ราชันเร้นลับ 797 : รางวัล
ภายในคฤหาสน์ตระกูลโอดรา เอ็มลินได้พบกับคาซีมีที่เป็นบารอนเหมือนกับตนผีดูดเลือดเจ้าของใบหน้าคล้ายกับกำลังอยู่ในวัยที่ดีที่สุดของชีวิต งานของมันคือการเป็นปากเสียงให้นีบาส·โอดราเราเองก็เป็นบารอนเหมือนกัน แถมยังใช้เวลาไม่นานในการโตเต็มวัย… เอ็มลินรำพัน ลุกขึ้นยืนจากโซฟาในห้องรับแขกและทำความเคารพอีกฝ่าย“สายัณห์สวัสดิ์ ท่านลอร์ดบารอน”ขณะคาซีมีเตรียมกล่าวบางสิ่ง จมูกของมันฟุดฟิดพร้อมกับทอดสายตาไปยังกล่องไม้ที่เอ็มลินวางไว้ข้างฝ่าเท้า“กลิ่นเลือด?”ขณะกำลังฉงน คล้ายกับมันฉุกคิดบางอย่าง จึงกล่าวหลังจากไตร่ตรอง“ล่าเป้าหมายได้อีกรายแล้ว?”เอ็มลินยกมุมปากขึ้น ยิ้มและส่ายหน้า“ไม่ใช่”ก่อนที่คาซีมีจะได้ถามคำใด มันยิ้มลึกกว่าเดิมและอธิบาย“ไม่ใช่รายเดียว แต่เป็นสอง”สอง? คาซีมี สุภาพบุรุษวัยกลางคนถึงกับผงะ นั่งจ้องเอ็มลินโน้มตัวลงยกกล่องไม้ขึ้นมาเปิดฝาระหว่างดำเนินการ กล้ามเนื้อใบหน้าเอ็มลินกระตุกแผ่วเบา เนื่องจากเผลอนำบาดแผลบนมือขวาไปสัมผัสกับกล่องมันมิได้แสดงออก เพียงหย่อนแขนลงเล็กน้อย เอียงกล่องไม้ไปด้านหน้าและเปิดฝาออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในศีรษะชุ่มเลือดและมีรอยไหม้สองหัว ถูกซุกอยู่ในกล่องโดยมีกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าห่อไว้ ใกล้กันมีวัตถุสองชิ้นคล้ายหัวใจวางอยู่ ดวงหนึ่งมีสีแดงสด อีกดวงหนึ่งมีสีแดงเข้มจนเกือบดำฉากอันน่าดึงดูดทำให้คาซีมีไม่ละสายตาไปไหน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ จ้องเอ็มลินและถามตรงไปตรงมา“ฝีมือเจ้าหรือ?”แม้ว่ามันจะยืนยันได้แค่ศีรษะของกาลิส·เควิน แต่ตะกอนพลังพิเศษของ ‘แวมไพร์’ ทั้งสองดวงไม่สามารถปลอมแปลงกันได้!เอ็มลินวางกล่องไม้ลง ลดมือขวาอย่างเป็นธรรมชาติและนำไปถูกับชายกางเกงเบาๆ ตอบด้วยรอยยิ้ม“แน่นอน… เรื่องราวเป็นเช่นนี้… หลังจากข้าได้รับรางวัลเจ็ดพันปอนด์ในคราวก่อน ข้าซื้อ ‘มรดก’ ของบารอนตนหนึ่งมาจากชุมนุมลับ จากนั้นก็เลื่อนลำดับ… อันที่จริง ข้าไม่อยากเสียเงินให้กับคนที่ฆ่าพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดสักเท่าไร แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้ ‘มรดก’ ชิ้นนี้ต้องตกไปอยู่ในมือคนอื่น และเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ขายอาจไม่ใช่คนฆ่าเสมอไป”เอ็มลินใช้โอกาสนี้ในการเปิดเผยเรื่องที่ตนกลายเป็น ‘บารอน’ แถมยังไม่มีคำพูดใดโกหกนี่คือทักษะที่มันเรียนมาจากชุมนุมทาโรต์ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นบารอน… คิดว่าเจ้าที่มักจะขอซื้อวัตถุวิญญาณ ชอบยืมหนังสือเกี่ยวกับการปรุงโอสถ จะปกปิดความจริงจากสายตาพวกเราได้หรือ? หากมิใช่เพราะมีปัจจัยหลายๆ อย่างบ่งชี้ พวกเราคงตั้งคำถามกับเจ้านานแล้ว… แต่ที่ข้าประหลาดใจก็คือฝีมือในการต่อสู้ เจ้าไม่ได้พกสมบัติวิเศษด้วยซ้ำ เป็นแค่เด็กหนุ่มคลั่งตุ๊กตา ถึงจะอยู่ในลำดับบารอน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะล่าแวมไพร์เทียมสองตนและหลบหนีออกมาได้อย่างราบรื่น… แม้แต่ข้า หากไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าและสืบข้อมูลเป็นอย่างดี เกรงว่าโอกาสสำเร็จก็คงไม่สูงนัก… ในขณะที่ทุกคนไม่ทันสังเกต เอ็มลินเติบโตขนาดนี้เชียว? คาซีมี·โอดรารำพันเงียบ เผยรอยยิ้มและกล่าว“แบบนี้นี่เอง… เอ็มลิน แล้วเจ้าจะปิดบังทำไม? ไม่อยากได้รับเกียรติในฐานะบารอนและถูกพี่น้องเรียกว่า ‘ลอร์ด’ หรือ?”เอ็มลินชำเลืองใบหน้าผีดูดเลือดฝั่งตรงข้าม เชิดคางเล็กน้อย“ข้ากำลังจะบอกทุกคน แต่เนื่องจากมีการแข่ง ‘ล่า’ เกิดขึ้นเสียก่อน จึงอยากทำให้ทุกคนประหลาดใจ… คาซีมี ตอนนี้ข้าจัดการสาวกดวงจันทร์บรรพกาลไปสามคนแล้ว และเนื่องจากเป้าหมายมีเพียงห้าราย หมายความว่าข้าชนะแล้วใช่ไหม?”มันแทบรอไม่ไหวที่จะเปลี่ยนคำเรียกจาก ‘ลอร์ดบารอน’ เป็น ‘คาซีมี’เปลือกตาคาซีมีกระตุกแผ่วเบา หัวเราะในลำคอขณะตอบ“ถูกต้อง เจ้าไม่ต้องล่าอีกแล้ว สำหรับเป้าหมายอีกสองคนที่เหลือ ปล่อยให้รุส·บาโธรีและคนอื่นๆ จัดการแทน อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีสิทธิ์ได้รับรางวัลปลอบใจ”กล่าวจบ คาซีมีรู้สึกว่าน้ำเสียงของตนเย็นชาไปสักนิด จึงถามด้วยความกังวล“เจ้าบาดเจ็บหรือ?”“นิดหน่อย” เอ็มลินยกแขนขวาขึ้น กางนิ้วออกด้วยความสัตย์จริง ในการล่าเมื่อครู่ สิ่งที่มอบความเจ็บปวดให้เอ็มลินได้มากที่สุด เกิดขึ้นหลังจากหนีพ้นเขตตะวันออกมาด้วย ‘เทเลพอร์ต’ เพราะต้องฉีกหนังของตัวเองเพื่อป้ายเลือดลงบนหน้าปกบันทึกการเดินทางของเลมาโน่คาซีมีไม่สานต่อหัวข้อเดิม ครุ่นคิดสองสามวินาที“ขอแสดงความยินดีที่ได้เป็นผู้ชนะในการแข่งล่าครั้งนี้ เจ้าจะได้รับรางวัลสองชิ้น… ชิ้นแรกคือโอกาสในการเป็นไวเคาต์ รายชื่อของเจ้าจะถูกเสนอให้อยู่ในกลุ่มแรกที่มีสิทธิ์ รอรับความช่วยด้านพิธีกรรมโดยไม่ต้องเสียเงิน… ชิ้นที่สอง เจ้าจะได้รับสมบัติวิเศษซึ่งเป็นของเก่าแก่ สิ่งนั้นคือแหวนที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นด้วยพระองค์เอง แม้จะปราศจากพลังเทพ แต่ก็แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยความลึกลับ เนื่องจากท่านบรรพบุรุษมิได้ตั้งชื่อ พวกเราจึงเรียกมันว่า ‘แหวนลิลิธ’ … และนอกจากนั้น เหมือนเช่นเคย ตะกอนพลังทั้งสองจะตกเป็นของตระกูลผีดูดเลือด ส่งผลให้มีเด็กแรกเกิดเพิ่มขึ้นอีกสองตน และเจ้าจะได้รับเงินสดสามพันปอนด์ตอบแทน”แหวนที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นด้วยตัวเอง… แม้ว่าเอ็มลินจะผิดหวังที่รางวัลของผู้ชนะไม่ใช่ตะกอนพลัง ‘ไวเคาต์’ โดยตรง เป็นเพียงโอกาสในการประกอบพิธีกรรม แต่เมื่อผนวกกับแหวนที่บรรพบุรุษอย่างลิลิธสร้างขึ้น รางวัลในคราวนี้ดูคุ้มค่าทันทีสำหรับตระกูลผีดูดเลือดที่มีความภาคภูมิใจในเผ่าพันธุ์ สิ่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศขั้นสูงสุด!เมื่อความยินดีเริ่มจางลง เอ็มลินที่เคยเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์หลายครั้งและล่าเหยื่อสำเร็จมาแล้วสองหน เริ่มฉุกคิดว่าเรื่องราวอาจมิได้ราบรื่นเช่นนั้นเราถูกท่านบรรพบุรุษส่งไปหามิสเตอร์ฟูล และตอนนี้ก็ได้รับแหวนของพระองค์มาหนึ่งวง… เป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงหรือ? เอ็มลินครุ่นคิดเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบคำตอบ ทำได้เพียงรอสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลเพื่อปรึกษา เล่าเรื่องราวทั้งหมดและรอฟังคำแนะนำเมื่อเห็นความสุขบนใบหน้าเอ็มลินจางลงและไม่พูดอะไรนานหลายสิบวินาที คาซีมีกระแอมในลำคอ“แหวนและเงินสดจะถูกมอบให้เจ้าในคืนพรุ่งนี้… เมื่อถึงเวลา ข้าจะเรียกรุส·บาโธรีและคนที่เหลือมารวมตัว ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเจ้าได้รับชัยชนะในการแข่งล่า จากนั้นจึงค่อยมอบแหวน”“ไม่มีปัญหา” แม้เอ็มลินจะขาดประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้ แต่ก็พอจะทราบว่า ‘รางวัล’ คือสิ่งที่ไม่สามารถมอบให้กันอย่างลับๆ จะต้องกระทำอย่างโปร่งใสต่อหน้าผู้เข้าแข่งทุกคนโดยไม่มัวแช่อยู่นาน เอ็มลินกล่าวคำอำลาและออกจากคฤหาสน์ตระกูลโอดรา โบกรถม้าเช่าในละแวกใกล้เคียงภายในรถม้าที่แล่นไปบนถนนด้วยความเร็วต่ำ เอ็มลินแหงนมองดวงจันทร์สีแดงเข้มที่กำลังลอยบนท้องฟ้าอย่างเงียบงัน จิตใจสงบลงหลายส่วน จึงนึกทบทวนรายละเอียดที่เกิดขึ้น ตกผลึกเป็นประสบการณ์และบทเรียนมากมายจนกระทั่ง มันคำนวณว่าตนต้องบันทึกพลังพิเศษลงในสมุดเวทมนตร์เลมาโน่เป็นจำนวนเท่าใดเราใช้อสนีบาตไปห้าครั้ง… เทเลพอร์ตหนึ่งครั้ง เปิดประตูหนึ่งครั้ง โหราศาสตร์อีกหนึ่งครั้ง… รวมทั้งสิ้นแปดครั้ง นอกจากนั้นยังต้องเพิ่มเข้าไปอีกสอง รวมเป็นสิบครั้ง… ยุ่งยากเอาเรื่อง เพราะพลังพิเศษบางชนิดของเราไม่สามารถบันทึกลงไปได้ ยกตัวอย่างเช่น พลังในการฟื้นฟูร่างกาย… คงต้องบันทึกบางทักษะซ้ำลงไป… อา… รอให้ได้แหวนของบรรพบุรุษก่อน อาจมีพลังพิเศษของแหวนให้บันทึก…แหวนลิลิธ? เหนือสายหมอกสีเทา ท่ามกลางพระราชวังที่คล้ายกับถิ่นพำนักของคนยักษ์ ไคลน์กำลังนั่งบนเก้าอี้พนักสูงประจำตำแหน่งเดอะฟูล ครุ่นคิดเกี่ยวกับเนื้อหาการสวดวิงวอนของเอ็มลิน·ไวท์เดิมที มันนึกว่าการที่ตนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะแวมไพร์ที่ขาดประสบการณ์ต่อสู้กำลังต้องการความช่วยเหลือ แต่ใครจะไปคิดว่า เอ็มลินจัดการทุกสิ่งเสร็จสรรพด้วยตัวเองก่อนห้าทุ่ม แม้กระทั่ง ‘ส่งงาน’ เสร็จเรียบร้อยเป็นเพราะวิวรณ์ของเทพบรรพกาลตนดังกล่าว เอ็มลินจึงสวดวิงวอนถึงเดอะฟูล… และตอนนี้เขาก็ได้รับแหวนจากลิลิธ… ไม่ว่าลิลิธจะเป็นใคร ดูเหมือนว่าเราต้องระวังตัวเอาไว้ คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงให้ดี… ไคลน์ครุ่นคิดสองสามวินาที ก่อนจะตอบสนองคำสวดวิงวอนของเอ็มลินด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกแต่สุขุม“ทุกครั้งที่สวดวิงวอนถึงเรา หรือกระทั่งในยามเข้าร่วมชุมนุม จงอย่างลืมถอดแหวนวงนั้นออกก่อน”หลังจากอธิบายจบ ไคลน์ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปลุกกลางดึกอีกต่อไป หลับยาวไปจนถึงรุ่งสางกินข้าวเช้าเสร็จ มันพักต่ออีกสักนิด รอจนกระทั่งครูสอนมารยาท วาฮาน่า มาถึงคฤหาสน์ คาบเรียนในวันนี้จะเกี่ยวกับการจัดงานเลี้ยงเต้นรำที่จะมีขึ้น ณ บ้านของตนในวันหยุดสุดสัปดาห์เส้นผมสีดำของวาฮาน่ากำลังโบกสะบัดไปพร้อมกับกระโปรงเดรส จุดประสงค์ของเธอคือการทำให้ดอน·ดันเตสคุ้นเคยกับการเต้นรำเปิดงานและกระบวนการที่เกี่ยวข้องท่ามกลางท่วงท่าที่เบาสบาย ครูสอนมารยาทหาโอกาสพูด“ดิฉันได้ยินว่า มาดามแมรี่มาเยี่ยมคุณเมื่อวานตอนบ่าย?”“ใช่ครับ” ไคลน์แอบถอนหายใจและรำพันว่า ไม่มีความลับในถนนบล็อกนี้เลยหรือ? แต่ภายนอกพยักหน้าตอบรับอย่างสุขุมวาฮาน่าผงกศีรษะเล็กน้อย เงียบงันสองสามวินาทีจึงพูดต่อ“ดิฉันได้ยินมาว่า มาดามแมรี่นำหุ้นทั้งหมดของตัวเองไปจำนำกับธนาคารเพื่อกู้เงินก้อนโต”เป็นคำเตือนให้เราคอยระวังว่า อย่าได้ตกหลุมพรางการต้มตุ๋น… ความช่วยเหลือที่เรามอบให้ก่อนหน้านี้ ไม่เพียงจะทำให้เข้าสู่แวดวงชนชั้นสูงของถนนเบิร์คลุนง่ายขึ้น แต่ยังคอยมอบคำแนะนำในด้านอื่นๆ เป็นระยะ… อย่างไรก็ตาม การที่มาดามแมรี่นำหุ้นไปจำนำ จุดประสงค์ก็เพื่อจะเพิ่มจำนวนหุ้นในมือด้วยวิธีที่ปลอดภัย… ไคลน์ฟังอย่างเงียบงัน เผยรอยยิ้มอ่อนโยนขณะตอบ“ขอบคุณครับ”มันเว้นวรรคก่อนจะเสริม“แต่ละสาขาอาชีพนั้นมีธรรมชาติและอุปนิสัยที่แตกต่างกัน สำหรับแวดวงธุรกิจ กฎเหล็กข้อแรกคือความไม่ประมาท… ผมได้บอกให้วอลเตอร์จ้างทนายความและทีมนักบัญชีเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด สืบสวนเกี่ยวกับบริษัทเป้าหมาย และมอบทางออกที่ช่วยปกป้องผลประโยชน์ของผมได้อย่างรัดกุมที่สุด รวมไปถึงการลดหย่อนภาษี… จนกว่าจะได้รับรายงาน ผมจะไม่ตัดสินใจใดๆ”วาฮาน่าหันศีรษะมาครึ่งหนึ่ง จ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินเข้มของดอน·ดันเตสและยิ้มกึ่งถอนหายใจ“ฉลาดสมคำร่ำลือ”ไคลน์อยากจะตอบว่า ‘แค่นี้นับว่าธรรมดามาก’ แต่ทันใดนั้นพลันฉุกคิดได้ สามีของวาฮาน่าเคยถูกโกงผ้ามาก่อน และฝ่ายที่ช่วยทำให้ขาดทุนน้อยลงก็คือตน การตอบออกไปเช่นนั้นอาจทำให้วาฮาน่านำไปเชื่อมโยงกัน จนเกิดเป็นความเข้าใจผิดคิดว่าเราดูแคลน มันจึงเปลี่ยนคำตอบพลางหัวเราะในลำคอ“ปัญญาของผมเกิดจากบทเรียนที่ได้รับในอดีต”“นึกภาพคุณถูกหลอกไม่ออกจริงๆ” วาฮาน่าก้มศีรษะลงและยิ้ม “และคงเป็นเพราะคุณมีประสบการณ์มากมาย จึงสามารถชื่นชมเสน่ห์ที่แตกต่างกันของสตรีในแต่ละช่วงอายุ?”ข่าวลือบัดซบนี่… เมื่อไรจะหายไปเสียที… ไคลน์ยิ้มอย่างจนปัญญา“ดอกไม้ทุกดอก งดงามในตัวเองเสมอ”เมื่อเริ่มคุ้นเคยกับขั้นตอนการจัดงานเลี้ยงเต้นรำ ไคลน์เดินมาส่งวาฮาน่ากลับ จากนั้นก็ออกเดินทางไปพร้อมกับริชาร์ดสัน เป้าหมายคือที่ทำการบริษัทโคอิมในเขตเชอร์วู้ด ตามคำเชิญของมาดามแมรี่เมื่อวาน……………………………………………….
คอมเม้นต์