ราชันเร้นลับ 820 : ภวังค์ที่สอง
ราชันเร้นลับ 820 : ภวังค์ที่สอง
ใครกัน? ในฐานะเจ้าพนักงาน ซิลมีสัญชาตญาณในการสะกดรอยและระวังตัวเป็นเลิศ สมองเริ่มตึงเครียด ความคิดมากมายแล่นผ่าน ใคร่ครวญในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดตลอดสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ใหญ่ที่ควรค่าแก่การใส่ใจ อาชญากรที่จับได้ก็ไม่ใช่ผู้วิเศษ อย่างมากก็คงเป็นเรื่องที่ตนเชื่อมโยงกับแก๊งอันธพาลบางกลุ่ม แต่คงไม่มีใครคิดจะกำจัดนักล่าค่าหัวคนดังของเขตตะวันออกเพียงเพราะพวกมัน ส่งผลให้ซิลตีกรอบแคบลงอย่างรวดเร็ว เดาได้เลือนรางว่าคนที่แอบจับตามองมาจากฝ่ายไหนชุมนุมแสงเหนือ? คราวก่อน เราไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงของมิสเตอร์ X และที่นั่นเกิดอุบัติเหตุขึ้น ได้ยินว่าจุดเกิดเหตุมีสภาพค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ… คนของ MI9 บอกกับเราว่า มิสเตอร์ X ถูกฆ่าตายและนำศพกลับไป คนร้ายมีฝีมือระดับครึ่งเทพ… ชุมนุมแสงเหนือกำลังสืบหาว่าใครเป็นคนทำ? ทุกคนที่ถูกเชิญให้เข้าร่วมชุมนุมจึงเข้าข่ายผู้ต้องสงสัย? ซิลอาจมุทะลุและฉุนเฉียวในบางครั้ง แถมความคิดอ่านก็ยังเป็นเส้นตรง แต่หากเป็นเรื่องที่เธอชำนาญ จะสามารถจับประเด็นสำคัญได้รวดเร็วในคดีลอบสังหารมิสเตอร์ X แง่หนึ่งซิลก็โล่งใจที่ถูกฟอร์สลากตัวไปทำอย่างอื่น ช่วยให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุ ในอีกแง่หนึ่งก็มั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ สามารถทนต่อการสอบสวนได้จากทุกฝ่าย ดังนั้น ในตอนที่พบกับชายสวมหน้ากากจาก MI 9 เมื่อสัปดาห์ก่อน เธอตอบทุกคำถามอย่างมั่นใจ และรับหน้าที่สืบหาความจริงของคดี แต่น่าเสียดายที่ซิลเองก็ไม่ทราบว่า ชุมนุมลับดังกล่าวมีผู้วิเศษคนใดเข้าร่วมบ้าง มิอาจสืบลึกไปมากกว่าเดิมสุภาพบุรุษจาก MI9 บอกเราว่า คนของชุมนุมแสงเหนือ หากไม่ใช่พวกเสียสติ ก็คงใกล้เสียสติเต็มที ไม่สามารถใช้หลักตรรกะของคนทั่วไปในการคาดเดาพฤติกรรม… ถึงแม้พวกมันจะตรวจสอบและไม่พบปัญหาจากเรา แต่ก็มีโอกาสที่จะฆ่าทิ้งอย่างไร้เหตุผลเพื่อระบายความโกรธ หรือไม่ก็เพื่อข่มขวัญฆาตกรตัวจริง… ซิลเดินตรงไปด้วยความตึงเครียด เปลี่ยนแผนกิจกรรมในเขตตะวันตกใหม่หมดบนเส้นทางใหม่ ในกรณีที่ถูกโจมตี เธอสามารถขอความช่วยเหลือจากพวกพ้องได้ตลอดเวลา และมีโอกาสพอสมควรในการหลบหนีหรือจัดการกับคนร้ายขณะย่างกราย ซิลตกอยู่ในภวังค์กะทันหัน พบว่าตัวเองย้อนกลับมาที่บ้านในเขตเชอร์วู้ดตอนไหนก็มิอาจทราบได้ซิลเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเหม่อลอย ดื่มน้ำหนึ่งแก้ว ก่อนจะถูกฟอร์สตบไหล่“ไปที่เขตตะวันออกกับฉัน”ซิลผงะสองสามวินาที รู้สึกคุ้นเคยกับคำพูดดังกล่าว“ไปรวบรวมวัตถุดิบ?”ฟอร์สปฏิเสธทันควัน เล่าว่าเธอรับงานตามหาผงที่ภูตผีเหลือทิ้งไว้ และเนื่องจากวิญญาณของคนตายในสุสานใหญ่ๆ ถูกนักบวชของโบสถ์หลักปัดเป่าและส่งไปยังดินแดนทวยเทพหมดแล้ว จุดที่ยังหลงเหลือภูตผีจึงมีเพียงเขตตะวันออกซิลลังเลสักพัก“แต่ฉันต้องเข้าร่วมชุมนุมลับของมิสเตอร์ X… เลื่อนออกไปหนึ่งวันไม่ได้หรือ?”ฟอร์สทำหน้าบึ้งตึง อธิบายว่าเธอชอบทำงานแบบไฟลนก้น ใกล้ถึงกำหนดเส้นตายแล้วซิลถอนหายใจยาว ตกลงที่จะไปเป็นเพื่อนอีกฝ่าย ตามหาคนตายนิรนามในเขตตะวันออกขณะทั้งสองกำลังจะออกจากบ้าน ซิลถูกสายลมด้านนอกปะทะใส่ใบหน้าจนหนาวสั่น สะดุ้งตื่นกะทันหัน หางตามองเห็นนักดนตรีพเนจรคนหนึ่งกำลังนั่งดีดกู่เจิงเจ็ดสายตรงมุมตึก ร้องเพลงชนบทของหมู่บ้านทางใต้ซิลขมวดคิ้ว ยกมือลูบหน้าผาก ตระหนักว่ามีความผิดปรกติเกิดกับตัวเอง แต่ความทรงจำเลือนรางจนนึกไม่ออกหญิงสาวยังคงตื่นตัว เดินไปตามเส้นทางใหม่ที่กำหนดไว้ เข้าไปในผับที่ขายอาหารกลางวัน พบปะคนของเขตตะวันออกซึ่งคอยให้ข้อมูลเป็นครั้งคราวอีกฝ่ายคือชายวัยยี่สิบสี่ คิ้วถูกตัดแต่งจนบางเฉียบ ผมสีน้ำตาลประบ่า ใบหน้าดูดีกว่ามาตรฐาน แต่มีการแต่งแต้มด้วยเครื่องประดับราคาถูก มอบความรู้สึกขัดแย้งเล็กน้อย“เชอร์แมน วันนี้มีข่าวใหม่บ้างไหม” ซิลทักทายจากข้อมูลของเธอ ชายที่ชื่อเชอร์แมนคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิง แต่โชคชะตาเล่นตลก ทำให้เกิดมาในร่างผู้ชาย ชีวิตจึงต้องเผชิญความทุกข์ทรมานนานหลายปีจากการถูกกลั่นแกล้งเชอร์แมนยิ้มเล็กๆ แต่เห็นฟันขาว“สงบสุขมาก… และยังไม่มีสุภาพบุรุษคนใดชวนฉันดื่มเหมือนเดิม”“การดื่มไม่ใช่สิ่งที่ดี” ซิลเตือนขึงขัง เดินผ่านอีกฝ่ายไปที่เคาน์เตอร์เชอร์แมนจิบหนึ่งคำใหญ่ เดินออกจากประตูผับด้วยเอวที่ส่ายไปมา ตรงกลับห้องเช่าของตัวเองมันหยุดยืนหน้าประตูห้องตัวเองหลายสิบวินาที ก่อนจะขยับสองก้าวไปด้านข้าง เคาะประตูห้องข้างๆประตูไม้เปิดออกดัง ‘แอ๊ด’ เสียงสตรีทุ้มต่ำแต่ไพเราะดังออกมา“ตัดสินใจได้หรือยัง”เชอร์แมนเดินเข้าไปในห้อง ปิดประตูด้วยหลังมือ นั่งลงบนขอบเตียงและพูดกับสตรีในชุดสีดำ“ฉันยังไม่อยากเชื่อว่า จะมีของที่วิเศษขนาดนั้นอยู่”ในสายตามัน สตรีชุดดำมีใบหน้าค่อนข้างกลมกลึง ไม่เพียงจะสวยหวาน แต่ยังมีเสน่ห์ที่หลากหลายแน่นอน สำหรับเชอร์แมน อีกฝ่ายคือบุคคลที่น่าอิจฉา มิได้เกิดความหลงใหลสตรีในชุดดำตอบหน้านิ่ง“ก็เห็นรูปถ่ายของฉันในอดีตไปแล้วไม่ใช่หรือ”ดวงตาของหญิงสาวเจือความเศร้าโดยไม่รู้ตัว“แต่นั่นอาจจะเป็นพี่ชายหรือน้องชายฝาแฝดของคุณก็ได้ มันน่าเหลือเชื่อเกินไปที่ฉันจะกลับมาเป็นผู้หญิงได้อีกครั้ง” เชอร์แมนพูดด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงสตรีในชุดดำยิ้มหน้านิ่ง“ถ้าเธอคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของปลอม ก็เชิญกลับไปได้”เชอร์แมนกำหมัดแน่น เงียบงันหลายวินาทีก่อนจะตอบ“ฉ…ฉันจะลองดู แม้ว่าคุณอาจจะโกหก… แต่ฉันก็อยากเสี่ยง… ต้องจ่ายในราคาเท่าไร?”“คอยทำงานให้ฉันก็พอ ไม่ต้องห่วง งานทุกชิ้นคือสิ่งที่เธอสามารถทำได้” สตรีในชุดดำกล่าว “ในการจะเปลี่ยนเพศอย่างสมบูรณ์ เธอต้องดื่มน้ำยาวิเศษสามครั้ง และต้องบรรลุพิธีกรรมบางอย่าง… ไม่ต้องกังวล ฉันจะสอนให้เอง”กล่าวจบ สตรีชุดดำยิ้มจิกกัดตัวเอง“คิดชื่อผู้หญิงเตรียมไว้ได้เลย”…ตกกลางคืน ย่านสะพานเบ็คลันด์ ในตรอกแคบบนถนนประตูเหล็กซิลกำลังยืนใต้โคมไฟถนนที่ถูกใครบางคนทุบทำลาย นึกทบทวนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าหลังจากยืนยันว่าตนไม่ถูกสะกดรอย เธอย้อนกลับไปยังเขตเชอร์วู้ด แอบสังเกตฟอร์ส พบว่าเพื่อนสนิทของตนไม่ได้ออกไปไหนเลย ยังอยู่บ้านตามปรกติ อ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารจำนวนมาก และมีการขึงผ้าม่านหมกตัวอยู่ในห้องนานกว่าหนึ่งชั่วโมง คล้ายกับกำลังทำความเคยชินกับพลังพิเศษ จนกระทั่งไม่มีอะไรให้ทำ ฟอร์สหยิบสมุดเล่มใหม่ออกมาเปิด เขียนเกี่ยวกับนิยายเรื่องใหม่ราวสิบห้านาทีก่อนจะฉีกออกและขยำทิ้งถังขยะเธอสูบบุหรี่มากเกินไป… ดื่มมากเกินไป… ซิลแอบขบกราม จนกระทั่งชำเลืองเห็นชายสวมสูทสีดำเดินออกจากเงามืดอีกฝั่งของตรอกแคบชายคนนี้มีรูปร่างสูงโปร่ง สวมหน้ากากทองคำปกปิดรูปลักษณ์ เผยเพียงดวงตา จมูก ปาก และแก้ม ไม่ใช่ใครนอกจากคนของ MI9 ที่ติดต่อกับซิล“มีเรื่องด่วนอะไร” มันถามเข้าประเด็นแม้ซิลจะเตี้ยกว่ามาก แต่บุคลิกยังคงแข็งกร้าว“ฉันถูกสะกดรอยที่เขตตะวันออก สงสัยว่าจะเป็นคนของชุมนุมแสงเหนือ พวกมันพยายามสืบหาสิ่งที่เกิดขึ้นในการชุมนุมครั้งสุดท้ายของมิสเตอร์ X”หัวข้อที่ซิลเตรียมไว้ในตอนแรกก็คือ เธอพบเบาะแสที่ยังไม่ได้รับการยืนยันของเป้าหมายที่ MI9 ฝากฝังให้เธอไปสืบ เป็นข้ออ้างในการขอนัดพบฉุกเฉินเพื่อเปลี่ยนไปทำภารกิจอื่น แต่เมื่อถูกสะกดรอยโดยคนของชุมนุมแสงเหนือในตอนเช้า การนัดพบครั้งนี้จึงมีน้ำหนักขึ้นมาทันที“พวกชุมนุมแสงเหนือมักเสียสติแบบนี้ ทั้งที่รู้ว่าทางเรากำลังสืบคดีไปพร้อมกับหาตัวพวกมัน ก็ยังออกมาทำอะไรโง่ๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงถูกโจมตีจนได้รับความเสียหายบ่อยครั้ง” ชายสวมหน้ากากทองยิ้ม “ว่ากันตามตรง ผมประหลาดใจมากที่พวกมันไม่ออกมาล้อมจับคุณตรงๆ และพาตัวไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ปิดท้ายด้วยการฆ่าและสื่อวิญญาณ”ขณะซิลกำลังจะตอบว่า คนของชุมนุมแสงเหนือสะกดรอยเธอไม่นาน แต่ก็นึกได้ว่าระหว่างนั้นตนตกอยู่ในภวังค์ประหลาด จึงตัดสินใจเล่าให้อีกฝ่ายฟัง“ฉันไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มีช่วงหนึ่งที่ฉันรู้สึกเหม่อลอยและสับสน จำไม่ได้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่”ชายสวมหน้ากากทองเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบ“ยกเลิกการสืบสวนคดีที่คุณรับผิดชอบอยู่… ชุมนุมแสงเหนือให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่าที่คิด ผมจะไปรายงานเบื้องบน… อ้างอิงจากที่คุณเคยรายงาน มีผู้วิเศษจำนวนมากถูกชักชวนแต่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม?”ซิลพยักหน้า“ในทุกการชุมนุม จำนวนคนเข้าร่วมจะมีไม่ถึงหนึ่งในสามของสมาชิกที่ถูกเชิญ… แต่เรื่องนี้ถือเป็นเหตุการณ์ปรกติของชุมนุมลับ ไม่เว้นแม้แต่ของมิสเตอร์ X”ชายสวมหน้ากากทองครุ่นคิด ซักถามต่อไป“คนที่คุณกำลังตามสืบ มีเบาะแสเพิ่มเติมบ้างไหม”“คนที่มีชื่อจริงว่าทริสซี่?” เมื่อซิลเห็นอีกฝ่ายผงกศีรษะ เธอส่ายหน้า “ยัง… หล่อนช่ำชองมาก”ชายสวมหน้ากากทองหัวเราะ“จำนวนเหยื่อที่หล่อนฆ่า มีมากกว่าจำนวนภารกิจล่าค่าหัวที่คุณทำสำเร็จ… อย่าพยายามเข้าใกล้เชียว หล่อนอันตรายมาก”ซิลอืมในลำคอ กลับเข้าสู่ประเด็นหลัก“มีงานใหม่ให้ทำไหม?”“ทำไมจู่ๆ ถึงกระตือรือร้นนัก?” ชายสวมหน้ากากทองถามอย่างประหลาดใจซิลตอบเสียงเย็น“ฉันใกล้จะแลกสูตรโอสถนักสอบสวนได้แล้ว แค่อยากมีไว้ในครอบครองเร็วๆ”“อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องแลกสูตร แนะนำให้ใช้คะแนนแลกเป็นโอสถทีเดียวเลย นั่นจะช่วยประหยัดได้มากกว่า” ชายสวมหน้ากากทองแนะนำฉันมีตะกอนพลังอยู่แล้ว! ซิลส่ายหน้า“นั่นคงใช้เวลาอีกนาน และฉันอาจจะได้ซื้อวัตถุดิบจากชุมนุมลับอื่นๆ ในราคาถูก”ชายสวมหน้ากากทองไม่ซักไซ้ กล่าวพลางถอนหายใจ“งั้นก็ขอให้โชคดี… งานถัดไปค่อนข้างซับซ้อน หากทำสำเร็จจะได้คะแนนผลงานเพียงพอสำหรับแลกเปลี่ยนสูตรโอสถ”ซิลพยายามปกปิดความยินดี ถามกลับ“ให้ทำอะไร?”ชายสวมหน้ากากทองกล่าวด้วยสำเนียงที่เปลี่ยนไป“สืบหาว่าไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดติดต่อกับใครบาง เขียนรายงานและส่งให้ผม… คุณไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าบ้าน แค่แอบสังเกตในตอนที่แวะผ่านแถวนั้นก็พอ จดบันทึกเป็นครั้งคราว เชื่อผมเถอะว่า คุณไม่ใช่คนเดียวที่ทำงานนี้ ขอเพียงส่งรายงานที่มีมูลค่ามากพอ คุณก็จะได้คะแนนสำหรับแลกเปลี่ยน”ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด… ซิลเข้าสู่ภวังค์เหม่อลอยอีกครั้ง แต่หนนี้เธอทราบสาเหตุที่ชัดเจนไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดคือหัวหน้าหน่วยองครักษ์หลวง เป็นอดีตมือขวาของบิดาเธอ!
คอมเม้นต์