ราชันเร้นลับ 795 : ความอดทน
ในฐานะผีดูดเลือดที่ชอบหมกตัวอยู่กับบ้าน จำนวนการต่อสู้ที่เอ็มลินเคยเข้าร่วมสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว แถมยังไม่เคยเผชิญหน้ากับการถูกรุมไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับสาวกดวงจันทร์บรรพกาลเมื่อคราวก่อน การดิ้นรนขัดขืนบิชอปยูทรอฟสกี้จากวิหารฤดูเก็บเกี่ยว เกือบทุกครั้งจะได้เปรียบด้านจำนวนเสมอ หรือก็คือ เอ็มลินเป็นประเภทที่ตัวต่อตัวไม่เก่งเมื่อย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่สมาชิกครอบครัวของมันสามคน พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับบิชอปลูกครึ่งคนยักษ์ ใบหน้าเอ็มลินเริ่มดำมืด คล้ายกับหวนนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ต้องเผชิญภายในวิหารฤดูเก็บเกี่ยวเนื่องจากอพาร์ตเมนต์แห่งนี้มีคนพักอาศัยไม่มาก และกาลิส·เควินซึ่งเป็นแวมไพร์เทียม มีประสาทสัมผัสที่เฉียบคม เอ็มลินจึงไม่กล้ายืนหน้าประตูนานเกินไป เลือกเดินไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดตรงสุดท้ายเดินเราควรทำยังไงต่อ… เอ็มลินยืนพิงบางสิ่งที่กำลังบดบังแสงจันทร์สีแดงเข้ม ความคิดมากมายแล่นผ่านสมอง พยายามหาวิธีบรรลุภารกิจจากประสบการณ์อันน้อยนิดทีละเล็กละน้อย คำพูดที่แฮงแมนเคยพร่ำสอนเดอะซันดังก้องในใจ“ความอดทนเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์หลากหลายรูปแบบ… เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ในบางครั้งก็ต้องอดกลั้นจนถึงที่สุด”ความอดกลั้น… เอ็มลินพยักหน้ากับตัวเอง เริ่มเข้าใจว่าตนควรทำอย่างไรมันตั้งใจจะซ่อนตัวก่อน รอจนกระทั่งอาร์กอสออกมาจากห้อง!นี่ไม่ใช่บ้านของแวมไพร์เทียมตนดังกล่าว ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องออกมา และเมื่อถึงเวลานั้น เอ็มลินจะมีโอกาสได้ดวลตัวต่อตัวกับกาลิสอดทน… อดกลั้น… รออย่างใจเย็น… เอ็มลินย้ำคำพูดในใจ พยายามขจัดแรงกดดันที่สภาพแวดล้อมรอบตัวกระทำใส่สภาพอากาศในชั้นที่หนึ่งของอพาร์ตเมนต์ กลิ่นปัสสาวะ กลิ่นน้ำเน่า กลิ่นอุจจาระไม่ราดน้ำ กลิ่นเขม่าจากการเผาถ่านหินคุณภาพต่ำ กลิ่นเหงื่อที่ไม่ได้อาบน้ำหลายวัน กลิ่นกายของผู้เช่าบางราย และกลิ่นเหม็นเปรี้ยวอีกนานับชนิด ทุกกลิ่นเหม็นเกินกว่าจะพรรณนา ชวนให้ขยะแขยง กัดกร่อนประสาทสัมผัสการดมกลิ่นของเอ็มลินที่เปรียบดังยาพิษเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เอ็มลินอยากเฉือนจมูกตัวเองทิ้ง ความรู้สึกคล้ายกับถูกทรมานในห้วงอเวจีและขุมนรกอดทน… อดกลั้น… รอคอย… มันท่อง ‘คติพจน์’ จากจิตใต้สำนึก พบว่าทุกวินาทีช่างยาวนานในที่สุด มันเห็นประตูห้องของกาลิส·เควินถูกเปิดออก บุคคลรูปร่างผอมบาง ผิวสีคล้ำ เดินออกมา โหนกแก้มค่อนข้างสูง ดั้งจมูกโด่งเป็นสัน ปลายจมูกงุ้มงอเล็กน้อย ไม่ใช่ใครนอกจากอาร์กอส สาวกของดวงจันทร์บรรพกาลใบหน้าของมันมีร่องรอยและคราบสกปรก ชวนให้ขยะแขยงกะแล้วเชียว… เหมือนกับที่ ‘ตาแก่’ เอียนว่าไว้ เสื้อผ้าของพวกมันค่อนข้างสะอาดและมีสภาพดี แตกต่างจากชาวเขตตะวันตกทั่วไปโดยสิ้นเชิง… เอ็มลินเริ่มมีไฟ เฝ้ามองอาร์กอสเดินออกจากอพาร์ตเมนต์พลางพึมพำอดทนรอเกือบห้านาที มันยืนขึ้น ตัดสินใจลงมือเนื่องจากเป้าหมายของมัน กาลิส·เควินเป็นแวมไพร์เทียม เอ็มลินจึงทราบอีกฝ่ายมีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร ถนัดการต่อสู้แบบไหน ส่งผลให้เตรียมตัวรับมือได้อย่างเหมาะสมประสาทการดมกลิ่นของกาลิส·เควินไม่ด้อยไปกว่าเราในร่างโตเต็มวัย… ไม่สิ การที่มันทนอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมย่ำแย่เช่นนี้ได้เป็นเวลานาน บางที จมูกและสมองคงพังไปหมดแล้ว… นอกจากนั้น สัมผัสวิญญาณของมันค่อนข้างดี รวมถึงสัญชาตญาณในการหยั่งถึงอันตราย สายตาและหูก็ไม่เลว… เอ็มลินวิเคราะห์อีกฝ่าย ดื่มยา ฉีดพ่นของเหลวเพื่อกลบกลิ่นตัวอีกครั้ง ปกปิดไว้อย่างแนบเนียนถัดมา มันทำเหมือนกับคราวก่อน ใช้ยาวิเศษลบร่างกายและเสื้อผ้า หายไปกับความว่างเปล่าประหนึ่งถูกลบด้วยยางลบในมุมที่มืดและเปลี่ยว สมุดบันทึกสีเขียวขี้ม้าขนาดเท่าฝ่ามือโผล่ออกจากความว่างเปล่า คล้ายกับแทรกตัวผ่านม่านล่องหนสมุดบันทึกพลิกตัวเองโดยไม่เกิดสุ้มเสียง จนกระทั่งไปถึงหน้ากระดาษสีขาวที่อัดแน่นด้วยสัญลักษณ์เชิงโหราศาสตร์เมื่อสัญลักษณ์หายไป สภาพแวดล้อมโดยรอบสว่างขึ้นเล็กน้อยเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากพลังการแทรกแซง ‘ลางสังหรณ์’ ของโหราจารย์!จากนั้น บันทึกการเดินทางของเลมาโน่ถูกเก็บกลับ ค่อยๆ หายไปทีละนิด ถูกปิดกั้นด้วยม่านล่องหนอีกครั้งเอ็มลินที่เตรียมตัวพร้อม นึกทบทวนแผนการเป็นครั้งสุดท้าย เริ่มขยับฝีเท้าด้วยความเงียบ ตรงมายังด้านนอกห้องพักของกาลิส·เควินอย่างไร้สุ้มเสียง แต่มิได้เข้าใกล้ประตูหน้าสมุดบันทึกสีเขียวขี้ม้าปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าอีกครั้ง เล็งไปทางกำแพงห้องเสียงมายาพลันกังวานในห้วงความคิดเอ็มลิน มันรีบนำฝ่ามือ ‘แนบ’ ลงบนกำแพงและออกแรงผลักขณะเดียวกัน เอ็มลินรีบสอดบันทึกการเดินทางของเลมาโน่เข้าไปในชายเสื้ออย่างระมัดระวัง คลุมทับด้วยเสื้อคลุมล่องหนเมื่อกดฝ่ามือเข้าไปในกำแพง แสงสีฟ้าจางๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า บานประตูมายาเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างจนเสร็จสมบูรณ์บนผนัง แต่ด้านล่างประตูยังคงอิฐกำแพงตามเดิมตั้งใจฟังความเคลื่อนไหวในห้องสักพัก สูดกลิ่นในอากาศ เอ็มลินก้าวไปข้างหน้า ผ่านประตูสีฟ้าจางๆ ที่คล้ายม่านน้ำฉากตรงหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน มันเริ่มเห็นผนังเปรอะเปื้อน ทั้งสามด้านมีเตียงไม้ทรุดโทรมและของใช้จิปาถะวางเรียงรายไม่ผิดแน่ ที่นี่คือห้องพักของกาลิส·เควิน!ในส่วนประตูสีฟ้าด้านหลังเอ็มลิน บานประตูเลือนหายไปสักพักแล้ว ประหนึ่งว่าไม่เคยมีตัวตนอยู่มองไปรอบตัวด้วยความระมัดระวัง เอ็มลินพบร่างของเป้าหมาย กาลิส·เควินสาวกดวงจันทร์บรรพกาลรายนี้เป็นพวกเลือดผสมที่หน้าตาดี ผมยาวประบ่า ดวงตาสีน้ำตาลแดง แต่ไม่เข้มมาก คล้ายกับไม่ได้สืบทอดสีดวงตามาจากผีดูดเลือดอย่างสมบูรณ์ในเวลานี้ มันกำลังนั่งข้างเตียง จ้องไปทางประตู ไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดเอ็มลินเดินอ้อมไปด้านข้างโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว เปิดใช้งานสมุดเวทมนตร์ในมุมอับสายตา หยุดลงที่หน้ากระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งทำให้ปลายนิ้วเกิดอาการชาเบาๆกระดาษแผ่นดังกล่าวมีสีน้ำตาลอมเหลือง สภาพคล้ายกระดาษหนัง เต็มไปด้วยสัญลักษณ์และลวดลายเก่าแก่ อักขระเวทมนตร์เรียงตัวกันจนดูเหมือนต้นไม้เล็กๆ ที่กำลังแผ่กิ่งก้านขยับข้อมือเล็กน้อย เอ็มลินตวัดนิ้วลงบนผิวกระดาษเพียงพริบตา แสงสีเงินพลันส่องสว่างภายในห้องประหนึ่งเวลากลางวันยังไม่ทันที่เสียง ‘เปรี้ยะ’ จะดังขึ้น สายฟ้าเส้นหนึ่งผ่าลงมายังกึ่งกลางศีรษะกาลิส·เควิน เปลี่ยนให้สาวกดวงจันทร์บรรพกาลรายนี้กลายเป็นตอตะโกทันที ร่างกายชักกระตุกรุนแรง ดวงตาเหม่อลอยกะทันหันขณะอสรพิษสายฟ้ากำลังวิ่งพล่านอย่างโกลาหล ร่างของเอ็มลิน·ไวท์โผล่ขึ้นด้านหลังเป้าหมายที่กำลังตัวแข็งทื่อ มือขวาเหยียดออกพร้อมกับบีบคอศัตรูเต็มแรงกร๊อบ!มันหักกระดูกต้นคอของกาลิส·เควินอย่างเลือดเย็น กระชากศีรษะออกด้วยความอำมหิต ไม่ปล่อยโอกาสให้เหยื่อฟื้นตัวด้วยพลังการรักษาขั้นสูงร่างไร้วิญญาณทรุดลงตุ้บ!ลำตัวที่ปราศจากเศียรของกาลิส·เควินตกลงบนพื้น โลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนแวมไพร์เทียมเสียชีวิตคาที่สีหน้าอันเยือกเย็นของเอ็มลินพลันแปรเปลี่ยน มันก้มมองศีรษะในมือด้วยความตกตะลึง เชื่อว่ากาลิส·เควินคงตายไปโดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุ ความเจ็บปวดและสับสนปรากฏในดวงตาอย่างชัดเจนง่ายดายขนาดนี้เชียว? ง่ายเกินไปแล้ว… แม้ว่าเอ็มลินจะภูมิใจ แต่ก็ไม่อยากเชื่อว่าตนจะฆ่าแวมไพร์เทียมได้ง่ายดายเช่นนี้ แต่ความจริงก็คือความจริง แวมไพร์เทียมอาร์กอสตายไปอย่างง่ายดายสายฟ้าคงทำให้เหยื่อเป็นอัมพาต… ผนวกกับสมรรถภาพร่างกายและความเร็วของเรา การดับลมหายใจเป้าหมายจึงไม่ใช่เรื่องยาก… แต่หมอนี่คงแพ้ทางสายฟ้า เพราะโดนเพียงเล็กน้อยก็ตกอยู่ในอาการอัมพาตทันที นอกจากนั้น พลังโหราจารย์ยังคอยก่อกวนการหยั่งถึงอันตรายล่วงหน้า ช่วยให้เราลอบเข้ามาทางกำแพงอย่างง่ายดาย สิ่งนี้คือกุญแจสู่ความสำเร็จ… หลังจากยืนฉงนไม่กี่วินาที เอ็มลินเริ่มวิเคราะห์อย่างใจเย็น สรุปผลด้วยประสบการณ์อันโชกโชนเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้มันตระหนักถึงความยอดเยี่ยมของการจับคู่พลังวิเศษ รวมไปถึงคุณค่าที่แท้จริงของสมุดเวทมนตร์เลมาโน่ไม่แปลกใจว่าทำไมมิสเตอร์แฮงแมนถึงอยากเช่าเป็นคนแรก…เอ็มลินขบคิด มองไปยังเลือดที่ไหลจากศพกาลิส·เควิน อดไม่ได้ที่จะขยับลูกกระเดือกนานมากแล้วที่มันไม่ได้เห็นเลือดสดในระยะใกล้แบบนี้!อย่างไรก็ตาม เอ็มลินไม่กล้าดื่ม เนื่องจากตะกอนพลังพิเศษของอีกฝ่ายยังไม่ควบแน่น มีบางสิ่งเจือปนเปื้อนอยู่ในเลือด การดื่มเข้าไปจะทำให้เกิดภาวะพลังพิเศษ ‘ล้น’ เสี่ยงต่อการเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ไม่มีประโยชน์กับภารกิจถัดไปเอ็มลินถอนสายตากลับ มองไปรอบตัว พบกองหนังสือพิมพ์เก่าและกล่องไม้ใบเล็ก พอดีกับการใส่ศีรษะของกาลิส·เควินลงไปแต่ก่อนหน้านั้น มันนั่งลง รอให้ตะกอนพลังพิเศษของอีกฝ่ายรวมตัวสองนาทีถัดมา เอ็มลินเงยหน้าขึ้นกะทันหัน รีบมองไปทางประตูมันได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา!แทบจะในทันที เอ็มลินได้กลิ่นของอาร์กอส!แวมไพร์เทียมตนนั้นกลับมาทำไม? เกิดเปลี่ยนใจกลางคัน? เอ็มลินประหม่าเล็กๆ ไม่แน่ใจว่าควรรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรก๊อก ก๊อก!อาร์กอสด้านนอกเคาะประตู จากนั้นก็ไม่มีสุ้มเสียงใดดังขึ้นอีกเลย เงียบเป็นเป่าสากเอ็มลินสะดุ้งเล็กๆ เชื่อว่าอีกฝ่ายอาจได้กลิ่นเลือด จึงพบความผิดปรกติภายในห้องเราควรทำยังไง… พุ่งออกไปฆ่ามัน? ไม่ดีแน่ แบบนั้นจะทำให้ถูกพบตัว ลงเอยด้วยการถูกผู้วิเศษของทางการจับกุม… ด้วยสัญชาตญาณ เอ็มลินหยิบขวดยาออกมาถือ เตรียมซ่อนตัวอีกครั้งทันใดนั้น มันผุดแนวคิดใหม่หายใจเข้าเชื่องช้า เอ็มลินวางศีรษะของกาลิส·เควินไว้บนเตียง ดื่มยาล่องหน ฉีดพ่นของเหลวในทำนองเดียวกัน ค่อยๆ ขยับตัวไปทางมุมห้อง หลบซ่อนอย่างมิดชิดด้วยวิธีนี้ ภายในห้องจะดูคล้ายกับว่า การลอบสังหารเกิดขึ้นและจบลงแล้ว ฆาตกรหนีไปได้อย่างลอยนวลผ่านไปสักพัก บรรยากาศยังคงเงียบงันทั้งภายในและภายนอกห้อง ปราศจากสุ้มเสียง มีเพียงผู้เช่ารายอื่นๆ ที่เดินผ่านหน้าห้องเป็นครั้งคราวทันใดนั้น หน้าต่างของห้องกาลิส·เควินถูกเปิดแง้ม ดวงตาสองดวงจ้องมองเข้ามาหลังจากตรวจสอบอย่างรอบคอบ อาร์กอสที่มีรอยตำหนิบนใบหน้า รีบกระโดดเข้ามาในห้อง ค่อยๆ เดินไปทางศพที่ตะกอนพลังยังไม่ควบแน่นณ มุมหนึ่ง เอ็มลิน·ไวท์ซึ่งกำลังซ่อนตัว อาศัยประโยชน์จากการที่อีกฝ่ายมิได้หันมามอง หยิบบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ด้วยความเงียบเชียบ เปิดไปที่หน้า ‘อสนีบาต’ขณะเดียวกัน สายตาของอาร์กอสทอดลงบนเตียง จ้องไปทางศีรษะของพวกพ้อง จากนั้นก็เหลือบมองกองหนังสือพิมพ์เก่าและกล่องไม้ใบเล็กรูม่านตาของมันหดลีบกะทันหัน……………………………………………….
คอมเม้นต์