ราชันเร้นลับ 741 : พ่อบ้าน
เก้าโมงเช้า เขตฮิลสตัน ภายในโรงแรมหรูไคลน์หยิบไวน์ขาวที่บรรจุในขวดหรูหรา ส่งให้ชายชราฝั่งตรงข้ามด้วยรอยยิ้ม“มิสเตอร์แอสเนีย ขอบคุณมากที่สละเวลามาพบผม นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ได้โปรดรับไว้ด้วย… ผมจะตัดสินใจอย่างช้าที่สุดวันพรุ่งนี้ หากผลออกมาเป็นคุณ ผมจะแวะไปหาด้วยตัวเอง”ชายหนุ่มกำลังใช้วาทศิลป์เพื่อบอกเป็นนัยว่า คู่สนทนาพ่ายแพ้ในการคัดเลือกด้วยความสัตย์จริง ไคลน์ค่อนข้างพอใจกับ ‘สุภาพบุรุษวัยชรา’ แอสเนีย ภาพลักษณ์ของชายคนนี้ตรงตามพ่อบ้านในอุดมคติของไคลน์ ทั้งเข้มงวด วางตัวดี มีความเป็นมืออาชีพ สามารถจัดการปัญหาที่ยุ่งยากได้ทุกประเภทและแม้จะพักอยู่ไกลที่สุดจากบรรดาพ่อบ้านทั้งสาม แถมยังอายุมากกว่าใคร แต่แอสเนียกลับมาถึงก่อนเวลานัดหมายครึ่งชั่วโมงเต็ม อดทนรออย่างใจเย็น ส่วนทางรีบัคและวอลเตอร์มาถึงก่อนเวลานัดสิบห้านาทีหากไม่ใช่เพราะ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสบอกเป็นนัยว่า สองรายหลังสามารถมีอนาคตมากกว่า ไคลน์คงเลือกจ้างสุภาพบุรุษวัยชรารายนี้ไปแล้ว เพราะเหนือสิ่งอื่นใด จุดประสงค์หลักของชายหนุ่มคือการอาศัยความสัมพันธ์ที่พ่อบ้านเคยมีต่อเหล่าขุนนาง เป็นบันไดในการก้าวเข้าสู่สังคมชนชั้นสูงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้เป้าหมายที่แท้จริงไวน์ขาวขวดดังกล่าวถูกเตรียมเพื่อมอบให้คนที่ต้องผิดหวัง เป็นการชดเชยเงินค่ารถม้าไปกลับ ทุกขวดซื้อมาจากภัตตาคารอินทิสเซอเรนโซ่ในมูลค่าขวดละสองปอนด์นอกจากนั้น ไวน์เพียงขวดเดียวยังสามารถทำให้ความใจกว้างของดอน·ดันเตสแพร่สะพัดออกไป สร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่เศรษฐีลึกลับและสง่างามเหนือสิ่งอื่นใด ชายหนุ่มเชื่อว่าตนไม่ควรดูแคลนพ่อบ้านจากตระกูลขุนนางใหญ่ คนประเภทนี้มักมีประสบการณ์โชกโชนกว่าพ่อบ้านปรกติ รู้จักมักจี่กับชนชั้นสูงเป็นจำนวนมาก รวมถึงแม่บ้านและคนรับใช้มากฝีมือ มีโอกาสได้พบเจอผู้คนทุกรูปแบบ รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับเจ้านาย และนั่นเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการก้าวเข้าสู่แวดวงชนชั้นสูงปัจจุบัน แอสเนียวัยห้าสิบห้าปีมีผมสีขาวโพลน ดวงตาสีฟ้าอัดแน่นด้วยประสบการณ์นานหลายปี สุภาพบุรุษรายนี้มิได้ปฏิเสธของขวัญจากดอน·ดันเตส เพียงรับไว้และแสดงความยินดีอย่างเหมาะสม“ผมชอบไวน์ขาวจากคาร็อดมาก ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อ… น้ำใจของคุณช่างน่ายกย่อง”คาร็อด? นั่นสินะ บริกรชายเมื่อวานเคยแนะนำให้ฟังแล้ว คาร็อดคือชื่อของโรงบ่มเหล้าองุ่นในเมืองแชมเปญ อาณาจักรอินทิส โด่งดังด้านการผลิตไวน์ระดับกลางถึงสูง ไวน์บางรุ่นถือเป็นระดับยอดพีระมิด… เฮ่อ พ่อบ้านรู้จักไวน์ดีกว่าเราเสียอีก นอกจากนี้ มิสเตอร์แอสเนียยังกล่าวด้วยว่า ห้องเก็บไวน์ของขุนนางและเศรษฐีมักดูแลโดยพ่อบ้านหรือผู้ช่วยพ่อบ้านโดยตรง… หมายความว่าเราก็ต้องมีห้องเก็บไวน์ในอนาคตเช่นกัน… เกรดสองปอนด์เป็นไวน์ระดับต่ำ… ขนาดไวน์แดงเออเมียร์ปี 1330 ราคาหนึ่งร้อยยี่สิบหกปอนด์ก็ยังไม่ใช่ตัวที่ดีที่สุด… ห้องเก็บไวน์สักห้องจะต้องลงทุนเท่าไรกัน? ครุ่นคิดสักพัก ไคลน์เริ่มรู้สึกคันหน้าอก เกรงว่าเงินสดจำนวน 2,888 ปอนด์อาจอยู่ได้ไม่นานหากไม่ใช่เพราะชำนาญพลัง ‘ตัวตลก’ ป่านนี้คงหลุดเสียอาการให้คู่สนทนาเห็นแล้ว ชายหนุ่มยิ้มและกล่าว“คุณชอบก็ดี ผมจะได้เบาใจ… มิสเตอร์แอสเนีย รบกวนลงไปเรียกมิสเตอร์รีบัคจากร้านกาแฟด้านล่างให้ผมหน่อย”แอสเนียไม่คัดค้าน ผ่านไปไม่ถึงห้านาที รีบัคเคาะประตูและเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นสุภาพบุรุษรายนี้มีผมสีทองหวีเรียบ มุมปากและหางตามีริ้วรอยเล็กน้อย ผิวพรรณบ่งบอกว่าเป็นคนสุขภาพดี ร่างกายกำยำแข็งแรง มองผิวเผินก็ทราบทันทีว่าเป็นพ่อบ้านสายลุย พร้อมติดตามเจ้านายไปล่าสัตว์หรือต่อกรกับศัตรูหลังจากทักทายตามมารยาท ไคลน์ยิ้มและเชิญอีกฝ่ายนั่ง กล่าวเข้าประเด็น“ขออภัยที่ต้องเสียมารยาท แต่ผมอยากทราบว่า ทำไมคุณถึงกลายเป็นพ่อบ้านของบารอนซินดราส ทั้งที่บิดาของคุณเป็นรองพ่อบ้านตระกูลนีแกน ปู่ของคุณก็เป็นคนดูแลคฤหาสน์ บรรพบุรุษหลายคนรับใช้ดยุคนีแกนและเครือญาติจนกระทั่งกลับสู่อ้อมอกของพระองค์… คุณเองก็ควรจะมีวิถีชีวิตแบบเดียวกันไม่ใช่หรือ”เป็นเพราะอิทธิพลของจักรพรรดิโรซายล์ บางอาณาจักรบนทวีปเหนือเปลี่ยนจากการเรียกขุนนางด้วยบรรดาศักดิ์ร่วมกับดินแดนที่ปกครอง มาเป็นการเรียกบรรดาศักดิ์และชื่อสกุลแทน ปัจจุบัน ในกรณีแรกจะใช้เฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้น และแน่นอน มีขุนนางบางกลุ่มที่ชื่อสกุลมีต้นกำเนิดจากดินแดนที่ปกครองรีบัคตอบพลางยิ้มพอเป็นพิธี“บารอนซินดราสอาจเป็นขุนนางหน้าใหม่ แต่ก็เป็นสหายของดยุคนีแกนผู้ล่วงลับ ดังนั้น ผมจึงถูกส่งไปทำงานที่บ้านของท่าน ช่วยให้ท่านและครอบครัวปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตชนชั้นสูง ฝึกฝนมารยาทการเข้าสังคมอย่างเหมาะสม”ดยุคนีแกนผู้ล่วงลับหมายถึงบิดาของดยุคนีแกนคนปัจจุบัน พาลัส·นีแกนผู้ถูกลอบสังหารเมื่อปีที่แล้ว“แล้วทำไมคุณถึงออกจากบ้านบารอนในภายหลัง?” ไคลน์ถามหลังจากใคร่ครวญรีบัคตอบตามตรง“แม้ว่าบารอนซินดราสจะได้เป็นขุนนางด้วยอำนาจของพรรคอนุรักษนิยม แต่ตัวเขาก็เป็นนายธนาคาร นักลงทุน และเจ้าของกิจการที่โด่งดังคนหนึ่งของอาณาจักร เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีไฟแรง จึงเกิดความเห็นอกเห็นใจพรรคหัวก้าวหน้า แอบมอบความช่วยเหลือให้ทางนั้นบ่อยครั้ง จนขัดแย้งกับขุนนางหัวเก่าหลายคน รวมถึงตัวดยุคนีแกนคนปัจจุบัน… ดังนั้น เพื่อไม่ให้ท่านบารอนลำบากใจ ผมจึงเสนอตัวลาออกเอง… แต่ถึงอย่างนั้น ท่านก็พยายามโน้มน้าวให้ผมเปลี่ยนใจ ถือเป็นเจ้านายที่ดีมาก”ไคลน์พยักหน้ารับ ตั้งคำถาม“คุณเชื่อในเทพวายุสลาตันใช่ไหม”รีบัคไม่ปิดบัง“ใช่ครับ พระองค์ประทานความกล้าหาญ ความกระตือรือร้น และความรับผิดชอบให้มนุษย์”ไคลน์ถามเพิ่มอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับการดูแลทำความสะอาด คำตอบที่ได้รับค่อนข้างละเอียด จนกระทั่ง ชายหนุ่มยิ้มให้รีบัคและกล่าว“รบกวนลงไปที่ร้านกาแฟชั้นล่างและบอกให้มิสเตอร์วอลเตอร์ขึ้นมา… ไว้คุยกับเขาเสร็จเมื่อไร ผมจะตัดสินใจทันที รบกวนคุณช่วยนั่งรอสักสิบนาที”“ครับ” รีบัคไม่ต่อความยาว ลุกขึ้นทำความเคารพและเดินจากไป ท่าทางดูคล้ายทหารหลังจากยืนมองอีกฝ่ายปิดประตู ไคลน์นั่งลง รินชาดำ จิบพลางพึมพำถ้าเราเลือกเขาก็จะมีโอกาสสานสัมพันธ์กับดยุคนีแกนคนปัจจุบันและพรรคอนุรักษนิยม อาจได้เบาะแสของคดีลอบสังหารเมื่อปีที่แล้ว…ถัดมาไม่นาน วอลเตอร์มาถึงหน้าห้อง เคาะประตูและเดินเข้ามาไคลน์ทักทายตามมารยาทเล็กน้อย ซักถามเข้าประเด็น“คุณกับพ่อบ้านของไวเคาต์คอนราดขัดแย้งกันด้วยเรื่องอะไร? ก็อย่างที่คุณทราบ ผมจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นอาจมีปัญหากับขุนนางใหญ่ในภายหลัง”วอลเตอร์เป็นสุภาพบุรุษเจ้าของหน้าผากกว้าง ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาลขึงขัง แต่ไม่ได้ทำให้คู่สนทนาหวาดกลัว อีกฝ่ายครุ่นคิดสองสามวินาทีก่อนจะเล่า“ในฐานะผู้ช่วยพ่อบ้าน ผมได้รับมอบหมายให้ดูแลเด็กๆ ในตระกูล ระหว่างนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมได้รับคำชมเชยครั้งใหญ่จากคนใหญ่คนโต ท่านไวเคาต์จึงชื่นชอบผมด้วย เป็นเหตุให้พ่อบ้านหวาดระแวง… แต่ในภายหลัง คนใหญ่คนโตดังกล่าวจากไปอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุ ทัศนคติของท่านไวเคาต์ที่มีต่อผมจึงเปลี่ยนไป ผนวกกับการที่พ่อบ้านแสดงท่าทีไม่เป็นมิตร ผมจึงตัดสินใจอย่างหนักแน่นว่าคงถึงเวลาต้องไปแล้ว”ได้รับหน้าที่ดูแลเด็กๆ ในตระกูลไวเคาต์ แถมยังรู้จักคนใหญ่คนโต… หืม ทาลิมก็เคยเป็นครูสอนขี่ม้าให้ลูกชายคนเล็กของไวเคาต์คอนราด จนกระทั่งได้รู้จักกับองค์ชายเอ็ดซัค… องค์ชายเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนท่ามกลางโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันในกรุงเบ็คลันด์… สอดคล้องกับคำอธิบายของวอลเตอร์… คนใหญ่คนโตที่ว่าคือองค์ชายสินะ… ดูเหมือนว่า พ่อบ้านรายนี้จะเป็นเหยื่อที่โดนลูกหลงเล็กๆ จากเหตุการณ์ดังกล่าว… มีความเป็นมืออาชีพสูงมาก เก็บข้อมูลได้ดี ไม่เปิดเผยรายละเอียดของนายจ้าง ไม่เปิดเผยเรื่องขององค์ชาย ไม่พูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับพ่อบ้านของไวเคาต์… ถ้าเราเลือกชายคนนี้ อนาคตค่อนข้างน่าสนใจดีเดียว… หลังจากฟังอย่างเงียบงัน ไคลน์ครุ่นคิดบางสิ่งชายหนุ่มเปลี่ยนไปสนทนาในหัวข้อเกี่ยวกับความเป็นมืออาชีพ แสดงความปรารถนาที่จะก้าวเข้าสู่สังคมชนชั้นสูง หลังจากได้คำตอบที่น่าพึงพอใจ ไคลน์จัดระเบียบเครื่องแต่งกาย ลุกขึ้นยืนและยิ้ม“ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ผมคือดอน·ดันเตส นายจ้างของคุณ”วอลเตอร์ทำความเคารพกลับ“นายท่าน มีอะไรให้ผมรับใช้ไหมครับ”วอลเตอร์ยังคงแสดงท่าทีขึงขังแบบคนหัวเก่า มาดสุขุม คล้ายกับมีความเป็นมืออาชีพอยู่ในสายเลือด“สองเรื่อง” ไคลน์ยิ้ม “เรื่องแรก ช่วยผมนำไวน์ขาวขวดนี้ไปให้มิสเตอร์รีบัคในร้านกาแฟด้านล่าง กล่าวขอโทษและขอบคุณ… เรื่องที่สอง จ้างนักกฎหมายเพื่อร่างสัญญาอย่างเป็นทางการ สำหรับทั้งคุณและคนรับใช้ที่เหลือ”“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์ทำความเคารพอีกครั้งไคลน์ยื่นไวน์ขาวให้อีกฝ่าย ถามโดยไม่มองหน้า“วอลเตอร์ คุณคิดว่าผมควรจ้างคนรับใช้กี่คนจึงจะเหมาะสม”วอลเตอร์รับไวน์ขาวคาร็อด ตอบโดยไม่ลังเล“นายท่านควรกำหนดก่อนว่าจะพักอยู่ที่ไหน เมื่อได้ข้อสรุป เราจะเริ่มกะเกณฑ์จำนวนคนที่จำเป็น”“เข้าใจแล้ว… มีคำแนะนำบ้างไหม? ความต้องการของผมไม่ซับซ้อน เนื่องจากนับถือเทพธิดา ผมจึงอยากอาศัยอยู่ในเขตเหนือ” ไคลน์วาดจันทร์แดงกลางหน้าอกพิจารณาจากข้อมูลที่เห็นในหนังสือพิมพ์และนิตยสาร หากพักในคฤหาสน์หรูย่านใจกลางเมือง ค่าเช่าคงไม่ต่ำกว่าสามปอนด์ต่อสัปดาห์กระมัง… ซึ่งนั่นเท่ากับหนึ่งร้อยห้าสิบหกปอนด์ต่อปี… แม้จะไม่มีข้อมูลโดยตรง แต่อ้างอิงจากข้อมูลข้างต้น คฤหาสน์ในเขตชานเมืองน่าจะตกราวสัปดาห์ละสองปอนด์ ส่วนบ้านหลังใหญ่ที่มีห้องพักสองสามห้องและห้องโถงก็คงราคาไล่เลี่ยกัน นับว่าสิ้นเปลืองไม่เบา… สมแล้วที่มีเพียงชนชั้นกลางและสูงที่สามารถเช่าไหว… หืม… ด้วยข้อมูลนี้ เราสามารถกะเกณฑ์ค่าเช่าบ้านของพวกเศรษฐีได้เช่นกัน…ยิ่งคิดก็ยิ่งพบความสิ้นเปลือง สมัยยังอยู่ทิงเก็น บ้านแถวซึ่งปราศจากสวน เช่าอยู่โดยเรา เบ็นสัน และเมลิสซ่า มีราคาเพียงสิบสามซูลต่อสัปดาห์เท่านั้น บวกค่าธรรมเนียมในการใช้เครื่องเรือนไปอีกห้าเพนนี… บ้านที่เราเคยเช่าบนถนนมินส์ก็ยังมีราคาไม่ถึงหนึ่งปอนด์…เฮ่อ… สามปอนด์ก็สามปอนด์… เรายังเหลือเงินอีก 2,888 ปอนด์ จะเลือกเช่าบ้านดีๆ หน่อยคงไม่เสียหาย… ระหว่างรอคำตอบจากวอลเตอร์ ไคลน์นึกทบทวนข้อมูลเกี่ยวกับการเช่าบ้านวอลเตอร์ครุ่นคิด ตอบด้วยสีหน้าขึงขัง“นายท่าน บ้านเลขที่ 32 ถนนเบิร์คลุนนับว่าน่าสนใจ อยู่ใกล้กับวิหารนักบุญแซมมวล เป็นอาคารสามชั้น มีมากกว่าสิบห้อง มีคอกม้า เรือนคนรับใช้ และสวนขนาดใหญ่ ใกล้ๆ เป็นบ้านของบารอน สมาชิกสภา และนักกฎหมายอาวุโส… เครื่องเรือนภายในบ้านมีรสนิยม มีภาพวาดและโบราณวัตถุชื่อดังหลายชิ้น ข้าวของเครื่องใช้สามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตไปอีกขั้นหนึ่ง การเข้าอยู่ครั้งแรกต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งปี หากพึงพอใจค่อยพิจารณาการซื้อขาด”ฟังดูเข้าท่า… ไคลน์ยิ้มและถาม“ค่าเช่าปีละเท่าไร”วอลเตอร์ระบุตัวเลขอย่างชำนาญ“รวมค่าใช้งานเครื่องเรือน… 1,260 ปอนด์ครับ”ไคลน์ดีใจที่ตนไม่ได้กำลังดื่มชา ไม่อย่างนั้นคงได้พ่นออกมาหมดปากชายหนุ่มพยายามใช้พลังตัวตลกเพื่อควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้า ห้ามตัวเองไม่ให้เผยอากัปกิริยาที่ไม่น่าดู…………………………………………….
คอมเม้นต์