ราชันเร้นลับ 758 : ผลตอบแทนความพยายาม
ในช่วงเย็น ไคลน์ที่เพิ่งกลับจากวิหารนักบุญแซมมวลและเตรียมเดินขึ้นไปยังห้องอาหารบนชั้นสอง หันไปเห็นพ่อบ้านวอลเตอร์เดินเข้ามาทักทายอย่างนอบน้อม“นายท่าน เรื่องที่คุณต้องการสืบ ได้รับคำตอบแล้ว”ต่อหน้าคนรับใช้ ไคลน์ไม่ได้ถามเพิ่มเติม เพียงพยักหน้ารับอย่างใจเย็น“ไปคุยที่ห้องหนังสือ”วอลเตอร์เดินตามชายหนุ่มจนถึงชั้นสาม เฝ้ามองริชาร์ดสันเปิดประตูห้องอ่านหนังสือ ตามด้วยจุดตะเกียงแก๊สริมผนังด้านในไคลน์เดินไปที่โต๊ะทำงานอย่างไม่รีบร้อน นั่งลงและมองหน้าพ่อบ้าน รอให้อีกฝ่ายเล่าออกมาวอลเตอร์ส่งสัญญาณให้ริชาร์ดสันออกไปเฝ้าด้านนอกประตู เดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงาน เรียบเรียงคำพูดในใจรอจนกระทั่งประตูปิด มันกล่าว“สามีของมาดามวาฮาน่าเป็นพ่อค้าผ้า ทำงานกับเพื่อนคนหนึ่ง ลงทุนไปเป็นเงินหนึ่งพันปอนด์ แต่อีกฝ่ายกลับหนีไปกับพร้อมสินค้า… เธอขอร้องให้ส.ส. มัคท์และมาดามลีอานน่า ช่วยกดดันให้ตำรวจเร่งติดตามคดีโดยเร็ว แต่คดีลักษณะแบบนี้ กรมตำรวจเองก็ไม่รับประกันความสำเร็จ”ไคลน์หยิบปากกาหมึกซึมสีดำบนโต๊ะทำงาน วาดเล่นในอากาศ“สำหรับครอบครัวของมาดามวาฮาน่า เงินจำนวนหนึ่งพันปอนด์ไม่ใช่ก้อนเล็กๆ”เท่าที่มันทราบ รายได้ต่อปีของครูสอนพิเศษมักไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ ยิ่งถ้านายจ้างจัดหาที่พักและอาหาร ค่าจ้างก็ยิ่งถูกลงแม้วาฮาน่าจะมีนายจ้างเป็นชนชั้นสูงหลายตระกูล แต่รายได้ต่อปีสูงสุดก็คงไม่เกินห้าร้อยปอนด์… นอกจากนั้น รายจ่ายส่วนใหญ่ยังต้องหมดไปกับเครื่องแต่งกายและการดูแลรูปร่างหน้าตา เพื่อไม่ให้นายจ้างมองว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นครูสอนมารยาท…“ใช่ครับ สามีของเธอมีรายได้ค่อนข้างปานกลางในหมู่พ่อค้าผ้า เงินลงทุนหนึ่งพันปอนด์จึงนับว่ามหาศาล” วอลเตอร์เล่าเสียงเบาเป็นเงินที่เยอะสำหรับเราเหมือนกัน… ไคลน์ถอนหายใจและยิ้ม“ผมเพิ่งมาถึงเบ็คลันด์ ยังไม่สนิทกับกรมตำรวจ”วอลเตอร์ตอบกลับทันที“นายท่าน เมื่อครั้งที่เคยรับใช้ไวเคาต์คอนราด ผมมีโอกาสได้รู้จักคนในสมาคมนายตำรวจอาวุโสประจำกรุงเบ็คลันด์”สมาคมนายตำรวจอาวุโสประจำกรุงเบ็คลันด์? เท่าที่เราทราบ สมาคมนี้เป็นกลุ่มตำรวจยศใหญ่ในซิลวารัสยาร์ด แม้แต่ผู้กำกับการที่ดูแลเขตระดับเขต ก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วม…ซิลวารัสยาร์ดหมายถึงกรมตำรวจของเบ็คลันด์ ตั้งชื่อถามถนนที่ตั้งสมแล้วที่เคยเป็นพ่อบ้านตระกูลใหญ่… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ยิ้มและส่ายหน้า“สำหรับตอนนี้ พวกเรายังไม่จำเป็นต้องออกหน้า มาดามวาฮาน่าคงมีคนคอยให้ความช่วยเหลือมากมาย ถึงจะไม่นับส.ส. มัคท์ แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่สามารถทำให้ซิลวารัสยาร์ดหันมาสนใจคดีนี้”มันเว้นวรรค พูดอย่างไม่แยแส“ผมเคยเห็นจุดต่ำสุดของสังคมมาแล้ว รู้จักกฎการอยู่รอดของมนุษย์เป็นอย่างดี ในบางกรณี ตำรวจก็มีประโยชน์ไม่มากเท่ากลุ่มอันธพาลหรือนักล่าค่าหัว… วอลเตอร์ คุณไปที่กรมตำรวจเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับคดี จากนั้นก็แวะไปยังผับชื่อดังในย่านสะพานเบ็คลันด์และเขตตะวันออก ประกาศค่าหัวพร้อมเงินรางวัล… ไม่ว่าจะเป็นการพบตัวคนร้ายหรือพบสินค้า ผมจะมอบรางวัลให้สองร้อยปอนด์… หึหึ หวังว่าแก๊งนักต้มตุ๋นนั่นจะยังอยู่ในเบ็คลันด์”“รางวัลสองร้อยปอนด์?” วอลเตอร์ทวนตัวเลข อดไม่ได้ที่จะหันไปมองนายจ้าง คล้ายกับไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อสะสางปัญหาให้วาฮาน่ามันอ้าปากเล็กน้อย ราวกับต้องการเตือนบางสิ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวออกไป เพียงตอบกลับด้วยเสียงขึงขัง“ครับ นายท่าน”“ผมจะฝากเงินไว้กับคุณ” ไคลน์ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์วอลเตอร์รับปึกเงินสดก้อนใหญ่ ครุ่นคิดสักพักก่อนจะถาม“ให้ผมบอกมาดามวาฮาน่าไหมครับ?”ไคลน์ยิ้ม“ไม่ต้อง”วอลเตอร์พยักหน้าและทำความเคารพ“ความใจกว้างของนายท่านจะแพร่กระจายไปทั่วละแวกนี้”…เขตตะวันออก ถนนดาราวี ภายในผับที่คับแคบแต่มีชีวิตชีวาซิล สตรีเจ้าของผมสีทองสั้นที่ถูกหวีอย่างประณีต เดินแหวกฝูงชนอันพลุกพล่านซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าและเหงื่อโชยหึ่ง ตรงดิ่งไปยังเคาน์เตอร์บาร์หญิงสาวใช้นิ้วเคาะแผ่นกระดาน กล่าวกับบาร์เทนเดอร์“วันนี้มีงานใหม่เข้ามาบ้างไหม”หากเป็นคนอื่น การโพล่งถามตรงๆ โดยไม่สั่งเครื่องดื่ม บาร์เทนเดอร์จะทำเป็นหูทวนลม แต่เมื่อเหลือบเห็นซิล นักล่าค่าหัวที่ไม่มีใครอยากให้เธอเมา มันทำได้เพียงถอนหายใจ“มีงานน่าสนใจมาใหม่ จ่ายหนักถึงสองร้อยปอนด์”“สองร้อยปอนด์?” ซิลเกือบคิดว่าตนหูฝาด เพราะนอกจากงานของมิสออเดรย์ ซึ่งเป็นงานที่ยากกว่านี้หลายเท่า เธอไม่เคยพบงานใดที่มีค่าตอบแทนสูงเท่านี้ในย่านสะพานเบ็คลันด์หรือเขตตะวันออกมาก่อน แม้กระทั่งภารกิจตามหาตัวอะซิก·อายเกสที่ทำให้นักล่าค่าหัวต่างพากันฮือฮา ก็ยังมีค่าตอบแทนเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์สำหรับนักล่าค่าหัวทั่วไป ขอเพียงทำงานเช่นนี้ให้สำเร็จ พวกมันไม่ต้องทำงานไปอีกหนึ่งปีเต็มก็ยังได้!และสำหรับซิล เงินก้อนนี้มีความหมายต่อเธอมาก เพราะหลังจากทำงานให้ชายสวมหน้ากากสีทองมาหลายเดือน เธอทราบเบื้องต้นว่าอีกฝ่ายคือคนของ MI9 หากตนสะสมคะแนนผลงานถึงค่าที่กำหนด เธอสามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับสูตรโอสถ ‘นักสอบสวน’ ได้ด้วยเหตุผลข้างต้น ค่าตอบแทนส่วนใหญ่จึงมาในรูปแบบของ ‘คะแนนผลงาน’ มากกว่าเงิน ส่วนเงินเก็บของซิลจะมาจากการทำงานล่าค่าหัวด้วยพลังของ ‘เจ้าพนักงาน’ เป็นหลักหากแลกสูตรปรุงโอสถได้เมื่อไร เรายังต้องใช้เงินเพื่อซื้อวัตถุดิบหลัก แต่ตอนนี้มีเงินติดตัวแค่สามร้อยปอนด์เศษเท่านั้น… ฟอร์สพูดถูก เงินไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่ก็สำคัญต่อชีวิตมาก… คิดถึงจุดนี้ ซิลมองไปทางบาร์เทนเดอร์ ถามหลังจากใคร่ครวญ“ภารกิจอะไร? ใครเป็นคนจ้าง?”“ตามหาแก๊งต้มตุ๋น พวกมันโกงค่าผ้าเป็นเงินหนึ่งพันปอนด์” บาร์เทนเดอร์หยิบใบประกาศส่งให้ซิล พลางกล่าว “ผู้ว่าจ้างน่าจะเป็นพ่อบ้าน เรียกตัวเองว่าวอลเตอร์ ทำงานรับใช้มิสเตอร์ดอน·ดันเตสบนถนนเบิร์คลุน หากจับคนร้ายได้หรือเจอผ้าที่เป็นสินค้า เธอสามารถไปรับรางวัลได้ที่นั่น”ซิลพลิกอ่านข้อมูลอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ฉากที่สอดคล้องกันเริ่มปรากฏขึ้นภายในใจ ช่วยนำทางการสืบสวน“ฉันจะทำงานนี้” หญิงสาวเงยหน้าและตอบบาร์เทนเดอร์ยักไหล่“ไม่ใช่แค่เธอ นักล่าค่าหัวทุกคนของที่นี่ต่างเลือกทำงานนี้… แถมบางคนยังมีความคิดแหวกแนว”“แหวกแนว?” ซิลถามอย่างสงสัยบาร์เทนเดอร์หัวเราะในลำคอ“พวกเขาบอกว่า มิสเตอร์ดอน·ดันเตสทั้งร่ำรวยและใจกว้าง หากเขายังขาดบอดี้การ์ด คนเหล่านั้นจะเสนอตัวทำงานให้… แต่ผ่านไปสักพักก็ต้องล้มเลิกความคิด เพราะงานบอดี้การ์ดไม่มีอิสระเท่ากับนักล่าค่าหัว แค่จะดื่มยังต้องรอให้เลิกงานก่อน”นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา แต่ว่า… เราเป็นได้แค่นักล่าค่าหัว… ซิลพยักหน้า กระโดดลงจากเก้าอี้สูงหน้าเคาน์เตอร์ เดินออกจากร้านโดยไม่มัวรีรอ…วันถัดมา ไคลน์ที่เพิ่งกินมื้อเที่ยงเสร็จ เตรียมออกไปเดินเล่นในสวนเพื่อย่อยอาหารทันใดนั้น พ่อบ้านวอลเตอร์เดินเข้ามาจากนอกบ้าน ตามหลังชายหนุ่มไปโดยไม่กล่าวคำใด รอจนกระทั่งไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ“นายท่าน มีสองเรื่อง” มันกล่าวด้วยท่าทางเคารพ“สองเรื่อง?” ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจ เพราะคิดว่าจะมีเพียงหนึ่งวอลเตอร์พยักหน้า“ใช่ครับ เรื่องแรกก็คือการโอนหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทเบ็คลันด์จักรยาน ตอนนี้มีคนยอมจ่ายในราคาหนึ่งหมื่นปอนด์แล้ว… นายท่านต้องการจะประมูลแข่งหรือไม่?”ขึ้นไปถึงหนึ่งหมื่นปอนด์แล้ว? เจ๋ง! ไคลน์แสร้งทำหน้าเครียด ก่อนจะตอบ“ผมยังใหม่กับเบ็คลันด์มาก มีหลายๆ สิ่งต้องยับยั้งชั่งใจ… ปล่อยไปก่อน ไม่ต้องไปสนใจ…”“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์กล่าวต่อ “นักต้มตุ๋นที่หลอกขายผ้าให้สามีของมาดามวาฮาน่า ตอนนี้ถูกจับตัวได้แล้ว นักล่าค่าหัวคนดังกล่าวกำลังรอรับเงินรางวัลจากผม”“เร็วขนาดนี้เชียว?” ไคลน์เอียงคออย่างประหลาดใจ จ้องไปทางพ่อบ้านถ้ามันลงมือเอง ปัญหาคงคลี่คลายได้ภายในวันเดียว เพราะมีเทคนิคการทำนายด้วย ‘แท่งวิญญาณหาคน’ แสนสะดวกสบาย แต่ปัญหาคือ นักล่าค่าหัวส่วนใหญ่มักไม่ใช่เส้นทางนักทำนายแต่ก็อาจเป็นผู้วิเศษที่ชำนาญการแกะรอยและตามหาคน… ไคลน์สรุปในใจวอลเตอร์ยืนยันคำตอบ“ใช่ครับ เร็วกว่าที่ผมคิดไว้เช่นกัน… ตามที่นักล่าค่าหัวคนนั้นรายงาน เธอสืบสวนแบบย้อนรอยจากช่องทางที่คนร้ายปล่อยของ จนกระทั่งสาวไปถึงแก๊งต้มตุ๋นเหล่านั้น”ช่องทางที่คนร้ายปล่อยของถูกหาพบภายในวันเดียว? ป่านนี้พวกมันคงถูกสั่งสอนด้วยกำปั้นเหล็กไปแล้วสินะ… ไคลน์พยักหน้ารับ“นักล่าค่าหัวคนนั้นชื่ออะไร? ฝีมือของเธอยอดเยี่ยมมาก”“เธอเรียกตัวเองว่าซิล” วอลเตอร์ตอบตามจริงบ้าน่า… ไคลน์เกือบผงะ แต่โชคดียังที่มีพลังการทรงตัวขั้นสุดยอดของตัวตลกข่มความปั่นป่วนภายในใจสักพัก ชายหนุ่มปกปิดความผิดปรกติด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปพูดกับอีกฝ่าย“ขอข้อมูลติดต่อนักล่าค่าหัวคนนั้นไว้ บางที เราอาจต้องพึ่งพาเธอในอนาคต”“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์ไม่ได้มองว่าคำสั่งของดอน·ดันเตสผิดปรกติ เพราะชนชั้นสูงมักมีช่องทางติดต่อกับคนทำงานสีเทาเสมอไคลน์ไม่ได้สานต่อบทสนทนา เพียง ‘อืม’ และกล่าว“ได้คืนจากคนร้ายเท่าไร”“เงินสดที่แก๊งต้มตุ๋นพกติดตัว รวมกับผ้าที่ยังขายไม่ออก ทั้งหมดแปดร้อยห้าสิบปอนด์ครับ” คล้ายกับวอลเตอร์กำลังรอให้นายจ้างถาม มันตอบอย่างฉะฉานด้วยข้อมูลที่เตรียมไว้ล่วงหน้า“ทำได้ดี” ไคลน์พยักหน้า “หลังจากจ่ายค่าตอบแทนเสร็จ บอกให้เธอนำแก๊งต้มตุ๋นไปส่งสถานีตำรวจใกล้ๆ พร้อมกับของกลาง”…สถานีตำรวจเขตเหนือวาฮาน่าและบาคุส สามีของเธอ ต่างมองไปยังสารวัตรยศใหญ่ฝั่งตรงข้าม ซักถามด้วยความประหลาดใจอย่างพร้อมเพรียง“ได้คืนแล้วหรือคะ?”“พวกมันถูกจับแล้ว?”สารวัตรตอบด้วยรอยยิ้ม“ใช่”หลังจากทราบว่ามีเงินสดและผ้าเหลืออยู่เท่าไร วาฮาน่ากับบาคุสถอนหายใจอย่างโล่งอกเงินที่หายไปจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ พวกมันยังพอรับได้ นอกจากนั้น ผ้าที่เหลืออยู่ก็ยังสามารถทำกำไรได้ด้วยการต่อยอด โดยรวมแล้ว ความเสียหายจึงไม่รุนแรงมากนักสองสามีภรรยาขอบคุณสารวัตรซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเจ้าหน้าที่คนหนึ่งตามบาคุสให้ไปชี้ตัวคนร้ายและสินค้าวาฮาน่ายังคงนั่งที่เดิมโดยไม่สูญเสียความสง่างาม เผยรอยยิ้มพลางพูดกับสารวัตรยศใหญ่ด้านหน้า“ตำรวจทำงานได้รวดเร็วผิดคาดมาก ขอถามได้ไหนคะ พวกคุณสืบจนพบแก๊งต้มตุ๋นได้ยังไง?”เนื่องจากทราบว่าสตรีมีเสน่ห์และสง่างามตรงหน้ารู้จักกับส.ส. ไม่ช้าก็เร็วคงได้ทราบความจริง สารวัตรจึงไม่คิดปิดบัง“อันที่จริง คดีนี้ถูกปิดโดยนักล่าค่าหัวคนหนึ่ง เธอเริ่มสืบจากช่องทางที่คนร้ายปล่อยของ จนตามจับได้เมื่อไม่นานมานี้”“พวกคุณจ้างนักล่าค่าหัวด้วยหรือ?” วาฮาน่าเริ่มเข้าใจเรื่องราวสารวัตรส่ายหน้าและตอบ“เปล่า มีใครบางคนลงประกาศไปก่อน รางวัลตอบแทนคือสองร้อยปอนด์”“สองร้อยปอนด์?” วาฮาน่าทวนคำซ้ำอย่างประหลาดใจนั่นไม่ใช่เงินก้อนเล็กๆ มากกว่ากำไรที่สามีของเธอคาดหวังจากธุรกิจนี้ด้วยซ้ำ!เมื่อเห็นสารวัตรยืนยัน วาฮาน่าอดไม่ได้ที่จะถาม“ใครเป็นคนตั้งรางวัลนำจับหรือคะ?”“นักล่าค่าหัวไม่ได้บอก แต่เธอมาพร้อมกับสุภาพบุรุษที่แต่งตัวเหมือนพ่อบ้าน” สารวัตรเริ่มบรรยายรูปลักษณ์ของวอลเตอร์อย่างคร่าววาฮาน่าพอจะเดาได้ว่าเป็นใคร จึงเอนหลังเล็กน้อย พึมพำอย่างเหม่อลอย“สองร้อยปอนด์…”…ในช่วงบ่าย วาฮาน่าที่มาสอนมารยาทให้บุตรสาวของส.ส. มัคท์ กล่าวขอบคุณมาดามลีอานน่าที่พยายามช่วยเหลือปัญหาของตนลีอานน่า สตรีเจ้าของเส้นผมสีเขียวเข้ม ปฏิเสธอย่างถ่อมตน ก่อนจะถาม“วาฮาน่า ฉันได้ยินว่าคุณเป็นครูสอนมารยาทให้มิสเตอร์ดอน·ดันเตสด้วย เขาเป็นคนแบบไหนหรือ”วาฮาน่าครุ่นคิดสักพัก“เป็นสุภาพบุรุษตัวจริง บุคลิกอบอุ่น ใจกว้าง มีเมตตา มารยาทดี อ่อนโยน และฉลาดหลักแหลม”ลีอานน่าพยักหน้าเล็กน้อย หันไปมองหญิงสาวด้านข้างที่ค่อนข้างทระนงตน หัวเราะในลำคอ“น่าเสียดายที่อายุมากไปสักนิด ไม่อย่างนั้นคงนัดเขามาดูตัว… ดีล่ะ ฉันจะชวนเขามาร่วมงานเต้นรำในช่วงสุดสัปดาห์นี้”……………………………………………….
คอมเม้นต์