ราชันเร้นลับ 754 : คำเชิญ
เกี่ยวกับคำถามของบิชอปอีเล็คตร้า ไคลน์เตรียมคำตอบไว้แล้ว จึงถอนหายใจและกล่าวหลังจากฟังจบ“เป็นบิดาของผมเอง เขาเป็นตาแก่ที่หลักแหลม น่าเสียดายที่ต้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน”กล่าวจบ ชายหนุ่มนำความรู้สึกเศร้าโศกของ ‘เจ้าของร่าง’ ซึ่งมีต่อการจากไปของพ่อแม่ มาผสมผสานกับความเสียใจของตัวเองที่ไม่ได้กลับโลกเก่า รวมถึงประสบการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในเมืองทิงเก็น น้ำเสียงจึงค่อนข้างแบนราบ ยิ้มขื่นขมเล็กๆ ตรงมุมปาก เก็บซ่อนความเศร้าที่ไม่วันจางหายไปจากจิตใจ“ผมขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสีย เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในอาณาจักรของพระองค์แล้ว” บิชอปอีเล็คตร้ากล่าวจากก้นบึ้ง พลางทำสัญลักษณ์สี่จุดบนหน้าอกโดยไม่รอให้ดอน·ดันเตสตอบสนอง แขกทั้งสามมองหน้ากันและเชื้อเชิญ“วันมะรืนจะมีพิธีมิสซาจันทราแด่ผู้จากไป เพื่อช่วยให้ดวงวิญญาณของพวกเขากลับไปยังดินแดนแห่งเทพธิดา ประสบความสงบสุขอันเป็นนิรันดร์ ผมอยากทราบว่า คุณสนใจที่จะเข้าร่วมไหม?”โบสถ์เทพธิดาจะมีวันพิเศษไม่มากนัก วันสำคัญที่สุดคือวันเฉลิมฉลองเหมันต์ รองลงมาคือพิธีมิสซาที่จัดขึ้นในวันพระจันทร์เต็มดวง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘มิสซาจันทรา’ ถัดมามาคือพิธีมิสซาทั่วไปและการสวดมนต์ทุกวันอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม ในแต่ละมุขมณฑลและวิหารก็จะนับถือนักบุญและเทวทูตที่แตกต่างกัน จึงมีวันพิเศษเป็นของตัวเอง“ไม่พลาดแน่นอน” ไคลน์ลุกขึ้นพร้อมกับโค้งศีรษะ กล่าวอย่างจริงใจวิธีนี้จะช่วยให้มันได้ใกล้ชิดกับนักบวชและบิชอปของวิหารนักบุญแซมมวล อาจถึงขั้นได้รู้จักกับบิชอปแห่งมุขมณฑล เป็นบันไดไปสู่การเข้าถึงเขตหวงห้ามของวิหารนักบุญแซมมวลในอนาคตขณะเดียวกัน ชายหนุ่มเริ่มตระหนักถึงเหตุผลที่เส้นทาง ‘รัตติกาล’ สามารถสับเปลี่ยนกับ ‘เทพมรณา’ ได้ทั้งสองเส้นทางล้วนมีอำนาจในขอบเขตความสงบ การหลับใหลชั่วนิรันดร์ และความมืด สิ่งเหล่านี้หมายถึงจุดจบและความสิ้นสุด!ถัดมา โมวรี·มัคท์เลิกซักไซ้ประสบการณ์และตัวตนของดอน·ดันเตส คล้ายกับเมื่อครู่เป็นเพียงการหว่านคำถามส่งเดช มันหันไปทางลีอานน่าผู้เป็นภรรยา ก่อนจะหันกลับมาเล่าความรู้สึกขณะเดินทางไปพักผ่อนที่อ่าวเดซีย์ตลอดช่วงหลายปีหลัง ไคลน์สามารถสานต่อบทสนทนาด้วยประสบการณ์ซึ่งเคยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองวัน ตอบกลับด้วยสำเนียงพื้นเมือง แบ่งปันความรู้สึกที่มีต่ออาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของอ่าวเดซีย์จำพวกปลาย่างระหว่างนั้น ไคลน์ยังแสร้งหลุดพูดถึงกิจกรรมล่าสัตว์ขณะไปเยือนไบลัมตะวันตกเพื่อทำธุรกิจ อวดโอ่ว่าตนคุ้นเคยกับป่ารกร้างในแถบนั้นเป็นอย่างดีชายหนุ่มทำไปเพื่อกรุยทางให้ตัวตน ‘ชั้นที่สอง’ ของดอน·ดันเตสมีความสมเหตุสมผล นอกจากนั้น ไบลัมตะวันตกยังไม่เหมือนกับไบลัมตะวันออก โลเอ็นและอินทิสถือครองอำนาจในอาณานิคมใกล้เคียงกัน มักเกิดความขัดแย้งกันเป็นระยะ กระทั่งพื้นที่ในความควบคุมก็ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง หากต้องการค้นหาร่องรอยของนักธุรกิจหรือนักผจญภัยสักคน นั่นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดอน·ดันเตสอาจใช้นามแฝงสำหรับประสบการณ์การล่าสัตว์ในไบลัมตะวันตก ไคลน์ไม่ได้จินตนาการขึ้นมาเอง และมิได้คัดลอกมาจากนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์เล่มใด แต่เป็นการหยิบยืมมาจากประสบการณ์อันโชกโชนของ ‘นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลหมอก’ แอนเดอร์สัน·ฮู้ด บอกเล่าโดยตัดทิ้งบางส่วน และกุขึ้นมาเองอีกบางส่วนไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เคยได้ยินเสียงงูเหลือมตัวใหญ่ในป่า เรื่องปลากินคน เรื่องดอกไม้ที่สามารถจับเหยื่อกินได้เอง นั่นทำให้ลีอานน่า ภรรยาของโมวรี อุทานออกมาเป็นครั้งคราว แต่ถึงจะดูกลัว อีกใจหนึ่งก็อยากฟังเพิ่ม ขณะเดียวกัน ทั้งส.ส. และบิชอปเองก็ให้ความสนใจไม่น้อย อดไม่ได้ที่จะพูดขัดการเล่าของดอน·ดันเตสเป็นระยะ เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มในจุดดังกล่าว“คุณเป็นนักล่าที่เก่งกาจมาก! เมื่อครั้งที่ผมเคยถูกส่งไปประจำการในไบลัมตะวันออก ตอนนั้นไม่ได้เข้าไปในป่า คิดไม่ถึงว่าป่าดงดิบจะอันตรายขนาดนี้” หลังจากฟังสุภาพบุรุษมาดสง่างามฝั่งตรงข้ามพูดจบ โมวรี·มัคท์หยิบเค้ก ‘เร้ดเวลเวท’ ชิ้นเล็ก กล่าวชมจากใจจริง “ถ้ามีโอกาสในอนาคต ผมอยากชวนคุณไปล่าสัตว์ด้วยกัน”ระหว่างการสนทนา สาวใช้ได้นำของว่างและชายามบ่ายมาเสิร์ฟ โดยมีบริกรชายคอยดูแลอยู่ข้างๆได้ยินคำเชิญทีเล่นทีจริงจากส.ส. มัคท์ ไคลน์ตอบด้วยรอยยิ้ม“ผมอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ”หลังจากคุยกันอีกสักพักด้วยหัวข้อการดูแลสภาพอากาศของเบ็คลันด์ แขกทั้งสามกล่าวคำอำลา และเนื่องจากเพิ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรก ยังไม่สนิทสนมมากนัก ไคลน์จึงไม่รั้งไว้ เดินไปส่งแขกถึงหน้าประตูโดยมีริชาร์ดสันตามไม่ห่างเฝ้ามองบิชอป ส.ส. และภรรยาส.ส. เดินกลับไป รอยยิ้มบนใบหน้าไคลน์จางลงเล็กน้อย แต่มิได้หายไปอย่างสมบูรณ์มันค่อนข้างพึงพอใจกับความก้าวหน้าล่าสุด เพราะเบื้องหลังบิชอปอีเล็คตร้าคือวิหารนักบุญแซมมวล เป้าหมายหลักในการกลับมาเยือนเบ็คลันด์ของตน ส่วนส.ส. โมวรี·มัคท์เป็นอดีตทหาร ปัจจุบันทำงานอยู่ในสภา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชายคนนี้คือสมาชิกของสโมสรทหารผ่านศึกสักแห่งในกรุงเบ็คลันด์ อาจช่วยให้ไคลน์แกะรอยคดีโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันได้ง่ายขึ้นขั้นตอนถัดไป เราต้องสานสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิม… ไคลน์เดินกลับไปยังห้องนั่งเล่นเล็กๆ บนชั้นสอง พบว่าสาวใช้ได้เก็บขนมและชากลับไปหมดแล้วอยากจะกินต่ออีกสักนิดแท้ๆ …ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นประเภทใด แต่ทั้งของว่างและขนมของอาณาจักรโลเอ็น โดยเฉพาะกรุงเบ็คลันด์ ล้วนขึ้นชื่อในด้านความอร่อย และพ่อครัวที่ดอน·ดันเตสจ้างมาก็เชี่ยวชาญด้านนี้เป็นพิเศษ แม้แต่มาดามลีอานน่ายังออกปากชมบ่อยครั้ง ซึ่งไคลน์เองก็เห็นด้วยถอนสายตากลับ ไคลน์ไม่กล่าวคำใด เดินไปยังบันไดที่พาไปสู่ชั้นสามก่อนอาหารเย็น ในที่สุดพ่อบ้านวอลเตอร์ก็กลับถึงคฤหาสน์ รายงานให้นายจ้างทราบเกี่ยวกับความคืบหน้าของหุ้นจำนวนสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทเบ็คลันด์จักรยาน“นายท่าน ทางเราโชคดีมาก มีคนเคยจ้างทีมทนายความและนักบัญชีมืออาชีพกลุ่มนี้แล้ว จุดประสงค์เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทเบ็คลันด์จักรยานและเจรจาต่อรองราคา พวกเขาเคยเสนอเงินให้กับผู้ขายก่อนที่โฆษณาจะถูกเผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์ แต่ในระหว่างการเจรจา ราคาหุ้นได้ถีบตัวขึ้นสูงเกินกว่าที่ผู้ซื้อสนใจ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมยกธงขาว… ด้วยเหตุผลข้างตน เราจึงไม่ต้องรอรายงานการตรวจตอบนานนัก สามารถจ้างทีมงานเดิมได้ทันที”ไคลน์พยักหน้ารับ ถามโดยไม่ปิดบัง“ตอนนี้ราคาเท่าไร”“ผู้ซื้อคนเก่ายอมแพ้ไปในราคาหกพันปอนด์ ทีมซื้อขายคาดว่าราคาขั้นต่ำที่ผู้ขายตั้งธงไว้คือเจ็ดพันปอนด์ ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันของผู้ซื้อรายอื่นๆ ผู้ขายยังไม่เปิดเผย แต่อ้างอิงจากข่าวลือและกระแสตอบรับ ราคาเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่แปดพันปอนด์”แปดพันปอนด์… ไม่เลว… เราควรเพิ่มอีกสักนิดดีไหม? แต่ถ้าเพิ่มแล้วทางนั้นดันยกธงขาว แบบนั้นจะแย่เอา… ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา“ส่งรายงานมาให้ผมพิจารณาอีกที”หลังจากพลิกอ่านรายงานและกินอาหารเย็นเสร็จ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของนักธุรกิจที่ไม่ตระหนี่ แต่ฉลาดใช้เงิน ไคลน์หันไปพูดกับบุรุษรับใช้ริชาร์ดสัน“เตรียมรถม้าสองล้อ ผมจะออกไปข้างนอก”มันเชื่อว่าริชาร์ดสันจะถามถึงเหตุผลที่ใช้รถม้าสองล้อ แต่กลับต้องผิดคาด บุรุษรับใช้รายนี้ปราศจากความสงสัยโดยสิ้นเชิง เพียงตอบสนองอย่างนอบน้อม“ครับ นายท่าน”เชื่อฟังคำสั่งทั้งหมดโดยไม่ถาม… นี่อาจจะเป็นข้อดีก็ได้… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ รอให้ริชาร์ดสันกลับมาช่วยสวมโค้ทบนรถม้าสองล้อ ชายหนุ่มออกคำสั่ง“ขับไปย่านสะพานเบ็คลันด์และวนรอบเขตตะวันออก”ริชาร์ดสันยังคงไม่ถามถึงจุดประสงค์ เพียงสั่งให้คนขับบังคับอย่างระมัดระวังรถม้าขับผ่านเขตเชอร์วู้ด ท่ามกลางแสงจากโคมไฟถนน เพียงไม่นานก็แล่นมาถึงย่านสะพานเบ็คลันด์ไคลน์ไม่ได้เจาะจงจุดหมาย เพียงบอกให้คนขับเลือกวนในถนนแต่ละเส้นตามใจชอบชายหนุ่มเอนหลังพิงผนังรถม้า มองออกไปที่ถนน เห็นคนเดินเท้าสวมใส่เสื้อผ้าเก่าโทรม ใบหน้าอ่อนเพลีย คล้ายกับเพิ่งเสร็จจากวันทำงานที่วุ่นวาย และกำลังรีบตรงกลับบ้านเพื่อกินอาหารเย็น บางครั้งก็มีจักรยานติดกระดิ่งขี่ผ่านด้วยความเร็วค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกันแล้ว ผู้ขี่จักรยานมีสีหน้าสดใสกว่าคนเดินเท้ามาก คล้ายกับกำลังภาคภูมิใจในความเหนือกว่าแบ่งชนชั้นอย่างเห็นได้ชัด… แม้จะเป็นเพียงความแตกต่างระหว่างแรงงานชำนาญการกับแรงงานทั่วไป เป็นความแตกต่างระหว่างค่าแรงรายสัปดาห์หนึ่งปอนด์กว่า กับไม่ถึงหนึ่งปอนด์… ไคลน์พ่นลมหายใจเชื่องช้า เงยหน้ามองท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัวเบ็คลันด์กำลังย่างเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืน แต่หมอกและควันไม่รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน ช่วยให้มองเห็นดวงดาวจรัสบนท้องฟ้าหลังจากเกิดโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน สภาพแวดล้อมของเมืองนี้ก็เริ่มดีวันดีคืน… แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของชนชั้นล่างในเขตตะวันออกจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เงินเดือนอาจสูงขึ้นเล็กน้อย และเวลาทำงานลดลง แต่การหลั่งไหลเข้ามาของผู้คนก็ทำให้ค่าจ้างไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แถมบางคนยังหางานทำได้ยาก… ก็ยังดีที่เวลาการทำงานลดจากสิบห้าสิบหกชั่วโมง เหลือเพียงสิบเอ็ดสิบสองชั่วโมงต่อวัน…ถ้าแก้ไม่ถูกจุด ปัญหาก็ไม่มีวันหายไป… อา… อาณาจักรยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการปฏิรูปภายใน ปัญหาหลายด้านจึงยังไม่ถูกแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพนัก… ความคิดไคลน์ล่องลอยเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งรถม้าแล่นออกจากเขตเชอร์วู้ด…บนอนาคตกาล ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียายืนอยู่ริมหน้าต่างห้องกัปตัน เฝ้ามองแฟรงค์ลีผลักถังไม้เข้าไปในเงามืด ไม่แน่ใจว่าใส่อะไรลงไปก่อนจะปิดฝาให้สนิทดูเหมือนว่า ช่วงหลังแฟรงค์กำลังศึกษาการเจริญเติบโตของพืชในที่มืด… ทำไมจู่ๆ ถึงทำตัวเหมือนคนปรกติได้? แคทลียาขมวดคิ้วฉงน กังวลว่าแฟรงค์·ลีกำลัง ‘คิดค้น’ ความน่าสะพรึงครั้งใหม่ไว้ค่อยให้นีน่าถามทีหลัง… ขณะหญิงสาวกำลังใช้สมอง สัมผัสวิญญาณถูกกระตุ้นกะทันหัน จึงหันหลังกลับและพบจดหมายฉบับใหม่วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว แคทลียาเดินไปที่โต๊ะ แกะซองจดหมาย กวาดตาอ่านภาพรวมอย่างรวดเร็ว“มีอ็อบนิสสองตนที่ไม่ถูกควบคุมโดยโบสถ์วายุสลาตัน อยู่ใกล้กับ ‘วังวนนรก’ ทางตอนเหนือของทะเลโซเนีย…”“ข้อมูลดังกล่าวแลกเปลี่ยนกับการตามหาทายาทของตระกูลอับราฮัม…”“เธอทำได้ดีมาก”‘วังวนนรก’ คือชื่อของน่านน้ำอันตรายบนทะเล ไม่ใช่นรกจริงๆตระกูลอับราฮัม… แคทลียาครุ่นคิดสักพัก พบว่าตนไม่มีเบาะแสใดเลย จึงเตรียมตั้งคำถามกับชุมนุมทาโรต์สัปดาห์ถัดไป…เช้าวันถัดมา ไคลน์ซึ่งใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้วว่าหุ่นจะขึ้นราคาหรือไม่ กล่าวกับพ่อบ้านวอลเตอร์“จ้างทีมตรวจสอบชุดเดิม บอกให้พวกเขาช่วยเจรจากับคนขาย ผมให้ราคาสูงสุดไม่เกินเก้าพันปอนด์”“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์ตอบรับทันที “เอ่อ… มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านของผม… ต้องการลาหยุดสักครึ่งวันครับ”“ไม่มีปัญหา คุณต้องการความช่วยเหลือไหม?” ไคลน์ถามเสียงเรียบ“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยครับ แต่ผมสามารถแก้ไขมันได้ ยังไม่ถึงจุดที่เดือดร้อนจริงๆ … ไม่ต้องห่วงครับ ก่อนจะลา ผมจะรีบสะสางเรื่องหุ้นของนายท่านให้เสร็จ” วอลเตอร์กล่าวจากใจจริงไคลน์ไม่ซักไซ้ เพียงพยักหน้าบอกเป็นนัยว่า อีกฝ่ายได้รับการลาหยุดตามที่ต้องการรอจนกระทั่งพ่อบ้านออกจากห้อง ไคลน์หันไปทางริชาร์ดสันและกล่าว“เมื่อเช้ามีใครมาหาวอลเตอร์ไหม?”“คุณพ่อบ้านได้รับจดหมายหนึ่งฉบับครับ” ริชาร์ดสันตอบโดยไม่ปิดบัง……………………………………………………
คอมเม้นต์