ราชันเร้นลับ 812 : ตำนานจากอีกมุม
เมื่อได้เห็นภาพดังกล่าวเต็มสองตาผ่านมุมมองของ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอล หัวใจไคลน์เต้นแรงกะทันหัน เสียงโครมครามดังกังวานชัดเจนในฐานะ ‘นักทำนาย’ ที่เก่งด้านการตีความวิวรณ์และสัญลักษณ์ ปัจจุบันสมองกลับขาวโพลน เลือดในร่างกายไหลเวียนไปยังศีรษะอย่างบ้าคลั่งจนเกิดอาการวิงเวียน คล้ายกับพยายามปิดกั้นความคิดอ่านเลวร้ายถึงขั้นมีเสียงมายาของตัวเองดังก้องอยู่ในความคิด อารมณ์เต็มเปี่ยมด้วยความหวาดผวาศ…ศพที่กำลังถูกกลืนกิน น่าจะสื่อถึงเทพสุริยันบรรพกาล สื่อถึงพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งตามความเชื่อของชาวเงินพิสุทธิ์ มหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลัง!และบุคคลชั่วร้ายทั้งสามรอบๆ ตัวเขา… ร…เราเคยเห็น ‘พวกท่าน’ มาก่อน!ในซากปรักหักพังใต้ดินของเบ็คลันด์… ในจุดที่วิญญาณมารอันน่าสะพรึงกลัวถูกผนึกไว้!แต่คราวนั้น เราพบในลักษณะรูปปั้น และไม่ชั่วร้ายเหมือนกับในภาพนี้… แต่ละท่านประกอบไปด้วย…‘เทพสุริยันเจิดจรัส’ ‘เทพวายุสลาตัน’ ‘เทพปัญญาความรู้’ !ทันใดนั้น ไคลน์พลันนึกถึงสมญานามหนึ่งที่เคย ‘เรียนรู้’ จากการเผชิญหน้ากับ ‘สุริยันเจิดจรัส’เทวทูตสีขาว!นี่มัน… ไม่มีทาง… อย่าบอกนะว่า ‘สุริยันเจิดจรัส’ เคยเป็นเทวทูตรับใช้ของ ‘เทพสุริยันบรรพกาล’ มาก่อน? เดอะซันน้อยเคยกล่าวไว้ว่า ในหมู่บ้านยามบ่าย เขาได้ยินนักบวชของพระผู้สร้าง พึมพำบางสิ่งด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด เนื้อหาค่อนไปในทางพยากรณ์ หนึ่งในนั้นประกอบด้วยประโยคนี้ : เหล่าราชามักแอบพบกันในวังแห่งสนธยาเพื่อสมคบคิดบางสิ่ง… แต่เดิม เทพสุริยันบรรพกาลคือ ‘เทวทูตสีขาว’ หนึ่งในราชาเทวทูตที่ทรยศต่อพระผู้สร้าง?ท่านและ ‘เทพวายุสลาตัน’ กับ ‘เทพปัญญาความรู้’ รวมถึงทารกผิวเข้มที่ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร ได้ครอบครองประโยชน์สูงสุดโดยการกินศพของพระผู้สร้างที่เมืองเงินพิสุทธิ์นับถือ… บรรดาโบสถ์หลักต่างบันทึกตรงว่า เทพทั้งสามพระองค์ถือกำเนิดจากการแบ่งดวงวิญญาณของพระผู้สร้างต้นกำเนิด… หากเปลี่ยนมุมมอง นี่คือคำบอกใบ้ของประวัติศาสตร์อันดำมืด?ถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริง แปลว่า ‘วายุสลาตัน’ กับ ‘เทพปัญญาความรู้’ ก็น่าจะเป็นราชาเทวทูตที่คอยรับใช้พระผู้สร้างที่เมืองเงินพิสุทธิ์นับถือเช่นกัน… บางที พวกท่านอาจเคยถูกเรียกว่า ‘เทวทูตวายุ’ และ ‘เทวทูตปัญญา’ถ้าเป็นแบบนี้ ราชาเทวทูตทั้งแปดจะประกอบด้วย เทวทูตมืด เทวทูตสีขาว เทวทูตวายุ เทวทูตปัญญา เทวทูตจินตภาพ เทวทูตกาลเวลา เทวทูตโชคชะตา และเทวทูตสีชาด… จากคำบอกเล่าของเดอะซันน้อย ในภายหลัง ดูเหมือนว่านอกจากบุตรชายทั้งสองของพระผู้สร้างอย่างอามุนด์และอาดัม ราชาเทวทูตที่เหลือได้ทรยศต่อพระผู้สร้าง… ถ้าเป็นแบบนี้จริง จุดจบของเทพสุริยันบรรพกาลไม่น่าสมเพชไปหน่อยหรือ? แต่ว่า ภาพนี้อาจเป็นแค่การใส่ร้าย เรายังไม่มีข้อมูลยืนยัน…ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าทารกผิวเข้มที่นั่งอยู่ในท้องของเทพสุริยันบรรพกาลหมายถึงใคร… แต่คนที่น่าสงสัยที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ … ไคลน์คิดหลายสิ่งภายในเวลาอันสั้น ยิ่งไตร่ตรองมากเท่าไหร่ ก็อยากปล่อยวางและหันหลังหนี หลอกตัวเองว่าไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนณ ตอนนี้ ภายในใจชายหนุ่มผุดความหวาดกลัวที่มิอาจควบคุม รู้สึกราวกับ ‘สุริยันเจิดจรัส’ ‘วายุสลาตัน’ และ ‘เทพปัญญาความรู้’ กำลังทอดสายตาลงมาจากดินแดนดาราใครเป็นคนวาดภาพนี้? คนที่รู้ความลับมากมาย และยังอยู่ฝ่ายเดียวกับเทพสุริยันบรรพกาล… หนึ่งในราชาเทวทูตที่คอยรับใช้พระผู้สร้างด้วยศรัทธาแรงกล้า? เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นเต็มแผ่นหลังไคลน์ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยแม้ว่าทักษะการสังเกตของอัลเจอร์จะไม่ดีเท่า ‘จัสติส’ แต่ก็เป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก ท่ามกลางสภาพแวดล้อมซึ่งต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพบว่ามีบางสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์“เกิดอะไรขึ้น?” มันถามเสียงแผ่วไคลน์พลันสะดุ้ง รีบบังคับให้ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลถอนสายตากลับ พลางใช้ร่างต้นชี้ไปทางที่ว่างวงกลมใจกลางห้อง“เห็นแล้วจะเข้าใจเอง”ภาพที่ทำให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์สั่นสะท้าน… เราจะไม่คลุ้มคลั่งทันทีหลังจากได้เห็นหรือ? แต่ในเมื่อเขาไม่ได้ห้าม แถมยังเชื้อเชิญให้ดูด้วยตัวเอง ปัญหาก็คงไม่ร้ายแรง… แต่ยังไม่ควรตัดความเป็นไปได้ที่ชายคนนี้จะเสียสติไปแล้ว และกำลังแสร้งทำเป็นปรกติ… อัลเจอร์ครุ่นคิดหลายสิ่งในพริบตา ก่อนจะตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับตะเกียง ตรงไปยังเขตส่วนกลางผ่านไปเจ็ดแปดก้าว มันได้เห็นเนื้อหาของภาพโทนหม่นอย่างชัดเจนเพียงสามถึงสี่วินาที มือของอัลเจอร์ที่ถือมีดสั้นและตะเกียง สั่นระริกอย่างมิอาจควบคุม คล้ายกับกำลังเจ็บป่วยทางจิตตัวมันซึ่งเป็นสมาชิกชุมนุมทาโรต์ ย่อมเคยเห็นรูปปั้นร่างมนุษย์ของหกเทพจารีตที่ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์แสดง นั่นจึงหมายความว่า บุคคลทั้งสามที่กำลังกัดแขน กินหัวใจ และดูดสมอง ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘วายุสลาตัน’ ‘สุริยันเจิดจรัส’ และ ‘เทพปัญญาความรู้’ !แม้ว่ามันจะเคยถูกคีลิงเกอร์บีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ถือเป็นการทรยศต่อศาสนจักร แม้ว่าจะเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์ ตีตัวออกหากจาก ‘ห้วงลึกแห่งพายุ’ และศรัทธาในตัวมิสเตอร์ฟูล แสวงหาพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม แม้ว่าจะทรยศศาสนจักรโดยการนำข้อมูลภายในออกมาเผยแพร่หลายครั้ง แต่อัลเจอร์ยังมองว่าตัวเองเป็นสาวกของ ‘วายุสลาตัน’ เพียงแต่ไม่เคร่งมากเท่ากับคนอื่น หลังจากได้เห็นภาพเมื่อครู่ มันจึงเชื่อจากก้นบึ้งว่าตนได้ก่อบาปร้ายแรงที่ถือเป็นการดูหมิ่นพระองค์ อยากจะควักลูกตาตัวเองออกมาด้วยความกลัวการที่ยังไม่ฆ่าตัวตายในทันที แสดงให้เห็นแล้วว่าเราเป็นแค่สาวกจอมปลอม… อัลเจอร์ไม่กล้าดูนาน รีบหันกลับมามองเกอร์มัน·สแปร์โรว์และถามเสียงสั่น“ราชาเทวทูตทั้งสาม?”“ยังยืนยันไม่ได้ บอกได้เพียงว่า ‘สุริยันเจิดจรัส’ มีความเกี่ยวข้องกับ ‘เทวทูตสีขาว’ ” ไคลน์ตอบคลุมเครืออย่างที่คิด… อัลเจอร์พบว่า ‘วายุสลาตัน’ ‘สุริยันเจิดจรัส’ และ ‘เทพปัญญาความรู้’ ครั้งหนึ่งเคยเป็นราชาเทวทูตการที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้ อัลเจอร์ไม่แปลกใจนัก เพราะท้ายที่สุดแล้ว อีกฝ่ายเป็นเพียงข้ารับใช้ ไม่ใช่ตัวมิสเตอร์ฟูลเองอัลเจอร์เตรียมกล่าวบางสิ่ง ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงหวีดแหลมเสียงคล้ายกับใครบางคนในโลงศพ กำลังใช้เล็บข่วนฝาโลงหิน!นี่ไม่ใช่การอุปมา แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น!ครืด! กึก! ครืด!สามโลงศพทางซ้ายและขวากำลังส่งเสียงแหลมเสียดแทง จากนั้น ฝาโลงสีเทาอ่อนที่ดูเหมือนจะมีน้ำหนักมาก บ้างถูกยกขึ้น บ้างระเบิดออก สามบุคคลที่บิดเบี้ยวพยุงตัวลุกขึ้นมาหนึ่งในนั้นสวมเสื้อคลุมแปลกตา สีขาวเกือบเทา ใบหน้าเน่าและเป็นหลุม ตรงคอ หน้าผาก หลังมือ เต็มไปด้วยดวงตาจมลึก ข้างๆ กันเป็นชายฝ่ามือใหญ่ นิ้วอ้วนป้อม คล้ายแกะสลักจากไม้ ผิวปกคลุมด้วยหนองสีเขียวเหลือง แถมรอบๆ ยังเต็มไปด้วยหมอกสีเดียวกัน มีอำนาจกัดกร่อนโลงศพหินอีกด้านหนึ่ง ชายสวมแจ็คเก็ตสีน้ำตาลขาดวิ่น สวมหมวกสามมุมมีรูปหัวกะโหลกสีขาว ผิวหนังหลายส่วนผุกร่อนจนเผยให้เห็นกระดูกภายใต้เสื้อผ้ามีหนวดยาวและหนา ผิวหนวดเป็นเกล็ดปลา มอบความรู้สึกน่าเกรงขาม บ้าคลั่ง และทรราช ขณะเดียวกันก็แผ่ออร่าที่น่าหวาดกลัว ทำให้ไคลน์รู้สึกคล้ายกับกำลังเผชิญหน้าผู้วิเศษลำดับสูงของเส้นทางพายุ แต่ในความเป็นจริง ดูเหมือนว่า ‘ระดับตัวตน’ จะยังไม่ถึงขั้นนั้นศพทั้งสามคลานออกจากโลง พลางมองไปยังทิศทางที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์และอัลเจอร์ยืนอยู่ ศพหนึ่งสร้างสายฟ้าสีเงินรายล้อมร่างกาย อีกศพฉายภาพพวกพ้องทั้งสองบนกระจกตาที่มีอยู่เต็มลำตัว และศพสุดท้ายแพร่หมอกสีเขียวเหลืองพร้อมกับสร้างเถาวัลย์สีน้ำตาลขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้า ‘ตึงตึงตึง’ พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง ดูเหมือนว่าการ์กอยล์หกปีกกำลังวิ่งมาที่นี่ฉากตรงหน้าไม่ทำให้ไคลน์ลนลาน มือซ้ายในกระเป๋าจับบันทึกการเดินทางของเลมาโน่อย่างใจเย็น มือขวาทำลายกำแพงวิญญาณด้วยสองนิ้ว ปลดปล่อยนกหวีดทองแดงของอะซิกให้เป็นอิสระจากนั้น ชายหนุ่มสะบัดข้อมือ โยนนกหวีดทองแดงไปยังอีกด้านหนึ่งของห้องเก็บศพ และไม่ผิดคาด ศพที่น่ากลัวทั้งสามทำตัวเหมือนกับสุนัขล่าเนื้อ หักเหทิศทางและวิ่งตามไปเห็นภาพดังกล่าว ดวงตาอัลเจอร์แข็งทื่อในช่วงแรก ก่อนจะคิดไวทำไว ทิ้งตะเกียงและรีบวิ่งไปที่ประตูประสบการณ์ได้บอกมันว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถรับมือกับศพทั้งสามได้พร้อมกัน และสิ่งที่มันต้องทำคือการหยุดการ์กอยล์หกปีก ไม่ปล่อยให้เข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ของนักผจญภัยเสียสติโครม!ยังไม่ทันจะถึงประตู อัลเจอร์เห็นประตูหินสูงใหญ่ขาดสะบั้นออกจากกัน การ์กอยล์หกปีกที่ถือง้าวหินยาวเจ็ดแปดเมตรกำลังพุ่งเข้ามาด้านในมันสูดลมหายใจเข้า โทสะลุกโชนในดวงตา มัดกล้ามเนื้อขยายตัว จากนั้นก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยความช่วยเหลือของสายลมกระโชก ฟันกวาดด้วยมีดสั้นที่มีสายฟ้าห่อหุ้มโครม!อัลเจอร์หลบง้างหินที่ทุบลงพื้นพร้อมกับใช้มีดสั้นฟันใส่ท้องประกายสายฟ้าปะทุออก ร่างอัลเจอร์กระเด็นถอยหลัง ส่วนการโหมบุกของการ์กอยล์หกปีกมีอันต้องชะงักไปโครม! อัลเจอร์กระแทกพื้นอย่างแรง แต่ ‘เบาะลม’ ที่สร้างขึ้นช่วยให้ไม่บาดเจ็บขณะเดียวกัน ศพทั้งสามกำลังมารวมตัวรอบนกหวีดทองแดงไคลน์จ้องพวกมันอย่างเยือกเย็น มือซ้ายเปิดสมุดเวทมนตร์ไปยังหน้ากระดาษสีเหลืองไหม้ที่มีลวดลายซับซ้อนนี่คือพลังพิเศษระดับครึ่งเทพที่ถูกบันทึกไว้ล่วงหน้า : พายุสายฟ้า!จากนั้น ไคลน์ใช้นิ้วมือขวาข้างที่ถือลางมรณะ ลูบไล้ไปบนหน้ากระดาษสายตาจดจ้องศพทั้งสามที่พยายามแย่งชิงนกหวีดทองแดงอะซิก ปากขยับทักทายเสียงต่ำ“ลาก่อน”ท่ามกลางเสียง ‘เปรี้ยะ’ สายฟ้าสีเงินหลายเส้นผุดจากความว่างเปล่า ถักสานกันเป็นพายุในตำแหน่งของนกหวีดทองแดงอะซิกและศพทั้งสามห้องเก็บศพถูกย้อมด้วยแสงสว่างสีขาวราวกับช่วงเวลากลางวัน แม้แต่อัลเจอร์ก็ยังต้องหรี่ตาลง ร่างกายของมันสั่นระริกจากออร่าอันทรงพลังที่กำลังแผ่ซ่านไปทุกทิศในวินาทีที่พายุสายฟ้าก่อตัว อัลเจอร์อาศัยแรงลม ส่งร่างกายให้กระโจนไปในอากาศ พุ่งเข้าหาการ์กอยล์หกปีกที่พยายามทำร้ายเกอร์มัน·สแปร์โรว์…………………………………………………….
คอมเม้นต์