ราชันเร้นลับ 796 : ค่อยๆ ชำนาญ
ท่าไม่ดีแล้ว! เอ็มลิน·ไวท์มองตามการจ้องมองของอาร์กอส สังเกตเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าและกล่องไม้เล็กที่ตนลืมจัดการแม้ว่าทั้งสองสิ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของห้องนี้ แต่เมื่อครู่ กล่องไม้กับหนังสือพิมพ์อยู่ในตำแหน่งอื่น คล้ายกับพวกมันถูกนำมารวมกันในภายหลังจนดูผิดวิสัยอย่างมาก ราวกับใครบางคนต้องการกระทำบางสิ่ง ก่อนจะเปลี่ยนใจกลางคันถ้าอย่างนั้น ทำไมถึงเปลี่ยนใจกลางคัน? เพราะถูกรบกวนโดยเสียงเคาะประตู? หมายความว่าฆาตกรยังไม่ออกจากห้อง แต่ยังซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง? ความคิดในทำนองเดียวกันแล่นผ่านสมองเอ็มลินและอาร์กอสโดยพร้อมเพรียง ทว่า ฝ่ายหนึ่งกำลังกระวนกระวายสุดขีด ส่วนอีกฝ่ายกำลังย้อนกระบวนการความคิดของผู้ลงมือท่าไม่ดีแล้ว!แวมไพร์สองตนตอบสนองในเวลาเดียวกัน อาร์กอสกระโจนไปด้านข้างพร้อมกับผุดควันสีดำที่ดูคล้ายปีกค้างคาว ในส่วนของเอ็มลิน·ไวท์ ปลายนิ้วของมันตวัดลงบนบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ในหน้าที่เปิดอยู่เพียงพริบตา แสงสีเงินสว่างวาบไปทั่วห้องอีกครั้งสายฟ้าที่แตกแขนงพลาดการปะทะร่างอาร์กอส เพียงพุ่งตรงไปยังพื้นดินด้านข้างเตียง จากนั้นก็กระจัดกระจายกลายเป็นอสรพิษสายฟ้าตัวเล็กจำนวนมาก พุ่งเข้าหาวัตถุเหนี่ยวนำไฟฟ้ารอบๆถึงตรงนี้ ปีกที่อาร์กอสสร้างด้วยควันดำกลายเป็นวัตถุเหนี่ยวนำสายฟ้า จึงถูกไล่ล่าโดยอสรพิษสายฟ้าและรับแรงกระแทกเข้าอย่างจัง กระแสไฟฟ้าแล่นผ่านไปทั่วร่างกายอาร์กอสเผชิญอาการชาหนึ่งวินาทีและล้มลงบนฟื้น ความพยายามในการกระโดดหนีล้มเหลวเอ็มลินรีบพลิกหน้าบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ เลื่อนนิ้วไปที่แผ่นกระดาษ ‘อสนีบาต’ อีกหนึ่งใบแม้จะไม่ทราบว่าทำไมถึงมีพลังอสนีบาตถูกบันทึกไว้เยอะนัก จำนวนราวๆ ครึ่งหนึ่งของหน้ากระดาษหนังสีเหลืองอมน้ำตาล แต่เอ็มลินก็มิได้ถือสา ภายในใจมีเพียงความยินดีขณะลงมือใช้งานแสงสีเงินโผล่ขึ้นจากอากาศอันว่างเปล่า ฟาดใส่ร่างอาร์กอสขณะมันพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอาการชาของสายฟ้าระลอกแรก ควันดำผุดขึ้นบนร่างกายอีกครั้ง ร่างกายสั่นระริกอย่างมิอาจหักห้ามฉวยโอกาสดังกล่าว เอ็มลิน·ไวท์งอเข่า พุ่งเข้าหาอาร์กอสด้วยความเร็วที่น่าทึ่งจนเกิดเป็นภาพตกค้าง ตามด้วยการใช้แขนขวาคว้าศีรษะของเป้าหมาย หมุนตัวแผ่วเบาและไปโผล่ด้านหลังอย่างชำนาญกร๊อบ!ศีรษะอาร์กอสถูกบิดมายังด้านหลัง!ทว่า ดวงตาของมันพลันแดงก่ำ ใบหน้าที่เคยบวมพองและเป็นแผลเริ่มยุบกลับเข้าไป ความมืดมิดมายาพวยพุ่งออกจากภายในเอ็มลินไม่เข้าในสถานการณ์ตรงหน้า จึงรีบถอยหลังกลับและเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆอาร์กอสไม่ได้ไล่ตาม ดวงตาคล้ายกับสูญเสียสติสัมปชัญญะโดยสมบูรณ์ เหลือเพียงความอาฆาต บ้าคลั่ง และเหม่อลอยมันยกสองมือขึ้น จับศีรษะตัวเองและหมุนกลับ คืนสู่สภาพเดิมพร้อมกับเสียง ‘กร๊อบ’ แหลมๆรอบตัวแวมไพร์เทียมตนนี้กำลังปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ประหนึ่งพร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งจากนั้น อาร์กอสยืดคอออกและแกว่งซ้ายทีขวาที ผิวกายเริ่มเน่าเปื่อยและบวมพอง เต็มไปด้วยหนองเหลืองอันน่าขยะแขยงสำหรับวันนี้ มันแวะมาหากาลิส·เควินเพราะร่างกายเริ่มแสดงสัญญาณอาการคลุ้มคลั่ง ต้องการปรึกษาปัญหาและวิธีรับมือ โดยขณะกำลังจะกลับ มันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า อาจเป็นเพราะพวกตนอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหม็นอับและส่งผลเสียต่อประสาทการดมกลิ่น อาการของภาวะการคลุ้มคลั่งจึงยิ่งสั่งสมและเมื่อครู่ ในวินาทีที่เฉียดใกล้เงามืดแห่งความตาย ภาวะคลุ้มคลั่งได้ถูกกระตุ้นโดยสมบูรณ์เอ็มลินที่ถูกอาร์กอสจ้องมอง หัวใจพลันเต้นแรง พบว่าตนกำลังเผชิญวิกฤติร้ายแรงอีกหน อดไม่ได้ที่จะเกลียดชังเหล่าสาวกดวงจันทร์บรรพกาลที่ชอบแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดเสียเหลือเกินเอ็มลินตัดสินใจยังไม่สวดวิงวอนถึงเดอะฟูล ประการแรก ให้ทำตอนนี้คงสายเกินไป เพราะศัตรูใกล้เปิดฉากโจมตีแล้ว ประการที่สอง ในสถานการณ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง เอ็มลินเชื่อว่า ไม่ใช่เรื่องยากหากตนจะรับมือกับแวมไพร์ลำดับ 7 ที่คลุ้มคลั่งมันรีบพลิกบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ให้หยุดลงบนหน้ากระดาษ ‘อสนีบาต’ อีกครั้งเปรี้ยง!สายฟ้าสีเงินเส้นใหญ่และหยักเป็นแฉก ฟาดลงมายังเบื้องล่างอย่างหนักหน่วง กระแทกร่างอาร์กอสที่กลายสภาพเป็นสัตว์ประหลาดในวินาทีดังกล่าว คล้ายกับสายฟ้าทำลายวังวนความมืด แต่ขณะเดียวกันก็ถูกกลืนกินเข้าไป ส่งผลให้พลังสองชนิดหักล้างและสลายหายไป เหลือเพียงอาร์กอสที่กำลังยืนจ้องเอ็มลินแวมไพร์เทียมที่ขาดสติโดยสมบูรณ์ เคลื่อนไหวร่างกายด้วยความเร็วสูงจนเกิดภาพตกค้าง พุ่งเข้าตะครุบเป้าหมายเอ็มลินย่อตัวลงและกลิ้ง รอดพ้นจากการโจมตีที่อาจถึงแก่ชีวิตขณะเดียวกัน มันนำมือขวาซึ่งไม่ได้จับสมุดเวทมนตร์ ล้วงเข้าไปในกระเป๋าและหยิบขวดโลหะฟุ่บ!อาร์กอสเปลี่ยนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็มายืนหน้าศัตรูเพล้ง! เอ็มลินที่ไม่มีเวลาบิดเกลียวเปิดฝา ใช้ปลายนิ้วหักฝาขวดออกทันทีจากนั้น มันโยนขวดไปข้างหน้า ส่งผลให้ของเหลวบริสุทธิ์และเปล่งประกายสาดใส่อาร์กอสที่กำลังกระโจนเข้าใส่นี่คือ ‘น้ำมนตร์สุริยัน’ ที่มันผลิตขึ้นด้วยวัตถุวิญญาณ ถือเป็นของแสลงอย่างมากสำหรับแวมไพร์สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ‘ศาสตราจารย์โอสถ’ จะแข็งแกร่งมากหากมีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า!“อ๊าก!”อาร์กอสซึ่งถูกน้ำมนต์สาดใส่ ส่งเสียงกรีดร้องทันที ควันดำพวยพุ่งจากผิวกายพร้อมกับเรี่ยวแรงที่หายไปกะทันหันเปรี้ยง! แม้ว่าการโจมตีจะโดนตัวเอ็มลิน แต่ก็ไม่รุนแรงนัก ทำได้แค่พังสมดุลร่างกายเล็กน้อย เอ็มลิ้นกลิ้งสองตลบอย่างปลอดภัย ปราศจากบาดแผลฉกรรจ์ขณะกลิ้งตัว เอ็มลินไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตน เลือกที่จะสะบัดมือขวาซึ่งเจ็บแปลบเล็กๆ จากการถูกหยดน้ำมนต์สุริยันกระเซ็นใส่ พลางพลิกหน้ากระดาษของสมุดเวทมนตร์เลมาโน่เปรี้ยง!สายฟ้าฟาดลงมาอีกครั้ง เสียงกรีดร้องของอาร์กอสพลันขาดห้วงราวกับว่า แวมไพร์เทียมคลุ้มคลั่งตนนี้กำลังทุกข์ทรมานจากการถูกน้ำมนต์สุริยันแผดเผาในระยะประชิด ร่างกายครึ่งซีกตกอยู่ในอาการเหน็บชาอย่างรุนแรงเอ็มลินไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอย ล้วงหยิบน้ำมนต์สุริยันออกมาอีกหนึ่งขวด คลายเกลียวฝาและสาดไปด้านหน้าในคราวนี้ อาร์กอสไม่แม้แต่จะกรีดร้อง ร่างกายมีสภาพคล้ายเทียนไขที่กำลังหลอมละลายเอ็มลินซึ่งกำลังโล่งใจ รีบสร้างกลุ่มค้างคาวขนาดเท่าฝ่ามือด้วยควันสีดำเข้ม สั่งให้พวกมันกรูเข้าใส่เป้าหมายค้างคาวสีดำปกคลุมร่างกายอาร์กอสโดยสมบูรณ์เป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะแยกตัวออก บินกลับมาหาเอ็มลินและสลายไปร่างกายอาร์กอสหดเกร็งอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งทนไม่ไหวอีกต่อไป ล้มลงในสภาพกึ่งหลอมละลายเอ็มลินยกมือขวาขึ้นเพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บที่ยังหลงเหลือ พบบาดแผลสึกกร่อนหลายแห่งบนฝ่ามือและปลายนิ้วอย่างไรก็ตาม เนื้อหนังของมันเริ่มยุบพองและรักษาตัวเองอย่างรวดเร็วจบสักที… เราฆ่ามันได้แล้ว… เอ็มลินถอนสายตากลับ มองไปยังร่างของอาร์กอสด้วยความประหลาดใจแม้ว่าการล่าในครั้งนี้จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันมากมาย แต่ระหว่างภารกิจ มันแทบไม่ได้เผชิญอันตรายถึงชีวิต เรื่องนี้ทำให้เอ็มลินตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของชุมนุมทาโรต์ พบว่าองค์กรลับแห่งนี้แข็งแกร่งกว่าจินตนาการของตนมากหากอาร์กอสตรวจสอบศพของกาลิส·เควินก่อนที่จะสังเกตเห็นหนังสือพิมพ์และลังไม้ มันคงทราบทันทีว่าฆาตกรมีพลังพิเศษในขอบเขตสายฟ้า และจะไม่มีทางใช้ ‘ปีกแห่งความมืด’ ในการหนี รอดพ้นจากการถูกสายฟ้าตามติด…แต่ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็จะไม่พบความผิดปรกติเกี่ยวกับกล่องไม้และกองหนังสือพิมพ์ ไม่ทราบว่าฆาตกรยังคงซ่อนตัวอยู่ในห้อง ทำให้หลบหลีก ‘อสนีบาต’ ของเราไม่พ้น และเหตุการณ์ทั้งหมดก็จะดำเนินไปอย่างง่ายดาย…จากมุมมองดังกล่าว ไม่ว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางไหน ตราบเท่าที่เราไม่สร้างข้อผิดพลาดขึ้นเอง การฆ่ามันก็จะสำเร็จแน่นอน… พวกมันช่างอ่อนแอ… ขณะเดียวกัน เราก็แข็งแกร่งขึ้นมาก…เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านบรรพบุรุษถึงแนะนำให้เราเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์… องค์กรนี้มีเพื่อรับมือกับวันสิ้นโลก มีเพื่อรักษาแต่ละเผ่าพันธุ์ให้อยู่รอดปลอดภัย แข็งแกร่งกว่าองค์กรลับอื่นๆ ไม่รู้ตั้งกี่เท่า! เอ็มลินเชิดคางเล็กน้อย มุมปากยกโค้งอย่างมิอาจควบคุมทันใดนั้น มันได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกประตู แต่ไม่มีใครเข้ามาใกล้เสียงร้องของอาร์กอสคงทำให้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงตกใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะกลัวปัญหา… แต่ถึงอย่างนั้น ต้องมีใครสักคนแจ้งตำรวจแน่… เราต้องรีบเก็บกวาดจุดเกิดเหตุและหนีไป… เอ็มลินจ้องหน้าประตู เดินไปทางศพของกาลิส·เควิน หยิบวัตถุขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมาจากกองเลือดวัตถุชนิดนี้มีสีแดงสดโดยสมบูรณ์ ลักษณะคล้ายหัวใจที่กำลังยุบพองตัวแผ่วเบา พื้นผิวโปร่งแสง ด้านในมีของเหลวจางๆ ไหลเวียน แน่นอน มันคือตะกอนพลังของลำดับ 7 ‘แวมไพร์’ แห่งเส้นทางนักปรุงยานี่คือถ้วยรางวัลของเรา… เอ็มลินพยายามสลัดอาการขยะแขยง หลังจากห่อศีรษะกับตะกอนพลังของกาลิส·เควินด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าเสร็จเรียบร้อย มันนำไปยัดไว้ในกล่องไม้และเมื่อวางกล่องไม้ลงด้านข้างลำตัว เอ็มลินกระชากศีรษะอาร์กอสซึ่งแทบไม่เหลือเค้าเดิมออกจากศพ ตามด้วยการหยิบยาวิเศษอีกขวดและโปรยไว้ทั่วห้องระหว่างลงมือ เอ็มลินมิได้เผยท่าทีกระวนกระวาย คล้ายกับไม่กังวลเรื่องที่ผู้วิเศษทางการของเขตตะวันออกจะรุดมาถึงจุดเกิดเหตุถัดมาไม่กี่วินาที มันหยิบตะกอนพลังที่ปนเปื้อนของอาร์กอสขึ้น มองไปยังพื้นผิวสีดำและมีลวดลายคล้ายใบหน้ามนุษย์ พลางเสกกลุ่มควันสีดำขึ้นมาจากด้านหลังของตนกลุ่มควันสีดำแปรสภาพเป็นค้างคาวตัวเล็กจำนวนมาก บินแยกย้ายไปทั่วห้อง ผสมผสานเข้ากับยาวิเศษที่ฉีดพ่นก่อนหน้า กลายเป็นเปลวไฟสีดำที่ค่อยๆ ลุกไหม้อย่างเงียบงันเปลวไฟสีดำแผดเผาเลือด ศพ และร่องรอยฟ้าผ่าจนเกลี้ยง เหลืองทิ้งไว้เพียงชั้นของเหลวหนาๆ คล้ายยางมะตอยตามจุดต่างๆไม่กี่อึดใจถัดมา ของเหลวเหล่านี้กลายร่างเป็นค้างคาวดำตัวใหญ่และบินกลับมาหาเอ็มลินเอ็มลินไม่ได้คาดหวังว่าตนจะทำลายร่องรอยทั้งหมดทิ้งโดยสมบูรณ์ แต่ต้องการทำให้จุดเกิดเหตุเป็นปรกติมากที่สุด ตำรวจหรือผู้วิเศษที่มาตรวจสอบจะได้มองเป็นเพียงคดีเล็ก ไม่สลักสำคัญ สืบสวนลวกๆ และพับเก็บคดีเข้าไปในแฟ้มเอกสาร ไม่นำกลับมาสนใจอีกจัดการทั้งหมดเรียบร้อย เอ็มลินในสภาพสวมหมวกแก๊ปและใบหน้าเปื้อนถ่าน ยกกล่องไม้พลางมองไปรอบตัวถัดมา มันโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อคำนับดวงจันทร์สีแดงด้านนอกขณะเดียวกันก็พลิกบันทึกการเดินทางเลมาโน่ไปยังหน้า ‘เทเลพอร์ต’ร่างของเอ็มลินที่ผสานเข้ากับค้างคาวตัวใหญ่รอบๆ พลันโปร่งใสและเลือนหายไปจากจุดเกิดเหตุหลังจากผ่านไปเกือบสิบห้านาที ตำรวจสองสามคนจากเขตตะวันเดินทางมาถึงอพาร์ตเมนต์ พังประตูห้องเข้าไป แต่ก็ไม่พบใครทั้งสิ้น ไม่แม้แต่ศพพวกมันอ้าปากหาวอย่างเกียจคร้าน จ้องไปทางพยานในที่เกิดเหตุและโน้มน้าวแกมบังคับให้พวกเขาเชื่อว่าตัวเองเห็นภาพหลอน ปิดคดีลงแต่เพียงเท่านี้นี่คือรูปแบบการทำงานตามปรกติของตำรวจในเขตตะวันออก…หลังจากพ้นเขตตะวันออก เอ็มลินตรงกลับบ้านทันทีและนำบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ไปซ่อน จากนั้นก็นำศีรษะแวมไพร์เทียมที่ตนรวบรวมมาได้ พกติดตัวไปยังบ้านของโอดราในเขตตะวันตกมันเตรียมประกาศชัยชนะและรับรางวัล!………………………………………….
คอมเม้นต์