ราชันเร้นลับ 819 : ของขวัญ
ราชันเร้นลับ 819 : ของขวัญ
ท่ามกลางท่วงทำนองเบาสบาย ไคลน์และเฮเซลกำลังเต้นรำเข้าจังหวะ ต่างฝ่ายต่างผอมเพรียวและตัวสูง หากไม่นับช่องว่างระหว่างวัยที่ค่อนข้างกว้าง ทั้งบุคลิก บรรยากาศ และความสง่างามของคนทั้งสองเหมาะสมกันอย่างไร้ที่ติ ถือเป็นภาพการเต้นรำที่งดงาม ใช้เป็นตัวอย่างในการเรียนได้สบายไคลน์เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ กล่าวขณะกำลังหมุนตัว“เมื่อก่อนผมฝันร้ายบ่อยครั้ง แต่ต้องขอบคุณพรจากเทพธิดา ตัวผมที่แวะไปสวดมนต์และดื่มน้ำมนต์ที่โบสถ์จึงหยุดสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก”เฮเซลแหงนหน้ามอง เงียบไปสักพัก“ฝันร้ายแบบไหน”เธอสนใจหัวข้อนี้จริงๆ … วิล·อัสตินแม่นมาก… ไคลน์ตอบพลางยิ้ม“ท่ามกลางวิหารร้างที่ทรุดโทรม ผมกำลังถูกสัตว์ประหลาดไล่ล่า… แต่สิ่งที่อยู่ในความฝันมักคลุมเครือ ผมเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นหน้าตาเป็นยังไง”เฮเซลไม่กล่าวคำใด แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเผยความไม่พอใจชัดเจนกล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอเชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในความฝัน ไม่จำเป็นต้องพร่ามัวเสมอไปไคลน์ก้าวเฉียงไปข้างหน้า ยิ้มและเล่าต่อ“แน่นอน ผมเคยมีความฝันที่ชัดเจนเช่นกัน… สมัยที่ยังอยู่ทวีปใต้ ผมเคยฝันถึงอนุสาวรีย์บรรจุศพกลับหัว อาคารทั้งหลังสร้างจากหินสีดำสนิท ขยายลึกลงไปใต้ดิน ในตัวอาคารมีซอมบี้ขนนกสีขาวลุกขึ้นมาต้อนรับผม ฝันเช่นนี้อยู่เป็นเวลานาน… อันที่จริงก็ไม่อยากเล่าให้ใครฟังสักเท่าไร เพราะมันน่าอาย ผมกลัวถึงขั้นแวะไปยังสโมสรพยากรณ์ในเมือง ให้พวกเขาช่วยแปลความฝัน จับใจความได้ว่า ในตอนที่ผมตระเวนซื้อสินค้าท้องถิ่น บังเอิญไปทำให้ชนเผ่าที่บูชาเทพมรณาไม่พอใจเข้า… น่าเหลือเชื่อมาก หลังจากผมเดินทางไปที่เผ่าเพื่อขอโทษและมอบของขวัญ รวมถึงเข้าร่วมงานเลี้ยงของพวกเขา ผมก็ไม่เคยฝันแบบนั้นอีกเลย”เรื่องราวข้างต้นถูกแต่งขึ้นจากประสบการณ์สมัยเป็นนักทำนาย จุดประสงค์คือการตรวจสอบท่าทีของเฮเซล ดูว่าเธอจะเผยความผิดปรกติหรือไม่ นอกจากนั้นก็ยังแฝงคำแนะนำอย่างแนบเนียน เป็นการเตือนเฮเซลว่า หากเผชิญหน้ากับความฝันประหลาด ทางที่ดีควรแวะไปยังสโมสรพยากรณ์หรือวิหารเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยแปลความฝัน อย่าเดาเองส่งเดชเมื่อวิล·อัสตินระบุว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับเฮเซล และปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยการชวนคุยเกี่ยวกับความฝัน ไคลน์เดาว่าเฮเซลคงฝันซ้ำซากอย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นก็คงหาเหตุผลอื่นมาอธิบายไม่ได้ ว่าทำไมผู้วิเศษลำดับ 8 ถึงมีปัญหากับความฝัน จริงอยู่ เธออาจจะขาดประสบการณ์ในโลกเหนือธรรมชาติ แถมยังเป็นคนโอหัง แต่พื้นเพก็ยังเป็นสุภาพสตรีชนชั้นสูงที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ไม่น่าจะเคยผจญภัยในป่าและเผลอลบหลู่ตัวตนลึกลับ ไม่เพียงเท่านั้น บิดาของเธอยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ย่อมต้องมีผู้วิเศษคอยคุ้มครอง ไม่น่าจะได้รับอิทธิพลจากคนภายนอกง่ายๆดังนั้น ไคลน์จึงเชื่อว่าเฮเซลน่าจะเผลอไปสัมผัสบางสิ่งเข้า หรือไม่ก็ นิสัยของเธอถูกใจผู้วิเศษที่แข็งแกร่งบางคน อีกฝ่ายจึงพยายามชี้นำผ่านความฝัน ค่อยๆ สอนให้ก้าวเข้าสู่โลกผู้วิเศษ แต่ไม่สอนให้เห็นถึงความน่ากลัว ขณะเดียวกันก็คอยหลอกล่อให้เธอขุดหาบางอย่างในท่อระบายน้ำมีสองปัจจัยที่ทำให้ไคลน์มั่นใจในทฤษฎีของตัวเอง หนึ่งคือพูดของวิล·อัสติน และอีกหนึ่งคือ ลำดับ 5 เส้นทาง ‘นักจารกรรม’ มีชื่อว่า ‘นักชิงฝัน’ ย่อมต้องมีพลังมากกว่าการช่วงชิงความคิดและการกระทำแน่!เฮเซลฟังการบรรยายของดอน·ดันเตสอย่างใจเย็น กล่าวหลังจากผ่านไปราวสิบวินาที“แล้วทำไมคุณถึงไม่แวะไปที่วิหารของเทพธิดา?”เป็นอย่างที่คิด เธอตอบสนองต่อหัวข้อที่เกี่ยวกับความฝัน แต่ก็ยังไม่เผยท่าทีมากนัก… ไคลน์ยิ้มขื่นขม“แถวนั้นไม่มีวิหารของเทพธิดา เป็นเขตความเชื่อของเทพจักรกลไอน้ำ”เฮเซลไม่ชวนคุยต่อ ดึงสมาธิกลับไปที่การเต้นรำของตัวเอง ดื่มด่ำไปกับดนตรีพื้นหลังไคลน์เองก็เงียบลง เต้นรำไปพร้อมกับหญิงงามท่ามกลางท่วงทำนองไพเราะเมื่อเพลงจบ ชายหนุ่มส่งเฮเซลกลับตำแหน่งเดิม ก่อนจะเดินไปทางโต๊ะยาวด้วยความหิวโหย หยิบชาเย็นหนึ่งแก้วทันใดนั้น มันเห็นบิชอปอีเล็คตร้ากำลังเพลิดเพลินไปกับไวน์แดงแตกต่างจากโบสถ์วายุสลาตันและโบสถ์เทพสงคราม เหล่านักบวชของโบสถ์รัตติกาลจะดื่มของมึนเมาได้ไม่มากนัก และห้ามดื่มเหล้ากลั่นโดยเด็ดขาด อนุญาตเพียงแชมเปญ เบียร์ และไวน์ในปริมาณเล็กน้อย“เป็นยังไงบ้าง? นี่คงเป็นงานเลี้ยงเต้นรำครั้งแรกที่คุณเป็นเจ้าภาพสินะ?” บิชอปอีเล็คตร้ายิ้มและยกแก้วไคลน์ยิ้มตอบ“ลำบากพอสมควร มีอุปสรรคไม่น้อยทีเดียว… ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ การเต้นรำหลายรอบติดๆ กันทำเอาหมดแรงและเหงื่อออก ส่งผลให้กระหายน้ำบ่อย”บิชอปอีเล็คตร้าหัวเราะ“สำหรับกรุงเบ็คลันด์ การได้ออกกำลังกายถือเป็นเรื่องดี เพราะในบางครั้ง การเข้าสังคมน่าเบื่อกว่าที่คุณคิด”กล่าวจบ มันยิ้มอย่างมีเลศนัย“มาดามฮอลลี่ชื่นชมคุณมาก เธอบอกว่าภายในของคุณสอดคล้องกับภายนอก”คงต้องขอบคุณเธอที่ช่วยกระจายข่าวนี้… ไคลน์หมดคำจะกล่าวไปสักพัก ทำได้เพียงกล่าวติดตลก“ภายในของมนุษย์… ไม่มีทางมองเห็นผ่านการเต้นรำ”โดยไม่รอให้บิชอปอีเล็คตร้าเผยรอยยิ้มที่สุภาพบุรุษต่าง ‘รู้กัน’ ชายหนุ่มกล่าวโดยไม่มองหน้า“บิชอป ผมต้องเข้าไปพัวพันกับธุรกิจบางชนิด อาจทำให้คนใหญ่คนโตบางรายขุ่นเคือง ตอนนี้จึงค่อนข้างกังวล”ไคลน์หมายถึงบริษัทโคอิมและบารอนซินดราสบิชอปอีเล็คตร้าจิบไวน์“ไม่ต้องกังวล เบ็คลันด์คือเมืองที่ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย นอกจากนั้น เทพธิดาจะอวยพรให้คุณ”“ได้ยินแบบนั้นค่อยโล่งใจ… สรรเสริญเทพธิดา!” ไคลน์วาดพระจันทร์สีแดงบนหน้าอกด้วยท่าทางสำรวมรอจนกระทั่งบิชอปอีเล็คตร้าเดินตรงไปบนฟลอร์เต้นรำ ดวงตาชายหนุ่มค่อยๆ ดำมืด ถอนหายใจกับตัวเองไคลน์ไม่ได้ชอบไม่ได้เกลียด เพียงแต่รู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะจนถึงปัจจุบัน โบสถ์รัตติกาลทำดีกับตนมาก แม้จะเป็นเพราะว่าตนคอยบริจาคเงินก้อนโต แต่นั่นก็ช่วยให้การดำรงชีวิตสะดวกสบายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในทางกลับกัน เป้าหมายที่แท้จริงของมันคือการตีสนิทกับผู้คุมและขโมยสมุดบันทึกด้านหลังประตูยานิสเฮ่อ… ถ้าแผนการนี้กินเวลานาน เราอาจต้องเข้ารับการบำบัดทางจิตอย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้นจะเป็นบ่อเกิดของภาวะคลุ้มคลั่ง… ไคลน์ตรวจสอบอารมณ์ตัวเองพลางส่ายหน้า…เขตเชอร์วู้ด ภายในบ้านหลังหนึ่งซิลวางพายเฟเนพ็อตและชาเย็นอ่าวเดซีย์ไว้บนโต๊ะ หันไปพูดกับฟอร์ส“อย่ากินของแบบนี้บ่อย มันไม่ดีต่อสุภาพ”“ทำไมถึงพูดแบบนั้น?” ฟอร์สหยิบพายไส้ผลไม้และแฮมขึ้นมากัด“ฉันเคยอ่านเจอในนิตยสาร… สำหรับนักล่าค่าหัว การรักษารูปร่างคือสิ่งสำคัญ” ซิลลังเลสักพัก แต่สุดท้ายก็หยิบพายใส่ปากฟอร์สยิ้มเยาะ“เธอเป็นผู้วิเศษสายต่อสู้ ไม่ใช่นักล่าค่าหัวธรรมดาสักหน่อย ต่อให้ไม่ควบคุมอาหาร หุ่นก็แทบไม่เปลี่ยน… และบางที นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่เธอไม่สูงก็ได้… จริงสิ ฉันเคยได้ยินว่าเส้นทาง ‘นักรบ’ จะช่วยเพิ่มส่วนสูงให้ผู้วิเศษ ดูได้จากพวกคนเถื่อนฟุซัคนั่น”ซิลผงะเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ“แต่ฉันเกิดมาเป็น ‘ครึ่งผู้ตัดสิน’ ไม่สามารถเลือกเส้นทางนักรบได้”เห็นได้ชัดว่า ซิลเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเมื่อตระหนักว่าตนเผลอทำให้เพื่อนนึกถึงความทรงจำเก่า ฟอร์สทำทีราวกับไม่ได้พูดออกไป ตั้งใจกินมื้อเย็นที่ช้ากว่าปรกติรอจนกระทั่งอิ่มท้อง เธอลากซิลเข้าไปในห้องนอน กระแอมแห้งและพูด“เมื่อไม่นานมานี้ เธอช่วยฉันไว้มาก จึงอยากมอบของขวัญตอบแทน”“คราวนี้จะให้ฉันไปทำอะไรยากๆ อีก?” ซิลลูบเส้นผมสีทองอย่างระมัดระวัง“…” ฟอร์สกะพริบตาถี่ นึกทบทวนพฤติกรรมในอดีตของตัวเองจากนั้นก็หัวเราะแห้ง“เอาน่า นั่นมันเรื่องในอดีต ผ่านมาก็นานแล้ว”โดยไม่รออีกฝ่ายตอบสนอง ฟอร์สหยิบกล่องโลหะออกมาวางต่อหน้าสายสุดตาฉงนของอีกฝ่าย ลักษณะเหมือนกับกล่องใส่บุหรี่ทุกประการ“ฉันไม่สูบบุหรี่” ซิลส่ายหน้าฟอร์ส ‘อืม’ ในลำคือ เปิดฝากล่องโลหะ เผยให้เห็นแท่งผลึกหกเหลี่ยม โปร่งแสง สีฟ้าอ่อนทันใดนั้น ดวงตาซิลพลันแข็งทื่อขณะจ้องมองแสงกะพริบที่คล้ายกับสายฟ้าแลบ ซักถามจากความรู้สึก“นักสอบสวน?”“ถูกต้อง ฉันบังเอิญเจอคนขายในชุมนุมลับ ราคาไม่แพงมาก กลัวว่าจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีก ก็เลยรีบซื้อมาก่อน” ฟอร์สเล่าความจริงทุกคำ “อย่างที่เธอทราบ ฉันเพิ่งได้รับรางวัลจากอาจารย์ เงินทองจึงมีเหลือเฟือ”ซิลทราบว่า เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนของเธอออกไปข้างนอกบ่อยครั้งโดยอ้างว่าทำงานให้อาจารย์ แต่ก็ยังยากจะให้เชื่อว่าอีกฝ่ายสามารถซื้อตะกอนพลังนักสอบสวนมาเป็นของขวัญได้ง่ายดาย เพราะความมั่งคั่งเช่นนี้ไม่เคยเกิดเลยสักครั้งตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน!หรือว่าเธอยังไม่เลิกเล่นพนัน และใช้พลังโหราจารย์ทำเงินก้อนโต? หรือจะเป็นการลอบเข้าไปในธนาคารด้วยพลัง ‘เปิดประตู’ และขโมยธนบัตรด้านในออกมา? ซิลครุ่นคิดหลายสิ่งในพริบตา แต่สุดท้ายก็ไม่มีหลักฐานสองสามวินาทีถัดมา หญิงสาวตัดสินใจวางแผนบางอย่าง นั่นคือการแสร้งทำเป็นออกไปข้างนอกสองถึงสามวันต่อสัปดาห์ แต่ความจริงแล้วแอบกลับมาสังเกตพฤติกรรมของฟอร์สหากไม่ใช่เพราะเชื่อในตัวเพื่อนและรู้จักนิสัยอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ซิลคงคิดว่าฟอร์สแอบไปเป็นเมียน้อยของเศรษฐีสักคน“ม…ไม่แพงไปหน่อยหรือ” ซิลโบกไม้โบกมือ พยายามปฏิเสธของขวัญฟอร์สเดาไว้แล้ว จึงยิ้มและตอบ“ยังไงเสีย เธอก็ต้องเดือดร้อนเพราะฉันอีกหลายครั้งในอนาคต นี่คือค่าจ้างล่วงหน้า”“พวกเราเป็นเพื่อนกัน อย่าพูดเรื่องค่าตอบแทน” ซิลปฏิเสธด้วยสีหน้าลังเลกำลังรอคำนี้อยู่พอดี! ฟอร์สฉีกยิ้ม“ถ้าอย่างนั้น นี่คือของขวัญล่วงหน้าสำหรับวันเกิด ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด!”“แต่วันเกิดของฉันยังอีกครึ่งปี…” ซิลพึมพำ ก่อนจะยื่นแขนออกไปรับตะกอนพลังของนักสอบสวน…เช้าวันอาทิตย์ ซิลระงับความตื่นเต้นและคาดหวัง เดินออกจากบ้านตามปรกติ เตรียมแวะไปยังบางสถานที่เพื่อทิ้งสัญลักษณ์นัดพบกับชายสวมหน้ากากจาก MI9 ในตรอกเปลี่ยวตอนกลางคืนในเมื่อมีตะกอนพลังนักสอบสวนแล้ว หากโอสถเจ้าพนักงานย่อยเสร็จเมื่อไร ขอแค่มีสูตรโอสถลำดับ 7 ที่ถูกต้อง เธอก็จะเลื่อนลำดับได้ทันที ถึงเวลาสืบหาความจริงและกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูล ดังนั้น ซิลจึงอดใจรอไม่ไหวที่จะเร่งมือทำภารกิจอีกสองสามครั้ง เพื่อนำคะแนนผลงานไปแลกกับสูตรโอสถทิ้งสัญลักษณ์เสร็จ หญิงสาวเตรียมแวะไปยังบางจุดในเขตตะวันออก ตรวจสอบว่ามีข่าวใหม่ที่สำคัญหรือไม่ จากนั้นก็กลับบ้านและแอบสะกดรอยตามฟอร์ส ดูว่าพักหลังเพื่อนสนิทของตนแอบทำอะไรแต่ทันทีที่เข้ามาในเขตตะวันออก ซิลพบว่าเธอกำลังถูกใครบางคนจับตามอง!
คอมเม้นต์