ราชันเร้นลับ 744 : การขาย
เรารู้จักมิสเตอร์ประตู? นอกจากมิสเตอร์ฟูล เทพที่เรารู้จักมีเพียงเจ็ดเทพจารีตเท่านั้น… และเหนือสิ่งอื่นใด เราไม่เคยเข้าศาสนสถานอื่นนอกจากวิหารเทพจักรกลไอน้ำ… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเผยสีหน้างุนงง ภายในใจหวนนึกถึงตัวตนระดับสูงที่ตนอาจเคยได้พบเจอเนื่องจากมีจำนวนไม่มาก ฟอร์สตัดตัวเลือกหลายอันออกอย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง ดวงตาหญิงสาวพลันสว่างวาบ ฉุกคิดถึงบางสิ่งเกี่ยวกับบทสนทนาครั้งแรกระหว่างตนและมิสเตอร์ฟูลฟอร์สมองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวที่มีหมอกปกคลุมหนาแน่น กล่าวเสียงสั่นเครือ“ใช่เจ้าของเสียงเพรียกขณะพระจันทร์เต็มดวงไหมคะ?”ไคลน์ยิ้มและพยักหน้า“ถูกต้อง”เสียงเพรียกขณะจันทร์เต็มดวง… หมายความว่ายังไง? ‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือต่างมองหน้ากันและกัน ประหนึ่งเป็นเพียงเด็กใหม่ที่เพิ่งหัดเข้าสู่โลกเร้นลับไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เคยได้ยิน ‘เสียงเพรียกขณะจันทร์เต็มดวง’ มาก่อนอย่างที่คิด มิสเมจิกเชี่ยนไม่ใช่ตัวตนธรรมดา นอกจากจะรู้จักมิสเตอร์ประตู เธอยังทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์เบื้องต้นของเรายังแม่นยำเหมือนเดิม… แม้วัตถุดิบที่เธอหาซื้อมักเป็นของระดับต่ำ แต่นั่นก็ไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงอะไร… ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาพยักหน้าเล็กน้อยจนยากจะสังเกต เตรียมคิดคำถามเกี่ยวกับมิสเตอร์ประตูในช่วงแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ โดยยินดีจ่ายในราคาที่เหมาะสมคนที่ทำให้จักรพรรดิโรซายล์เอ่ยถึงในไดอารีได้ แถมมิสเตอร์ฟูลยังเรียกด้วยถ้อยคำที่เป็นทางการ ต้องเป็นบุคคลที่รายล้อมไปด้วยความลับ ไม่มีทางเป็นตัวตนธรรมดาแน่!ทันใดนั้น ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สพ่นลมหายใจแผ่วเบา ตระหนักว่าตนเข้าใกล้การถอน ‘คำสาป’ เข้าไปอีกขั้นอย่างน้อย ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนส่งเสียงเพรียกขณะจันทร์เต็มดวง… หญิงสาวก้มหน้าลง กล่าวกับมิสเตอร์ฟูล“ขอบคุณที่ช่วยเตือนความจำค่ะ”ไคลน์ไม่ต่อความยาว และไม่ได้บอกใบ้ว่ามิสเตอร์ประตูคือบุคคลที่ต้องสงสัยว่าจะเป็น ‘เบเทล·อับราฮัม’ ต้นตระกูลอับราฮัม เพียงมองไปรอบตัว กล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย“เชิญเริ่มได้”กล่าวจบ ชายหนุ่มควบคุมเดอะเวิร์ลเปล่งเสียงแหบพร่าทันที“ผมมีสมบัติวิเศษมาเสนอขาย… ทั้งหมดสองชิ้น”สมบัติวิเศษสองชิ้น… ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มิสเตอร์เวิร์ลมีสมบัติวิเศษมาขายในแทบทุกการชุมนุม… สมแล้วที่เป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล… ‘จัสติส’ ออเดรย์ชำเลืองไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวด้วยสีหน้าชื่นชม รอให้เดอะเวิร์ลนำสินค้าออกมาแสดงพร้อมกับแนะนำความสามารถ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ใจเต้นระรัว มั่นใจว่าสมบัติวิเศษที่เดอะเวิร์ลนำมาขายย่อมต้องไม่ธรรมดา แต่เมื่อตระหนักว่าตนแทบไม่มีเงินติดตัว และข้อมูลราคาแพงอย่างเกาะร้างโบราณก็ขายให้อีกฝ่ายไปแล้ว จึงทำได้เพียงถอนหายใจเงียบงัน ผิดหวังเหนือคำบรรยายยังเหลือเวลาอีกห้าชั่วโมงก่อนจะถึงเกาะปาซู อัลเจอร์อยากเหาะไปถึงที่นั่นใจแทบขาด รีบรายงานให้เสร็จและรีบออกจากเกาะ ตามหาสัตว์ทะเลอ็อบนิส เลื่อนลำดับเป็น ‘ผู้ขับขานสมุทร’ โดยเร็วเมื่อถึงตอนนั้น มันสามารถสำรวจเกาะร้างโบราณร่วมกับเดอะเวิร์ล กอบโกยกำไรมหาศาลเพื่อบรรเทา ‘วิกฤติทางการเงิน ที่กำลังประสบอยู่แม้ว่า ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน และ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สต่างก็อยากรู้รายละเอียดสมบัติวิเศษ แต่ก็ไม่มีใครปรารถนาจะซื้อมันหนึ่งในคนเหล่านี้สามารถเลือกสมบัติวิเศษจาก ‘หกสภาอาวุโส’ ของเมืองเงินพิสุทธิ์ได้เมื่อกลายเป็นลำดับ 4 ส่วนอีกหนึ่งคนกำลังจะได้รับรางวัลจากการแข่ง ‘ล่า’ ถึงจะยังไม่ทราบชนิดของรางวัล แต่การซื้อสมบัติวิเศษจากภายนอกอย่างส่งเดช มีโอกาสที่พลังจะซ้ำซ้อนกันและเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ เงินสดที่มีอยู่ราวสองสามพันปอนด์ต้องถูกใช้จ่ายไปกับเบาะแสของเหยื่อ และคนสุดท้าย เธอสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างแท้จริง‘เฮอร์มิท’ แคทลียามองไปทาง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยความสนใจ ครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายนำสมบัติวิเศษมาจากไหนหากราคาสมเหตุสมผลและไม่ขัดแย้งกับสิ่งที่กำลังพกพา เธอยินดีจะซื้อมันเมื่อพบว่าลูกค้ารายใหญ่ทั้งสองแสดงความสนใจไม่มากก็น้อย เดอะเวิร์ลกล่าวด้วยรอยยิ้มลุ่มลึก“ชิ้นแรกมีชื่อว่า ‘ตาชั่งโชคชะตา’ … ผมเรียกมันว่าแบบนั้น…”กล่าวจบ ชายหนุ่มหันไปขออนุญาตเดอะฟูลเพื่อเสกสร้อยเงินที่ห้อยจี้เหรียญโบราณหลังจากแนะนำประสิทธิภาพในเชิงศาสตร์เร้นลับและผลข้างเคียง ไคลน์เหลือบไปทาง ‘จัสติส’ ออเดรย์และกล่าวตักเตือน“ผมไม่แนะนำให้ผู้วิเศษที่มีพลังการต่อสู้ต่ำซื้อไป แม้มันจะช่วยให้ผู้สวมหลีกเลี่ยงจากความตาย แต่กรรมที่ต้องชดใช้ก็อันตรายไม่แพ้กัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้สวมต้องมีฝีมือระดับหนึ่ง และยังต้องรอบคอบ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รอดจากผลข้างเคียงอยู่ดี”เมื่อตระหนักว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษสายสนับสนุนมากกว่าต่อสู้ มีพลังในการควบคุมและสร้างอิทธิพลเป็นหลัก แทบไม่ต้องปะทะกับใคร ‘จัสติส’ ออเดรย์พยักหน้าด้วยความเสียดาย เห็นพ้องกับคำพูดของเดอะเวิร์ลมิสเตอร์เวิร์ลใจดีกับสมาชิกของชุมนุมทาโรต์มาก… ทั้งที่การย้ำเตือนข้อเสียอาจทำให้เขาขายของไม่ออก… ออเดรย์ปรับทัศนคติที่เธอมีเกี่ยวกับเดอะเวิร์ลเฮอร์มิทพลันเกิดความรู้สึกคุ้นเคยหลังจากได้ยินคำอธิบาย พยายามนึกให้ออกว่าตนเคยได้ยินพลังของ ‘ตาชั่งโชคชะตา’ มาจากไหนฉากแล้วฉากเล่าแล่นผ่านความทรงจำอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหยุดค้างไว้ที่ภาพหนึ่ง รูม่านตาแคทลียาพลันหดลีบ ปากโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือความตกตะลึง“เซนอล?”ฟังดูเหมือนกับสร้อยคอของ ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลมาก… นอกจากหน้าตาจะเหมือนกัน พลังและผลข้างเคียงก็ยังเหมือนกับยังกับแกะ! เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไปเอามาจากไหน? เขาก่อวีรกรรมอะไรอีก? อนาคตกาลไม่ได้เทียบท่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เราพลาดข่าวสำคัญไปหรือ? ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาสังหรณ์ใจว่า เดอะเวิร์ลได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!ไคลน์ครุ่นคิด บังคับให้เดอะเวิร์ลยิ้มอย่างมีเลศนัย“เขาตายแล้ว”ชายหนุ่มไม่แยแสว่ามิสจัสติสและคนที่เหลือจะทราบในภายหลังว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์คือ ‘เดอะเวิร์ล’ เพราะยังไงเสีย ปัจจุบันก็มีคนล่วงรู้แล้วถึงสอง และในอนาคต ตัวตนนี้จะได้เผยโฉมน้อยลงนอกจากนั้น หากมีสมาชิกชุมนุมคอยสร้างชื่อเสียงอย่างต่อเนื่อง ชาวชุมนุมทาโรต์ก็จะยิ่งรู้สึกผูกพันกับองค์กรมากขึ้น!เขาตายแล้ว… เกอร์มัน·สแปร์โรว์จัดการเซนอลไปแล้ว? ในการต่อสู้ครั้งล่าสุด เรายังทำได้แค่ช่วงชิงความได้เปรียบเหนือเซนอลเล็กน้อย… ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาพบว่า นับวันตนยิ่งมองไม่เห็นขีดจำกัดความแข็งแกร่งของเดอะเวิร์ลถึงแม้ค่าหัวของพลเรือเอกโลหิตจะสูงกว่า แต่นั่นเป็นเพราะมันก่อกรรมทำชั่วบ่อยครั้ง หากพูดถึงฝีมือและของวิเศษเพียงลำพัง แคทลียาจะเหนือกว่าเล็กน้อยไม่ใช่ว่าเธอกับเซนอลไม่เคยปะทะกัน มีคล้ายครั้งที่เธอรุกหนักจนอีกฝ่ายตกที่นั่งลำบาก เพียงแต่ไม่สามารถปิดฉากให้เป็นเรื่องเป็นราวสำหรับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ในวันที่ชายคนนี้เริ่มโดยสารอนาคตกาล เธอมองว่าอีกฝ่ายยังด้อยกว่าตัวเองพอสมควร เพราะไม่สามารถเอาชนะได้แม้กระทั่ง ‘พลเรือโทโรคภัย’ เทรซี่ ทั้งที่เป็นฝ่ายลอบสังหารแต่เมื่อนักผจญภัยเสียสติรายนี้เลื่อนลำดับสำเร็จและล่า ‘จอมเชือด’ จิลเซียส เธอเริ่มยอมรับว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งระดับเดียวพลเรือโจรสลัด อย่างน้อยก็มีฝีมือทัดเทียมตนทว่า ผ่านไปเพียงหนึ่งสัปดาห์ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ออกล่าอีกครั้ง เลือกลงมือกับ ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอล หนึ่งในสามนายพลโจรสลัดที่แข็งแกร่งที่สุด!สำหรับเรื่องนี้ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเชื่อว่าแม้แต่ตนก็ทำไม่ได้!เขาตายแล้ว? ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลตายไปแล้ว? ถูกเกอร์มัน·สแปร์โรว์สังหาร? เขาคิดจะฆ่าลำดับ 5 สัปดาห์ละคนหรือยังไงกัน… ยิ่งไปกว่านั้น เหยื่อรายล่าสุดยังแข็งแกร่งกว่ารายที่แล้วมาก… แม้จะเป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล แต่นี่ไม่ทรงพลังเกินไปหน่อยหรือ? เขายังไม่ได้เป็นครึ่งเทพด้วยซ้ำ… หรือว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากข้ารับใช้คนอื่น? ทางศาสนจักรน่าจะมีเอกสารที่เกี่ยวข้อง แต่ตำแหน่งปัจจุบันของเรายังไม่มีสิทธิ์อ่าน… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ประหลาดใจเล็กๆ อดไม่ได้ที่จะมองหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผล‘จัสติส’ ออเดรย์ยังคงอยู่ในปราสาทตระกูลในแคว้นเชสเตอร์ตะวันออก วันๆ ได้อ่านแค่หนังสือพิมพ์และนิตยสารภายในอาณาจักรไม่กี่ฉบับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในทะเล แต่ประเมินจากน้ำเสียงและคำพูดของมาดามเฮอร์มิท เธอเชื่อว่ามิสเตอร์เวิร์ลได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!เซนอล… มิสเตอร์แฮงแมนเคยเล่าให้ฟัง นี่เป็นชื่อจริงของพลเรือเอกโลหิต… มิสเตอร์เวิร์ลกำจัดนายพลโจรสลัดคนดังกล่าวและนำสมบัติวิเศษมาขาย? น่าทึ่งมาก เราเองก็ฝันจะทำแบบนั้นให้ได้เหมือนกัน! หลังจากได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเจ็ดนายพลโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ เราเคยจินตนาการภาพตัวเองกลายเป็นผู้วิเศษทรงพลัง ออกผจญภัยในทะเล จัดการพวกมันทุกคนและส่งตัวให้อาณาจักร… ตอนนี้ชุมนุมทาโรต์ของเราแข็งแกร่งขึ้นจากเมื่อก่อนมาก!ดีล่ะ… เราต้องสืบหาว่าใครเป็นคนฆ่าพลเรือเอกโลหิต ด้วยวิธีนี้ เราก็จะรู้ตัวจริงของมิสเตอร์เวิร์ล… แต่เขาจะโกรธไหม? คงไม่… เขาเป็นฝ่ายเล่าออกมาเอง หมายความว่ายินดีที่จะให้สมาชิกคนอื่นล่วงรู้ตัวตน… ‘จัสติส’ ออเดรย์ครุ่นคิดด้วยสีหน้ายินดี‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สซึ่งมักอ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับเพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับงานเขียน พลันหวนนึกถึงข่าวใหม่ที่เพิ่งได้อ่านเมื่อไม่นาน‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอล คาดว่าจะถูกสังหารโดยฝีมือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักผจญภัยเสียสติ!อย่างบอกนะว่า… มิสเตอร์เวิร์ลคือคนที่มีค่าหัว… ไม่สิ คือนักผจญภัยเสียสติที่มีค่าหัวสูงถึงห้าหมื่นปอนด์! ฟอร์สพลันสั่นกลัว เริ่มเชื่อว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งพอที่จะช่วยเธอฆ่าหนึ่งใน ‘ผู้ส่งสาร’ ของชุมนุมแสงเหนือ ‘นักท่องเที่ยว’ ลูอิส·เวย์น!‘เดอะมูน’ เอ็มลินรู้สึกแบบเดียวกับ ‘จัสติส’ ออเดรย์ เป็นเพราะมันไม่ค่อยได้อ่านหนังสือพิมพ์ และกิจวัตรประจำวันก็ไม่มีข่าวสารผ่านหู ส่วน ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคไม่แปลกใจแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มเชื่อมานานแล้วว่าเดอะเวิร์ลแข็งแกร่งมาก แม้แฮงแมนจะเคยเกริ่นว่า ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลเป็นบุคคลที่แข็งแกร่ง แต่เดอร์ริคก็ยังเชื่อว่ายังด้อยกว่าเดอะเวิร์ลแคทลียาเงียบงันหลายวินาที ก่อนจะกล่าว“คุณจะขายเท่าไร? หรืออยากแลกเปลี่ยนกับสิ่งใด… ถ้าราคาสมเหตุสมผล ฉันสนใจจะซื้อ”เยี่ยม! ในที่สุดก็มีคนสนใจ! ไคลน์ ผู้ถูกหนี้สินกดดันการใช้ชีวิตอย่างหนัก บังคับให้เดอะเวิร์ลกล่าว“หนึ่งหมื่นสองพันปอนด์ทอง”ด้วยกังวลว่าแคทลียาจะปฏิเสธ ชายหนุ่มรีบเสริมอีกหนึ่งประโยค“คุณสามารถใช้เหรียญทองจ่ายแทนได้บางส่วน และผมจะลดราคาเหลือเพียงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปอนด์”ไคลน์เชื่อว่า พลเรือเอกดวงดาวที่มักปล้นเรือขนทองคำจากอาณาจักรต่างๆ น่าจะพอมีทองคำเก็บไว้กับตัว แม้จะไม่มาก แต่ก็สามารถแลกเปลี่ยนกับโจรสลัดคนอื่นได้ โดยเหรียญทองเหล่านี้จะถูกใช้ชำระเงินหนี้สินก้อนแรกให้มิสผู้ส่งสารเป็นเพราะการดำรงอยู่ของโบสถ์วายุสลาตัน ชายหนุ่มจึงไม่คิดจะลงไปงมซากเรืออับปางใต้ก้นทะเลเพื่อหาเหรียญทอง เพราะเชื่อว่านักบวชสมองกล้ามเหล่านี้คงสำรวจซากเรืออย่างทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้วเจ้าสมุทรไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเทพสมุทรเลย… และบุคคลระดับเจ้าสมุทรก็คงมีอยู่มากมายเต็มศาสนจักร!แคทลียาเงียบงันสักพัก กล่าวเสียงแผ่ว“เหรียญทองสี่พันปอนด์ บวกกับเงินสดอีกหกพันห้าร้อยปอนด์… หากคุณยอมรับราคานี้ การเจรจาก็จะได้ข้อสรุป”สำหรับเธอ การหาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่เบื้องหลังของแคทลียายังมีนิกายมอสส์คอยสนับสนุน หากมีโอกาสซื้อ ‘ตาชั่งโชคชะตา’ ในราคาเพียงหนึ่งหมื่นปอนด์เศษ เชื่อว่าคงไม่มีใครในองค์กรคิดคัดค้านสมแล้วที่เป็นนายพลโจรสลัด… น่าเสียดายที่เราต้องคอยหลบหน้าโรงเรียนกุหลาบ ไม่อย่างนั้นคงหาโอกาสงมเรือของเซนอลเพื่อกวาดต้อนสมบัติที่หลงเหลือมาครอง… ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าว“ตกลง”…………………………………………………….
คอมเม้นต์