ราชันเร้นลับ 759 : เต้นรำครั้งแรก
คืนวันเสาร์ สองทุ่มตรงไคลน์นั่งรถม้าหรูหราของตน ใช้เวลาเพียงสองนาทีถึงก็มาถึงบ้านของส.ส. มัคท์ที่บ้านเลขที่ 39 ถนนเบิร์คลุนหลังจากชำเลืองมองสระน้ำพุที่สะท้อนแสงไฟและมีเสียงน้ำกระเซ็น ชายหนุ่มติดกระดุมสูทหางยาว เดินลงจากรถม้าไปยังทางเข้าหลักของบ้านริชาร์ดสันถือไวน์แดงนันวีลล์ที่มีบรรจุภัณฑ์สวยงาม เดินตามหลังนายจ้างอย่างใกล้ชิดเมื่อผ่านประตูบ้าน ไคลน์เห็นส.ส. มัคท์และมาดามลีอานน่าผู้เป็นภรรยา เดินเข้ามาทักทายฝ่ายแรกสวมเครื่องแบบทหารสีเขียวมะกอก ริบบิ้นสีส้ม มีเหรียญมากมายประดับบนหน้าอก สำหรับชาวโลเอ็น ทั้งทหารที่ยังดำรงตำแหน่งและปลดเกษียณมักสวมเครื่องแบบเข้าร่วมงานเลี้ยงฝ่ายหลังสวมเดรสสีเหลืองแบบไม่มีปกเสื้อ ลำคอและเนินอกถูกปกปิดด้วยผ้าลูกไม้ลายใบบัวละเอียดอ่อน ดูแตกต่างจากหญิงสาวที่ยังไม่ได้สมรส บริเวณลำคอขาวๆ และหัวไหล่ค่อนข้างเปิดเผยเนื้อหนังไคลน์หยิบขวดไวน์นันวีลล์จากบุรุษรับใช้ริชาร์ดสัน ส่งให้ส.ส. มัคท์พร้อมกับแสดงความยินดี“ขอโทษที่มาสายเล็กน้อยนะครับ”นี่คือธรรมเนียมปรกติของงานเลี้ยงชาวโลเอ็น แขกมักจะมาสายเล็กน้อย การมาถึงก่อนงานเริ่มไม่ใช่เรื่องดี เพราะเจ้าภาพอาจยังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวขั้นสุดท้าย ช่วงเวลาดังกล่าวไม่เหมาะแก่การต้อนรับแขก อย่างไรก็ตาม พยายามอย่ามาสายเกินสิบนาทีหากไม่ใช่เพราะวาฮาน่าสอนเรื่องนี้ ไคลน์คงมาถึงก่อนเวลาเพื่อรักษามารยาท“ไม่เป็นไรครับ งานเลี้ยงยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการ” มัคท์รับไวน์นันวีลล์ ส่งให้บุรุษรับใช้ส่วนตัวและยิ้มพลางพยักหน้าในการพบปะสังสรรค์ของชนชั้นสูงในโลเอ็น หากเพิ่งเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ผู้ร่วมงานต้องมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้เจ้าภาพ จากบรรดาของขวัญทั้งหมด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ แต่ก็ต้องจำไว้ว่า ของขวัญครั้งแรกควรเลือกสินค้าท้องถิ่นทักทายเจ้าภาพชายเสร็จ ไคลน์หันไปทางมาดามลีอานน่า เมื่อเห็นอีกฝ่ายยกมือขวาขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหา จับฝ่ามือและโน้มตัวจุมพิตอย่างอ่อนโยน“ความงดงามของคุณเจิดจรัสไปทั่วงานเลี้ยง”ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น การชื่นชมเจ้าภาพคือธรรมเนียมที่พึงปฏิบัติในสังคมชาวโลเอ็น ตรงจุดนี้ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม และสิ่งที่แตกต่างจากอินทิสก็คือ การจุมพิตหลังมือต้องได้รับการยินยอมจากฝ่ายหญิงก่อน บุรุษห้ามกระทำโดยพลการ ไม่อย่างนั้นจะถือเป็นการเสียมารยาทร้ายแรง“เฉกเช่นการมาถึงของคุณ” มาดามลีอานน่าตอบด้วยรอยยิ้มจากนั้น เจ้าบ้านทั้งสองพาดอน·ดันเตสเดินผ่านทางเดิน เข้าไปในโถงหลักที่มีบทเพลงอันไพเราะดังคลอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว โมวรี·มัคท์ชี้ไปยังสตรีเยาว์วัยผู้หนึ่งในเดรสสีฟ้า“ลูกสาวของผม เฮเซล”ฟังจบ ไคลน์หันไปมองสตรีวัยเยาว์ ทันใดนั้น รูม่านตาชายหนุ่มพลันหดลีบมันรู้จักหล่อน!ระบุให้ชัดคือ มันเคยเห็น ‘ภาพ’ ของหล่อนมาก่อน!ย้อนกลับไปในตอนที่ชายหนุ่มถามอาโรเดสว่า ตนจะหาสมบัติวิเศษที่สามารถขโมยพลังพิเศษได้จากไหนบ้าง ‘กระจกวิเศษ’ แสดงภาพของสตรีวัยเยาว์ บุคลิกหยิ่งทระนง กำลังเดินอยู่ในทางระบายน้ำ บัดนี้ไคลน์ได้ทราบแล้วว่า อีกฝ่ายไม่ใช่ใครนอกจากเฮเซล·มัคท์ สตรีเจ้าของเส้นผมสีเขียวเข้มหยักศกเล็กน้อยและดวงตาสีน้ำตาลเข้ม!เธอมีสมบัติวิเศษที่คล้ายกับโอสถ ‘นักชิงไฟ’ ? พิจารณาจากสถานะของครอบครัว ทำไมเธอถึงลงไปเดินในทางระบายน้ำ? ผจญภัยอย่างสนุกสนาน? กำลังมองหาอะไร? เธอเป็นผู้วิเศษ? ด้วยวิธีใด? หรือในตัวจะมีตาแก่ปรสิตแฝงอยู่? แล้วตาแก่คนนั้นจะเหมือนกับ ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์ไหม? มองเห็นออร่าสายหมอกในร่างกายเราหรือไม่? ไคลน์ที่สวม ‘หนัง’ ดอน·ดันเตสผุดคำถามมากมาย แต่ภายนอกทำเพียงก้มศีรษะลงอย่างสุขุมและกล่าว“สายัณห์สวัสดิ์ครับ มิสเฮเซล”ระหว่างนั้น ชายหนุ่มแอบชำเลืองใบหน้าเฮเซล·มัคท์ พบว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้านิ่ง ดวงตาแฝงความยโส เธอตอบด้วยรอยยิ้มสุภาพ“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ดันเตส”เฮเซลมิได้เผยท่าทีผิดปรกติ ตีความได้ว่า เธอน่าจะมองไม่เห็นออร่าของหมอกสีเทา… แต่เรื่องที่มีตาแก่เป็นปรสิตแฝงอยู่ในร่างหรือไม่ ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีกสักพัก… ไคลน์เหยียดหลังตรง หยิบแชมเปญสีทองซีดหนึ่งแก้วจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ หันไปคุยกับส.ส. มัคท์“คิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นพันตรี”ชายหนุ่มเดาได้จากอินทรธนูบนหัวไหล่ส.ส. มัคท์ถ้าอีกฝ่ายเป็นพันเอก ไคลน์คงสงสัยว่าสุภาพบุรุษรายนี้อาจเป็นผู้วิเศษ แต่กับพันตรีนั้นยากจะระบุ“ฮะฮะ! ไม่เท่าไรหรอกครับ ใครๆ ก็สร้างชื่อเสียงในไบลัมได้” โมวรี·มัคท์ตอบอย่างถ่อมตน “สภาพอากาศที่นั่นชวนให้อึดอัดมาก ผมเคยเสนอให้เบื้องบนของกองทัพ ออกแบบเครื่องแบบใหม่สำหรับใช้ในปฏิบัติการบนไบลัมตะวันตกโดยเฉพาะ เปลี่ยนจากสีเข้มๆ ให้เป็นโทนอ่อน ไม่อย่างนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่อาจจะรู้สึกเหมือนเนื้อวัวที่กำลังถูกย่างบนตะแกรง”แต่ในส่วนของทหารเกณฑ์ เกือบทั้งหมดจะแต่งกายด้วยเสื้อสีแดงและกางเกงสีขาว“ใช่ครับ สภาพอากาศที่นั่นแตกต่างจากบ้านเราโดยสิ้นเชิง แม้แต่อ่าวเดซีย์ก็ยังไม่ร้อนขนาดนั้น” ไคลน์กำลังบอกโดยนัยว่าตนเคยไปเยือนทวีปใต้มาแล้ว ไม่ว่าจะไบลัมตะวันตกหรือตะวันออก เพื่อเป็นการเสริมความน่าเชื่อถือให้กับประสบการณ์ล่าสัตว์ที่เคยเล่าไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหลังจากคุยกันอีกสักพัก ส.ส. มัคท์ขอตัวและพามาดามลีอานน่าเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ขณะยืนริมราวระเบียงฝั่งตรงข้ามและมองลงมายังแขกทุกคน โมวรี·มัคท์ยกแก้วไวน์แดงและกล่าว“ขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานเต้นรำในวันนี้… ก่อนอื่น พวกเราทุกคนมาช่วยกันสรรเสริญเหล่าเทพทั้งหลาย ผู้เป็นต้นกำเนิดของสิ่งดีๆ ในชีวิต”โมวรี·มัคท์และลีอานน่าทำสัญลักษณ์จันทร์แดงกลางหน้าอก กล่าวสรรเสริญเทพธิดาด้วยเสียงแผ่ว ส่วนแขกคนอื่นๆ ต่างก็ยกย่องเทพที่ตนนับถือในทำนองเดียวกันส.ส. มัคท์ยังคงชูแก้วไวน์โดยไม่ลดมือลง กล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม“ถัดมา สรรเสริญให้กับอาณาจักรแห่งนี้ รากฐานที่สำคัญของความมั่นคงทั้งหมด”“แด่อาณาจักร” ไคลน์ยกแก้วแชมเปญและเปล่งเสียงตามแขกคนข้างๆถัดมา ส.ส. มัคท์มองไปรอบตัวและถามติดตลก“สุดท้ายนี้ พวกเราควรสรรเสริญอะไรอีก?”ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก โพล่งขึ้นเสียงดัง“สรรเสริญให้กับอากาศที่ดีขึ้นของเบ็คลันด์”ส.ส. มัคท์ผงะเล็กน้อย แต่ก็ตอบสนองด้วยรอยยิ้ม“ยอดเยี่ยมมาก… เป็นข้อเสนอที่ดี สรรเสริญแด่อาณาจักรที่ดีขึ้นของเบ็คลันด์ เพราะนั่นหมายถึงชีวิตที่ดีขึ้นของพวกเรา… เชียร์!”การควบคุมมลพิษทางอากาศถือเป็นจุดยืนทางการเมืองของส.ส. มัคท์มาตลอดนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง ชายคนนี้จะคอยส่งเสริมร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มความสามารถเสมอ เป็นคนผลักดันให้มีการปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ดังนั้น การสรรเสริญให้กับอากาศที่ดีขึ้น ย่อมเท่ากับเป็นการสรรเสริญตน เรื่องนี้ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วแขกต่างส่งเสียงขานรับอย่างให้ความร่วมมือ พลางกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยพร้อมเพรียงถัดมา ส.ส. มัคท์จับมือมาดามลีอานน่าเดินลงไปยังโถงชั้นหนึ่ง เริ่มเต้นรำเป็นคู่เปิดท่ามกลางทำนองเพลงเสนาะหูสุภาพบุรุษเริ่มมองหาคู่เต้นรำคนแรกของตน ส่วนไคลน์ทำเพียงหยิบแชมเปญแก้วใหม่ มองดูแขกด้วยท่าทีสบายใจหืม… มาดามแมรี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย… ชายหนุ่มกวาดตามองจนพบคนรู้จัก ไม่ใช่ใครนอกจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโคอิมที่มีมูลค่ารวมหลายหมื่นปอนด์ และเคยจ้างนักสืบเชอร์ล็อกให้ช่วยสืบคดีชู้สาวเธอเองก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการมลพิษทางอากาศแห่งชาติ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะสนิทกับส.ส. ผู้สนับสนุนเรื่องนี้… ไคลน์ไม่คิดชวนอีกฝ่ายเต้นรำ เพราะปัจจุบัน ตนคือดอน·ดันเตส ย่อมไม่รู้จักสตรีที่อาศัยอยู่คนละบล็อกถนนชายหนุ่มถอนสายตากลับและมองไปทางอื่น เห็นเฮเซล·มัคท์ยืนถือแก้วไวน์ขาวอยู่ริมขอบฟลอร์ กำลังยิ้มอย่างแปลกแยก พลางกวาดตามองเหล่าสุภาพบุรุษที่กำลังเตรียมชวนสตรีเต้นรำสตรีผู้นี้นับว่าเลอโฉม ทั้งสง่างามและน่ารัก เป็นดาวเด่นของงานเลี้ยงอย่างไร้ข้อกังขา ใครต่อใครคงอยากชวนเธอเต้นรำ ทว่า เมื่อหันไปเห็นบุคลิกหยิ่งยโส สุภาพบุรุษเหล่านั้นมีอันต้องเบนเป้าหนีท่าทีแบบนี้ เราเคยเห็นจากผู้วิเศษบางคน พวกมันคิดว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่า… อา… เรื่องนี้สามารถอนุมานได้ว่า มิสเฮเซลน่าจะเป็นผู้วิเศษ… ไม่ผิดแน่ ถ้าไม่ใช่ผู้วิเศษ เธอจะกล้าลงไปเดินในทางระบายน้ำได้ยังไง? เป็นผู้วิเศษของเส้นทาง ‘นักจารกรรม’ ? แต่บุคลิกหยิ่งผยองแบบนี้จะสวมบทบาทเป็น ‘นักจารกรรม’ กับ ‘นักต้มตุ๋น’ ยังไง? ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ยากมากทีเดียว… เมื่อเห็นว่าการเต้นรำของคู่เปิดงานอย่างส.ส. มัคท์และภรรยาใกล้จบลง ไคลน์เริ่มพิจารณาอย่างจริงจังว่าตนควรชวนสุภาพสตรีคนใดเป็นคู่เต้นดอน·ดันเตสมีอายุสี่สิบตอนต้น การเต้นรำครั้งแรกจึงไม่ควรชวนสตรีวัยเยาว์ เว้นเสียแต่จะเป็นรุ่นหลาน… คู่เต้นรำแรกของเหล่ามาดามก็ควรเป็นสามีของพวกเธอ… หมายความว่า เราชวนได้แค่คนรู้จักหรือไม่ก็เจ้าภาพ… ไคลน์กวาดตาไปทั่วฟลอร์เต้นรำ จนพบบุคคลที่เข้าข่ายเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ครูสอนมารยาทของดอน·ดันเตส มาดามวาฮาน่าชวนเธอดีไหม? คงไม่ดี… ตอนนี้เธอน่าจะรู้แล้วว่าเราแอบช่วยเหลือในคดีฉ้อโกงผ้า หากชวนมาเต้นเป็นคู่แรก เกรงว่าอีกฝ่ายอาจจะเข้าใจผิด และอาจถึงขั้นทำให้ครอบครัวของเธอร้าวฉาน ชักนำปัญหาให้ดอน·ดันเตสโดยไม่จำเป็น… เราไม่ใช่จักรพรรดิสักหน่อย ไม่ถนัดการแย่งชิงภรรยาคนอื่น… ไม่สิ หมอนั่นถนัดการแย่งชิงทุกสิ่ง… เหนือสิ่งอื่นใด หากเราไม่อยากเผชิญปัญหา ก็ควรหลีกเลี่ยงให้ไกลจากปัญหา… ขณะขยับสายตา ไคลน์ได้ยินท่วงทำนองเพลงที่เปลี่ยนไป จากหนักลงมาเป็นเบานี่คือประเภทดนตรีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแถบชนบทของภาคกลาง บรรดาขุนนางเองก็ชื่นชอบ มักใช้บรรเลงระหว่างการเต้นรำคู่แรกเมื่อท่วงทำนองเปลี่ยนไป สุภาพบุรุษเริ่มเข้าหาสุภาพสตรีที่ตนหมายตา และไคลน์พบว่า ไม่มีใครเข้าใกล้เฮเซล·มัคท์แม้แต่คนเดียวเธอเองก็เป็นหนึ่งในเจ้าภาพ… และเราควรตรวจสอบเธอไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ … หึหึ ถ้าเป็นผู้วิเศษเส้นทาง ‘นักจารกรรม’ จริง หมายความว่าหมอกสีเทามีอำนาจในการ ‘ดึงดูด’ เส้นทางที่ใกล้เคียงนักทำนายได้เล็กน้อย… ไคลน์เผยรอยยิ้มอ่อนโยน เดินไปทางสุภาพสตรีมาดโอหังด้วยย่างก้าวไม่รีบร้อน“มิสเฮเซล รบกวนเป็นคู่เต้นรำให้ผมได้ไหมครับ” ดอน·ดันเตส สุภาพบุรุษเจ้าของจอนสีขาวตรงขมับ กล่าวพลางแสดงความเคารพตามมารยาทเฮเซลชำเลือง กล่าวหลังจากเงียบงันสักพัก“เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ”จากนั้น หญิงสาวเหยียดแขนเข้ามาหาไคลน์จูงมืออีกฝ่ายอย่างสุภาพและนำทางเข้าสู่ฟลอร์เต้นรำ ทั้งสองเริ่มขยับร่างกายไปตามทำนองดนตรีที่รวดเร็วและมีชีวิตชีวาขณะจ้องใบหน้าอันสง่างามแต่ปราศจากอารมณ์ของอีกฝ่าย ไคลน์ยิ้มพลางพูดหยั่งเชิง“ผมสังเกตเห็นว่า สุภาพบุรุษหนุ่มหลายคนอยากชวนคุณเต้น แต่ก็ไม่มีใครรวบรวมความกล้าสำเร็จ”เฮเซลเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จ้องอีกฝ่ายและกล่าว“มิสเตอร์ดันเตส นี่มิใช่หัวข้อที่สุภาพสักเท่าไร”“…” ไคลน์ใบ้กินกะทันหัน ตอบสนองไม่ถูกไปพักใหญ่………………………………………………..
คอมเม้นต์