และสภาพแวดล้อมเข้าเงื่อนไข ‘มืดสนิท’ก๊อก ก๊อก ก๊อก! แคทลียาเดินลงมาถึงชั้นล่าง ใช้นิ้วเคาะประตู“เดี๋ยว!” แฟรงค์·ลีโพล่งเสียงดัง ไม่มีใครทราบว่ากำลังทำอะไรราวหนึ่งนาทีถัดมา มันเปิดประตูห้องในสภาพพับแขนเสื้อขึ้น ถามด้วยความสงสัย“กัปตัน มีอะไรหรือ?”แคทลียาไม่ตอบทันที อาศัยเนตรมองกลางคืนจ้องเข้าไปในความมืด พบปลาตัวใหญ่สีน้ำเงินนอนบนโต๊ะในสภาพดวงตาเบิกโพลง ถั่วงอกสีเขียวงอกตามช่องว่างเกล็ด บ้างเติบโตเป็นรวงข้าวสาลี“สำเร็จแล้วหรือ?” แคทลียาถามพลางยับยั้งชั่งใจไม่ให้ถอยหลังแฟรงค์พยักหน้าอย่างมีความสุข ก่อนจะส่ายศีรษะแผ่วเบา“ยัง… แต่ก็มีความคืบหน้ามากแล้ว! ผมผสมข้าวสาลีกับเซลล์ของนักบวชกุหลาบเข้าด้วยกันจนได้ผลผลิตขั้นต้น เมื่อนำสิ่งนี้ไปใส่ในท้องปลาซึ่งปลอดแสง พวกมันสามารถเจริญเติบโตได้ด้วยการกินเลือดเนื้อของปลา… แต่ปัญหาในปัจจุบันก็คือ ผมอยากให้พืชชนิดใหม่เติบโตด้วยการกินซากศพสัตว์ประหลาด จำเป็นต้องขจัดความบ้าคลั่งและสารพิษออกเสียก่อน… นอกจากนั้น การขยายพันธุ์ยังเป็นปัญหา ไม่มีทางที่นักบวชกุหลาบจำนวนมากจะอาสาช่วยผลิตพืช ดังนั้น นอกจากต้องดูดซับสารอาหารจากซากศพได้ดี ยังต้องมีความสามารถในการแบ่งตัว”หลังจากฟังคำอธิบายจบ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาดันกรอบแว่นขึ้น“ถ้ามนุษย์กินเข้าไป พืชชนิดนี้จะเติบโตด้วยการดูดซึมเลือดเนื้อไหม? รวมถึงการแบ่งตัว?”แฟรงค์·ลีครุ่นคิดสักพัก“ในทางทฤษฎีคงไม่ เพราะไม่มีใครกินพวกมันดิบๆ … อา ผมต้องทดลองในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิสูงด้วยสินะ… ไม่สิ ตราบใดที่ยังแบ่งตัวไม่ได้ ทดลองไปก็เปล่าประโยชน์…”ได้เห็นแฟรงค์·ลีสับสนในตัวเอง แคทลียาเกินความลังเลอีกครั้งผ่านไปสักพัก หญิงสาวกล่าวอย่างเชื่องช้า“ฉันสามารถซื้อตะกอนพลังของดรูอิดได้ คุณสนใจไหม?”“แน่นอน!” แฟรงค์ออกท่าทางตื่นเต้น “ในหลายๆ ครั้ง แนวคิดของผมถูกตีกรอบไว้ด้วยความสามารถ!”นี่มัน… ยังเปลี่ยนใจทันไหม… แคทลียาอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้……………………………………..
คอมเม้นต์