ราชันเร้นลับ 740 : เสนอตัว
หุ่นกระบอกจันทรา… ฟอร์สเริ่มใจเต้น หันไปมองสมาชิกของชุมนุมคนที่เพิ่งพูดสุภาพบุรุษในหน้ากากเหล็กสีดำ นำหุ่นกระบอกตัวเล็กออกมาแสดงต่อหน้าทุกคน“เพื่อนของฉันพบสุสานเล็กๆ ในส่วนลึกของหุบเขาเพิร์ธบนทวีปใต้ หุ่นกระบอกตัวนี้เสียบอยู่ที่เบ้าตาขวาของศพ”เฉกเช่นสมาชิกคนอื่น ฟอร์สเพ่งมองหุ่นกระบอกอย่างใกล้ชิด พบว่ามีลำตัวยาวและเรียว ลักษณะคล้ายเสาไม้ขนาดเล็กที่ถูกแกะสลักดวงตาและปากคล้ายจันทร์เสี้ยว ด้านในยัดด้วยหญ้าแห้งและดอกไม้ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษ… ฟอร์สรำพัน พลังวิญญาณของเธอไม่สัมผัสถึงสิ่งใด ปากกาในมือวนเวียนอยู่บนสมุดบันทึกปกสีเขียวขี้ม้าสุภาพบุรุษสวมหน้ากากเหล็กดำยังคงแนะนำต่อไป“ทั้งผมและเพื่อน ไม่มีใครยืนยันได้ว่าหุ่นตัวนี้มีประโยชน์อย่างไร แต่เชื่อว่าคงไม่ใช่วัตถุธรรมดา อาจซ่อนความลับเอาไว้มากมาย… หกสิบปอนด์ จ่ายเพียงหกสิบปอนด์ก็จะกลายเป็นของคุณทันที ราคานับว่ายุติธรรมมาก แม้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับศาสตร์เร้นลับเลย แต่ก็ยังเป็นของเก่าหายาก มีมูลค่าราวสี่สิบถึงห้าสิบปอนด์… กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกคุณมีโอกาสเสี่ยงโชคในราคาเพียงสิบปอนด์เท่านี้ ราคานี้นับว่าไม่แพง”คารมคมคาย… ชายคนนี้เป็นนักขายที่ดีได้แน่ แต่ตอนนี้เราไม่มีแม้กระทั่งเงินสิบปอนด์… ฟอร์สรำพันจิกกัดตัวเอง ขณะเดียวกันก็เชื่อว่า คงไม่มีใครยอมควักเงินซื้อ ‘หุ่นกระบอกจันทรา’ ที่ต้นกำเนิดและประโยชน์ยังเป็นปริศนาแน่ระหว่างกำลังครุ่นคิด เธอได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งพูดโดยบีบเสียง“ห้าสิบปอนด์”รวยชะมัด… อยากเสี่ยงโชคจริงหรือ? โดยไม่รู้ตัว ฟอร์สหันไปทางสมาชิกคนที่เสนอราคา มองเห็นผู้หญิงสวมเสื้อคลุมศีรษะคนหนึ่ง ใบหน้าซ่อนอยู่ในเงามืดทันใดนั้น เจ้าของ ‘หุ่นกระบอกจันทรา’ หัวเราะ“ถ้าอย่างนั้น ผมขอเก็บไว้ใช้เองดีกว่า บางที อาจโชคดีได้พบความพิเศษของมันเข้าในอนาคต”จนกระทั่งเวลาผ่านไป เมื่อมันพบว่าไม่มีใครเสนอราคาเพิ่ม โทนเสียงเริ่มแปรเปลี่ยน“แน่นอน… ในฐานะสุภาพบุรุษ ถ้าคุณกล้าเสนอ ผมก็กล้าขาย… ราคาเท่านี้ก็ยังพอรับได้”“ตกลง” หญิงสาวในชุดคลุมตอบเสียงทุ้มเพียงไม่นาน ผู้ช่วยของชุมนุมเดินมาอำนวยความสะดวกให้ทั้งสองฝ่าย การค้าขายจบลงภายในเวลาอันสั้น ขณะเดียวกัน ฟอร์สบังเอิญหันไปเห็นว่า หลังจากหญิงสาวคนดังกล่าวรับหุ่นกระบอกจันทราไป มือของเธอสั่นระริกแผ่วเบาหุ่นกระบอกตัวนี้เป็นของสำคัญสำหรับเธอ… บางที เธออาจจะล่วงรู้ความพิเศษ… หุ่นกระบอกจันทรา… ดวงจันทร์… จากทวีปใต้… ฟอร์สปะติดปะต่อข้อมูล เริ่มสงสัยว่าหล่อนอาจเป็นสาวกของดวงจันทร์บรรพกาลที่ ‘มิสเตอร์มูน’ กำลังตามล่าตัว หรือไม่ก็มีส่วนเชื่อมโยงกับองค์กรดังกล่าวแน่นอน นี่เป็นการคาดเดาเลื่อนลอย ปราศจากหลักฐาน แม้แต่เหตุและผลก็ยังไม่รัดกุมมากพอฟู่ว… ฟอร์สถอนหายใจแผ่ว คิดหาวิธีพิสูจน์ข้อสันนิษฐานหญิงสาวพลิกหน้าสมุดบันทึกปกแข็งในมือ เปิดไปยังหน้าที่เป็นกระดาษหนังสีน้ำตาลอมเหลืองกระดาษแผ่นนี้เต็มไปด้วยลวดลายและสัญลักษณ์ซับซ้อน อัดแน่นด้วยความลึกลับที่ไม่ทราบจุดประสงค์นี่คือหนึ่งในหน้ากระดาษของ ‘สมุดเวทมนตร์ของเลมาโน่’ ที่ถูกบันทึกพลังบางชนิดลงไปไม่ใช่พลังที่ฟอร์สบันทึกด้วยตัวเอง แต่เป็นหนึ่งในห้าหน้าที่มีมาแต่ต้นฟอร์สเงยหน้า แสร้งทำเป็นสังเกตการแลกเปลี่ยนของผู้อื่น ในความจริงกำลังสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวเป้าหมายเธอพบยุงลายสีน้ำตาลเข้มบนผนังไม่ห่างออกไป นอกจากนั้นยังมีหนอนแมลงไม่ทราบชนิดกำลังคลานไปบนพื้นอย่างเชื่องช้านิ้วของฟอร์สเลื่อนไปตามลวดลายสีเข้มบนกระดาษหนังอย่างเป็นธรรมชาติ สัญลักษณ์อันซับซ้อนก่อตัวขึ้นภายในห้วงความคิดทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างเงียบงันและปราศจากความผิดปรกติ หญิงสาวรู้สึกว่าตนเริ่ม ‘เข้าใจ’ ยุงลายจุดสีน้ำตาล คล้ายกับสมองกำลังเชื่อมโยงเข้ากับความคิดอีกฝ่ายยุงลายจุดสีน้ำตาลบินขึ้นในระดับต่ำมันบินวนรอบสตรีสวมเสื้อคลุมศีรษะสักพักก่อนจะเกาะลงบนตัวการมองเห็นของยุงลายสีน้ำตาลแตกต่างจากมนุษย์ ฉากอันยากจะทำความเข้าใจจึงผุดขึ้นในห้วงความคิดฟอร์สครู่หนึ่ง ก่อนจะสลายตัวอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นฉากปรกติที่มนุษย์สามารถเข้าใจฟอร์สจดจำใบหน้าอีกฝ่ายได้ทันที สตรีผู้นี้คือสาวกของ ‘ดวงจันทร์บรรพกาล’ นามวินเซอร์·เบริ่ง ที่มิสเตอร์มูนกำลังตามหา!เบาะแสที่มีประโยชน์จะได้รับค่าตอบแทนหนึ่งร้อยปอนด์ แต่ถ้าระบุตำแหน่งได้แม่นยำ จะได้รับห้าร้อยปอนด์! ฟอร์สนึกถึงรายละเอียดของรางวัล ภายในใจกำลังฮึกเหิมความคิดแรกในหัวคือการบังคับให้ยุงสีน้ำตาล กัดวินเซอร์·เบริ่งและดูดเลือด เพียงเท่านี้ก็จะล็อกเป้าตำแหน่งอีกฝ่ายได้ด้วยพลังพยากรณ์ของ ‘โหราจารย์’อย่างไรก็ตาม หลังจากไตร่ตรองสักพัก ฟอร์สล้มเลิกแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากนี่เป็นพฤติกรรมต้องห้ามสำหรับชุมนุมผู้วิเศษ หากถูกตรวจพบ สมาชิกทุกคนของชุมนุมจะรุมโจมตีอย่างไม่ไว้หน้านอกจากนั้น เจ้าของชุมนุมส่วนมากมักแข็งแกร่ง หากล้ำเส้นเพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายอาจตรวจพบความผิดปรกติได้ง่าย!นั่นสินะ… ตอนนี้เราคงต้องแจ้งเบาะแสราคาหนึ่งร้อยปอนด์ไปก่อน หากในภายหลังมีโอกาสอีก ค่อยพิจารณาการล็อกตำแหน่ง… เราต้องรีบออกจากการชุมนุมก่อนกำหนด จากนั้นก็ป้ายเลือดลงบนปก ‘สมุดเวทมนตร์ของเลมาโน่’ เพื่อไม่ให้ตัวเองหลงทาง ไม่อย่างนั้นอาจเผชิญอันตราย… ฟอร์สระงับความเสียดาย ตัดสินใจแน่วแน่และอันที่จริง พฤติกรรมปัจจุบันของเธอก็นับว่าค่อนข้างล้ำเส้นแล้ว ไม่ควรอยู่ต่อนานนัก!…เขตฮิลสตัน ในโรงแรมหรูไคลน์กำลังยืนข้างมุขหน้าต่าง ชื่นชมดวงจันทร์สีแดงเข้มบนท้องฟ้าท่ามกลางกลุ่มเมฆาบางเบาผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ชายหนุ่มสางจอนหงอกตรงขมับ เหยียดแขนออกไปปิดผ้าม่านจากชั้น ไคลน์วุ่นวายอยู่กับการย้ายเครื่องรับโทรเลขกลับสู่โลกความจริง และใช้เวลาสักพักในการ ‘ตาก’ กลิ่นอายลึกลับให้แห้งคราวนี้รอเพียงสิบนาที ห้องทั้งห้องพลันหม่นหมองกะทันหัน เครื่องรับโทรเลขเริ่มส่งเสียงระรัวไคลน์ขยับเข้าไปใกล้ เห็นกระดาษมายาสีขาวถูกคายออก ด้านบนเขียนด้วยข้อความภาษาโลเอ็น“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ มองไปทางขวามือ!”ขวา… ไคลน์หันศีรษะอย่างขบขันเจือความสงสัย มองไปด้านข้างชายหนุ่มพบกระจกเงาเต็มบาน สูงเท่าตัวตน ผิวกระจกกลายเป็นสีดำเข้ม คล้ายกับมีใครเอาหมึกมาทาขณะความคิดหนึ่งแล่นผ่าน กระจกเงาบานใหญ่สว่างวาบกะทันหัน ด้านในมีดอกไม้ไฟมายาพุ่งขึ้นไปในอากาศทีละนัด ระเบิดบานสะพรั่งอย่างงดงามและอลังการขณะเดียวกัน ข้อความภาษาโลเอ็นสีทองแถวหนึ่งปรากฏขึ้นกึ่งกลางกระจกเงาเต็มบาน“ยินดีต้อนรับกลับ! นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ของข้า!”ทันใดนั้น แม้ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสจะมิได้ส่งเสียง แต่ไคลน์กลับรู้สึกเหมือนตนได้ยินอีกฝ่ายกำลังตะโกนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดอกไม้ไฟสงบลง ตัวอักษรสีทอดเริ่มบิดเบี้ยว จัดระเบียบใหม่ กลายเป็นประโยคที่สมบูรณ์“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ อาโรเดส ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่านอยากจะถามว่า ข้าควรรับใช้ท่านอย่างไรดี”ไคลน์ชาชินกับสิ่งนี้แล้ว กล่าวอย่างชำนาญ“ตอบคำถามของเรา”อักษรทองคำถูกจัดระเบียบใหม่อีกครั้ง“ขอบคุณสำหรับคำตอบ นายท่านสามารถถามได้ทุกเมื่อ”ไคลน์ถามในสิ่งที่เตรียมไว้แล้ว“วิญญาณมารในซากอาคารใต้ถนนวิลเลียมส์… มันหนีไปที่ไหน?”บนผิวกระจกเงาเต็มบาน อักษรทองคำแน่นิ่งนานหลายวินาที ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปทีละนิด ฉากหลังที่เคยเป็นดอกไม้ไฟเริ่มพร่ามัวและเปลี่ยนเป็นภาพอื่นที่คมชัดฉากดังกล่าวคือวิหารเล็กๆ ที่ถูกทิ้งร้าง เต็มไปด้วยเถาวัลย์เหี่ยวเฉา ก้อนหินสีเทา และกองอุจจาระของนกกับสัตว์ไคลน์ค่อนข้างคุ้นฉากตรงหน้า ที่นี่คือหอสวดมนต์ร้างที่ตนกับชารอนเคยสนทนากับวิญญาณมารฉากซูมเข้า ไคลน์เห็นหลุมขนาดเล็กตรงมุมหอสวดมนต์ ลักษณะหลุมมีร่องรอยการขุดด้วยนิ้วมือมิสเมจิกเชี่ยนเคยเล่าให้ฟังแล้ว… ขณะสมองไคลน์กำลังประมวลผล น้ำเสียงแสนเย็นชาที่เก็บซ่อนความดีใจดังขึ้นจากผิวกระจก“ยินดีที่ได้ร่วมมือกับเจ้า!”ฉากค้างอยู่ที่ภาพหลุมดินสักพัก ก่อนจะพร่ามัวและบิดเบี้ยว ผิวกระจกมีคลื่นน้ำกระเพื่อม ภาพในกระจกเริ่มแตกกระจัดกระจายยินดีที่ได้ร่วมมือ… วิญญาณมารพูดถึงใคร ทำไมมันถึงยินดี?สามารถทำให้เทวทูตเส้นทาง ‘นักล่า’ พูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ได้ อีกฝ่ายต้องแข็งแกร่งมาก อาจเป็นถึงระดับเทวทูต… แต่ทำไมถึงใช้มือขุดหลุม? น่าจะมีวิธีที่ง่ายและใช้เวลาน้อยกว่านี้ไม่ใช่หรือ…หรือว่าคนที่มาช่วยมันปลดผนึก จะมิอาจเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ? เหมือนกับ… ชายชราที่อยู่ในร่างเลียวนาร์ด? เดี๋ยวก่อน… ตอนนั้นเลียวนาร์ดก็อยู่ในเบ็คลันด์เหมือนกัน! เบาะแสแรกมาแล้ว… แต่ยังไม่ควรด่วนสรุป ยังมีความเป็นไปได้ในทิศทางอื่นอีกมาก เช่น ตัวตนที่มีระดับเทียบเท่าเทวทูต แต่ไม่ใช่เทวทูต…วิญญาณมารบงการให้บาโรเน็ตพาวน์แอบติดต่อกับใครบางคน? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง สายลับของอินทิสและฟุซัคก็เป็นเพียงม่านควันที่วิญญาณมารสร้างขึ้นเพื่ออำพรางตัวขณะหลบหนี สมแล้วที่เป็น ‘นักวางแผน’ … หลังจากความคิดมากมายแล่นผ่าน ไคลน์หันไปหาอาโรเดส“คำถามที่สอง ตอนนี้เรามีพ่อบ้านให้เลือกสามคน เจ้าคิดว่าใครเหมาะสม”อักษรโลเอ็นสีทองปรากฏขึ้นทีละคำ“หากนายท่านเลือกรีบัคและวอลเตอร์ พวกเขาสามารถพัฒนาขึ้นได้… แอสเนียอาจมีความเป็นมืออาชีพมากที่สุด แต่เขาก็ ‘ธรรมดา’ ที่สุดเช่นกัน”หืม… คนที่เคยทำงานในตระกูลดยุคนีแกนและไวเคาต์คอนราดล้วนสามารถพัฒนาขึ้นได้… ไคลน์พยักหน้าครุ่นคิด“ถามมา”ทันใดนั้น อักษรสีทองจำนวนมากพลันพรั่งพรู“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ คิดอย่างไรบ้างหากข้าคนนี้จะเป็นพ่อบ้านให้นายท่าน? ตราบใดที่ท่านสามารถพาข้าออกจากโบสถ์จักรกลไอน้ำ ข้าสัญญาว่าจะเป็นพ่อบ้านที่ดีที่สุดในโลก!”ไคลน์ลังเลสักพัก ตอบอย่างมีชั้นเชิง“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”ถ้อยคำสีทองบนกระจกเต็มบานพลันหม่นหมอง ก่อนจะกลับมากระตือรือร้นอีกครั้งและเรียบเรียงคำใหม่“รับทราบ… อาโรเดส ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนคนนี้จะอดทนรอ”จากนั้น ลวดลายอันซับซ้อนปรากฏขึ้นบนกระจกเต็มบาน พร้อมด้วยข้อความอธิบาย“นี่คืออักขระที่ประกอบจากภาพและสัญลักษณ์ทางเวทมนตร์… นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ตราบใดที่ท่านยังอยู่ในเบ็คลันด์ การเขียนสิ่งนี้ลงบนกระดาษจะมีค่าเท่ากับอัญเชิญข้า”เป็นการผสมผสานระหว่างสัญลักษณ์ของความลับและการส่องความลับ… ไคลน์วิเคราะห์เบื้องต้น“ทำได้ดี”………………………………………………….
คอมเม้นต์